ตอนที่ 1284 ออกจากซางเซียง
ยกระดับวิญญาณห้าครั้ง แถวที่ห้า เทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดสิบเก้า ตอนที่ซูหมิงสัมผัสอีกฝ่ายก็หลอมรวมเข้าไปทันที พลังเขาวนเวียนไปทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเป็น มาก่อน
แผ่นดินสั่นสะเทือน หมอกหมุนตลบ รอบตัวซูหมิงมีวิหารใหญ่สีทองลงมาห้าหลังแล้ว และยังมีวิหารสยบวิญญาณที่แม้จะวนอยู่รอบๆ แต่กลับมัวหมองลงไม่มีแสงใดๆ
เมื่อซูหมิงหลอมรวมเข้าไป หลังผ่านไปหลายชั่วยาม ตอนที่เทพบรรพชนแถวที่ห้าตรงหน้าซูหมิงหายไป ร่างซูหมิงปะทุแรงกดดันสะเทือนฟ้าดิน ระดับความแกร่งของแรงกดดันนี้ทำให้เทพบรรพชนทั้งหมดที่ต่ำกว่าแถวที่ห้าเหมือนก้มหน้าลง พร้อมกัน
ทำให้วิหารใหญ่สีทองบนฟ้ามัวหมองลงทั้งหมด ทำให้วิหารสยบเทพผลุบๆ โผล่ๆ คล้ายว่ายากจะรับแรงกดดันมหาศาลจากซูหมิงไหว
ซูหมิงไม่เคยแกร่งแบบนี้มาก่อน เขาในตอนนี้ดูเหมือนยกระดับวิญญาณห้าครั้ง แต่ความจริงแล้วหกครั้ง! กระทั่งตอนที่เขากลับไปสามรกร้าง ไปวิหารเหล่าเทพ อีกครั้ง เขาจะยกระดับวิญญาณไปทั้งหมด…สิบครั้ง!
นั่นเหนือกว่าชายชราวิญญาณสวรรค์แล้ว ถึงขั้นที่ซูหมิงในตอนนั้น หากเขารวมดวงจิตกับขั้นพลัง เขาจะบรรลุถึง…ระดับเดียวกับชายชราวิญญาณสวรรค์ กระทั่งในบางด้าน ซูหมิง…เหนือกว่าอีกฝ่าย
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขาหลับตาอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ทำการยกระดับวิญญาณต่อ เพราะเขาในตอนนี้ถึงจุดอิ่มตัวอีกครั้งแล้ว เขารู้ว่าการยกระดับวิญญาณครั้งที่หกไม่มีทางสำเร็จแน่ ตอนนี้คือขีดจำกัดแล้ว
หากอยากจะสำเร็จอีกครั้ง เขาต้องกลับไปสามรกร้าง ไปเปลี่ยนโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกให้กลายเป็นดวงจิตของตน ดังนั้นแล้ว ซูหมิงที่รวมดวงจิตของ สี่โลกแท้จริงถึงจะมีความมั่นใจในการยกระดับวิญญาณครั้งที่หกไปจนถึงครั้งที่เจ็ด
หลังผ่านไปพักใหญ่ ซูหมิงลืมตาขึ้น ในแววตามีความปราดเปรียว ตอนนี้ร่างกายเขาเก็บกลิ่นอายพลังทุกอย่างกลับมา ทำให้ตัวเขาดูเหมือนคนธรรมดา แต่เขายืนอยู่ที่นี่กลับมีความรู้สึกว่าทั้งโลกเสริมตัวเขาให้เด่นขึ้นมา
แท้จริงแล้วไม่ใช่แค่ที่นี่ ซูหมิงในตอนนี้พูดได้ว่าไม่ว่าอยู่ที่ใดล้วนมีความรู้สึกว่าทำให้โลกนั้นโค้งคารวะอยู่ตรงหน้า
เพราะว่าระดับชีวิตเขาเหนือกว่าโลกแท้จริงแล้ว บรรลุถึงระดับเป็นรองเพียง ดวงจิตสามรกร้างกับซางเซียง บางที…ในแต่ละสมัยในใต้หล้านี้ อาจเคยปรากฏผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าซูหมิงไม่น้อย ทว่า…นอกจากดวงจิตสามรกร้างแล้ว ตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงระดับชีวิตอย่างซูหมิง ในจุดนี้เขาเดินมาเกือบถึงจุดสูงสุดแล้ว
ตอนนี้ยากจะหาศัตรูพบ เว้นแต่จะเป็นตัวประหลาดที่ซ่อนตัวหยั่งลึกใน ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณที่บางทีอาจสู้กับซูหมิงได้ นอกจากคนไม่กี่คนที่มีอยู่จำกัดนี้แล้ว ก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่จะตื่นขึ้นก่อนทุกภัยพิบัติร้อยปีที่ ซูหมิงให้ความสำคัญ
ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็อยู่มานานมาก การสั่งสมพลังของพวกเขาบรรลุถึงระดับ น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง นั่นคือการคงอยู่ที่ไม่สูญสิ้นไปในมหันตภัย และมีเพียงพวกเขาที่มีคุณสมบัติ
เพราะซูหมิงก็สมบูรณ์แบบและไม่ถูกทำลายในมหันตภัยเหมือนกับพวกเขา ทว่าซูหมิงไม่อยากอยู่เพียงชั่วคราว ไม่อยากให้ทุกคนข้างกายถูกทำลายไปแล้วตนกอดศพเงยหน้าคำรามเสียงเล็กอย่างในภาพความลับสวรรค์ เขาต้องการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่าง
ขณะเงียบอยู่นี้ ซูหมิงโบกมือไป แสงทองบนฟ้าพลันหายไป วิหารเหล่าเทพสลายไป ฟ้าดินกลับมาปกติ เขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนหายไปในฟ้าดิน มาปรากฏอีกทีอยู่ในโลกแท้จริงพรรคเซียน
“ถึงเวลาออกจากที่นี่กลับไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว” ซูหมิงเงยหน้ามองไปทางน้ำวนมรณะหยิน ขณะพึมพำกับตัวเองก็พุ่งทะยานไปถึงในพริบตา
ซูหมิงมองน้ำวนมรณะหยินที่หมุนวนไม่หยุด ร่างเงาเขากลายเป็นสายรุ้งยาว สายหนึ่งหายเข้าไปข้างใน
กลางน้ำวน ความเร็วของเขาเหนือกว่าก่อนหน้านี้มากๆ พูดได้ว่าก่อนจะเข้า มหาโลกซางเซียง แม้พลังเขาจะแกร่งมาก แต่กลับมีขีดจำกัด ทว่าเขาในตอนนี้เหนือกว่าอดีตไม่รู้กี่เท่าไร ไม่ว่าจะเป็นดวงจิตหรือพลังล้วนมีความต่างราวฟ้าดิน
หากซูหมิงตอนก่อนหน้านี้เจอกับขั้นไม่อาจกล่าวก็คงฝืนสู้ได้ แต่ตอนนี้…สำหรับเขาแล้ว ขั้นไม่อาจกล่าวก็ไม่เท่าไร
เว้นแต่จะเป็นขั้นไม่อาจกล่าวที่บรรลุถึงระดับลึกซึ้งยิ่ง ก็ยังทำให้ซูหมิงค่อนข้างจริงจังได้ มิเช่นนั้นหากเป็นขั้นไม่อาจกล่าวธรรมดา แม้ซูหมิงจะไม่เคยลองมาก่อน แต่เขาก็อยากลองมากว่าการสังหารขั้นไม่อาจกล่าวหนึ่งคนต้องใช้กี่ลมหายใจ
ร่างเงาซูหมิงทะลวงผ่านไปกลางน้ำวน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีแรงดูด ไม่ว่าจะเป็น แรงกดดันจากข้างบนหรือข้างล่าง ทุกอย่างอ่อนแอยิ่งต่อหน้าเขา ไม่ต้องให้ร่างสัมผัส ใช้เพียงการแผ่ดวงจิตก็ทำลายทั้งหมดได้ในฉับพลัน
เพียงไม่กี่ลมหายใจ ซูหมิงเข้าไปใกล้พื้นที่ที่เขาต่อต้านกับภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณในตอนแรก ช่วงที่ผ่านที่นี่ซูหมิงหยุดชะงัก เขามองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ เริ่มมีสีหน้ามัวหมองทีละน้อย
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายมรณะจางๆ ที่เหลืออยู่ที่นี่ กลิ่นอายมรณะนี้ไม่ใช่ของ โลกน้ำวน แต่เป็นของ…ชายชราวิญญาณสวรรค์ที่ซูหมิงคุ้นเคย
‘เขาล้มเหลวแล้ว…’ ซูหมิงถอนหายใจเบา ความจริงหลังจากที่รู้ความจริงของสามรกร้าง เขาก็เข้าใจแล้วว่าชายชราวิญญาณสวรรค์ไม่มีทางแก้แค้นสามรกร้างสำเร็จ
ขณะซูหมิงส่ายหน้ากำลังจะจากไปนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี เขายกมือขวาคว้าไปทางขวาของน้ำวน ผืนฟ้าที่มากกว่าสามพันโลกน้ำวนพลันมืดครึ้มลง ถูกกุมอยู่ใน มือเขา ด้านบนทะเลโลกน้ำวนแห่งหนึ่ง ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นฝ่ามือซูหมิงคว้าไปยังมหาสมุทร
มหาสมุทรนั้นระเบิดออกในทันใด เผยเป็นโลหิตหนึ่งหยดในนั้น เมื่อถูกซูหมิงคว้าไว้ในมือแล้ว ชั่วขณะที่กำลังจะเก็บไปนั้น ในโลกนี้มีสายฟ้าสีแดงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปใกล้ฝ่ามือซูหมิง
นี่คือภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณ ตอนที่สายฟ้าสีแดงเข้ามาใกล้ ซูหมิงยกมือขวาดีดใส่สายฟ้าเบาๆ เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น สายฟ้านั้นระเบิดออก
มือขวาซูหมิงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ตอนที่ดึงมือออกจากสามพันโลก โลหิตในมือเขาไม่เสียหายแม้แต่น้อย เขารู้สึกได้ถึงรอยตราชีวิตชายชราวิญญาณสวรรค์ในโลหิตนี้
มีโลหิตนี้อยู่ก็ยังไม่ถือว่าชายชราวิญญาณสวรรค์ตายไปอย่างแท้จริง หากหลอมรวมกับตัวเขาอีกคนในมหาโลกซางเซียง บางทีเขาอาจมีโอกาสฟื้นคืนชีพ
ซูหมิงกำหมัดเก็บโลหิตเอาไว้อย่างดี จากนั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นข้างบนน้ำวนมรณะหยิน ห้อเหยียดไป ห่างจากทางออกใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ห่างจากมหาโลก สามรกร้างและโลกแท้จริงดาราสัจธรรมใกล้ขึ้นเรื่อยๆ