Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1318

ตอนที่ 1318 ความมั่นใจของชางซานหนู

บนดาวแท้จริงที่ซูหมิงอยู่มีคนชุดคลุมดำแบบนี้อยู่คนหนึ่ง หลังพูดทุกอย่างจบก็เดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง เงยหน้ามองฟ้า ทันทีที่มองไปแวบแรก ตรงระหว่างคิ้วเขามีโลหิตสีแดงฉานเพิ่มมาหยดหนึ่ง

โลหิตนี้เหมือนประทับอยู่ตรงหน้าผาก เปล่งแสงสีแดง ขณะเดียวกันยังทำให้เขามองไกลได้ไม่มีสิ้นสุดจนไปเห็นซูหมิงยืนอยู่บนยอดเขา

และก็เห็นชางซานหนูที่ตอนนี้มีสีหน้าหวาดกลัว

“แค่ขั้นไม่อาจกล่าวเล็กจ้อยคนหนึ่งยังใจกล้าถึงขั้นล่วงเกินคนนี้เลยรึ…หึ บรรพบุรุษสนใจเขาขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ยังเตรียมการไว้หมดตั้งนานแล้ว จะไป ตกใจกลัวขั้นไม่อาจกล่าวตัวเล็กๆ แบบนี้ได้อย่างไร

หากมิใช่เพราะมีโลหิตประจำตัวที่บรรพบุรุษมอบให้ พวกข้าคงไม่กล้าเผยร่องรอยต่อหน้าเขา แต่ว่าตอนนี้หรือ…ต่อให้เขาเหนือกว่าดวงจิตสามรกร้างก็อย่าคิดว่าจะเห็นร่องรอยของพวกข้า” คนชุดคลุมดำกล่าวขึ้นเรียบๆ พร้อมสะบัดแขนเสื้อ ร่างกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งบินขึ้นฟ้าหายวับไป

ทันทีที่คนชุดคลุมดำหายไป ชางซานหนูมองซูหมิงด้วยสีหน้าตกใจกลัว หน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่กลับกัดฟันมีสีหน้าไม่ยอม นัยน์ตาจุดประกายบ้าคลั่ง เหมือนว่าเขายังมีที่พึ่งบางอย่างที่ทำให้มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสังหารซูหมิงได้อยู่ ความมั่นใจในการต่อสู้จึงเปี่ยมล้นอีกครั้ง

“ข้าชางซานหนู ขอท้าประลองเจ้า!”

“เจ้าเป็นคนโง่รึ?” กระเรียนขนร่วงนอนหมอบขี้เกียจอยู่ข้างกายซูหมิง มันเหลือบตามองชางซานหนูที่กำลังตะโกนเสียงดัง

‘แปลก เหตุใดขั้นไม่อาจกล่าวในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณถึงมีคนประหลาดแบบนี้อยู่? ถูกซูหมิงตะคอกใส่ถอยไปเจ็ดพันจั้งยังกล้าท้าประลองอีก…’ กระเรียนขนร่วงมอง ชางซานหนูอย่างตั้งใจจนตัดสินใจได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนโง่

‘ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณน่าสนใจมาก สามจักรพรรดิรุ่งอรุณ มีเหยียนเผย มีคนโง่ ไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นแบบใด…’ กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าลำพองใจ มันรู้สึกว่าใน ด้านสติปัญญานี้ ท่านกระเรียนค่อนข้างเหนือกว่า

“ข้าสังหารผู้ตื่นขึ้นจากยุคก่อนมาสามคนแล้ว เจ้าคือคนที่สี่ที่ข้าจะสังหาร สังหารเจ้าแล้ว ข้าจะเปลี่ยนนามเป็น ชางซื่อหนู!” ชางซานหนูตะโกนเสียงดังพร้อมกับยกสองมือขึ้นโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นรอบตัวเขาเกิดเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นอบอวลไปรอบๆ หลังปกคลุมโดยรอบในพริบตาแล้ว เขาถึงยกมือขวากดลงข้างล่าง

“วิญญาณโลหิต!” สิ้นเสียง มีเสียงคำรามดังก้องในโลกสีแดงทันที รวมเป็นห้าร่างเงากลางกลิ่นอายโลหิต ห้าร่างเงานี้บิดเบี้ยวทั้งตัว เต็มไปด้วยเลือด พอปรากฏกายแล้วก็มองซูหมิง จากนั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวห้าสายพุ่งไปหาซูหมิง

ตอนที่เข้ามาใกล้ ซูหมิงขมวดคิ้ว ยามนี้เองกลิ่นอายมารปะทุขึ้น เขาพลันยก มือขวาคว้าอากาศไปข้างหน้า เพียงคว้าไป วิญญาณโลหิตห้าดวงที่เข้ามาต่างตัวสั่นก่อนระเบิดกระจุยเป็นไข่มุกโลหิตเหลือคณานับพุ่งไปที่มือขวาซูหมิง รวมกันอยู่ข้างหน้ามือขวาจนกลายป็นไข่มุกโลหิตหนึ่งเม็ด

ซูหมิงบีบมันอย่างแรง ไข่มุกแตกออกทันที แม้แต่มวลอากาศโดยรอบยังเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยว ทำให้โลกสีโลหิตโดยรอบพังลงปานประจก

ชางซานหนูหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ร่างซวนเซถอยไปและยังกระอักเลือด แต่กลับ ไม่ยอมแพ้ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจแรงกล้า ความมั่นใจนี้อยู่กับเขามาตลอด ทำให้เขารู้สึกว่าการปะทะกันครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรตนก็ต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน!

เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิต โลหิตพลันกลายเป็นมังกรโลหิตตัวหนึ่งเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าพร้อมกับสูบเข้ามา หลังจากสูบโลกสีโลหิตจากโดยรอบที่กำลังพังลงเข้ามาพร้อมกันแล้ว ร่างกายมันขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดพันจั้ง จากนั้นถึงทะยานเข้าไปหาซูหมิง

“ในเมื่อรนหาที่ตาย ข้าจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่” ซูหมิงมีสีหน้าทะมึนทึบ เอ่ยรายเรียบพร้อมเดินหน้าหนึ่งก้าว เขาไม่หลบมังกรโลหิตที่เข้ามาใกล้ แต่ปล่อยให้มันอ้าปากกว้างเขมือบเข้ามา ชั่วพริบตาที่สองฝ่ายปะทะกัน ซูหมิงไม่ได้ลงมือ แต่มังกรโลหิตนั้นกลับร้องโหยหวนเสียงแหลม กินซูหมิงเหมือนกับกินผืนฟ้า ซึ่งนี่เหนือกว่าขอบเขตที่มันกินได้

แม้แต่การชนกันยังเหมือนชนกับปราการที่มันไม่อาจสั่นคลอน แรงสะท้อนกลับทำให้ขณะที่มังกรโลหิตร้องคำรามโหยหวนนั้น ร่างมันยังแหลกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตาด้วย

ซูหมิงไม่หยุดเดิน แต่เดินมาปรากฏตัวอยู่ข้างชางซานหนู ยกมือขวาขึ้นโบกไปข้างหน้า ดวงจิตลงมาเยือนในการโบกครั้งนี้ทันที

“ทาสลำดับหนึ่ง!” ชางซานหนูหน้าเปลี่ยนสี ขณะถอยไปอย่างว่องไวยังอ้าปากพ่นไข่มุกออกมาหนึ่งเม็ด ไข่มุกออกมาแล้วพลันแตกออกดังปัง กลายเป็นหมอกเขียวเข้มกลุ่มหนึ่ง จังหวะที่หมอกนี้ปะทะกับดวงจิตซูหมิง ก็เกิดเสียงครึกโครมดังก้องขึ้น พร้อมกันนั้นมีแขนแห้งเหี่ยวข้างหนึ่งยื่นมาจากในหมอกเขียวเข้ม

กลิ่นอายพลังที่ไม่ใช่ของยุคนี้แผ่มาจากแขนข้างนั้น ตอนที่แขนข้างนั้นกำลังจะปะทะกับดวงจิตซูหมิง แขนข้างนั้นหมายจะคว้ามือขวาซูหมิงไว้ ซูหมิงแค่นเสียงหึ เย็นชา ปล่อยให้แขนข้างนั้นคว้ามือขวาตนไว้ก่อนจะพลิกมือพร้อมกับผลักไปข้างหน้าเพียงผลักไปฟ้าดินเกิดเสียงครึกโครม พายุคลั่งถาโถม หมอกเขียวนั้นหายไปในฉับพลัน เผยเป็นศพแห้งขนาดเท่าเด็กอายุแปดเก้าขวบภายใน ดวงตาศพแห้งเป็นประกายสีแดง ไม่มีสติปัญญา มือคว้ามือขวาซูหมิงอยู่ ช่วงที่มันพุ่งกระโจนเข้ามา ใกล้นั้น ซูหมิงสะบัดมือขวา แรงมหาศาลพลันปะทุมาจากในร่างกายแล้วพุ่งเข้าไปในร่างศพแห้งนั้น เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น ศพแห้งระเบิดออกตรงหน้าเขา

“เหนือกว่าขั้นไม่อาจกล่าวทั่วไปไม่น้อยจริงๆ และก็มีคุณสมบัติสังหารผู้ตื่น แห่งยุคก่อนบางส่วนจริงๆ แต่ว่า…เจ้าไม่ควรล่วงเกินข้า” ซูหมิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ เพียงแค่ศพแห้งนี้ ชางซานหนูก็มีกลอุบายไว้สร้างอำนาจคุกคามให้กับขั้นไม่อาจกล่าวบางคนได้จริงๆ

“ข้าอยากรู้มากว่าเจ้าใช้วิธีใดสังหารผู้ตื่นแห่งยุคก่อน แล้วเหตุใด…เจ้าถึงมีความมั่นใจมาล่วงเกินข้าเช่นนี้” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาไม่สนใจการปรากฏตัวของชายชราคนนี้ แต่การปรากฏตัวของศพแห้งนี้ กลิ่นอายพลังในตัวอีกฝ่ายทำให้เขาคาดการณ์ได้ทันทีว่านี่คือผู้ตื่นขึ้นแห่งยุคก่อน ซูหมิงเคยพบคนแบบนี้มาแล้ว แต่ไม่อาจสังหารได้ ทำได้เพียงผนึก

แต่ตอนนี้จะเห็นได้ชัดว่าในตัวศพแห้งมีกลิ่นอายมรณะ และยังถูกลบสติปัญญาไปอย่างชัดเจน ถูกหลอมเป็นศพแห้ง

“เดี๋ยวเจ้าสัมผัสเองก็จะรู้!” ชางซานหนูมีสีหน้าคลุ้มคลั่ง หลังซูหมิงทำลายศพแห้งลำดับหนึ่งไปแล้ว เขาถอยหลังไปหลายก้าวแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมพ่นไข่มุกออกมาอีก หนึ่งเม็ด ไข่มุกนี้พลันกลายเป็นหมอกดำ ต่อมา ชางซานหนูยังพ่นไข่มุกเม็ดที่สามต่อ

ไข่มุกสองเม็ดแทบจะปรากฏขึ้นพร้อมกัน เมื่อกลายเป็นหมอกดำกับขาวแล้ว ภายในปรากฏเป็นศพแห้งสองร่าง เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กลิ่นอายพลังที่ไม่ใช่ของ ยุคนี้เผยออกมาอย่างเด่นชัดอีกครั้ง

เมื่อศพแห้งสองร่างนั้นโผล่มารวมถึงชางซานหนูมีสีหน้ามั่นใจอย่างน่าประหลาด ซูหมิงไม่คิดว่าชายชราคนนี้เป็นคนเขลาหรือเป็นคนบ้าที่กระหายสงคราม กลับกัน ซูหมิงคิดว่าชายชราคนนี้จะต้องมีกลอุบายบางอย่างที่ทำให้เขามั่นใจเช่นนี้แน่ กลอุบายที่ว่า…น่าจะร้ายกาจอย่างยิ่ง

ความรู้สึกนี้เด่นชัดมาก แม้ซูหมิงจะไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เลยจากตัวชายชราคนนี้ ก็ตาม แต่ความรู้สึกนี้กลับชัดขึ้นเรื่อยๆ ในใจระหว่างที่สองฝ่ายประมือกันหลายครั้ง

คนที่ฝึกถึงขั้นไม่อาจกล่าวไม่มีทางเป็นคนเขลา อีกฝ่ายกล้าปรากฏตัว ถูกตนคำรามใส่แล้วยังกล้าลงมืออีก จุดนี้…ทำให้ซูหมิงสนใจ

พอเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดของผู้ตื่นแห่งยุคก่อนในอดีตสองคนซึ่งตอนนี้ถูกลบ ดวงจิตและชีวิตไปแล้ว ซูหมิงกำอากาศด้วยมือขวา ทันใดนั้นกระบี่ตัดดวงจิต โผล่ขึ้นมาในมือ จากนั้นฟันลง แสงสีม่วงสองสายพลันสว่างวาววับ

แสงม่วงตัดผ่านไป หุ่นเชิดสองตัวร่างสั่นสะท้านก่อนแหลกสลายไปตรงหน้าซูหมิง ตอนที่เป็นเถ้าธุลีหายไป กระบี่ตัดดวงจิตในมือเขาพุ่งตรงไปยังระหว่างคิ้วชางซานหนู

เขาจะบีบให้ชายชราคนนี้ใช้กลอุบายที่ทำให้ตัวเองมั่นใจ อยากรู้ว่าอีกฝ่ายเอาอะไรมามั่นใจเช่นนี้ และใช้อะไรในการสังหารผู้แข็งแกร่งแห่งยุคก่อนสามคนที่ หลอมรวมกับตัวเองอีกคน

กระบี่ตัดดวงจิตเข้าไปใกล้ชางซานหนูในฉับพลัน ชางซานหนูหน้าเปลี่ยนสี อย่างรวดเร็ว ขณะถอยไปยังมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม ในเมื่อกลอุบายทุกอย่างไม่เป็นผลกับอีกฝ่าย แม้แต่สามทาสอาวุธสังหารยังรับการโจมตีครั้งเดียวจากอีกฝ่ายไม่ไหว เช่นนั้น…ก็มีแต่ต้องใช้กลอุบายสุดท้ายแล้ว

เขามั่นใจว่าขอเพียงนำสิ่งนี้ออกมา อีกฝ่ายจะต้องเหมือนกับผู้ตื่นแห่งยุคก่อนสามคนนั้นในอดีตอย่างแน่นอน จะต้องสะเทือนจนสิ้นใจไป แล้วตนจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ได้ชัยไปในที่สุด

เขาเชื่อมั่นในจุดนี้ เพราะระดับความแกร่งของสิ่งนั้นไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง!

และที่เขาไม่ได้นำออกมาในทันที แต่ใช้ในตอนสุดท้ายก็เพราะว่าเขาชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบการกระตุ้นแบบนี้ และยังชอบที่ให้อีกฝ่ายกุมความได้เปรียบไปอย่างสมบูรณ์แล้วตนถึงลงมือพลิกสถานการณ์อย่างทุกอย่าง ให้ตอนแรกอีกฝ่ายมั่นใจ แต่ต่อมาต้องสิ้นหวัง

เขาชอบสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่าย ดังนั้น แม้สามทาสจะถูกทำลายเขาก็มิได้ปวดใจ เพราะเขารู้ว่า เขากำลังจะได้หุ่นเชิดมาอีกหนึ่งร่างซึ่งแกร่งกว่าสามทาสพวกนั้นไม่รู้ กี่เท่า!

พริบตาที่กระบี่ตัดดวงจิตเข้ามาใกล้ ชางซานหนูพลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดังขึ้นฟ้าด้วยสีหน้ามั่นใจและคลุ้มคลั่ง จากนั้นยกมือขวาตบระหว่างคิ้วอย่างแรง ทันใดนั้นเองอาภรณ์ตรงหน้าอกแหลกสลายไปเผยเป็นหน้าอก ซูหมิงมองแวบเดียวก็เห็นว่าตรงหน้าอกชายชรา…มีเยื่อบางขนาดเท่าฝ่ามืออยู่แผ่นหนึ่ง!

เยื่อบางนั้นเหมือนติดอยู่ที่ตัวเขา ตอนนี้เผยออกมาทำให้ซูหมิงพลันรู้สึกถึงอันตราย ขณะเดียวกันเป็นจังหวะเดียวกับที่กระบี่ตัดดวงจิตเข้ามาใกล้ เยื่อบางนั้นแผ่กลิ่นอายพลังโบราณออกมา ตอนนี้เองกระบี่ตัดดวงจิตสั่นไหว ไม่อาจเดินหน้าต่อไป

ทุกอย่างโดยรอบหยุดนิ่ง ซูหมิงจ้องเยื่อบางนั้นตาเขม็ง ในความคิดเกิดเสียง โครมดังสนั่น

“กลิ่นอายพลังนี้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version