Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1319

ตอนที่ 1319 เศษชิ้นส่วน

‘กลิ่นอายพลังของซางเซียง!’ ซูหมิงคาดการณ์ได้ทันทีว่าเยื่อบางที่ติดหน้าอก ชางซานหนูมีกลิ่นอายพลังของซางเซียง กระทั่งความข้นของกลิ่นอายพลังนี้ยังมากกว่าดวงจิตซางเซียงที่ซูหมิงสัมผัสก่อนหน้านี้อีก!

‘นี่มัน…’ ตอนที่ซูหมิงหรี่ตาลง ชางซานหนูหัวเราะเสียงดังก้อง เขายกมือขวาขึ้นดึงเยื่อบางตรงหน้าอกออกมาโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นเยื่อบางหลอมรวมเข้าไปในมวลอากาศ พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้ากระบี่ตัดดวงจิตที่กำลังสั่นไหว ขณะเดียวกับที่ลากผ่านไปเบาๆ กระบี่ตัดดวงจิตพลันแตกออกเป็นชั้นๆ…

อาวุธของเผ่ายมโลกใหญ่แตกละเอียด!

เหมือนกับว่าทุกอย่างไม่อาจหยุดนิ่งตรงหน้าเยื่อบางนั้นได้เลย ตอนที่ทุกอย่าง จะปะทะกับเยื่อบางนั้นจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ มวลอากาศแตกออก ฟ้ากระจ่างดาว สั่นไหว ความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงปกคลุมจิตใจซูหมิง

หากเป็นก่อนที่จะเจอกับชายหนุ่มชุดคลุมดำคนนั้น นี่คือพลังที่แกร่งที่สุดที่ซูหมิงเคยสัมผัสมา ทว่าหลังเจอกับชายหนุ่มชุดคลุมดำมาแล้ว แม้เยื่อบางนี้จะทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นตาย แต่ไม่ได้ตกตะลึง

ทว่าตอนที่มองเยื่อบางนั้นซูหมิงก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดชางซานหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้ เหตุใดถึงกล้าล่วงเกินตน คำตอบทุกอย่างเป็นเพราะสิ่งนี้!

เยื่อบางนั้นเข้ามาใกล้ในพริบตา นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาไม่ถอย แต่ระหว่างที่ยกมือขวาขึ้น ดวงจิตโลกดาราสัจธรรม พรรคเซียน ดาราโบราณและจักรพรรดิยมโลกหลอมรวมที่ตัวเขา พลังในทุกด้านปะทุขึ้น ดวงจิตแผ่ขยายออกอย่างไร้ขีดจำกัด กลายเป็นสองนิ้วมือขวาพุ่งไปหาเยื่อบางนั้น มิใช่การกด แต่เป็นการคีบ!

ซูหมิงไม่ได้คิดจะแค่ต่อต้านสิ่งนี้ แต่…จะชิงมันมาไว้ใช้เอง!

ชางซานหนูมีสีหน้าเย้ยเยาะ มีคนสิ้นชีพด้วยสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไม่น้อย และก็มี บางคนเก็บอภินิหารมากมายเอาไว้แต่หมายจะครองสิ่งนี้แทน แต่ทุกคนที่สัมผัส กับสิ่งนี้ ไม่ร่างแหลกสลาย ก็ถูกลบทุกอย่างแม้แต่วิญญาณ

ตามความคิดเขา ด้วยพลังของซูหมิงไม่น่าจะกลายเป็นเถ้าธุลีหายไป แต่จะกลายเป็นเปลือกว่างเปล่า ซึ่งเหมาะกับการหลอมเป็นหุ่นเชิดของตน

เขายิ้มเยาะกว้างมากขึ้น มองเยื่อบางนั้นกับสองนิ้วมือซูหมิงปะทะกันในพริบตา เห็นสองนิ้วซูหมิงคีบเยื่อบางนั้น

“ตาย ตายซะ!” ชางซานหนูหัวเราะเสียงดังด้วยความหยิ่งผยอง ก่อนขยับไหวตัวพุ่งเข้าไปหาซูหมิง นิสัยเขาก็เป็นเช่นนี้ ไม่ยอมลงมือใช้วิธีนี้สังหารศัตรู แต่จะเล่น ด้วยก่อน ทำให้คนคิดว่าก่อนหน้านี้กำลังหยอกเล่นกับตน แต่สุดท้ายกลับพบว่าที่แท้คนที่ถูกหยอกเล่นไม่ใช่ชางซานหนูเลย

กระทั่งเขาคิดไว้แล้วว่าจะหลอมซูหมิงเป็นหุ่นเชิดอย่างไร ตอนที่วิธีนี้ลอยขึ้นมาในความคิดมากมาย เขาก้าวเดินออกไปแล้ว แต่เมื่อเหยียบเท้าลง รอยยิ้มกลับ แข็งค้างโดยพลัน มีสีหน้าตกใจกลัวอย่างแท้จริง

เขาเห็นว่าซูหมิงกำลังตัวสั่น แต่…กลับไม่มีเค้ารางจะถูกทำลายรวมถึงสติปัญญาถูกลบเลย ในทางตรงข้ามกลับมีความรู้สึกว่ากำลังต่อต้านกับเยื่อบางนั้น

“นะ…นี่…” นี่เป็นครั้งแรกที่ชางซานหนูตะลึงค้างจริงๆ เขายังเห็นอีกว่านอกจากซูหมิงจะตัวสั่นแล้ว เยื่อบางนั้นก็กำลังสั่นไหวด้วย

ซูหมิงมองเยื่อบางในมือตาไม่กะพริบ ตอนที่สัมผัสกัน ดวงจิตเขาเดือดพล่าน ในฉับพลัน ความรุนแรงของการเดือดพล่านนี้เหมือนกับว่าในใจเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่ ไร้ที่สิ้นสุด กำลังถาโถมจิตสัมผัสของเขา

ดวงจิตเขากำลังต่อต้านกับเยื่อบางอย่างรวดเร็ว ภายใต้การปะทะกัน ดวงตาเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ชั่วขณะที่เขามีสีหน้าคลุ้มคลั่ง ข้างหลังปรากฏเงามายาผีเสื้อตัวหนึ่ง!

ไม่ว่าจะเป็นซางเซียงหรือดวงจิตสามรกร้าง ดวงจิตพวกเขาล้วนมีรูปลักษณ์ผีเสื้อ แต่ซูหมิงเป็นดวงจิตใหญ่ลำดับสาม แน่นอนว่าเมื่อบรรลุถึงจุดสูงสุดและเผยออกมาแล้วย่อมเป็นเงามายาผีเสื้อ

ตอนที่เงามายาผีเสื้อปรากฏ เยื่อบางนั้นสั่นไหวแรงยิ่งกว่าเดิม ดวงตาซูหมิง เป็นประกายวาววับ พลันยกมือขวาขึ้นกระชากลง ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังสนั่น เขาซวนเซถอยไปพันจั้ง กระอักเลือดมาแปดคำ ใบหน้าซีดขาว แต่กลับมีสีหน้าดีใจยิ่ง ก่อนยกมือขึ้นช้าๆ มองเยื่อบางที่ถูกคีบอยู่ระหว่างสองนิ้ว!

ชางซานหนูที่อยู่ไม่ไกลนักหน้าซีดเผือด เหตุการณ์นี้โค่นล้มความรู้ความเข้าใจ ส่งผลให้เขาตัวสั่นงันงก ในใจ…เกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับคนที่เยื่อบางไม่อาจสังหารได้ ขณะเดียวกันก็เป็น ครั้งแรกที่นอกจากตัวเองแล้วจะมีคนที่กำราบมันได้ และที่เขากำราบเยื่อบางนี้ได้ ก็เพราะว่าชนเผ่าเขาบูชาสิ่งนี้มาทุกสมัยตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ เลยได้ความสามารถใน การควบคุมเสี้ยวหนึ่งมา

แต่ก็ทำได้เพียงดูดมันติดกับหน้าอกและสะบัดออกไปสังหารคนอื่นเท่านั้น เขาไม่รู้วิธีอื่น และก็ใช้ไม่ได้

เห็นซูหมิงกำลังมองเยื่อบางนั้น ชางซานหนูตัวสั่นด้วยความกลัว เขาพลันหมุนตัวกลับอย่างไม่ลังเลก่อนใช้พลังที่แกร่งที่สุดหนีไปด้วยความเร็วสูงสุดราวกับคนบ้า

เขากลัวแล้ว ไม่เคยกลัวแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงกำราบ เยื่อบางนั้นได้ แต่ในความคิดยังคงลอยขึ้นมาเป็นภาพเยื่อบางนั้นสั่นไหว

การสั่นไหวนี้มองไปแวบแรกจะเห็นว่าเป็นการสั่นไหวจากการต่อต้าน แต่ยามนี้เขานึกย้อนไปก็เห็นได้ชัดว่านั่น…คือความตื่นเต้นต่างหาก!

นึกถึงตรงนี้ ชางซานหนูกระอักเลือดออกมาด้วยความคับอกคับใจ เขาอึดอัดใจ อึดอัดมาก ตนมาด้วยความมั่นใจแรงกล้า แต่ผลสุดท้ายกลับต้องวิ่งหนีอย่าง ไร้เรี่ยวแรง ต้องมอบสมบัติล้ำค่าให้ไป…

ซูหมิงไม่ได้สนใจชางซานหนูที่หนีไป ตอนนี้เขาใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเยื่อบาง ในมือ ลูบเยื่อบางนั้น ความดีใจในแววตาถูกซ่อนทีละน้อย แล้วแทนที่ด้วยประกายประหลาดใจ

‘นี่คือ…เศษชิ้นส่วนของปีกซางเซียง!

ดูจากลักษณะและกลิ่นอายพลังแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่มีต้นกำเนิดเดียวกับดวงจิตซางเซียง เว้นแต่มันจะเป็นของซางเซียงอีกตัว มิเช่นนั้นแล้ว มันก็มาจากซางเซียงตัวที่ข้าอยู่ตอนนี้

แต่ว่า…ซางเซียงตัวที่ข้าอยู่ไม่มีจุดที่เสียหายใดๆ เลย เช่นนั้นเศษชิ้นนี้มาจากที่ใด…’ ดวงตาซูหมิงลุ่มลึกลงไปก่อนพลันเป็นสมาธิ

‘ซางเซียงมีสี่ปีก หนึ่งซางเซียง อีกหนึ่งสามรกร้าง อีกหนึ่งเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน เช่นนั้น…ยังมีโลกของปีกที่สี่อีก หรือว่า…เศษนี้จะมาจากที่นั่น?

หากมาจากที่นั่นจริงๆ…ชางซานหนูคนนี้ได้มันมาอย่างไร!’ ดวงตาซูหมิง ขยับประกายวาววับ ตอนที่เงยหน้าขึ้นก็ไร้ร่องรอยของชางซานหนูแล้ว จึงแค่นเสียงหึขึ้นจมูก เก็บสมบัติล้ำค่าเศษปีกซางเซียงแล้วเดินเข้าไปในมวลอากาศ ไล่ตามร่องรอย ชางซานหนูไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version