Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1327

ตอนที่ 1327 เลียนแบบเส้นทางมรณะหยิน

การเคลื่อนย้ายครั้งนี้เหมือนยาวนานยิ่ง เหมือนผ่านไปนานมาก นานจนไม่รู้ ผ่านไปกี่ปี ทำให้จิตใจเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าจากในสู่นอกอย่างฉุดไม่อยู่ แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนผ่านไปเร็วมาก ทำให้รู้สึกราวกับแค่ตรงหน้ามืดมิด ตอนที่โลกในดวงตาสองข้างชัดเจนอีกครั้ง ทุกอย่างผ่านไปแล้ว

ยามนี้ความรู้สึกขัดแย้งลอยขึ้นมาในใจซูหมิง บอกไม่ถูก ไม่ชัดเจน แต่เขามีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ทั้งยืดยาวและเหมือนพริบตาเดียว ทำให้เกิดความรู้สึกสับสน ก็เหมือนกับผู้ฝึกฌานทั่วไปที่กำลังนั่งฌานหรือคนธรรมดาหลับใหล ในความรู้สึก ตัวเองเป็นเพียงพริบตา แต่ความจริงแล้วเป็นหนึ่งคืนหรือนานกว่านั้น

เมื่อโลกตรงหน้าซูหมิงชัดเจนขึ้น ในดวงตาเขาเป็นประกายวาว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าไม่ใช่โลกซางเซียงที่สี่ที่เขาคาดเดา แต่เป็นความเลือนรางกึ่งโปร่งใส

ความเลือนรางกึ่งโปร่งใสนี้เหมือนกับโลกถูกปกคลุมด้วยผ้าบางหนึ่งชั้น ทำให้ ทุกอย่างที่นี่ขมุกขมัว ในเวลาเดียวกันเขายังรู้สึกขยับตัวไม่ได้เล็กน้อย ระหว่างที่ดวงตาสองข้างขยับประกาย เขามองความกึ่งโปร่งใสขมุกขมัวแห่งนี้อย่างละเอียด เห็นว่านอกความขมุกขมัวมีเส้นทางยักษ์สายหนึ่ง มันดูเหมือนไม่มีสุดปลาย ยืดยาว ลงไปข้างล่างไม่มีสิ้นสุด รอบๆ เส้นทางเหมือนกับมีเลือดเนื้อ ดูเหมือนกับเยื่อบาง แต่คล้ายว่ามีชีวิต ราวกับว่านี่คือ…เส้นทางที่มีชีวิต!

และจุดที่ซูหมิงอยู่คือด้านบนในเส้นทางนี้ อยู่ในรังไหมบางขนาดสามจั้งกว่า!

นี่คือรังไหมที่แข็งตัวติดกับผนังเส้นทาง เหมือนเพิ่งก่อตัวได้ไม่นาน ดังนั้นจึงเป็นลักษณะกึ่งโปร่งใส มองจากข้างนอกจะเห็นซูหมิงภายในอย่างชัดเจน ซูหมิงข้างในมองไปข้างนอกจะเห็นเป็นขมุกขมัวอย่างก่อนหน้า

ตอนที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ซูหมิงเห็นว่าบนผนังเนื้ออีกข้างหนึ่งของเส้นทางซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก จื่อรั่วถูกผนึกอยู่ในรังไหมค่อนข้างใหญ่ นางในตอนนี้หลับตา หมดสติอยู่

‘วงแหวนอาคมนั้นส่งมาที่นี่’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นชา แม้การเคลื่อนย้ายของวงแหวนอาคมนี้จะประหลาด แม้ที่นี่จะน่าตกใจ แต่สำหรับเขาแล้ว ด้วยพลังของเขาจึงไม่มีที่ที่ไปไม่ได้หรือที่ที่ไม่มีทางไปได้

ถึงรังไหมนี้จะผนึกร่างซูหมิงอยู่บนผนังเนื้อของเส้นทาง แต่เมื่อนัยน์ตาเขาขยับประกายเย็นชา ร่างกายก็สั่นไหวเบาๆ พลันเกิดเสียงกึกๆ รอบตัว จากนั้นรังไหมรอบตัวเขาเกิดรอยร้าวขึ้นหลายสาย แตกออกทีละชุ่น จนแตกเป็นเสี่ยงๆ

ซูหมิงเดินออกมาจากรังไหมแตก มายืนอยู่กลางเส้นทาง มองไปรอบๆ อย่างเย็นชา เพียงมองแวบเดียวเขาก็แผ่ขยายจิตสัมผัสออก ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีทีละน้อย

ก่อนหน้านี้อยู่ในรังไหมนั้น โดยรอบดูเลือนราง ตอนนี้ซูหมิงเดินออกมาจาก รังไหมและมองไปรอบๆ อีกครั้งก็เห็นชัดเจนยิ่ง เห็นว่าในเส้นทางเหมือนผนังเนื้อนี้…มีรังไหมยักษ์หลายพันรัง!

รังไหมเหล่านี้มีเล็กก็สิบกว่าจั้ง อย่างใหญ่ก็หลายร้อยจั้ง ล้อมรอบอยู่บนเส้นทางผนังเนื้อ มองไปแวบหนึ่งเหมือนกับตุ่มหนอง ให้ความรู้สึกน่ากลัวจนตัวสั่น

ในทุกรังไหมจะมีร่างเงาหนึ่ง แต่เมื่อซูหมิงมองไปประหนึ่งมองทะลุไปทีละรัง ร่างเงาในทุกรังนั้นเป็นศพแห้ง แก่นสำคัญเลือดเนื้อทั่วร่างถูกผนังเนื้อของเส้นทางนั้นสูบจนหมด เหมือนว่าที่เส้นทางนี้เติบโตได้ก็เพราะสูบแก่นสำคัญของคนที่เคยมีชีวิตเหล่านี้

อีกทั้ง…ซูหมิงมักจะเกิดความรู้สึกประหลาดกับศพในรังไหมเหล่านี้ เขายังบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนี้มีรายละเอียดอย่างไร มันเหมือนกับมีกระดาษบางขวางอยู่หนึ่งชั้น แต่หากไม่ทำลายมันก็จะไม่มีทางรู้เลยว่ามีโลกอยู่ข้างหลังกระดาษ

ดวงตาซูหมิงเป็นประกายเย็นเยียบ เขายกมือขวาคว้าอากาศไปทางรังไหมของ จื่อรั่ว ฉับพลันนั้นเกิดเสียงกึกๆ ดังก้อง มือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่งปรากฏขึ้นและคว้า รังไหมนั้นเอาไว้ก่อนกระชากออกมาจากในผนังเนื้อเส้นทางนี้

เพียงบีบเบาๆ ก็เกิดเสียงกึกดังขึ้น รังไหมพลันแตกออกเป็นเถ้าธุลีหายไป เผยเป็นจื่อรั่วที่ยังคงหลับตาหมดสติ ใบหน้าซีดขาวดูอ่อนแอ เหมือนว่าตอนอยู่ใน รังไหมถูกสูบแก่นสำคัญทั้งตัวไปเล็กน้อย

ซูหมิงยกมือขวากดตรงระหว่างคิ้วจื่อรั่ว นางพลันตัวสั่น ตอนที่ดวงตางามลืมตาขึ้นยังคงสับสน แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ นางมองไปรอบๆ สีหน้าเริ่มปั้นยากทีละน้อย เห็นได้ชัดว่ารู้สาเหตุที่ร่างกายตนอ่อนแอ

“ที่นี่คือ…” จื่อรั่วลังเลชั่วครู่ นางกวาดสายตามองรังไหมแต่ละอัน ความรู้สึกว่าที่นี่ประหลาดยิ่งลอยขึ้นมาในใจ

“ไปดูเดี๋ยวก็รู้” ซูหมิงมองไปรอบๆ ความรู้สึกประหลาดเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เขาเอ่ยขึ้นพร้อมขยับไหวตัวพุ่งลงไปตามเส้นทาง จื่อรั่วรีบตามหลังมาติดๆ ทันทีที่สองคนหน้าหลังห้อเหยียดลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วนั้น ซูหมิงใจสั่น!

ภาพนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เขานึกถึงน้ำวนมรณะหยิน!

ภายในน้ำวนมรณะหยิน เขาก็พุ่งทะยานลงไปข้างล่างไม่หยุดเหมือนกับตอนนี้ จนกระทั่งไปถึงสุดทางแล้วถึงออกจากสามรกร้างไปซางเซียง!

และยามนี้ เส้นทางนี้ทำให้ซูหมิงเกิดความคิดแบบนี้ขึ้น พอเกิดความคิดนี้แล้วก็ไม่อาจหยุดให้มันขยายไปในจิตใจอย่างต่อเนื่องได้ เหมือนว่ามันจะรวมกับความรู้สึกประหลาดที่มีอยู่ในใจก่อนหน้านี้ด้วย เลยทำให้ขณะเขาเดินหน้าไปพลันหยุดชะงัก ไม่ลงไปอีก แต่หน้าเปลี่ยนสีอย่างเร็วไว ก่อนวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทุกอย่าง

‘แม้น้ำวนมรณะหยินจะเป็นน้ำวน แต่ความจริงแล้วก็เป็นเส้นทางเหมือนกัน เพียงแต่ว่าโครงสร้างมันคือน้ำวนก็เท่านั้น แต่โครงสร้างที่นี่เหมือนเส้นทางเลือดเนื้อ

รอบๆ ในน้ำวนมรณะหยินมีแต่ละโลก แต่บนผนังเนื้อนี้มีรังไหมเนื้องอก…’ ขณะซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิดเขาพลันขยับวูบไหวไปปรากฏอยู่ข้างรังไหมบาง แห่งหนึ่ง ยกมือขวาขึ้นทะลวงผ่านรังไหมเข้าไปสัมผัสระหว่างคิ้วศพแห้งในนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตอนที่ซูหมิงดึงนิ้วมือขวากลับมาช้าๆ ตรงปลายนิ้วเขามีกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนลอยขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าจากในกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนนั้น เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังที่คุ้นเคย!

นั่นคือ…

กลิ่นอายมรณะหยิน!

กลิ่นอายจากแดนมรณะหยิน ถึงจะยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ที่ยุ่งเหยิงก็เพราะศพ แห่งนี้มาจากเผ่าพันธุ์ที่ซูหมิงแปลกตา ทว่าความจริงไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์แปลกตาใด พวกเขาล้วนมีจุดเหมือนกันนั่นคือ กลิ่นอายมรณะหยิน!

ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ในแต่ละโลกในแดนน้ำวนมรณะหยิน พวกเขาล้วนมีกลิ่นอายมรณะหยิน! เผ่าหมานในตอนนั้นก็ดี เผ่าอื่นก็ดี ล้วนเป็นเช่นนี้

ซูหมิงมองนิ้วมือที่ไม่ได้กระจายกลิ่นอายพลังพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนขยับไหวตัวมาปรากฏอยู่ที่รังไหมมหึมาอีกแห่ง เขายังคงใช้มือขวาทะลวงเข้าไป ใช้นิ้วมือกดระหว่างคิ้วของศพที่ไม่รู้ว่าตายอยู่ที่นี่มากี่ปีและถูกสูบแก่นสำคัญเลือดเนื้อไปจนหมด

ตอนที่ดึงมือกลับ กลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนกระจายออก กลิ่นอายมรณะหยินจางๆ เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการ ซูหมิงหน้ามืดทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ภายในดวงตาที่หรี่ลงเผยจิตสังหารและความเย็นชา

จื่อรั่วข้างๆ เห็นภาพนี้กับตา ถึงไม่รู้ว่ากลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนนั้นเกี่ยวกับซูหมิง อย่างไร แต่ด้วยความฉลาดของนางจึงมองแวบเดียวก็เห็นถึงจิตสังหารที่ซ่อนอยู่ใน สีหน้าซูหมิง นางไม่เคยเห็นเขามีจิตสังหารรุนแรงเท่านี้มาก่อนในระหว่างทาง

เหมือนว่าเขาในยามนี้ หากมีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจ จะต้องเจอกับโทสะ แห่งฟ้าผ่าที่ไม่อาจจินตนาการ

“กลิ่นอายมรณะหยิน!” ซูหมิงพึมพำก่อนขยับไหวตัวต่อเนื่องกันเจ็ดครั้ง ทุกครั้งจะไปอยู่ข้างรังไหม ยื่นนิ้วมือเข้าไปแล้วก็ดึงออกมา จากการทดสอบหลายครั้งก็ได้พบว่าทุกครั้งจะมีกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายมรณะหยิน เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาได้เข้าใจแจ่มชัดว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงรู้สึกแปลกกับที่นี่

รังไหมบนผนังเนื้อทั้งเส้นทางเลือดเนื้อนี้…ข้างในนั้นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตจาก น้ำวนมรณะหยิน คล้ายกับว่า…มีเพียงสิ่งมีชีวิตจากแดนน้ำวนมรณะหยินเท่านั้นถึง จะถูกเส้นทางเลือดเนื้อนี้สูบกินได้ เหมือนว่าเส้นทางนี้ไม่อาจสูบกินผู้ฝึกฌานคนอื่น มีเพียง…ผู้ฝึกฌานจากน้ำวนมรณะหยินเท่านั้น!

มองไป ที่ซูหมิงวิเคราะห์ว่าที่นี่มีรังไหมหลายพันคงจะเป็นการดูถูกเส้นทางแห่งนี้แล้ว ที่นี่มีหลายพันที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าที่นี่…เหมือนจะมีมากกว่าแสนรัง!

มองไปสุดลูกหูลูกตาล้วนเป็นรังไหม ภายในเป็นผู้ฝึกฌานจากน้ำวนมรณะหยิน ชีวิตพวกเขา เลือดเนื้อและทุกอย่างกลายเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของเส้นทางเลือดเนื้อ!

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายสีแดง สีแดงนี้หมายถึงการเข่นฆ่าและโกรธ เขาในตอนนี้หากยังไม่เข้าใจการใช้งานเส้นทางนี้อีก เช่นนั้นคงใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่ามาหลายปี

เห็นได้ชัดว่านี่คือ เส้นทางมรณะหยินที่ถูกคนจงใจเลียบแบบมาจากน้ำวนมรณะหยิน!

การใช้งานเส้นทางนี้มีเพียงอย่างเดียวนั่นคือเลียนแบบความสามารถของ น้ำวนมรณะหยินที่เชื่อมซางเซียงกับมหาโลกสามรกร้าง ใช้เส้นทางนี้เป็นศูนย์กลางข้ามผ่านระหว่างฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับ…โลกที่สี่!

นอกจากประโยชน์ตรงนี้แล้วซูหมิงก็นึกอย่างอื่นไม่ออก แต่เขามั่นใจมากว่าคนที่สร้างเส้นทางนี้ขึ้นในตอนนี้ทำเพื่อเป้าหมายนี้

เพราะผู้ฝึกฌานจากน้ำวนมรณะหยิน เพราะความพิเศษของโลกที่พวกเขาอยู่ ดังนั้นจึงต้องสร้างเส้นทางแบบนี้ และก็ต้องการเลือดเนื้อและวิญญาณของผู้ฝึกฌานน้ำวนมรณะหยิน อีกทั้งต้องการไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะสร้างสำเร็จ

และคนที่มีคุณสมบัติชำนาญการเช่นนี้ นอกจาก…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงแล้ว ซูหมิงนึกถึงอีกคนหนึ่ง!

ขณะเดียวกัน หลังจากเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ตอนที่มองศพแห้งกับรังไหมอีกครั้ง เขาตัวสั่น เขาไม่อยาก…ไม่อยากพบว่าในศพเหล่านี้มีอาจารย์เทียนเสียจื่อ ไม่อยากพบเทพหมานรุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version