Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1360

Svtasr

ตอนที่ 1360 ข้ามประตูบานนั้น

“ต้าฮวาดี”

“เสี่ยวฮวาดีต่างหาก!”

“ต้าฮวางดงาม!”

“เสี่ยวฮวางดงามกว่า เจ้าไม่เคยได้ยินเสียงร้องของเสี่ยวฮวา ขนนั้น รูปร่างนั้น…สวยงาม!”

“เสี่ยวฮวาเป็นสุนัขที่ได้รับการยอมรับ…” สุนัขใหญ่มังกรยมโลกมองกระเรียนขนร่วงอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง ก่อนอดใจพูดประโยคนี้ออกมามิได้

กระเรียนขนร่วงเงียบ มันมีสีหน้าห่อเหี่ยวทีละน้อย ผ่านไปพักใหญ่ถึงถอนหายใจ มีท่าทีราวกับโชคชะตาเล่นตลก ธรรมชาติรังแกคนอย่างชัดเจน

มันส่ายหัวก่อนเดินไปยังริมฝั่ง แต่ก้าวได้ครึ่งก้าว ชั่วพริบตาที่จะก้าวเท้าลง มันหยุดชะงักครู่หนึ่ง

มันไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตอนที่จะลงจากเรือลำนี้ถึงเกิดความเจ็บปวดในใจ ราวกับขอแค่เดินก้าวนี้ มันจะเสียคนกับเรื่องราวที่มันไม่อยากเสียไป

ขณะเงียบอยู่นี้ สุนัขใหญ่มังกรยมโลกมองมาด้วยแววตาประหลาดใจ กระเรียนขนร่วงหมุนตัวกลับมาเหม่อมองซูหมิง มันเห็นใบหน้าแก่ชราใต้งอบเงยหน้าขึ้น และยังมีรอยยิ้มอบอุ่นจากใบหน้านั้น

รอยยิ้มนั้นราวกับมองผ่านกาลเวลาและอากาศได้ ทำให้กระเรียนขนร่วงเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้เรียกว่าอย่างไร ส่งผลให้ตอนนี้เหมือนกับมีสายฟ้าแล่นผ่านความคิด ทำให้มัน…นึกถึงอะไรบางอย่าง

มันก้มหน้าลงมองแม่น้ำลืมเดินทาง มันเห็นจากในแม่น้ำว่ามีกระเรียนขนร่วงตัวหนึ่งแปลงกายเป็นเทพกระเรียนในชนเผ่าหนึ่ง จากนั้นก็พบกับชายหนุ่มนามซูหมิง

มันเห็นว่ากระเรียนขนร่วงตัวนั้นกลายเป็นนกยูงเจ็ดสีบนฟ้า เห็นภาพมันกับ ชายหนุ่มอยู่ที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตด้วยกัน อยู่มหาโลกสามรกร้างด้วยกัน อยู่ในโลกเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนด้วยกัน…

สุดท้ายภาพมาหยุดที่ตอนนี้ ตนที่กำลังเดินครึ่งก้าวออกไปนอกเรือ

“พี่ใหญ่เป็นอะไร มาเถอะ พวกเราคุยกันแล้วมิใช่รึว่าจะยิ่งใหญ่กันที่นี่ กินของอร่อยดื่มของเผ็ดร้อนด้วยกัน” สุนัขใหญ่มังกรยมโลกเหมือนสังเกตเห็นจึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน

กระเรียนขนร่วงเงียบราวกับไม่ได้ยินเสียงสุนัขใหญ่มังกรยมโลก มันเงยหน้าขึ้นจากแม่น้ำลืมเดินทางมามองซูหมิงอีกครั้ง สบตากับซูหมิง

“ไปเถอะ เดินก้าวนั้นไป เจ้าจะมีความสุขกว่าที่นี่ในโลกฝากนั้น” ซูหมิงพูดเสียงเบา

กระเรียนขนร่วงยังคงเงียบ

สุนัขใหญ่มังกรยมโลกร้อนใจยิ่งกว่าเดิม มันไม่เคยเห็นกระเรียนขนร่วงมีสีหน้าแบบนี้มาก่อน นั่นคืออาลัยอาวรณ์ ความลังเล เหมือนจะมีความแน่วแน่

คลับคล้ายว่าความจริงใจนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับกระเรียนขนร่วงมาก่อน แต่ตอนนี้…สุนัขใหญ่มังกรยมโลกเห็นกับตา

มันกลัว กังวลว่ากระเรียนขนร่วงจะไม่มา ขณะร้อนรนยังพุ่งไปที่เรือ แต่ระหว่างฝั่งกับเรือเหมือนมีปราการที่มองไม่เห็น ตอนที่สุนัขใหญ่มังกรยมโลกพุ่งเข้ามา ปราการนั้นขวางมันเอาไว้

“ในความทรงจำข้า มีหลายคนที่ดีกับข้ามาก แต่ไม่เคยมีใครเหมือนกับเจ้ามาก่อน เจ้าทำให้ข้ารู้จักคำว่ามิตรภาพ…”

“ในความทรงจำข้า เจ้าไม่ใช่เจ้านาย แต่คือสหายข้า”

“ในความทรงจำข้า ได้ติดตามข้างกายเจ้า ทำให้ข้าไม่นึกถึงความสับสนที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อีก ทำให้ข้าไม่อยากฟื้นความทรงจำ หวังเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ เป็นแบบนี้ไปนานแสนนาน…”

“ในความทรงจำข้า เจ้าคือร่างแปลงหินผลึก เจ้าใช้อภินิหารเสกหินผลึกขึ้นมาได้ เป็นสิ่งที่ข้าเฝ้าใฝ่ฝัน…เหตุใดข้าต้องไป?” กระเรียนขนร่วงมองซูหมิง ดึงเท้าที่ยกขึ้นกลับมายืนบนเรือไม้อย่างแน่วแน่

“ทำลายล้างแล้วอย่างไร ย่ากระเรียนมันเถอะ ข้าไม่ไป ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ไป!” กระเรียนขนร่วงนั่งลงข้างๆ ด้วยท่าทีโกรธ ร่างขนร่วงตอนนี้ดูเหมือนโกรธจัดแล้ว

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ไป!”

“ไม่ไปจริงๆ รึ?” ซูหมิงเงียบอยู่นาน เขามองกระเรียนร่วงพลางถามขึ้นเสียงเบา

“ต่อให้ไม่จริงก็ไม่ไป!” กระเรียนขนร่วงถลึงตามองซูหมิงแล้วตอบกลับด้วยความโกรธ

ซูหมิงถอนหายใจเบา เขามองกระเรียนขนร่วงอยู่นานก่อนหัวเราะเงียบๆ พร้อมพยักหน้า

“เช่นนั้นก็ดูการทำลายล้างซางเซียงพร้อมกับข้า” ซูหมิงพูดพร้อมยกพายขึ้น เมื่อเรือจากไปไกล สุนัขใหญ่มังกรยมโลกอีกฝากมีสีหน้าเศร้าโศก

“ต้าหมิง ย่ากระเรียนเจ้าเถอะจะร้องไห้เพื่ออะไร ไม่ใช่ข้าไม่กลับมาเสียหน่อย รอข้า ตอนที่ข้ากลับมา พวกเราจะไปรีดไถหินผลึกทั้งหมดด้วยกันที่นี่!” กระเรียนขนร่วงยืนอยู่ตรงหัวเรือ ตะโกนเสียงดังไปยังมังกรยมโลกอีกฝากที่ค่อยๆ เลือนราง

มังกรยมโลกได้ยินเสียงกระเรียนขนร่วงแล้วก็เหม่อมองไป ไม่ได้สังเกตว่าข้างหลังปรากฏหญิงชุดคลุมขาวคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ นางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ราวกับดอกไม้เล็กสีขาว

ใต้บ้านไม้ นอกจากซูหมิงแล้วมีร่างเงาหนึ่งเพิ่มมา นั่นคือกระเรียนขนร่วง เพียงแต่ว่ามันไม่มีช่วงเวลาสงบ แต่มักจะขยับตัวไปรอบๆ ยามเบื่อจริงๆ จะวนรอบบ้านไม้หลายรอบ วนไปทีละรอบจนเหนื่อยล้าถึงกลับมานอนหมอบอยู่ข้างซูหมิง ดูจากลักษณะแล้วก็มีท่วงท่าอันสง่างามเหมือนกัน

ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วง รอยยิ้มมากกว่าเมื่อร้อยปีก่อนไม่น้อย เหมือนชินกับการมีกระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ ชินกับความยึดมั่นต่อหินผลึกของมัน ชินว่าข้างกายมักจะมีสหายที่ทำให้เขาปวดหัวเป็นบางครั้ง

กาลเวลาผ่านไป ยี่สิบปีสุดท้ายของร้อยยี่สิบปี สุดท้ายก็ผ่านไปอีกสิบเก้าปี ฤดูหนาวในปีสุดท้ายนี้ยังเป็นแผ่นดินที่ปกคลุมด้วยหิมะ ซูหมิงกำลังรอกลุ่มคนสุดท้ายมาถึง

เผ่าหมาน!

ชาวเผ่าหมานแสนคนเดินมาที่นี่เงียบๆ กลางหิมะ แสนคนยืนอยู่นอกบ้านไม้เงียบๆ มองซูหมิงเงียบๆ ซูหมิงรู้จักกับหลายคนตรงหน้า โดยเฉพาะหนานกงเหิน จ้าวเผ่าชะตาชีวิตคนนี้เหม่อมองซูหมิงใต้บ้านไม้ ภายในสีหน้ามีความสับสนเพิ่มมาเล็กน้อย

“พวกเจ้ามาแล้ว” ซูหมิงกล่าวเสียงเบาก่อนยืนขึ้น ทันใดนั้นเองชาวเผ่าหมานแสนคนคุกเข่าคารวะพร้อมกัน

“คารวะเทพหมาน!” เสียงดังกังวานไปรอบๆ เข้าไปยังแม่น้ำลืมเดินทาง เหมือนว่าแม้แต่ฝากตรงข้ามก็ยังได้ยินชัด ท่ามกลางเสียงดังก้อง ซูหมิงมองพวกเขา นี่คือกลุ่มคนสุดท้ายที่เขารอ

ส่งคนเหล่านี้แล้วเขาจะไม่มีความเสียใจอีก ไม่มีห่วงในมหาโลกสามรกร้างอีก ใช้ทุกวิธีช่วงชิงชีวิตเสี้ยวนั้นเพื่อตัวเองได้

เขาสะบัดแขนเสื้อ พลันมีสายลมเบาบางพัดไปรอบๆ ครอบคลุมเผ่าหมานแสนคนนี้ส่งเข้าไปในแขนเสื้อซูหมิง จากนั้นเดินขึ้นมายืนอยู่บนเรือ กระเรียนขนร่วงตามมาติดๆ แทบเป็นทันทีที่ขึ้นเรือ เรือลำนี้แล่นออกไปเองอย่างรวดเร็ว

เหมือนว่าเวลาหนึ่งลมหายใจคือฤดูหนาวไปถึงฤดูใบไม้ผลิ เรือลำนี้เข้าไปใกล้ริมฝั่ง ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ร่างเงาเผ่าหมานแสนคนไปปรากฏบนฝั่ง

พวกเขาเหม่อมองซูหมิง ไม่มีใครกล่าว แต่ความอาลัยอาวรณ์ในสายตานั้นกลับเข้มข้นจนแม้แต่ฤดูใบไม้ผลิยังเกิดความเศร้าเสียใจ

“ในโลกนั้น พวกเจ้า…รักษาตัวด้วย!” ซูหมิงมองพวกเขาพลางประสานมือคารวะเผ่าหมานแสนคนนั้น การคารวะครั้งนี้ เขาใช้ฐานะเทพหมานในการคารวะชาวเผ่า

การคารวะครั้งนี้ สายลมใบไม้ผลิตกลง สายลมใบไม้ร่วงขึ้น ทำให้ระหว่างเรือกับฝั่งเกิดหมอกขมุกขมัว

“ส่ง!” ขณะหนานกงเหินเงียบพลันตะโกนเสียงดังขึ้น

“เทพหมาน!” เผ่าหมานแสนคนคุกเข่าคารวะพร้อมกัน การคารวะครั้งนี้…ทำให้ซูหมิงเงยหน้าขึ้น จนกระทั่งเรือของเขาจากไปไกล เขายังคงเห็นชาวเผ่าแสนคนที่คารวะไม่ยอมลุกในความขมุกขมัว

สายลมใบไม้ร่วงส่งเรือ ซูหมิงส่งชาวเผ่าหมานแสนคน แต่เผ่าหมานก็ส่งเทพหมานของพวกเขาเช่นกัน ไม่ต้องรู้ว่าใครส่งใครกันแน่ เพราะฤดูใบไม้ร่วงในการลาจากนี้ได้ผ่านจากฤดูใบไม้ผลิของอีกฝากไปแล้ว เข้าสู่ฤดูหนาวเมื่อเรือจากไปไกล

จนกระทั่งมาถึงนอกบ้านไม้ก็ยังคงเป็นฟ้าดินหิมะตก เพียงแต่ว่าครั้งนี้หลังจาก ซูหมิงลงเรือแล้ว ตอนที่กระเรียนขนร่วงอยู่ริมฝั่ง เขาหันกลับไปมอง เรือจมลงสู่แม่น้ำลืมเดินทางแล้ว บางทีอาจมีสักวันหนึ่งที่เรือลำนี้จะลอยขึ้น และคนพายเรือที่ซูหมิงเป็นคนนี้…จะพาตัวเองไปยังอีกฝากซึ่งเป็นตัวแทนของอีกโลก

ซูหมิงยิ้มสบายๆ สะบัดแขนเสื้อเบาๆ หิมะบนฟ้าพลันหยุดนิ่ง ทุกอย่างในโลกนี้หยุดนิ่ง เพราะที่นี่ไม่มีคนที่เขาต้องรอแล้ว เพราะว่าเขาถึงเวลาต้องตื่นแล้ว

เขาเดินผ่านขั้นบันไดของบ้านไม้ เดินมาถึงใต้ชายคา เดินมาจนถึงหน้าประตูบ้านไม้ ร้อยยี่สิบปีมานี้เขาไม่เคยเปิดประตูบานนี้เลย ตอนนี้เขาผลักประตูเบาๆ

ธรณีประตูที่ยังไม่เคยข้ามใต้เท้านั้น ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงก้าวเดินเข้าไป

เดิมทีกระเรียนขนร่วงมีสีหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ตอนนี้เหมือนจะซ่อนความเศร้าไว้ในก้นบึ้งหัวใจ มันมีสีหน้ามีความสุขไร้ความทุกข์ต่อไป เดินอย่างทะนงองอาจตาม ซูหมิงเข้าไปในบ้านไม้

นอกบ้านไม้ ฟ้าดินสงบ ในบ้านไม้ โลกว่างเปล่า

ดุจน้ำวนหนึ่ง ดั่งวัฏจักรหนึ่ง บ้านนี้เป็นเหมือนจุดหนึ่งของโลกนี้ เมื่อซูหมิงกับ กระเรียนขนร่วงเข้าไป เมื่อประตูบ้านไม้ปิดลงช้าๆ โลกนอกบ้านไม้กลายเป็นมายา ค่อยๆ เลือนรางหายไป จนว่างเปล่าแล้วก็กลายเป็นฟ้ากระจ่างดาว

นั่นคือ…โลกแท้จริงดาราสัจธรรม!

ส่วนแม่น้ำลืมเดินทางกลายเป็นแม่น้ำสวรรค์ที่เชื่อมฟ้าไปยังที่ห่างไกล อีกฝั่งของแม่น้ำสวรรค์คือน้ำวนยักษ์ น้ำวนนี้ปกคลุมทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ยามนี้กำลัง หดลง เห็นรางๆ ว่าในน้ำวนนั้นเหมือนยังมีอีกโลกอยู่

ส่วนบ้านไม้นั้นค่อยๆ กลายเป็นสำนักยอดเขาลำดับเก้าในความขมุกขมัว!

ซูหมิงลืมตาขึ้น!

เวลาร้อยยี่สิบปีเหมือนผ่านระหว่างการหลับตาและลืมตาของเขา เขาก้มหน้าลง มือซ้ายคือควันไฟความทรงจำของภพก่อน ในมือขวามีเงามืดตะวันยามรุ่งอรุณของโลกนี้ขึ้นลง…

“กลับมาแล้ว…” ซูหมิงเงยหน้าขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version