ตอนที่ 1361 กลับแดนต้นกำเนิดจิตอีกครั้ง
จบสิ้นแล้ว คนพายเรือร้อยยี่สิบปี ส่งร่างเงาคุ้นเคยจากไปไกล ยอมก้มหน้าลงมองพวกเขาจากไปเงียบๆ นี่คือการเลือกของซูหมิงเพื่อพวกเขา เป็นครั้งแรกและก็ครั้งสุดท้าย
สำหรับซูหมิงแล้ว ร้อยยี่สิบปีนั้นยาวนานมาก และก็สั้นมากเช่นกัน ที่สั้นคือเส้นทางแม่น้ำลืมเดินทางที่ส่งพวกเขา ที่ยาวนานคือความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ากาลเวลา ผ่านไปนานเท่าไรตอนรอคอยชั่วนิรันดร์นั้นกับการพบกันในสักวันหนึ่งในอนาคต
ซูหมิงก็ไม่มีความมั่นใจเหมือนกัน ดังนั้นความหวังจึงยาวไกล แต่ก็ยังมีตอนจบ เหมือนกับควันไฟบนฟ้า หนึ่งพริบตาแสนสั้นหายไป แต่สิ่งที่ยืนยาวกลับกลายเป็นความงดงามในความคิดผู้คน
ดวงตาซูหมิงค่อยๆ เกิดความสว่างและมืดที่ควรจะมี ยอดเขาลำดับเก้า…เงียบสงบ การจากไปของชาวเผ่าหมานแสนคน ศิษย์ยอดเขาลำดับเก้าแสนคน แม้แต่คน จำนวนมากยังหายไป ทำให้ผู้คนที่เหลือในยอดเขาลำดับเก้าตอนนี้เข้าสู่ความสับสน
“ยอดเขาลำดับเก้ารกร้าง พวกเจ้า…หากจะอยู่ต่อก็จงอยู่ต่อไป หากจะไปก็ไปได้ทุกเมื่อ” ซูหมิงเอ่ยเนิบๆ เสียงดังก้องทั้งสำนักยอดเขาลำดับเก้า เข้าไปในหูศิษย์ ทุกคน ทำให้คนเหล่านี้ตื่นจากความสับสน
คำพูดดังกังวาน ซูหมิงหลับตาลง กระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ มองความคุ้นเคยรอบๆ มันไม่ได้รู้สึกเศร้ามากนัก แต่ไม่รู้ว่าไปที่ใดแล้ว ทว่าซูหมิงที่เข้าใจมันไม่ต้องคิดก็รู้ความคิดมัน
‘ร่ำรวยแล้วๆ ฮ่าๆ ครั้งนี้ท่านกระเรียนโชคดีจริงๆ ส่งคนไปมากขนาดนั้น ตอนไป คนพวกนั้นจะต้องไม่ได้เอาหินผลึกไปมากนักแน่ หินผลึก โดยเฉพาะหินผลึกของ คนอื่น!’ กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าตื่นเต้น คิดถึงเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่แล้วก็คุมร่างกายไม่ให้สั่นไหวไม่ได้ จึงเร่งความเร็วมากกว่าเดิม
ซูหมิงไม่สนใจกระเรียนขนร่วง แต่หลับตาลงครั้งนี้คือยี่สิบปี…เขารู้สึกถึง การสั่นสะเทือนของทั้งมหาโลกสามรกร้าง สัมผัสได้ถึงภัยพิบัติที่จะมาเยือน ตอนนี้ ปีกซางเซียงน่าจะซ้อนทับกันโดยมองจากตาเนื้อแล้ว แต่ความจริงยังขาดอีกเสี้ยวหนึ่ง
เสี้ยวนี้คือร้อยปีสุดท้าย กระทั่งในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมนี้ ซูหมิงรู้สึกถึงการคงอยู่ของโลกแท้จริงพรรคเซียน โลกอื่นๆ ของมหาโลกสามรกร้าง และยังรู้สึกถึง กลิ่นอายพลังของซางเซียงเช่นกัน
สองมหาโลกกำลังจะซ้อนทับกัน
ขณะเดียวกันยี่สิบปีที่ซูหมิงหลับตาอยู่ในยอดเขาลำดับเก้า ผู้ฝึกฌานในสำนักจากไปเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่เป็นชายชราที่มีพลังไม่สูง คนเหล่านี้ไม่มีความทะเยอทะยานจะเข้าสำนักใหญ่อีกครั้ง พวกเขาหวังแค่อยู่อย่างสงบ
ส่วนคนอื่นๆ หู่จื่อได้พาสายตรงสำนักยอดเขาลำดับเก้าเหล่านั้นไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็เคยเป็นดอกไม้ที่เติมแต่งบนผ้าไหม ยามนี้ในเมื่อไม่มีผ้าไหมแล้ว ดอกไม้เหล่านี้ย่อมไปเบ่งบานที่อื่นต่อ
ยี่สิบปีต่อมา ร้อยปีสุดท้ายก่อนภัยพิบัติมาเยือน ผู้แข็งแกร่งจากยุคก่อนพากันเริ่ม ตื่นขึ้น คนแรกคือ คนจากยุคก่อนที่เคยสู้กับซูหมิงบนดาวจักรพรรดิยมโลก ต่อมามีอีกหลายแห่งในมหาโลกสามรกร้าง ทันทีที่ร้อยปีมาถึงก็ปะทุกลิ่นอายพลังสะเทือนฟ้า
โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ โลกแท้จริงที่สี่และยังมีทะเลดาราต้นกำเนิดจิต กลิ่นอายพลังแบบนี้แผ่ขยายออกมาไม่น้อย แต่ที่มากกว่าคือโลกปีกที่สี่ของซางเซียง มันเริ่มมีผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งเดินทางกลางฟ้า การสังหารกลิ่นคาวเลือดและการอัดอั้นของยุคสมัยปะทุขึ้นในร้อยปีนี้
ความจริงแล้วนี่ก็เป็นมหันตภัย เพียงแต่ว่าเป็นการปลดปล่อยระยะสั้นครั้งหนึ่งก่อนภัยทำลายล้างทุกชีวิต
ขณะเดียวกันในน้ำวนมรณะหยินนั้น สามราชันห้าจักรพรรดิซึ่งมีตี้เทียนเป็นผู้นำที่กำลังซ่อนตัวและมีแผนการบางอย่าง ในทันทีที่ร้อยปีนี้มาถึงพวกเขาก็พากันลืมตาขึ้น
“ถึงเวลาแล้ว ในที่สุดร้อยปีนี้ก็มาถึง…” เสียงต่ำดังก้องในแต่ละโลกน้ำวนมรณะหยิน ซ้ายังมีเสียงหัวเราะเหี้ยมโหดด้วยความตื่นเต้นรวมถึงเสียงคำราม ดังกึกก้อง
โลหิตทุกคนก่อนภัยพิบัติสามรกร้าง…
ซูหมิงถอนหายใจเบา เขาละสายตาจากมหาโลกสามรกร้าง ไม่สนใจทุกอย่างข้างนอก ตี้เทียนก็ดี ซูเซวียนอีก็ดี ยามนี้เขาไม่อยากสนใจ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่ กำลังก่อกวนทั้งจักรวาล นี่ก็แค่ส่วนหนึ่งของกฏ และก็เป็นเรื่องที่ควรเกิดก่อนสี่ปีกซางเซียงซ้อนทับกันอยู่แล้ว
ทว่า…ยอดเขาลำดับเก้านี้เป็นแดนต้องห้าม หากมีคนกล้าเข้าไปแม้แต่น้อย เช่นนั้นต่อให้ถูกขนานนามว่าผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่ไม่ถูกทำลายล้าง ซูหมิงก็จะให้ พวกนั้นได้รู้ว่าภัยพิบัติที่มีชีวิตส่องแสงเรืองรองเพียงใด
ซูหมิงสังการคนมามากมาย ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนแล้วอย่างไร…
มีสิ่งเดียวที่เขายังจำได้คือผู้ฝึกฌานแสนคนนั้นที่ถูกขังในโลกเอ้อชางกลางทะเลดาราต้นกำเนิดจิต
เขาเคยสัญญากับผู้ฝึกฌานแสนคนนี้เอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะพาพวกเขาออกมา ซูหมิงต้องทำตามสัญญานี้
“อยากกลับไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตอีกครั้งหรือไม่?” ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงที่กำลังนับหินผลึกอยู่ข้างๆ
“ท่านกระเรียนรีดไถหินผลึกที่นั่นจนเกลี้ยงแล้ว” กระเรียนขนร่วงเงยหน้า ตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วตอบกลับอย่างจริงจังมาก
ซูหมิงยิ้ม
“เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่” ซูหมิงส่ายศีรษะพลางหลับตาลง ทันทีที่หลับตา ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ตรงจุดที่พลังวิญญาณฟ้าดินร้อนแรงยิ่ง ปรากฏร่าง เงาหนึ่งขึ้นกลางฟ้า ร่างเงานี้ก็คือซูหมิง
เขามองแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต เขาคุ้นเคยทุกอย่างที่นี่ เคยอยู่ที่นี่มาหลายปี ตอนนี้นึกย้อนไป การล่าสังหารก็ดี ความอ่อนแอก็ดี ทุกอย่างอัดแน่นไปด้วยร่องรอยที่ถูกแกะสลัก เห็นได้ชัดว่าเขาในตอนนั้นอยู่ในกุมมือซูเซวียนอี เส้นทางทุกอย่างถูกวางเอาไว้อย่างดีเพื่อบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต เพื่อสำเร็จแผนการ ทุกอย่างที่เขาแอบวางเอาไว้ เพียงแต่ว่าตอนนี้นึกย้อนกลับไป ความโกรธในตอนนั้น ก็ดี ความแค้นก็ดี ล้วนเจือจางไป ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เดินผ่านผืนฟ้า ตอนที่เข้าไปใกล้แดนเอ้อชาง เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง เหมือนรู้สึกบางอย่างจึงมองไกลออกไป ผืนฟ้าที่ถือว่าไม่ห่างจากที่นี่ไปไกลนักมีดาวแท้จริงดวงหนึ่ง บนดาวมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา กำลังนั่งฌานกำหนดลมหายใจ
ระหว่างที่เขากำหนดลมหายใจ ข้างหลังมีเงามายาต้นไม้ใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างดุร้าย นั่นคือ…เอ้อชาง
วิญญาณเสี้ยวนั้นที่หนีรอดจากมือซูหมิงไปในตอนนั้นรวมเป็นเอ้อชางออกมา ซูหมิงมองเขา แต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ยังคงนั่งฌาน บ้างก็ลืมตามองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว ภายในดวงตามักจะมีประกายเย็นชาและมืดทะมึนวูบผ่าน ทำให้เขาดูทะมึนทึบมาก
นี่สอดคล้องกับนิสัยของเอ้อชาง เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้มันอยู่ในการฟื้นตัว และก็เรียนความตื่นตัวกับปลิ้นปล้อนของผู้ฝึกฌานมาไม่น้อย ดังนั้นถึงอยู่ได้นานในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต บางทีเขาอาจจะระวังการมาของซูหมิงมาตลอด ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้ว ซูหมิงก็เป็นเงามืดที่เขาต้องหวาดกลัวไปชั่วชีวิต เขากลัวซูหมิง แต่ก็หวังจะกินซูหมิงด้วยเพื่อให้ร่างสมบูรณ์
หากเป็นอดีต พอซูหมิงเจออีกฝ่ายแล้วจะไม่มีเหตุผลต้องปล่อยไป แต่ตอนนี้เพียงกวาดสายตามองแวบหนึ่งแล้วละสายตากลับ ระดับชั้นต่างกัน โลกต่างกัน ทำให้ความเป็นศัตรูกันกลายเป็นการทะเลาะของเด็กน้อย
ซูหมิงไม่สนใจร่างเงาที่เอ้อชางรวมขึ้น แต่พอมาถึงฟ้าแห่งนี้แล้วก็เข้าไป มาปรากฏตัวในโลกเอ้อชางแสนตัวในอดีต
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงเข้ามา ศิลาหินทั้งหมดในโลกเอ้อชางแสนตัวสั่นสะเทือนทั้งหมด จากนั้นคนที่นั่งฌานในโลกแห่งนี้ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ ต่อให้เป็นผู้ฝึกฌานที่ตอนนี้กำลังอยู่ในโลกที่สร้างขึ้นจากความทรงจำในศิลาหินยังพากัน ถูกบีบออกมา ตอนที่ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้น แสนคนที่นี่…เป็นซูหมิงเดินมาจากข้างบนพวกเขา
บางคนยังจำซูหมิงได้ บางคนลืมไปแล้ว และยังมีบางคนที่ไม่เคยประสบเรื่อง น่าตะลึงในอดีตของซูหมิง ตอนนี้มีสีหน้ามึนงง
“อยู่ที่นี่กันมานานมากแล้ว ข้าเคยสัญญากับพวกเจ้าว่าวันหนึ่งจะมา ปลดพันธนาการให้ วันนี้ข้ามาแล้ว มาปลดผนึกของที่นี่ เปิดพันธนาการพวกเจ้า คืนวิญญาณแก่พวกเจ้า นับจากนี้ไป…พวกเจ้า…เป็นอิสระ!” ซูหมิงกวาดสายตามองทุกคนก่อนไปหยุดที่ใบหน้าคุ้นเคยหลายคน สุดท้ายไปหยุดที่ชายวัยกลางคนที่เคยช่วยเขาในอดีต
มองแวบแรกอีกฝ่ายเป็นวัยกลางคน แต่หากมองดีๆ จะเป็นชายชรา บางทีการจากไปของภรรยาอาจเป็นความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์ในใจเขา เดิมทีตอนนั้นเขาออกไปได้ แต่กลับอาลัยอาวรณ์ เลยตกอยู่ในห้วงความทรงจำ อยู่เป็นเพื่อนภรรยา
สิ้นเสียงซูหมิง โลกศิลาแสนอันเกิดเสียงดังสนั่น ศิลาหินแตกออก มวลอากาศตรงขอบรอบๆ แตกออกทีละชั้น เพียงไม่กี่ลมหายใจโลกศิลาหินแสนอันเหลือเพียง อันเดียว ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนคนนั้น
“ศิลาหินนี้มีเพียงเจ้าคนเดียวที่จะให้มันแตก จะเลือกอย่างไร…แซ่ซูไม่ก้าวก่าย” ซูหมิงมองชายวัยกลางคนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวกลับมากวาดสายตามองทุกคน สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความสับสนยิ่งกว่า เหมือนว่าตอนนี้ คนเหล่านี้ยังไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายพวกเขาจะชินเอง ซูหมิงมอง โลกศิลาหินแสนอันในอดีตอีกครั้ง เขานึกถึงซุ่ยเฉินจื่อ ก่อนส่ายศีรษะแล้วหมุนตัวกลับเดินเข้าไปในมวลอากาศ
เขามาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตครั้งนี้ นอกจากปลดพันธนาการโลกศิลาหินแสน อันแล้ว ยังต้องไปภูเขามองสามี ไปดูร่างเงาบนยอดเขานั้น แล้วก็ไปคืน ความปรารถนาหนึ่งข้อของวิญญาณแห่งดินทรายแก่เผ่าดินทราย และยังต้องไป… ดาวทมิฬ…รวมถึงส่งศิษย์ในนามคนนั้นของเทียนเสียจื่อไปอีกฝั่ง
หากเป็นไปได้ซูหมิงยังอยากไปทะเลลำดับห้าสักครั้ง ไปดูว่ามีทางเข้า โลกแท้จริงที่ห้าจริงๆ หรือไม่ ไปโลกแท้จริงที่ห้า…ไปยังจุดที่ซูจ้านสิ้นชีพ ไปยังที่ที่ ซูเซวียนอีรวมวิญญาณของตน
“ร้อยปีก็พอแล้ว” ซูหมิงพึมพำก่อนเดินไปไกล
ตอนนี้เองในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตกำลังเกิดพายุฝนกลิ่นคาวเลือดที่ถาโถมใส่ชนเผ่าจำนวนมาก ต้นเหตุคือชายชราผอมแห้งคนหนึ่งที่มีโครงกระดูกติดกับแผ่นหลังแนบสนิทและเห็นได้ชัดเจน ชายชราคนนี้มีสีหน้าเฉยชา จุดที่เขาผ่านจะเกิดการสังหารขึ้น