ตอนที่ 137 การปฏิบัติที่ต่างกัน
ซูหมิงปรับลมหายใจให้สงบ แววตาเป็นประกาย มองกล่องหินลักษณะธรรมดาตรงหน้า นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในอดีตถ้ำเซียนของเหอเฟิง ในใจตื่นเต้น
เขาคาดหวังกับวัตถุที่อยู่ในกล่องหินเป็นอย่างมาก อยากรู้ว่าหนึ่งในสี่สมบัติล้ำค่าที่ทำให้เผ่าเหยียนฉือ ผู่เชียงรวมถึงบูรพาสงบก่อกบฏแย่งชิงในครั้งนั้นคืออะไร
สมบัติล้ำค่าสี่ชิ้นทำให้สามชนเผ่าลุกฮือขึ้นมาเข่นฆ่าสังหาร ยามนี้ชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่เป็นที่เฝ้าปรารถนาของเสวียนหลุนยิ่งนักและยังเป็นที่สนใจของหานเฟยจื่อ กระทั่งพวกเขายังไม่กล้าบอกผู้อื่น สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ทำให้ซูหมิงตื่นเต้นจริงๆ
‘สิ่งนี้เดิมทีไม่ได้เป็นของข้า…’ ซูหมิงกล่าวในใจ
เขามาถึงนี่ได้เพราะแค่ความบังเอิญ แผนการของเหอเฟิงทำให้เขาตกเข้าไปอยู่ในบ่วง ตั้งแต่หลบเสวียนหลุน ฝ่าฟันเหอเฟิง จนกระทั่งปะทะกับเหอเฟิงหลายต่อหลายครั้ง จนท้ายที่สุดก็ประมือกับหานเฟยจื่อ
ตอนนั้นเขายังไม่ทราบตำแหน่งของสมบัติอย่างแท้จริง สิ่งที่เหอเฟิงกล่าวก่อนหน้านี้ต่างกับจุดที่ซูหมิงอยู่ในยามนี้โดยสิ้นเชิง
จนเมื่อได้เหอเฟิงมาเป็นลิ่วล้อ จึงได้ทราบตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติอย่างแท้จริงและมาถึงที่นี่
ซูหมิงมองกล่องหินเบื้องหน้า สีหน้าซับซ้อน ในเวลาหนึ่งปีกว่าเขาประสบเรื่องราวต่างๆ ไม่มาก กลับพบเจออุปสรรคไม่น้อย ยามนี้พอมาคิดดูแล้วถึงกับถอนหายใจ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยามระงับอารมณ์ มือขวาค่อยๆ วางไว้บนกล่อง ทำท่าจะยกมันมา ทว่าในช่วงที่มือสัมผัส ภายในกล่องพลันมีเสียงร้องแหลมดังขึ้น เสียงดังกล่าวแฝงไว้ด้วยพลังทะลวงรุนแรง ในช่วงที่ปรากฏเกิดเป็นระลอกคลื่นไร้รูปแผ่กระจายเป็นวงกว้างหนึ่งชั้น
เสียงกึกๆ ดังก้อง พบว่าหินผารอบถ้ำเกิดรอยแตกจำนวนมาก แต่ละเส้นลึกยิ่งนัก บางจุดราวกับทะลุผ่านเผยให้เห็นแสงตะวัน
หากเพียงแค่นั้นคงไม่เท่าไร เพราะยามนี้พื้นรอบตัวซูหมิงส่งเสียงกึกๆ ดังก้องเช่นกัน เกิดเป็นรอยแยกจำนวนมากแผ่ขยายไปรอบถ้ำโดยมีกล่องหินเป็นใจกลาง
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ทำให้ซูหมิงตกตะลึง เหอเฟิงก็เช่นเดียวกัน เขาสับสนเล็กน้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นที่เขาสัมผัสกล่องหินกระทั่งเปิดมันออกยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
‘นายท่าน…..เอ่อ…เอ่อ’ เขากลัวซูหมิงเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวอธิบาย
ทว่าซูหมิงไม่สนใจเขา เพียงหลับตาลงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น มือขวายังคงสัมผัสกล่องหิน ผ่านไปนานจึงถอนหายใจยาว
“ข้ารู้” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เขาเชื่อว่าเหอเฟิงไม่น่าจะทราบถึงเรื่องนี้ และที่สำคัญคือเสียงร้องเมื่อครู่ แม้ทำให้ภายในถ้ำเกิดรอยแยก ทำให้พื้นเกิดเป็นรอยร้าวจำนวนมากก็ตาม ทว่ามันกลับไม่ได้ทำร้ายเขา
ยามนี้ในกล่องหินยังคงมีเสียงร้อง เสียงของมันทำให้เหอเฟิงแสบหูยิ่งนัก ราวกับกายวิญญาณไม่เสถียรภาพ ทว่าในความรู้สึกของซูหมิง กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด…ถึงได้มีความรู้สึกผูกพัน!
เสียงร้องคล้ายกำลังโห่ร้องด้วยความดีใจ กำลังตื่นเต้นราวกับถูกผนึกมาหลายร้อยปี จนในที่สุดก็พบกับคนที่ปลุกมันได้
นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกยิ่งนัก แต่ในใจซูหมิงกลับชัดเจนเป็นพิเศษ
เขารู้สึกได้ว่าวัตถุในกล่องหินกำลังร้องเรียกตนอยู่…..
หัวใจเขาเต้นระรัว ทุกครั้งที่เต้นล้วนทำให้เสียงร้องจากวัตถุในกล่องดังขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด กล่องหินพลันสั่นไหว มีเสียงกึกๆ ดังมาจากภายใน เหมือนของล้ำค่าในนั้นพยายามจะพุ่งออกมา
แสงสีดำขยับวูบวาบเปล่งผ่านร่องกล่องขณะเปิด สะท้อนใบหน้าซูหมิงจนเป็นสีดำเล็กน้อย เหอเฟิงเห็นดังนั้นก็ตาค้างตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าสมบัติล้ำค่าของเผ่าเขาหานพวกเขา เพียงแค่ซูหมิงสัมผัสกล่องก็พลันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นประหนึ่งมันมีสตินึกคิด ทำให้ในหัวของเขาขาวโพลน สับสนมึนงง
กระทั่งยังรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย วัตถุที่ชนเผ่าตนเซ่นไหว้มาหลายร้อยปีกลับไม่สนใจตน ทว่าวันหนึ่งเจอคนอื่นกลับตื่นเต้นอย่างกับพบเจ้านาย
ความรู้สึกไม่ถูกต้องเช่นนี้ทำให้เหอเฟิงเหม่อลอยไปสิ้น
ขณะแสงสีดำในกล่องขยับวูบไหว เสียงร้องแหลมดังมากขึ้น คลับคล้ายเร่งรัดให้ซูหมิงรีบเปิดกล่องเพื่อให้มันออกมา ความรู้สึกถึงเจตนาของเสียงเรียกนั้นเด่นชัดมากขึ้นทุกที เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มือขวากดลงไปบนกล่องหิน พร้อมกับส่งพลังตราประทับออกไปตามที่เหอเฟิงสอน
กล่องหินสั่นไหวพลันเปิดออก
ทันใดนั้นแสงดำแผ่ขยายปกคลุมรอบถ้ำเอาไว้ ขณะเดียวกันลำแสงดำที่เข้มกว่าสายหนึ่งวูบออกมาจากกล่องอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ วิ่งห้ออยู่กลางอากาศภายในถ้ำ ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวสีดำหลายต่อหลายเส้น ทั้งยังมีความรู้สึกรวดเร็วรุนแรงเข้ากระทบใบหน้า ทำให้หินผารอบถ้ำเกิดรอยร้าวแผ่ขยายออกไปแทบทุกส่วน กลิ่นอายพลังรวดเร็วและดุดันทำให้ซูหมิงขนลุก ปากแห้งผาก เกิดความรู้สึกราวกับเผชิญหน้ากับขั้นชำระล้าง เส้นเลือดในร่างกายพลันปะทุขึ้นเหมือนอยากเข้าไปต่อต้าน กระทั่งในความรู้สึกเขา กลิ่นอายพลังดังกล่าวแข็งแกร่งกว่าขั้นชำระล้างเสียอีก!
ทว่าในช่วงที่พลังโลหิตในร่างกายซูหมิงกำลังปะทุขึ้น แสงดำกลับขยับวูบมาทางเขา ความเร็วของมัน แม้แต่ซูหมิงที่คิดว่าตนชำนาญด้านความเร็วแล้วยังหลบไม่ทัน วินาทีที่เพิ่งตื่นตะลึง ลำแสงดำราวกับทะลวงผ่านอากาศมาปรากฏอยู่ตรงนอกระหว่างคิ้วซูหมิง
ตรกหน้าผากซูหมิงมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น มองลำแสงดำเบื้องหน้า ครั้งนี้เขาเห็นชัดเจนเลยว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าอะไร!
มันเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง!
กระบี่ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง!
ทุกส่วนเป็นสีดำ ด้านบนแกะสลักภาพกระบี่ซับซ้อนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
มันมีขนาดเพียงเจ็ดชุ่น ใช้ฝ่ามือจับได้ ทุกส่วนหนาวเยือก เผยกลิ่นอายเฉียบคมถึงขีดสุด ตรงขอบแหลมคมไร้ที่เปรียบ ประดุจเพียงเคลื่อนไหวเบาๆ ก็สามารถแทงทะลุใบไม้ได้
ยามนี้ไม่ใช่เพียงแค่ซูหมิงที่ตึงเครียด เหอเฟิงในตอนนี้กังวลยิ่งกว่า
หากซูหมิงตายเขาก็ต้องตายเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือความน่าสะพรึงของกระบี่เล่มนั้นมีมากกว่าซูหมิง กระทั่งยามนี้กระบี่เข้าประชิดตัว เขายังมีความรู้สึกราวกับกายวิญญาณจะแหลกสลาย เหมือนว่าไม่อาจทนรับการบีบคั้นจากกลิ่นอายพลังของมันได้
ภายในถ้ำเงียบสงัด มีเพียงลำแสงสีดำขยับวูบวาบ ซูหมิงยังคงนั่งขัดสมาธิแน่นิ่ง นอกระหว่างคิ้วเขามีกระบี่เจ็ดฉื่อลอยอยู่ ไม่เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
ร่างกายและจิตใจของเหอเฟิงถูกความกลัวเข้าครอบงำ มันเป็นความกลัวที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน กระทั่งยังน่าสะพรึงกว่าความตาย ประดุจพบเจอกับศัตรูโดยธรรมชาติ แรงกดดันจากกระบี่ทำให้เหอเฟิงตัวสั่น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หนึ่งก้านธูปให้หลังซูหมิงจึงระงับความตึงเครียดลง มองกระบี่เล็กเบื้องหน้า เขาสัมผัสได้ว่ากระบี่เล่มนี้ไม่มีเจตนาร้าย ขณะที่เขากำลังพิจารณา มันก็เหมือนพิจารณาเขาเช่นกัน ราวกับว่าบนตัวเขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันสงสัย
ผ่านไปนาน ภายใต้ความตึงเครียดในระดับสูงสุดของเหอเฟิง ซูหมิงค่อยๆ ยกมือขวา ยื่นฝ่ามือไปเบื้องหน้า
กระบี่เล็กสีดำราวกับลังเลเล็กน้อย พลันขยับแสงออกห่างจากระหว่างคิ้วซูหมิง บินวนอยู่ภายในถ้ำหลายรอบ ก่อนตรงเข้ามาที่ฝ่ามือขวาเขา จากนั้นค่อยๆ หย่อนตัวลง แล้วส่งเสียงร้องของกระบี่!
ซูหมิงถึงค่อยถอนหายใจโล่งอก นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น กำกระบี่เอาไว้ในมือ ทว่าในช่วงที่เขากำกลับรู้สึกเจ็บตรงกลางฝ่ามือ กระบี่เล็กพลันแทงฝ่ามือของเขา แสงสีดำขยับวูบเข้าไปในร่างกายตามบาดแผล
ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เมื่อกระบี่เล็กเข้าไปแล้ว แสงดำก็แผ่ขยายปะทะไปในร่างกาย
ระหว่างนั้น วิญญาณค้างคาวจันทราที่ซ่อนอยู่เหล่านั้นถูกบีบออก แม้แต่เหอเฟิงยังร้องเสียงแหลมบินออกมาเช่นกัน และไม่กล้าเข้าใกล้ซูหมิง
ในสายตาของเหอเฟิง ซูหมิงในยามนี้เส้นผมปลิวไสวเองแม้ไร้ลม ขณะนั่งขัดสมาธิชายเสื้อสะบัดขึ้นลง แม้สีหน้าสงบนิ่ง กลับคล้ายมีกลิ่นอายพลังที่น่ากลัวบางอย่างกำลังตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
เหมือนกับว่ากลิ่นอายพลังดังกล่าวเดิมทีอยู่ในร่างกายซูหมิง เพียงแต่หลับใหลมาโดยตลอดก็เท่านั้น ทว่ายามนี้เมื่อกระบี่เล็กทะลวงเข้าไป กลิ่นอายพลังที่หลับใหลอยู่…จึงตื่นขึ้น!
ซูหมิงตัวสั่น ทว่าสีหน้ากลับไม่มีความเจ็บปวด เพียงแต่ขมวดคิ้วเหมือนไม่เคยชิน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างกายยามนี้ กระบี่เล็กทะลวงไปมาราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
ลำแสงดำสะท้อนจากในตัวเขา ทำให้ซูหมิงในยามนี้ดูเหมือนถูกแสงดำปกคลุม
ทว่าทันใดนั้นตัวเขาพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ในร่างกายเกิดความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ประดุจน้ำหลาก ความเจ็บปวดเช่นนี้มาจากกระบี่เล็กหาอะไรบางอย่างพบแล้วในที่สุด จึงเปล่งไอกระบี่ราวกับอยากทะลวงผ่านร่างกายเขา ไอกระบี่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ก่อนพยายามเปิดเส้นทางเลือดเนื้อหนึ่งเส้น!
ทางเลือดเนื้อเดิมทีอยู่ในเส้นเลือดลม แต่ในร่างกายซูหมิงเหมือนว่าปิดอยู่ บางทีอาจไม่มีวันเปิดเลยก็เป็นได้ ทว่ายามนี้ไอกระบี่เคลื่อนตัวผ่านเส้นเลือดลมทะลวงทางเลือดเนื้อที่ถูกปิดอยู่
มีเสียงระเบิดดังขึ้นในความคิดซูหมิง ขณะตัวสั่นเทา ผิวหนังขับโลหิตสด ในร่างยามนี้ปรากฏเส้นเลือดลมที่ไม่มีทางปรากฏได้บนกายนักรบหมาน เส้นดังกล่าวโอบล้อมตำแหน่งทุกส่วนในร่างกาย เริ่มจากบริเวณท้องน้อยไปสุดที่บริเวณศีรษะ
กระบี่เล็กวนไปวนมาในเส้นเลือดลมหลายรอบ จนท้ายที่สุดปรากฏอยู่ตรงบริเวณศีรษะซูหมิง เขาสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของมัน ทว่ากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก ตรงกันข้าม เมื่อเส้นเลือดลมเปิดออกความรู้สึกอบอุ่นสบายแผ่ซ่านไปทั้งตัว อีกทั้งยามนี้ร่างกายของเขายังเปลี่ยนไปจากเดิม แม้หลับตา แม้ยังไม่ได้แสดงเคล็ดวิชาตราประทับ ทว่าในใจของซูหมิง…กลับสัมผัสได้ไกลถึงสองร้อยจั้ง!
ตรงหน้าผากซูหมิงค่อยๆ ปรากฏเป็นตราประทับกระบี่ ขยับแสงวูบวาบ ดูน่าเกรงขาม
เหอเฟิงมองซูหมิงอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเหม่อลอย จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดสมบัติล้ำค่าในชนเผ่าตนถึงได้ปฏิบัติต่างกับเขาตอนเปิดกล่องหินก่อนหน้านี้
ดีที่ว่ายามนี้เขาเป็นกายวิญญาณ มิเช่นนั้นแล้ว เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นทุกข์จนกระอักโลหิตด้วยความไม่เข้าใจและไม่ยินยอม