Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1384

ตอนที่ 1384 โลกมนุษย์ขมุกขมัว ใครจะอยู่สูงส่ง

สายลมลอยล่อง หิมะไกลลิ่ว

ในความฝันไม่รู้ว่ากาลเวลาผันผ่าน โลกมนุษย์ขมุกขมัว ใครจะอยู่สูงส่ง

ยามค่ำคืนมาถึง ทุกอย่างลอยล่องเป็นควัน

จริงเท็จก็ดี จริงปลอมก็ดี อย่างมากก็แค่สะพานแห่งหนึ่ง ไม่ว่าวัฏจักรจะผ่านไป กี่ครั้งก็จะหายไปเพียงคนหนึ่ง

ซูหมิงไปแล้ว เมืองข้างหลังจะหายไปหรือไม่เขาไม่อยากสนใจ คำพูดชายชรายังคงอยู่ แต่กลับย้อมใจเขาไม่ได้ เต๋าของเขา ความยึดมั่นของเขา จะต้องเดินหน้าต่อไปดั่งในอดีต

สำนักเจ็ดจันทราคือเป้าหมายแรกของซูหมิง เขาต้องเข้าสำนักนี้ ต้องชิงดวงจิตของเขากลับมา แม้ซูหมิงจะสังเกตเพียงส่วนหนึ่งของสำนักนี้ แต่ความแกร่งของ ชายชุดคลุมแดงในนั้นเหนือกว่าเขาไม่น้อย นั่นคือผู้แข็งแกร่งขอบเขตวิญญาณ เต๋าแท้จริง ทว่าก็ยังหยุดซูหมิงไม่ได้

เขาเดินผ่านไปทีละฤดู ผ่านไปทีละปี ในวันฝนตกไม่หยุดวันหนึ่ง ซูหมิงมองฟ้าไกลออกไป เขาเห็นป้ายศิลาหินยักษ์สูงเสียดเมฆที่มีเทือกเขาล้อมอยู่

สำนักเจ็ดจันทรา ฟ้าเหนือฟ้า!

ซูหมิงมองป้ายศิลาหินนั้นเงียบๆ ก่อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนแมกไม้ในป่าบนแผ่นดินใหญ่ที่ห่างจากตรงนั้นเล็กน้อย สายฝนตกลงมา สายฟ้ายามค่ำคืนวูบผ่าน ซูหมิงหลับตาลง

เขาไม่รีบร้อน แต่ต้องรอ รอโอกาสเข้าสำนักนี้

ซูหมิงรอมาหนึ่งเดือนแล้วในที่สุดก็ได้โอกาสนี้ ยังคงเป็นวันฝนตกยามเที่ยงวัน บนฟ้ามีสายรุ้งยาวแปดสายลากผ่านจากประตูสำนักเจ็ดจันทรา นั่นคือศิษย์สำนัก เจ็ดจันทราแปดคน

ในแปดคนนี้คนนำหน้าเป็นชายชราคนหนึ่ง ข้างหลังมีชายหญิงติดตามเจ็ดคน พวกเขาขยับวูบจากป่าที่ซูหมิงอยู่พุ่งไกลออกไป

ซูหมิงลืมตาขึ้นมองไป เขามองชายชราคนนั้น ขั้นพลังอีกฝ่ายเทียบได้กับขั้น ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกซางเซียง ค่อนข้างไม่ธรรมดา ข้างหลังมีเด็กหญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยน่ารัก แต่ในดวงตากลับมีความเย็นชาและโอหัง นางจะหันกลับไปมองเด็กหนุ่มข้างหลังอย่างเหยียดหยามเป็นบางครั้ง

เด็กหนุ่มคนนั้นหน้าขาวซีด หลับตาแน่น พวกเขาดูเหมือนแปดคน แต่ความจริงเด็กหนุ่มคนนี้เหมือนเป็นหุ่นเชิด ถูกระฆังพวงหนึ่งที่พันรอบมือเด็กสาวควบคุมร่างกาย

อีกหลายคนที่เหลือก็อายุไม่มาก แต่ส่วนใหญ่มีสีหน้าตึงเครียด จะมองชายชราตรงหน้าสุดเป็นบางครั้ง แต่ละคนต่างเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วเงียบๆ

ซูหมิงไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านี้มากนัก หลังกวาดสายตามองชายชราแล้วก็ยืนขึ้นจากแมกไม้ ขณะกำลังจะตามไปนั้นดวงตาพลันขยับประกาย ก่อนมองไปทางสำนักเจ็ดจันทรา ก็พบว่าตอนนี้มีสายรุ้งยาวอีกหลายสิบสายพุ่งตรงไปยังชายชรา อีกทั้งไกลออกไปยังมีสายรุ้งยาวหลายร้อยเกือบพันสายปรากฏขึ้นพร้อมกัน

กระทั่งไกลกว่านั้นมีสายรุ้งเกือบหมื่นสายพุ่งออกมาพร้อมกัน ซูหมิงใจสั่นไหว ตอนที่มองไป สายรุ้งยาวเหล่านี้ก่อขึ้นเป็นร่างทั้งมวล ในนั้นแบ่งเป็นผู้อาวุโสนำ เด็กหนุ่มหลายคน อย่างน้อยก็เจ็ดแปดคน อย่างมากก็หลายสิบคน

ยามนี้ต่างพุ่งไกลออกไป ดูจากหน้าตาเด็กหนุ่มเหล่านี้แล้ว ส่วนใหญ่มีท่าทีกังวล มีไม่มากที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง

ส่วนขั้นพลังของเด็กหนุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ระดับฟ้า ยังไม่ถึงเจ้าปกครองโลก

ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนตามทุกคนไปอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งตะวันตกดิน ร่างเงาหมื่นคนมาหยุดอยู่ที่ข้างเหวลึก

“ถึงการแข่งขันแห่งเจ็ดจันทราในทุกปีอีกแล้ว ในพวกเจ้าส่วนใหญ่เข้าสำนักเกินสิบปี เมื่อก่อนก็เคยเห็นคนอื่นผ่านภัยพิบัติเจ็ดจันทรามาแล้ว วันนี้ถึงตาพวกเจ้า ศิษย์ทุกคนลงไปในเหว ในนั้นมีป้ายวิญญาณสามพันป้าย แต่พวกเจ้ามีเก้าพันกว่าคน ผู้ได้รับป้ายวิญญาณจะมีคุณสมบัติเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนัก

ผู้ไม่ได้รับป้ายวิญญาณ เก้าชั่วยามจากนี้จะกลายเป็นอาหารให้กับสัตว์แห่งเหวลึกที่นี่ พวกเจ้าก็คงจะรู้ในจุดนี้อยู่แล้ว กฏไม่เปลี่ยน ผู้ที่ถือป้ายวิญญาณเกินหนึ่งร้อยอันจะได้เข้าสำนักและถูกเลือกโดยผู้อาวุโสทุกท่านโดยตรง ได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสต่างกัน และมีแต่แบบนี้เท่านั้นพวกเจ้าถึงมีสิทธิ์ติดอันดับรายชื่อได้ฝึกฝนที่สำนักฝ่ายในหนึ่งปีซึ่งมีเพียงผู้อาวุโสแต่ละท่านเท่านั้นที่จะเป็นคนแนะนำให้ได้” ในผู้ฝึกฌานมากกว่าหมื่นคนนี้ นอกจากเด็กหนุ่มเหล่านั้นแล้ว ชายวัยกลางคนหรือชายชราที่มีพลัง ไม่ธรรมดาหลายร้อยคน ในคนเหล่านี้มีคนหนึ่งเป็นบัณฑิตวัยกลางคนชุดคลุมขาวกล่าวขึ้นเรียบๆ น้ำเสียงดังก้องไปรอบๆ

“สหายร่วมสำนักทุกท่าน แม้พวกเราจะอยู่ระดับล่างของสำนัก คอยชี้นำการฝึกฝนของศิษย์ที่เข้ามาในสำนักภายในร้อยปี แต่หากศิษย์ใต้บัญชาของแต่ละท่านมีใครที่โดดเด่น ก็อาจได้รับรางวัลจากสำนัก กระทั่งบางทียังมีโอกาสเลื่อนชั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นทุกปี ไม่รู้ว่าครั้งนี้ในพวกเราใครจะเป็นคนโชคดี

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สหายที่เลื่อนชั้นก็อย่าลืมว่าหากมีโอกาสจะต้องสนับสนุนพวกเราให้มากๆ ด้วย” บัณฑิตวัยกลางคนพูดจบก็ประสานมือคารวะผู้ฝึกฌาน หลายร้อยคนรอบๆ

ผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีสีหน้าคาดหวัง ต่างประสานมือคารวะกันและกันแล้วด้วย ความเกรงใจ

“พวกเจ้าเตรียมตัว อีกเดี๋ยวผู้อาวุโสจะมาแล้ว ถึงตอนนั้นการเข้าสำนักฝ่ายในเจ็ดจันทราจะเริ่มต้นขึ้น!” บัณฑิตวัยกลางคนยืนขึ้น กวาดสายตามองเด็กหนุ่มเกือบหมื่นที่กำลังวิตกเหล่านั้นพลางพูดขึ้นเรียบๆ ด้วยสีหน้าปกติแต่กลับน่าเกรงขาม สำหรับเด็กหนุ่มเหล่านี้แล้ว ตอนนี้เกิดความกดดันที่รุนแรงมาก

ซูหมิงอยู่ไกลออกไป มองภาพนี้เหมือนมีความคิด เขาล้มเลิกความคิดที่จะยึดร่างผู้ฝึกฌานเหล่านี้ไป ดวงตาวาววับมองฟ้า

ผ่านไปไม่นานตอนที่ดวงตะวันยามกลางวันสว่างที่สุด มองไปเหมือนสายฝนหลอมรวมกับแสงตะวันกลายเป็นสายรุ้ง ทันใดนั้นเองเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นฟ้า ฟ้าถูกฉีกออกเป็นรอยแยก ก่อนมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้นช้าๆ

คนนี้สวมชุดคลุมยาวสีฟ้า เป็นชายชราผมขาว แววตาน่าเกรงขาม ยามที่เดินออกมาช้าๆ ยังเหมือนว่าสายฝนบนฟ้าหยุดนิ่ง พริบตาที่เขาเดินออกมา ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนรวมถึงบัณฑิตวัยกลางคนประสานมือคารวะไปบนฟ้าพร้อมกันด้วย ความเคารพ

“พวกเรา…ขอคารวะผู้อาวุโสเหวิน!”

ชายชราชุดคลุมฟ้าพยักหน้าช้าๆ ตอนที่กวาดสายตามองเด็กหนุ่มเกือบหมื่น บนแผ่นดิน นัยน์ตายังฉายแววรวดเร็วและดุดัน

“วันนี้เป็นการทดสอบเข้าสำนักฝ่ายในของพวกเจ้า ผู้สำเร็จจะได้เข้าสำนักฝ่ายใน คนเข้าสำนักฝ่ายในได้จะเป็นศิษย์ที่สำนักเจ็ดจันทราให้คุณค่ามากที่สุด พวกเจ้าจะเป็นอนาคตของสำนักเจ็ดจันทรา

ในการทดสอบทุกปี คนที่เป็นศิษย์ฝ่ายในล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ ในพันปีจะมีคนบรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าว กระทั่งหากเป็นผู้ที่ได้รับป้ายวิญญาณร้อยอันจะได้เข้าสำนักฝ่ายในโดยตรง ผู้อาวุโสทุกท่านจะเลือกเป็นศิษย์ด้วยตัวเอง หากมีพรสวรรค์มากพอก็จะได้ติดรายชื่อฝึกฝนฟ้าเหนือฟ้าของสำนักฝ่ายใน ร้อยปีก็บรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าว…ในประวัติศาสตร์ของสำนักเจ็ดจันทราเรามีปรากฏมาแล้วทั้งหมดสิบสองท่าน!

ตอนนี้ การคัดเลือกแห่งสำนักฝ่ายในเจ็ดจันทราเริ่มได้!” ชายชราชุดคลุมฟ้า เอ่ยขึ้นพร้อมสะบัดแขนเสื้อ เหวลึกบนแผ่นดินเกิดเสียงดังสนั่นฟ้า หมอกภายใน เหวลึกหมุนตลบ พริบตาเดียวก็กลายเป็นน้ำวนยักษ์ เด็กหนุ่มเกือบหมื่นที่ยืนอยู่ข้างเหวลึกต่างหน้าขาวซีด ถูกแรงดูดจากน้ำวนกระชากเข้าไปทั้งหมด

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขามองชายชราชุดคลุมฟ้าที่น่าเกรงขามยิ่งบนฟ้า คนนี้บรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าวแล้ว แต่กลับเป็นเพียงตอนต้นเท่านั้น การที่ซูหมิงจะสังหารอีกฝ่าย แม้ตอนนี้เขาจะไม่มีดวงจิตก็ตาม แต่ด้วยพลังของจิตเต๋าก็ใช้แค่การดีดนิ้วสังหารได้

‘สำนักเจ็ดจันทรานี้ลึกลับไม่อาจคาดเดา ผู้แข็งแกร่งในนั้นดุจดั่งเมฆา…ผู้มีจิตเต๋าก็ไม่รู้ว่ามีเท่าไร หากยึดร่างชายชราคนนี้ ต่อให้มีโอกาสชิงดวงจิตกลับมา เกรงว่าคงยากจะหนีรอด…อีกอย่างไข่มุกนั่นอยู่ในมือชายชุดคลุมแดง เลยยากจะแย่งมาได้

ดูท่า ในเมื่อเลือกใช้วิธียึดร่างเข้าสำนักเจ็ดจันทรา เช่นนั้นหากจะยึดร่างชายชราคนนี้ สู้ยึดร่างจากเด็กหนุ่มเหล่านั้นจะดีกว่า…

ร้อยปีบรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าว มีเพียงสิบสองคนรึ หากข้าใช้ฐานะศิษย์บรรลุถึงจิตเต๋าชั้นหนึ่งในร้อยปี ไม่รู้ว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนมากเพียงใดในสำนักเจ็ดจันทรา แบบนี้จะมีโอกาสมากกว่าที่จะเข้าใกล้ชายชุดคลุมแดงคนนั้น!’ ซูหมิงตรึกตรองอยู่ ชั่วครู่ ดวงตาพลันวาววับเผยประกายเด็ดขาด ก่อนขยับวูบไหวพุ่งเข้าไปในน้ำวน เหวลึกนั้น

ด้วยพลังของเขา หากไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอย คนที่นี่ ต่อให้เป็นชายชรา ชุดคลุมฟ้าก็ไม่มีทางมองเห็นแม้แต่น้อย ปล่อยให้ซูหมิงขยับวูบไหวหายเข้าไปกลางหมอกเหวลึก

เมื่อเข้ามาในเหวลึก ซูหมิงดิ่งลงไปข้างล่างตลอดทาง ระหว่างทางเขาเห็นว่าบนหน้าผาสองข้างมีรอยแยกอยู่แห่งหนึ่ง มีศพเด็กหนุ่มนอนอยู่ในนั้นร่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้ซูหมิงเคยเห็นเขามาก่อน เป็นเด็กหนุ่มที่ถูกเด็กสาวควบคุมร่างปานหุ่นเชิด

ตอนนี้ทั่วร่างเด็กหนุ่มแห้งเหี่ยวกลายเป็นซากศพ ราวกับพลังชีวิตถูกวิชาลับ ช่วงชิงไปเพื่อกระตุ้นพลังตัวเองในเวลาสั้นๆ

ซูหมิงกวาดสายตามองแต่ก็ไม่ได้สนใจ เขาพุ่งลงไปข้างล่างต่อ ไม่กี่ลมหายใจตรงหน้าเขาปรากฏเป็นปราการไร้รูปที่คนอื่นยากจะสังเกตเห็นหนึ่งชั้น

ปราการนี้ไม่มีผลในการขวาง แต่เป็นการแบ่งแยก เหมือนจะแยกโลกเหวลึกออกเป็นสองส่วน ทันทีที่เข้าไปใกล้ปราการนั้น ซูหมิงหยุดชะงัก ลอยอยู่บนปราการ ดวงตาแวววาว ก่อนยกมือขวากดปราการพร้อมหลับตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงลืมตาขึ้น คิ้วขมวด

‘สำนักเจ็ดจันทราให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มเหล่านี้มากจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าในโลกแห่งการฝึกฝนหลังปราการนี้จะมีจิตเต๋าสิบกว่าดวงคอยสังเกตทุกอย่างในนั้นตลอดเวลา…

ในจิตเต๋าเหล่านี้มีสามดวงที่แกร่งมาก หากข้าสะเพร่าบุกเข้าไป หากไม่ยึดร่างคงไม่เป็นไร แต่หากยึดร่าง เกรงว่าจะถูกสังเกตเห็น…’ ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ในใจพลันสั่นไหว เขาเงยหน้าขึ้นมองรอยแยกที่มีศพเด็กหนุ่มข้างบนหน้าผาเหวลึก

“เจ้ากับข้าคงมีชะตาต้องกัน เช่นนั่นก็ขอใช้ร่างที่ตายไปแล้วของเจ้า… ให้รูปลักษณ์เจ้ากลายเป็นโอรสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์สำนักเจ็ดจันทรา!” ซูหมิงกล่าวขึ้นเรียบๆ ก่อนพุ่งตรงไปข้างบน

เวลานี้ภายในสำนักเจ็ดจันทรา บนลานยักษ์ที่ซูหมิงใช้จิตสัมผัสมอง ชายชุดคลุมแดงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รอบตัวเขามีผู้ฝึกฌานหญิงชายที่มีสีหน้าเรียบนิ่งสิบกว่าคน ส่วนใหญ่นั่งขัดสมาธิอย่างเฉยชา ทว่าทุกคนจะมองบนผลึกยักษ์ก้อนหนึ่งที่ลอยอยู่กลางลาน

ผลึกนั้นมีภาพอยู่นับไม่ถ้วน ในทุกภาพจะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ภาพเกือบหมื่น…คือทุกอย่างในเหวลึกตอนนี้

“สตรีคนนี้ไม่เลว หาป้ายวิญญาณเจอได้เร็วขนาดนี้เชียว”

“เด็กคนนี้ก็ดีมาก นิสัยเหี้ยมโหด ลงมือเด็ดขาด หากพรสวรรค์ไม่เลวคงจะเหมาะนำมาบ่มเพาะ” สิบกว่าคนต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้าเฉยชาบนลาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version