ตอนที่ 1386 แสดงให้เห็น
“ที่ข้าแปลกใจคือ เขาไม่เก็บป้ายวิญญาณเข้าถุงเก็บวัตถุ แต่เอามาถือในมือ” ชายหนุ่มที่นั่งข้างชายชุดคลุมแดงในสิบกว่าคนยิ้มมุมปากเย็นชา เขายิ้มพูดขึ้น เพียงแต่รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
“ฮ่าๆ ในเมื่อพวกเจ้าไม่สนใจเขา เช่นนั้นข้าขอจองเขาไว้ก่อน” บัณฑิตอาภรณ์ฟ้ายิ้มแล้วยกมือขวาขึ้นชี้ผลึกหิน ภาพซูหมิงในนั้นพลันลอยขึ้นมาเดี่ยวๆ แขวนอยู่ตรงหน้าบัณฑิตคนนี้
พริบตาที่บัณฑิตให้ภาพซูหมิงลอยออกมาเดี่ยวๆ ทันใดนั้นแผ่นดินรอบตัวซูหมิงเกิดการสั่นสะเทือน มองไกลๆ มีร่างเงาสิบกว่าคนปรากฏขึ้นพร้อมกับพุ่งตรงไปหาซูหมิง
ร่างเงาเหล่านี้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันยิ่ง จากนั้นจิตสังหารแรงกล้าอบอวลไปรอบๆ ทันที แต่ซูหมิงกลับไม่หน้าเปลี่ยนสีแม้แต่น้อย จนกระทั่งร่างเงาสิบกว่าคนนั้นเข้ามาใกล้แล้ว ซูหมิงในภาพยกมือขวาขึ้น ก้มหน้ากดมือลงแผ่นดิน
เมื่อกดไปพลันเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง เกิดพายุหมุนขึ้นถาโถมไปรอบๆ ปกคลุมภาพนี้ หลายลมหายใจต่อมา ตอนที่พายุหมุนกลางภาพหายไป มันได้ทิ้งซากศพที่ไม่มีโลหิตเหลืออยู่ร่างหนึ่งบนพื้น และยังมีจันทร์โลหิตที่ใหญ่กว่าเมื่อครู่อีกเท่าตัวอยู่ไกลๆ ซึ่งกำลังตรงเข้ามาปกคลุมร่างซูหมิง
และยังมีป้ายวิญญาณในมือซูหมิงภายในจันทร์โลหิต ตอนนี้ไม่ใช่สามอันแล้ว แต่มีหกอันกระทบกันส่งเสียงติงๆ ชัดเจน
และด้วยความที่บัณฑิตอาภรณ์ฟ้าดึงภาพซูหมิงออกมา จึงดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสสิบกว่าคนโดยรอบทันที แต่ละคนดวงตาพลันเป็นประกาย
มีเพียงชายชุดคลุมแดงรวมถึงสตรีที่งดงามที่สุดในหมู่คนที่นี่ตรงข้ามเขาเท่านั้นที่ยังคงหลับตานั่งฌาน ไม่มองแม้แต่หางตา
ความงามของหญิงคนนั้นเหมือนว่าไม่ควรปรากฏในโลก มันมากพอจะทำให้ ทุกสิ่งมีชีวิตเห็นแล้วต้องใจสั่นไหว นางสวมชุดกระโปรงสีม่วง นั่งขัดสมาธิราวกับ ดอกโบตั๋นล้ำค่า อีกทั้งตรงระหว่างคิ้วยังมีผลึกอีกหลายชิ้น ราวกับสะท้อนเป็นใบหน้าของทุกชีวิต
“เขามีนามว่าอะไร?”
“คนนี้…หวังเทา บนนามของเขาตอนนี้มีป้ายวิญญาณหกอันแล้ว”
“นี่ไม่ใช่พลังของระดับฟ้าแล้ว นี่มัน…เกือบเจ้าปกครองโลก”
“ไม่ผิด โลหิตเจ็ดจันทราก็ดี มารปฐพีระแหงก็ดี เขาแสดงพลานุภาพของอภินิหารสองแขนงนี้ได้เหนือกว่าระดับฟ้าแล้ว”
ระหว่างที่ผู้อาวุโสสิบกว่าคนนั้นกำลังคุยกัน ภาพของซูหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ตรงหน้าเขามีภูเขาลูกหนึ่ง บนภูเขามีร่างเงาสูงยาวร่างหนึ่ง ร่างนั้นดูเหมือนไม่ใช่เด็กหนุ่มอีก แต่เป็นชายหนุ่ม
ตอนนี้เขากำลังจ้องซูหมิงตาเขม็ง
“นี่คือโฉ่วอู เขาได้ป้ายวิญญาณไปแปดอันแล้ว เป็นผู้โดดเด่นในการฝึกครั้งนี้ ไม่รู้ว่าระหว่างเขากับหวังเทาจะเป็นอย่างไร” ช่วงที่ผู้อาวุโสสิบกว่าคนนั้นมองไป ภายในเหวลึก ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ มองชายหนุ่มบนยอดเขาตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา
“เจ้าน่าจะรู้จักข้า ส่งป้ายวิญญาณของเจ้ามาแล้วไสหัวไป ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ให้เวลาเจ้าแค่สามลมหายใจ!” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงโอหัง ขณะเอ่ย ซูหมิงมีสีหน้าปกติ แววตาเย็นชาไม่วูบไหว สามลมหายใจผ่านไปในพริบตา ชายหนุ่มยิ้มเยาะ ก่อนขยับวูบเป็นสายรุ้งยาวพุ่งมายังจันทร์โลหิตที่ปกคลุมซูหมิง
“เจ้ารนหาที่…” ชายหนุ่มยังพูดไม่จบซูหมิงก็เดินหน้าหนึ่งก้าวแล้ว เขายกมือขวาที่ถือป้ายวิญญาณขึ้นมาคว้าคอชายหนุ่มทำให้คำพูดอีกฝ่ายเงียบลง ในเวลาเดียวกันเกิดการปะทุพลังในตัวซูหมิง ทะลวงผ่านระดับฟ้า เผยกลิ่นอายพลังเจ้าปกครองโลก!
เมื่อกลิ่นอายพลังแผ่มา ชายหนุ่มที่ซูหมิงใช้มือขวาบีบคอพลันตัวสั่น ดวงตานูนออกมา ฉายแววตกใจกลัว โลหิตเริ่มไหลจากทวารทั้งเจ็ด รูขุมขนทั่วร่างอัดแน่นไปด้วยโลหิตจำนวนมาก นั่นคือโลหิตในร่างไหลย้อนกลับออกมาจากในร่างกายทั้งหมด โลหิตแต่ละหยดกลายเป็นเส้นเลือดพุ่งตรงไปที่จันทร์โลหิตนอกตัวซูหมิง เพียงไม่กี่ลมหายใจ โลหิตทั่วร่างชายหนุ่มเหือดแห้ง ถูกจันทร์โลหิตของซูหมิงสูบไปจนหมด
ซูหมิงคลายมือขวาออก ร่างชายหนุ่มแห้งเหี่ยวร่วงลงพื้น ซูหมิงใช้มือขวาคว้าอากาศ ถุงเก็บวัตถุของชายหนุ่มลอยออกมา เขาตบไปทีหนึ่ง นำป้ายวิญญาณเจ็ดอันในนั้นมาถือไว้ในมือรวมเป็นสิบสามอัน
ภาพนี้อยู่ในสายตาผู้อาวุโสสิบกว่าคนบนลาน แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี
“ทะลวงพลังแล้วรึ? ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะใช้วิชาโลหิตเจ็ดจันทราได้ถึงขนาดนี้!”
“เขามีพรสวรรค์อะไรกัน ไม่คิดเลยว่าจะทะลวงพลังแบบนี้?”
“ป้ายวิญญาณสิบสามอัน เขาอยู่อันดับสิบสองแล้ว!”
“เพิ่มอีกแล้ว ตอนนี้มีป้ายวิญญาณสิบสี่อัน!”
“สิบหก!” ผู้อาวุโสรอบๆ บนลานนี้แทบจะมองซูหมิงทั้งหมด พวกเขาเห็นซูหมิงทะลวงพลังแล้วก็เร็วขึ้นกว่าเดิม มองไกลๆ จะเหมือนจันทร์โลหิตลอยอยู่กลางฟ้า เปล่งแสงประหลาด ระหว่างที่เขาห้อเหยียดอยู่ในแดนทดสอบก็พบกับคนจำนวนหนึ่ง เมื่อสูบโลหิตไปจนหมดแล้วจึงทำให้จันทร์โลหิตใหญ่ขึ้น ทั้งยังได้ป้ายวิญญาณมาอีกหลายอัน
ซูหมิงรู้อยู่นานแล้วว่าเป็นที่จับตามองของผู้อาวุโสบนลานเหล่านั้น เขาเข้าใจว่าคนเหล่านั้นจะต้องเห็นตนแน่ ดังนั้นถึงได้ดำเนินแผนการขั้นต่อไป
ส่วนปัญหาเรื่องฐานะเปิดเผย ซูหมิงมีความมั่นใจในพรสวรรค์ยึดร่างของตนว่าจะไม่ถูกมองออกง่ายขนาดนั้น สิ่งที่แววตาเขาสับสนเพียงอย่างเดียวก็คือศิลาหินที่เห็น ในซากปรักหักพังก่อนหน้านี้ ศิลาหินนั้นกลายเป็นหนักอึ้ง ตอนนี้ถูกฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจเขา
เขาเดินหน้าไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วบนฟ้า แผ่ขยายจิตสัมผัสเทียบเท่ากับเจ้าปกครองโลก ใช้ป้ายวิญญาณสิบกว่าอันในมือเป็นเหยื่อล่อ ตลอดทางจึงเจอกับคนที่มั่นใจในพลังมาแย่งชิงไม่น้อย
‘วิชาโลหิตเจ็ดจันทรามีพลานุภาพไม่ธรรมดา’ ซูหมิงก้าวเดินพลางมอง จันทร์โลหิตที่มีขนาดเกือบหกจั้งแล้ว เขารู้สึกว่าพลานุภาพของมันแกร่งขึ้นไม่หยุดโดยรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับว่ากลายเป็นจันทร์โลหิตจริงๆ ลอยสูงอยู่บนฟ้าดูเด่นตายิ่ง โดยเฉพาะ ป้ายวิญญาณสิบกว่าอันในมือเขา มันมากพอจะทำให้หลายคนจ้องหาโอกาสเงียบๆ
สามชั่วยามต่อมา ป้ายวิญญาณในมือซูหมิงมีถึงสามสิบเอ็ดอันแล้ว บนป้ายวิญญาณเหล่านั้นเปื้อนโลหิต กระทบกันเกิดเสียงติงๆ ซ้ำยังเหมือนแฝงไว้ด้วยความรู้สึกของการสังหาร ทำให้คนเหล่านี้เห็นร่างเงาซูหมิงแล้ว เดิมทีจะพุ่งเข้ามา ทว่าพอเห็น ป้ายวิญญาณในมือซูหมิง เหงื่อเย็นๆ ก็ชโลมไปทั่วร่าง ตกใจสะดุ้งหมุนตัวหนีไป
ซูหมิงไม่ได้ตามคนที่หนีไปเหล่านี้ ความจริงป้ายวิญญาณสามสิบกว่าอันที่ได้มานี้เขาไม่ได้ลงมือเองด้วยซ้ำ แต่คนอื่นเข้ามาใกล้ด้วยจิตสังหารและละโมบ จึงถูกเขาสังหารและชิงมา
แต่ไม่นานนักคนที่เขาพบก็น้อยลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเวลาผ่านไป ศิษย์ที่เข้ามาทดสอบที่นี่บ้างก็ตาย บ้างก็ได้ป้ายวิญญาณหนึ่งอันแล้วเลือกซ่อนตัว หากไม่ถึง ช่วงสุดท้ายก็จะไม่ออกมา
ตอนนี้คนที่ยังบินอยู่บนฟ้าก็เป็นพวกที่มั่นใจในพลังตัวเอง อยากจะได้ป้ายวิญญาณเยอะขึ้น เพื่อเป็นผู้ครองป้ายวิญญาณร้อยอันที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นในการทดสอบทุกครั้ง
หรือไม่ก็เป็นกลุ่มผู้ฝึกฌานที่ทำข้อตกลงกัน รวมกันเป็นกลุ่ม ใช้จำนวนคนเอาชนะ ใช้คนหลายคนรวบรวมป้ายวิญญาณ ผู้ฝึกฌานแบบนี้อย่างน้อยก็สามถึงห้าคน อย่างมากก็หลายสิบเกือบร้อยคน หากเจอกันส่วนใหญ่มักจะเลี่ยง หากไม่ถึง ช่วงสุดท้ายจะไม่เกิดการเข่นฆ่าที่บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
คนที่เดินทางคนเดียวแบบซูหมิงพูดได้ว่าแทบจะไม่มี ประกอบกับป้ายวิญญาณสามสิบกว่าอันในมือเขาที่กระทบกันส่งเสียงดังรวมถึงจำนวนของป้ายวิญญาณ ทำให้แม้จันทร์โลหิตนอกตัวซูหมิงจะน่าตกใจ แต่หากศิษย์ที่รวมเป็นกลุ่มเหล่านั้นพบเข้าก็คงยากจะห้ามใจไม่ไปช่วงชิง
อย่างเช่นตอนนี้ ตรงหน้าซูหมิงมีศิษย์หลายสิบคน แต่ละคนจ้องซูหมิงตาเขม็ง โดยเฉพาะตอนที่เห็นป้ายวิญญาณในมือขวา แต่ละคนเผยความละโมบ
ซูหมิงมองหลายสิบคนนี้แวบหนึ่งแล้วขยับตัว เขาไม่ได้ลงมือ แต่กลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป มองไกลๆ จันทรโลหิตกลายเป็นรอยเลือด ซูหมิงอยู่ข้างหน้า ศิษย์หลายสิบคนนั้นอยู่ข้างหลัง
เขาห้อทะยานไปตลอดทาง ราวหนึ่งก้านธูปต่อมาก็มีกลุ่มอีกหลายสิบคนพบซูหมิง จึงเข้าร่วมการแย่งชิงอย่างไม่ลังเล
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ภายใต้การไล่ล่า และภายใต้การควบคุมเจตนาของซูหมิง ไม่นานข้างหลังเขามีศิษย์เกือบสามร้อยคนแล้ว กระทั่งไกลออกไปยิ่งกว่ายังเห็นสายรุ้งยาวกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ล้อมรอบเป็นวงกลมรางๆ
‘น่าจะพอแล้ว’ ซูหมิงหยุดลง หมุนตัวกลับพลางยิ้มเยาะมุมปาก แม้คนเหล่านี้ จะมีขั้นพลังต่ำเตี้ย แต่ซูหมิงกลับไม่ใส่ใจเกียรติที่ผู้แข็งแกร่งห้ามสังหารผู้อ่อนแอแม้แต่น้อย ในเมื่อพวกเจ้าเลือกล่วงเกิน เช่นนั้นก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องตาย
เมื่อซูหมิงหมุนตัวกลับ เขายกมือขวาขึ้นคว้าไปยังจันทร์โลหิตนอกตัวก่อนกระชากลงข้างล่าง จันทร์โลหิตพลันระเบิดออกเป็นหยดโลหิตนับไม่ถ้วนกระจายไปรอบๆ พร้อมเสียงครึกโครม
ขณะเดียวกันในสายตาผู้อาวุโสสิบกว่าคนบนลานนั้น หลังพวกเขาเห็นซูหมิงถูกบีบจนเกือบถึงทางตันจนหนีไปไม่ได้แล้วนั้น ขั้นพลังซูหมิง…พลันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!
จากเจ้าปกครองโลกตอนต้นบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลาง จากนั้นก็เริ่มการสังหารที่ต่อให้เป็นพวกเขาก็ยังหน้าเปลี่ยนอารมณ์ การสังหารแบบนี้ดำเนินมา ครึ่งก้านธูปรอบตัวซูหมิงถึงสงบลง จากนั้นเขาสะบัดสองมือ จันทร์โลหิตยักษ์ขนาดสามสิบกว่าจั้งปรากฏรอบตัว ปกคลุมเขาเอาไว้ภายใน ทำให้ศิษย์ที่อยู่ไกลออกไป เดิมทีจะเข้ามา ตอนนี้ต่างตกใจกลัว รีบหมุนตัวกลับหนีไปอย่างไม่ลังเล