Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1387

ตอนที่ 1387 ผู้อาวุโสหลัน

“ไม่อยากเชื่อว่าจะทะลวงพลังอีกครั้งแล้ว เรื่องนี้ตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการทดสอบ!”

“มีปัญหา มันแปลกๆ!”

“คุณสมบัติของเด็กคนนี้ เว้นแต่จะหายากในช่วงหลายหมื่นปีมานี้กระทั่งนานกว่านั้น มิเช่นนั้นในตัวเขาจะต้องมีอะไรแปลกปลอมอยู่แน่นอน”

“หากไม่มีอะไรแปลกปลอม เด็กคนนี้…ข้าจะเป็นอาจารย์เขา!” ยามนี้ผู้อาวุโส สิบกว่าคนบนลานต่างไม่มองภาพอื่น แต่ล้วนมองภาพของซูหมิง

การทะลวงพลังสองครั้งของซูหมิงแบบนี้ แม้ในสายตาพวกเขาจะเป็นเพียงขั้นพลังอ่อนแอ ทว่าในด้านความหมายกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงทำให้ พวกเขาสนใจอย่างยิ่ง

เป็นที่รู้ว่าในตำนานของสำนักเจ็ดจันทรา ตัวประหลาดสิบสามคนที่บรรลุถึง ขั้นไม่อาจกล่าวในร้อยปีตอนนี้บรรลุถึงขอบเขตวิญญาณเต๋าแล้ว หกคนในนั้นฝึกฝนฟ้าดินอยู่สำนักฝ่ายในตลอดปี คนที่เจ็ด…ยามนี้อยู่ข้างกายพวกเขา นั่นคือ ชายชุดคลุมแดงคนนั้น

พวกเขาเจ็ดคนนี้เคยแสดงคุณสมบัติน่าตกใจในการทดสอบนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้สร้างความน่าเหลือเชื่ออย่างเช่นซูหมิง

ขณะที่พวกเขาตื่นตกใจ ซูหมิงกลายเป็นจันทร์โลหิตยักษ์สามสิบกว่าจั้ง แทบจะเป็นฝันร้ายในโลกทดสอบแห่งนี้ จุดที่ผ่านจะมีศิษย์น้อยคนมากที่จะกล้าล่วงเกิน พอเห็นแล้วจะหมุนตัวหนีไปด้วยความกลัว

การต่อสู้ของหลายร้อยคนก่อนหน้านี้ทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกทุกคนต่างใช้วิธีจิตสื่อสารบอกกับสหายร่วมสำนักเกี่ยวกับชื่อเสียงของซูหมิงในเวลาสั้นๆ ดังนั้นแล้วจันทร์โลหิตจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่ง…สัญลักษณ์ที่ห้ามล่วงเกินอย่างเด็ดขาด!

และในมือซูหมิงตอนนี้ถือป้ายวิญญาณถึงหนึ่งร้อยสี่สิบกว่าอันแล้ว!

ป้ายวิญญาณเหล่านั้นกระทบกันเกิดเสียงดังแว่วจากกลางจันทร์โลหิต กึกก้องไปรอบๆ เสียงไพเราะในตอนนี้ไม่ได้ทำให้คนที่ได้ยินเกิดความโลภ แต่เป็นหวาดกลัว

จันทร์โลหิตดวงนั้นยังกลายเป็นฝันร้ายในโลกทดสอบนี้

จนกระทั่งผ่านไปอีกสองชั่วยาม ซูหมิงหยุดเดินหน้า มองไกลออกไป เห็นเพียงว่าไกลๆ มีสายรุ้งยาวหลายสายเข้ามา มีทั้งหมดห้าคน เดิมทีกำลังตรงมาหาตน แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนทิศทางไปอย่างรวดเร็ว

คนนำหน้าเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง นางคือคนที่ก่อนหน้านี้สูบพลังชีวิตเด็กหนุ่มคนที่ซูหมิงยึดร่าง และสี่คนข้างกายเด็กสาวก็ล้วนแล้วแต่รู้จักกับเด็กหนุ่มที่ซูหมิงยึดร่าง

ห้าคนนี้เห็นจันทร์โลหิตอยู่ไกลๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ทว่าช่วงที่พวกเขาหมุนตัวจะเปลี่ยนทิศทางนั้น ซูหมิงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ทำให้ใบหน้าเขาในจันทร์โลหิตเด่นชัดในสายตาห้าคนนี้

พอเห็นหน้าตาซูหมิงชัด คนเหล่านี้ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ดูตกใจกลัว โดยเฉพาะเด็กสาว ตอนนี้มีสีหน้าราวกับเห็นผี นางหยุดชะงักในทันใด มองซูหมิง อย่างเหลือเชื่อ

“จะ…เจ้ายังไม่ตาย!” เด็กสาวสูดลมหายใจเข้า ก้าวถอยไปสองก้าวพลางกล่าวขึ้นโดยจิตใต้สำนึก

เดิมทีซูหมิงมีสีหน้าเย็นชามาตลอด แต่ตอนนี้ใจสั่นไหว มีสีหน้าเคียดแค้น ทว่าความเคียดแค้นนี้กลับทำให้เด็กสาวถอนหายใจโล่งอก

ขณะเดียวกันผู้อาวุโสสิบกว่าคนบนลานก็เห็นความเคียดแค้นนี้ชัดเจนเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันพวกเขายังเห็นซูหมิงในภาพขยับวูบไหวไปข้างหน้า ตอนที่เกิดเสียงครึกโครมยังมีเสียงร้องโหยหวนดังก้องตามมา เมื่ออยู่ในมือซูหมิง เด็กสาวก็ดี ศิษย์คนอื่นข้างกายก็ดี ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ซูหมิงอย่างที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นคิดไว้อยู่แล้ว

แต่ทันทีที่ซูหมิงจะสังหารเด็กสาวคนนั้น ชายชุดคลุมแดงที่นั่งอยู่สุดบนลานพลันลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก เขายกมือซ้ายชี้ภาพซูหมิง เด็กสาวในภาพนั้นพลันบิดเบี้ยวก่อนหายไปตรงหน้าซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าอึ้งอย่างที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นคิด เขามองไปรอบๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนเป็นสายรุ้งยาวบินไปด้วยสีหน้าลังเล

บนลาน ตอนนี้ผู้อาวุโสสิบกว่าคนนั้นเงียบ ต่างมองชายชุดคลุมแดงพร้อมกัน ตอนนี้เด็กสาวคนนั้นมีสีหน้าตื่นกลัวอยู่ตรงหน้าชายชุดคลุมแดง ไม่รู้ว่าชายชุดคลุมแดงใช้วิธีอะไรดึงนางมาที่นี่

เด็กสาวคนนั้นยังไม่ทันกล่าว ชายชุดคลุมแดงก็ยกมือขวาขึ้นกดกลางกระหม่อมเด็กสาวอย่างเย็นชา

เด็กสาวกรีดร้องเสียงแหลม ร่างกายนางบิดเบี้ยวและสั่นไหว มีเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้า นี่คือชายชุดคลุมแดงกำลังค้นความทรงจำทั้งหมดของนางอย่างละเอียด

เพียงไม่กี่ลมหายใจ เด็กสาวตัวสั่นงันงก ทั้งตัวสลายหายไปในมือชายชุดคลุมแดง

“หวังเทา เข้าสำนักมาสิบเจ็ดปี มีคุณสมบัติที่ไม่เลว แต่มีนิสัยขี้ขลาด ถูกสหายร่วมสำนักใช้วิชาลับควบคุมร่างกายก่อนการทดสอบ ถูกชิงพลังชีวิตและพลัง แลกเป็นพลังให้แก่เด็กสาวคนนี้สิบชั่วยาม เดิมทีเขาตายไปแล้ว แต่กลับยังมีชีวิต เรื่องนี้ตัดสินไม่ยาก…” ชายชุดคลุมแดงดวงตาวาววับ เขามองสตรีที่มีใบหน้างดงามยิ่งที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามตน

“ขอให้อาวุโสหลันใช้วิชาตรวจสอบด้วย”

ตอนนี้สตรีผู้มีใบหน้างดงามยิ่งคนนั้นลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก นางมองภาพของ ซูหมิง ในแววตาเกิดประกายจำลองภาพขึ้น ผ่านไปพักหนึ่งถึงหลับตาลง

“คนนี้มีพรสวรรค์ซ่อนเอาไว้อยู่ หลังพรสวรรค์พังลงแล้วจึงเกิดเป็นรูปแบบชะตา เป็นโชควาสนาในชีวิต เทียนอี้หนึ่งในสี่จิตวิญญาณอยู่กับเขา”

“หมายความว่าอย่างไร?” ชายชุดคลุมแดงถามขึ้นช้าๆ

“ชะตาที่ดีไม่อาจยกระดับให้สูงขึ้นได้ นับว่าหายากในแคว้นกู่จั้ง หนึ่งความคิดทำให้รุ่งเรืองหรือเสื่อมถอย หากคิดรุ่งเรืองจะทำให้สำนักเจริญถึงขีดสุด หากคิดเสื่อมถอยสำนักจะเป็นซาก ร่างแห่งโชคชะตา…สังหารลงทัณฑ์สวรรค์ ถูกสังหารก็คล้อยตามเต๋า อธิบายไม่ได้” หญิงผู้มีใบหน้างดงามยิ่งตอบกลับเสียงเบา นางหลับตาลง ปกปิดความสับสนและตื่นตะลึงในแววตา

คำพูดนางทำให้ผู้อาวุโสสิบกว่าคนรอบตัวนั้นเงียบ มีสีหน้าเหลือเชื่อ แม้แต่ ชายชุดคลุมแดงยังดวงตาขยับประกายวาว

“ผู้อาวุโสหลันไม่เคยคาดการณ์รูปแบบชะตาเช่นนี้มาก่อน…”

“ข้าต้องการเด็กคนนี้ ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์!” บัณฑิตอาภรณ์ฟ้ากล่าวอย่างเด็ดขาด เมื่อสิ้นเสียง ผู้อาวุโสรอบๆ ต่างดวงตาแวววาว มองภาพซูหมิงพร้อมกัน

“ไม่ได้ นิสัยเด็กคนนี้เหมาะกับวิชาข้า ให้ข้าเป็นอาจารย์เขาดูจะเหมาะสมกว่าเล็กน้อย”

“ตลก เดิมทีข้าเห็นเด็กคนนี้ก่อน จะไปยอมให้อยู่ในมือคนอื่นได้อย่างไร เห็นครั้งแรกก็เป็นวาสนาให้ได้มาเจอกันแล้ว วาสนานี้กล่าวมิได้ เด็กคนนี้ติดตามข้า จะต้องบรรลุขั้นไม่อาจกล่าวแน่นอน!”

ผู้อาวุโสสิบกว่าคนนั้นพากันพูดขึ้น พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับซูหมิง แต่เป็น…คำพูดเกี่ยวกับรูปแบบชะตาที่ผู้อาวุโสหลันคาดการณ์ต่างหาก!

“เอาล่ะ ข้าจะรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์เอง!” ชายชุดคลุมแดงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นช้าๆ สิ้นเสียง ผู้อาวุโสรอบๆ พลันเงียบลง แม้ในใจจะไม่ยอมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดต่ออีก

มีเพียง…

“รูปแบบชะตาเจ้าเป็นปฏิปักษ์กับเด็กคนนี้ หากได้พบจะต้องตาย ให้เขาเป็นศิษย์ของข้าจะดีกว่า” หญิงผู้มีใบหน้างดงามยิ่งลืมตาขึ้นแล้วพูดเสียงเบาด้วยสีหน้า ยึดมั่นและเด็ดขาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version