ตอนที่ 1417 เสียงวิญญาณเต๋า
ซูหมิงบีบแผ่นหยกพลางหลับตาลงอีกครั้ง นั่งฌานเพื่อให้ขอบเขตวิญญาณเต๋าเสถียรภาพในฟ้าเหนือฟ้าชั้นหก รอสำนักเจ็ดจันทราจัดการเรื่องเคาะเสียง วิญญาณเต๋า
เขาไม่เคยสนใจเรื่องแย่งชิงบัลลังก์จักรพรรดิแคว้นกู่จั้งแม้แต่น้อย ชิงบัลลังก์ก็ดี สังหารก็ดี ทุกอย่างนี้ในมุมมองซูหมิงคือกลอุบายที่ใช้ยกระดับพลัง เป็นเส้นทางที่สุดท้ายได้ยึดร่างเสวียนจั้ง!
บนเส้นทางนี้ ไม่ว่าใครขวางอยู่ต้องถูกเขาสังหาร!
สังหารทุกคนที่ขวาง เหยียบหินทุกก้อนที่ขวาง เขาต้องยืนอยู่บนฟ้า ชำเลืองตามองฟ้าดิน! ดังนั้นเขาถึงเห็นด้วยกับวิธีของกู่ไท่ในการชิงบัลลังก์!
แต่ว่าในใจเขา นี่ไม่ใช่การชิงบัลลังก์ แต่เป็นเส้นทางเพื่อพลังตัวเอง นี่คือ…เส้นทางการยึดร่างเสวียนจั้ง!
ต่อให้โลกนี้สมจริงกว่านี้อีก แต่ที่นี่ไม่มียอดเขาลำดับเก้า ไม่มีเผ่าหมาน ไม่มีร่างเงาสตรีเหล่านั้นของเขา
แม้ว่า…จะพบคนจำนวนหนึ่งที่นี่ ได้เห็นใบหน้าคุ้นตาเล็กน้อย แต่ซูหมิงก็ยังเชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ของเขา!
บ้านของเขาคือ ยอดเขาลำดับเก้ามาโดยตลอด บ้านของเขาคือมหาโลกสามรกร้าง!
โดยเฉพาะเมื่อได้สี่ดวงจิตโลกแท้จริงกลับมา ความรู้สึกนี้เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทำให้ซูหมิงชัดเจนต่อเส้นทางในอนาคตมากขึ้น กลายเป็นแรงผลักดันที่ ค้ำยันให้เขาเดินต่อไปได้ชั่วนิรันดร์!
การขึ้นลงของความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงส่วนลึกในใจ ซูหมิงเรียนรู้การไม่เผยมาทางสีหน้าแล้ว มีเพียงในดวงตาสองข้างที่ปิดลง กลางดวงตาที่คนนอกมองไม่เห็นถึงจะมีความคลุ้งคลั่งที่แผดเผาหนึ่งชีวิต
เวลาผันผ่านไปหนึ่งเดือน ยามเช้าตรู่หลังผ่านมาหนึ่งเดือน ทั้งฟ้าเหนือฟ้าชั้นหกเหมือนเผาไหม้ ช่วงที่กลายเป็นสีแดง เสียงกู่ไท่ที่แฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมานาน ดังกึกก้อง
“ซูหมิงถึงเวลาแล้ว ได้เวลาเคาะเสียงวิญญาณเต๋า!”
ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น ไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก มีเพียงความยึดมั่นใน แววตาที่เด่นชัดอย่างยิ่ง แต่ดวงตาเป็นปากของใจ ยามนี้ดวงตาเปล่งแสงหม่น เมื่อซูหมิงยืนขึ้น เหมือนว่ารอบตัวเขาระบายทะเลเพลิงออกมา เสริมดุลกับสีแดงเพลิงบนฟ้า พริบตาที่ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวขึ้นฟ้า ทั้งฟ้าเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง เกิดน้ำวนยักษ์ขึ้นกลางอากาศ
ช่วงที่ซูหมิงพุ่งออกมาจากน้ำวน เขาเหมือนยืนอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นเหนือ สำนักเจ็ดจันทรา ชั้นเมฆที่นี่หมุนม้วนกระจายไปรอบๆ ดวงตะวันแตกอยู่บนฟ้า มองไปฟ้าดินอยู่ในสายตา
สำนักเจ็ดจันทราข้างล่างตอนนี้เล็กจ้อย สายลมพัดผ่านเส้นผมยาวซูหมิง พัดอาภรณ์ยาว แต่กลับไม่อาจพัดพาความยึดมั่นต่อพลังและความแกร่งของตน
“การเคาะเสียงวิญญาณเต๋า แม้บอกว่าเคาะ แต่ความจริงไม่ใช่การเคาะ แต่เป็นการเปล่งเสียงของเจ้า เปล่งเสียงขอบเขตวิญญาณเต๋าของเจ้า ให้เสียงนี้หลอมรวมกับฟ้าดินอย่างถึงที่สุด ให้เสียงเป็นตัวเหนี่ยวนำกลายเป็นระลอกคลื่นเปลี่ยนฟ้าดิน สุดท้ายก็ให้กายเต๋าของเจ้ากลายเป็นวิญญาณท่ามกลางเสียงนี้!” เสียงกู่ไท่ดังก้องมาจากรอบๆ อยู่นาน ดุจเสียงฟ้าดิน
“ตามจริงเคาะเสียงวิญญาณเต๋าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไร และก็ไม่ต้องแจ้งกับสำนักอื่น ในอดีตการเคาะเสียงวิญญาณเต๋าจะจัดขึ้นในสำนักเท่านั้น และยังมี แดนต้องห้ามเฉพาะทางเพื่อไม่ให้เสียงวิญญาณเต๋าดังออกไปข้างนอก!
แต่มันไม่เหมาะกับเจ้า พวกเราจะให้ทั้งแคว้นกู่จั้งรู้ว่าองค์ชายสามอยู่สำนัก เจ็ดจันทรา ดังนั้น…เรื่องนี้ต้องให้เจ้าเคาะเสียงวิญญาณเต๋ากลางฟ้า!
หนึ่งเดือนมานี้เราเปิดสำนักเจ็ดจันทราออกทั้งหมดแล้ว วางวงแหวนอาคมไว้รอบๆ จำนวนมาก ผู้อาวุโสทุกคนออกไปข้างนอกเพื่อคุ้มกันเจ้า พวกเราผู้อาวุโสใหญ่สิบสามคนบัญชาการด้วยตัวเอง จะไม่ยอมให้ใครหรือสำนักใดรบกวนเจ้าได้ แม้แต่น้อย!
ซูหมิง…ข้าต้องการให้เจ้าแสดงพลังทั้งหมดออกมา อย่าปิดซ่อน เจ้าอย่าห่วงสำนักเจ็ดจันทราตอนนี้ อนาคตจะลงมือกับเจ้า! เจ้าไม่ต้องห่วงว่าตอนนี้ข้าเหลือ พลังอีกกี่ยุค สำนักเจ็ดจันทราเป็นหนึ่งในเจ็ดสำนักแคว้นกู่จั้ง คำสัญญาของข้าคือ คำสัญญาของสำนักเจ็ดจันทรา ข้าสัญญา ไม่ว่าตอนนี้หรือภายภาคหน้า เจ้า…จะเป็นคนสำนักเจ็ดจันทราตลอดไป
ไม่ว่าเจ้าไปที่ใด ไม่ว่าภายภาคหน้าเจ้าจะประสบความสำเร็จสูงส่งเพียงใด เจ้าเป็นคนสำนักเจ็ดจันทรา! ขณะเดียวกันแม้ภายภาคหน้าเจ้าเลือกอย่างอื่น ถึงตอนนั้นเจ้าต้องจำไว้ว่า…แคว้นกู่จั้งมีสำนักหนึ่งนามว่าเจ็ดจันทรา!
เจ้าห้ามลืมเจ็ดจันทรานี้ไปชั่วชีวิต เพราะนั่นคือ…เจ็ดจันทราที่เจ้าผงาดขึ้น! และตอนนี้ ข้าต้องการให้เจ้า…ผงาดขึ้นในสำนักเจ็ดจันทรา! เปล่งเสียงวิญญาณเต๋าของเจ้า ให้ทั้งใต้หล้า ให้ทั้งแคว้นกู่จั้ง ไม่มีใคร…ไม่รู้จักราชา!
ซูหมิง เจ้า…ทำได้หรือไม่!” เสียงกู่ไท่มีความฮึกเหิมและตื่นเต้น ขณะเสียงดังก้อง ซูหมิงเงียบ ระหว่างเงียบอยู่นี้ เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองฟ้า
“หาก…เรื่องการชิงบัลลังก์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ข้าประสบ หาก…แม้แต่ตัวข้าเองยังมีโอกาสเป็นของปลอม เจ้า…กับสำนักเจ็ดจันทราจะยังทำเช่นนี้หรือไม่?” ซูหมิงถามกลับเสียงเบา
“พวกเราเงียบกันมานานมากแล้ว สำนักเจ็ดจันทราจะสู้ไปกับเจ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม! ไม่เกิดก็ตาย ความตาย…มีอะไรน่ากลัว!” กู่ไท่หัวเราะเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน ตอนนี้เองนัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายสว่างเรืองรองที่สุดหลังจากมาถึงแคว้นกู่จั้ง
“ข้าทำได้!” ผ่านไปพักใหญ่ซูหมิงถึงตอบนิ่งๆ ใบหน้าไม่สงบนิ่งอีก ดวงตามีความมุ่งมั่นในการต่อสู้แรงกล้า ชีวิตเขาเหมือนจุดไฟขึ้นมา ความฮึกเหิมของเขาในตอนนี้…กลายเป็นที่จับจ้องของผืนฟ้า!
“เสียงวิญญาณเต๋า!” สิ้นเสียงกู่ไท่ ภายในระยะล้านลี้รอบสำนักเจ็ดจันทรา เกิดเสียงกลองดังสนั่นฟ้า เสียงดังตุงๆ ไปรอบๆ ดังไปบนฟ้า กระเทือนแผ่นดิน อีกทั้งในเสียงกลองยังมีเสียงคำรามเกือบพร้อมกันของผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราหลายแสนคน
“เสียงวิญญาณเต๋า!”
ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ เงยหน้าขึ้นอยู่บนฟ้า พลังปะทุออกมาทุกด้านไม่มีกักเอาไว้แม้แต่น้อย ก่อนเปล่งเสียงคำรามลากยาวบอกกับแคว้นกู่จั้งขึ้นฟ้า
อ๊าก!
เสียงคำรามนี้คือเสียงที่ดังที่สุดหลังจากซูหมิงตื่นในแคว้นกู่จั้ง ในนี้มีความบ้าคลั่งและการปะทุต่ออดีตตัวเอง เป็นเสียงแรกของเขาที่คำรามในสำนักเจ็ดจันรา ในฟ้าดินแห่งนี้!
ทันทีที่เสียงดังขึ้น ฟ้าดินเกิดเสียงครึกโครม ชั้นเมฆบนฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนถูกพายุคลั่งกินไป เสียงเขาดังกึกก้องไปรอบๆ ปานฟ้าผ่า
พันลี้ หมื่นลี้ แสนลี้…จนกระทั่งผืนฟ้าล้านลี้ สิบล้านลี้ จนร้อยล้านลี้เกิดระลอกคลื่นรุนแรง ระลอกคลื่นเหล่านี้บิดเบี้ยวกลายเป็นใบหน้าซูหมิงคำรามพร้อมกัน!
แผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว เกิดการสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เทือกเขาสั่นไหว ทะเลสาบเกิดเสียงอึกทึก ผู้ฝึกฌานทุกพื้นที่ในระยะร้อยล้านลี้รอบสำนักเจ็ดจันทรา ไม่ว่ากำลังอะไรอยู่ล้วนตกใจกลัว ข้างหูมีเสียงดังอื้ออึง จิตใจสั่นไหวเพราะ เสียงวิญญาณเต๋าแรกของซูหมิง
“นี่คือเสียงแรก ยังมีเสียงที่สอง ที่สามอีก ซูหมิง! ตะโกนเสียงวิญญาณเต๋าของเจ้า อย่าหยุด ให้เสียงนี้ขยายไปไกลกว่าเดิม ไปให้ถึงเจ็ดสำนักสิบสองฝ่าย จนไปถึงทั่ว ทั้งแคว้นกู่จั้งเข้าไปยังวังจักรพรรดิ ให้ผู้ฝึกฌานในใต้หล้าได้ยินเสียงของเจ้า!” ขณะที่กู่ไท่ตะโกนเสียงดัง ทางด้านซูหมิง ภายใต้เสียงคำรามก่อนหน้านี้ พลังเขาเดือดพล่านไปทั่วกาย ถึงขั้นส่งผลถึงวิญญาณและโลหิต รวมถึงความทรงจำทุกอย่างในชีวิต
ตอนนี้เกิดการหมุนตลบอย่างรุนแรงกลายเป็นความรู้สึกยากจะบรรยาย อย่างหนึ่งในใจซูหมิงภายใต้การปะทุพลังในทุกด้าน ความรู้สึกนี้…เขามีความกระหายอยากรีบคำรามเสียงที่สอง!
เหมือนที่กู่ไท่ว่าไว้ ครั้งนี้ ซูหมิงต้องให้ใต้หล้ารู้ ครั้งนี้เขาต้องผงาดขึ้น ต้องให้ใต้หล้าเป็นพยาน ครั้งนี้…ประกายแสงในแววตาเขามีความมุ่งมั่นในการต่อสู้ที่ไม่ได้ปรากฏมานานมาก!
กระทั่งพริบตาที่เสียงวิญญาณเต๋าแรกของซูหมิงดังก้องฟ้าร้อยล้านลี้ พื้นดินในระยะร้อยล้านลี้เหมือนอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายพลังเขา ทำให้แผ่นดินที่นี่…ราวกับยอมรับเสียงซูหมิง ส่งผลให้ขอบเขตวิญญาณเต๋าของเขาในตอนนี้เสถียรภาพขึ้น ไม่น้อย!
จนกระทั่ง…ซูหมิงเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่สองท่ามกลางพลังในร่างกายเดือดพล่าน นั่นไม่ใช่เสียงคำรามลากยาวอีก แต่เป็นเสียงคำรามดังสะเทือนฟ้าดิน!
อ๊าก!
สิ้นเสียงวิญญาณเต๋าที่สอง ฟ้าในระยะร้อยล้านลี้ไม่มีเมฆอีก แผ่นดินสะเทือนเหมือนมีมังกรปฐพีนับไม่ถ้วนกำลังเวียนว่าย เสียงวิญญาณเต๋าแรกยังคงดังสะท้อนอยู่ เสียงที่สองพลันดังก้องไป แผ่คลุมพื้นที่ร้อยล้านลี้ เมื่อรวมกับเสียงสะท้อนแล้วจึงเกิดเป็นเสียงดังครึกโครมยากจะบรรยาย ดังก้องไปไกลยิ่งกว่าเดิม
ดังไปร้อยล้านลี้ สองร้อยล้านลี้ จนกระทั่งสามร้อยล้านลี้ เสียงวิญญาณเต๋าของ ซูหมิงกลายเป็นเสียงเดียวในพื้นที่สามร้อยล้านลี้!
เสียงนั้นมีความไม่ยอม มีความบ้าคลั่ง มีความยึดมั่นต่อทุกคนในโลกซางเซียง มีความสับสนของอดีตที่เขาอยู่ในแคว้นกู่จั้ง เหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ได้ระบายออกมาจากในเสียงคำราม
เขาต้องคำราม!
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินเหมือนจะแตกออก ฟ้าผ่าถอยหนี ท่ามกลางเสียงซูหมิง ทุกสิ่งมีชีวิตในพื้นที่สามร้อยล้านลี้ล้วนสัมผัสได้ถึงเสียงดังสนั่นในใจตนเอง
ซูหมิงใช้เสียงวิญญาณเต๋าของตนแทนที่แคว้นกู่จั้งในพื้นที่เสียง ระลอกคลื่น บนฟ้ามีเสียงของเขา เสียงครึกโครมจากแผ่นดินก็มีกลิ่นอายพลังเขา!
‘หากเสียงข้าดังไปทั้งแคว้นกู่จั้งได้ เช่นนั้น…จะดังออกจากร่างเสวียนจั้งได้หรือไม่!’ ดวงตาซูหมิงขยับประกายแวววาว ก่อนเปล่งเสียงคำรามที่สาม!