Skip to content

สู่วิถีอสุรา 182

ตอนที่ 182 ล้มเหลว

“พลาดแล้ว!”

“พลาดตอนโซ่ส่วนที่เจ็ดก็เท่ากับความตาย เขา…ต้องตายอย่างแน่นอน!”

“โซ่ส่วนที่เจ็ด ไม่อยากเชื่อว่าโซ่ส่วนที่เจ็ดจะอันตรายถึงเพียงนี้ กระทั่งข้ายังไม่รู้เลยว่าเหตุใดเขาถึงมีอาการเช่นนั้น หากดูจากตอนที่เขาอยู่บนโซ่ส่วนที่หกก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย”

เสียงสนทนาพลันดังสนั่น แทบทุกคนยืนขึ้น พวกหนานเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเหลือเชื่อ

“แม้ว่าโซ่ส่วนที่เจ็ดจะยาก ทว่า…เขาเป็นคนที่อาจแย่งระฆังโบราณของท่านซือหม่าได้ จะมาล้มเหลวอย่างนี้หรือ?”

“ข้ารู้ถึงความแปลกของโซ่ส่วนที่เจ็ด แต่ก็รู้ไม่ละเอียดนัก เขาเจออะไรบนโซ่ส่วนที่เจ็ดนั่นกันแน่…”

เสียงสนทนาดังอย่างต่อเนื่อง เกรียวกราวรอบทิศ ท่ามกลางสายตาของทุกคน ซูหมิงเหยียบขาผลุบลงไปข้างหนึ่ง ร่างกายของเขาเอนเอียง ศีรษะตกลง!

ภาพดังกล่าวทำให้เกิดเสียงร้องด้วยความตกใจดังสนั่นยิ่งขึ้น พวกหนานเทียนแทบไม่ต้องขบคิด พลันมองขึ้นไปเป็นตาเดียวกัน

ณ ใต้ชายคาเรือนชั้นสองของเมืองเขาหาน ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าขาวของหานเฟยจื่อขาวซีด นางไม่ขยับ แต่ยืนอยู่ตรงนั้น เหม่อมองทอดไกล

“ไม่ว่าเขาคือโม่ซูหรือไม่ หากล้มเหลวบนโซ่ส่วนที่เจ็ดก็ไม่มีใครช่วยได้…”

หานเฟยจื่อก้มหน้า หลับตาลง

ขณะเดียวกันบนยอดเขาเหยียนฉือ หญิงชราพลันเบิกตากว้าง เหยียนหลวนข้างกายนางมีสีหน้าเหลือเชื่อหลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ เหตุการณ์ดังกล่าวกะทันหันเกินไป ทำให้พวกนางไม่มีเวลาเตรียมใจ

“นี่…นี่…” ยามนี้เหยียนหลวนไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรดี ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น

“น่าเสียดาย…หืม?” หญิงชราถอนหายใจเบา หมุนตัวเตรียมกลับ เพราะการชมการบุกโซ่เขาหานตลอดช่วงยามกลางวันทำให้นางเหนื่อยล้ายิ่งนัก ทว่าขณะกำลังจะเดินจากไป หางตาของนางเหลือบมองเมืองเขาหาน ก่อนพลันชะงักงัน

จุดที่นางเหลือบมองคือบริเวณระฆังเขาหาน ระฆังนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงสงบนิ่งอยู่ที่เดิมดังเคย

ในช่วงที่ขาข้างหนึ่งของซูหมิงเหยียบพลาด ตกลงมาจากโซ่ส่วนที่เจ็ด นอกจากเผ่าเหยียนฉือแล้ว บนยอดเขาบูรพาสงบก็เกิดความตื่นตะลึงเช่นกัน

เป็นครั้งแรกที่จ้าวหมานบูรพาสงบยืนขึ้นโดยพลัน รีบเดินไปทางขอบภูเขาแล้วมองไป เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาเป็นประกายแฝงไว้ด้วยความตกตะลึง

“ด้วยขั้นพลังของเขา ต่อให้เดินไม่ผ่านโซ่ส่วนที่เจ็ดก็ไม่มีทางพลาดเช่นนี้ นะ…นี่…คนที่เหมือนซือหม่าซิ่นอย่างเขาจะมาตายเช่นนี้หรือ?”

ฟางเซินใบหน้าซีดขาว ตั้งแต่ที่เขาทราบว่าผู้บุกโซ่เขาหานคือโม่ซู เขาก็ตึงเครียดมาโดยตลอด เขาไม่ได้กลัวซูหมิงตาย แต่เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของบุตรชาย

ยามนี้เห็นซูหมิงเหยียบโซ่เขาหานพลาด ฟางเซินตัวสั่น ขยับถอยหลังไปหลายก้าว เขาทราบดีว่าโม่ซูต้องตายอย่างแน่นอน หากตกจากโซ่เขาหานส่วนที่เจ็ดก็ไม่มีผู้ใดรอดได้

หานชางจื่อขบริมฝีปาก นัยน์ตาสับสน ทว่ายามที่เพิ่งเกิดความสับสน ก็พลันเปลี่ยนเป็นความหนักแน่น

“เขาต้องไม่ตาย!”

เวลานี้บนยอดเขาผู่เชียง เพราะเหตุการณ์ซูหมิงตกโซ่เขาหาน แม้แต่ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อยังยืนขึ้น รวมถึงจ้าวหมานผู่เชียง พวกเขาพากันเดินไปถึงขอบภูเขาโดยไม่รู้ตัวแล้วมองลงไป

พวกเขาเห็นรางๆ ว่าซูหมิงกำลังตกลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถูกความมืดกลืนกิน หายลับไปกับตา

“หึ ข้าบอกแล้ว เขาต้องตายแน่นอน!”

“คิดว่าโซ่ส่วนที่เจ็ดจะผ่านไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นรึ รนหาที่ตายชัดๆ !”

“แต่ก็น่าเสียดาย เขาเคาะระฆังโบราณได้ยี่สิบกว่าครั้ง แต่กลับต้องมาตายบนโซ่ส่วนที่เจ็ด อีกทั้งยังไม่มีใครช่วยได้”

จ้าวหมานเผ่าผู่เชียงหรี่ตาลง ฉายแววเย็นชา เขาไม่มองเหวลึกอีก แต่เงยหน้ากล่าวด้วยความเย็นชา “ส่งคนลงไปนำศพเขากลับมา”

ด้านหลังเขามีคนขานรับด้วยความนอบน้อม ก่อนลงบันไดไปจัดการธุระอย่างรวดเร็ว

ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อมีสีหน้าเหลือเชื่อ เขามองเหวลึก แล้วมองโซ่ส่วนที่เจ็ด นัยน์ตาฉายแววเคารพยำเกรง

“โซ่เขาหาน…”

ชาวเมืองเขาหานยังไม่ได้สติกลับมาจากภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ท่ามกลางเสียงสนทนาและเสียงอื้ออึง สายตาส่วนใหญ่ยังคงมองไปบนโซ่ส่วนที่เจ็ดในค่ำคืนแสงจันทร์ไม่หยุดหย่อน

“โซ่เขาหาน ตั้งแต่ส่วนที่เจ็ดไปจะอันตรายยิ่งนัก…เฮ้อ ขนาดผู้มีพรสวรรค์ยังพลาด แล้วอย่างพวกเราจะเหลืออะไร!”

“มีแค่เดินให้ถึงส่วนที่เก้าเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักเหมันต์สวรรค์ แต่มันก็แค่คุณสมบัติ…เว้นแต่จะเป็นคนจากสามชนเผ่า ไม่ต้องบุกให้ถึงเก้าส่วนเหมือนกับหานชางจื่อในตอนนั้นก็ได้”

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชาวเมืองเขาหานค่อยๆ ยอมรับความจริงในเรื่องนี้ มีคนเสียดาย มีคนสมน้ำหน้า มีคนมีความสุข และมีคนถอนหายใจ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว เสียงเคาะระฆังโบราณยี่สิบกว่าครั้งจะกลายเป็นอดีตนับตั้งแต่บัดนี้ โซ่เขาหานมีผู้ล้มเหลวเพิ่มมาอีกหนึ่ง และมีวิญญาณอาฆาตเพิ่มมาอีกหนึ่ง

“เฮ้อ ไปเถอะ…”

“จบแล้ว กลับเรือนไปนั่งฌานเพิ่มเส้นเลือดตัวเองดีกว่า โซ่เขาหานนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างพวกเราจะบุกได้….”

“น่าเสียดาย แม้แต่ชื่อเขายังไม่รู้เลย กระทั่งหน้าตาของเขาก็ยังไม่เห็น หวังว่าพวกผู่เชียงจะพบศพเขา”

ขณะกลุ่มคนกำลังสนทนา ความสนใจตลอดช่วงกลางวันค่อยๆ ลดน้อยลง ต่างพากันสลายตัวกลับเรือนพักของตัวเองขณะสะท้อนในอก

พวกเคอจิ่วซือล้วนเงียบขรึมอยู่บนอากาศ นอกจากเสวียนหลุนที่ยิ้มเยาะยินดีในใจแล้ว อีกสามคนล้วนมีสภาพจิตใจซับซ้อน มองโซ่เขาหาน เกิดความรู้สึกหมดกำลังใจกับวันรับศิษย์ของสำนักเหมันต์สวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามา

ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างอย่างพวกเขา หากยอมละทิ้งการฝึกฝนและกลับไปยังเผ่าของตัวเอง การใช้ชีวิตอย่างสงบสุขถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทว่าพวกเขาทะลวงสู่ขั้นชำระล้างแล้ว จึงย่อมเกิดความไม่ยินยอมเล็กน้อย

“ข้าแซ่หนานขอตัวกลับก่อน…” หนานเทียนแอบถอนหายใจเบาๆ ประสานมือคารวะอีกสามคนข้างกาย แล้วกลายเป็นสายรุ้งบินกลับไปชั้นสอง เคอจิ่วซือกับเหลิ่งอิ้นก็ประสานมือคารวะกันและกันอย่างสงบนิ่งก่อนจากไป

มีเพียงเสวียนหลุนยังคงยืนอยู่กลางอากาศ ยิ้มมุมปากบางๆ

‘ไอ้คนไม่รู้จักประมาณตน แต่ไปบุกโซ่เขาหาน เป็นเจ้าที่รนหาที่ตายเอง โม่ซู!’ เสวียนหลุนยิ้มเยาะ ร่างกายขยับไหว เขาไม่ได้กลับไปยังที่พักแต่บินไปทางเผ่าผู่เชียง เขาอยากไปดูว่าหากศพของโม่ซูถูกยกขึ้นมาแล้วจะยังมีใบหน้าเหลืออยู่หรือไม่ ในใจเขามีข้อสงสัยบางอย่างต้องพิสูจน์

ใต้ชายคาเรือนที่ชั้นสองเมืองเขาหาน แพขนตาหานเฟยจื่อสั่นไหว นางลืมตาขึ้น ก่อนเดินหน้าไปอย่างเงียบๆ ใต้ฝ่าเท้าปรากฏเมฆขาว พาร่างของนางลอยไปทางยอดเขาเหยียนฉือ

นางไม่ได้อยากรู้อยากเห็นหน้าตาของผู้ล้มเหลว ฐานะของเขาคือใครไม่สำคัญ เพราะว่าเขาตายแล้ว สำหรับนาง ไม่ว่าเขาจะเป็นโม่ซูหรือไม่ ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว

‘หากเขาคือโม่ซู ข้าต้องหาสหายคนอื่นแทน…น่าเสียดาย…’ หานเฟยจื่อถอนหายใจเบา ขี่เมฆขาวลอยไปไกล

ทว่าขณะนั้น ยอดเขาบูรพาสงบเงียบสงัด ยอดเขาผู่เชียงปีติยินดี กระทั่งในช่วงที่มีคนลงไปหาศพของซูหมิง ทันใดนั้น ในกลุ่มคนชาวเมืองเขาหานที่กำลังสลายตัว มีชายชราคนหนึ่ง ข้างกายเขาเป็นเด็กหนุ่มท่าทางอึ้งตะลึง เด็กหนุ่มมองเสาหินต้นที่หก เจ็ด แปด และเก้าที่ยังคงตั้งตระหง่านใต้โซ่เขาหานซึ่งเชื่อมกับเผ่าผู่เชียง จากนั้นก็กระซิบบางอย่างข้างหูชายชราเบาๆ

ชายชราตะลึงงัน พลันเงยหน้ามองโซ่เขาหาน

“ทุกท่าน…” ดวงตาชายชราเป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังลังเลใจ หลังจากลังเลครู่หนึ่งจึงกล่าวกับคนข้างกายเบาๆ

ทว่ายามนี้ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขา เสียงฟ้าร้องดังสนั่นบนฟ้า สายฟ้าผ่าลงมา ฝนตกหนักมากขึ้น

แม้ฝนยามกลางวันจะตกหนักกว่านี้ แต่ก็มีคนยืนดูการบุกโซ่เขาหาน ทว่ายามนี้ฝนตกมากขึ้นเพียงเล็กน้อย กลับทำให้ทุกคนรีบวิ่งกลับเรือนพักของตัวเอง

“ทุกท่าน…เอ่อ…เสาหินค้ำยันโซ่เหล็กยังอยู่!” ชายชราตะโกนเสียงดัง คำพูดของเขาส่งไปไม่ไกล คนที่ได้ยินส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ แต่ไม่นานก็พลันหยุดชะงัก หันกลับมามองขึ้นไปทันที

เสาหินใต้โซ่เขาหานที่เชื่อมกับยอดเขาผู่เชียง…ยังคงตั้งตระหง่าน!

“หืม!”

“เสาหินพวกนี้ยังอยู่! หลังจากผู้บุกโซ่เขาหานล้มเหลวแล้ว เสาหินต้องหุบกลับทันที อีกอย่างเรื่องนี้สามชนเผ่าจะควบคุมเองมิได้ นี่คือจุดที่เป็นความลับของโซ่เขาหาน!”

“นี่…เหตุใดถึงยังอยู่! หรือว่า…หรือว่า…”

คนที่สังเกตเห็นในจุดนี้มิได้มีแค่ชายชรากับเด็กหนุ่มคนนั้น บริเวณอื่นๆ ในเมืองเขาหานเริ่มมีคนสังเกตเห็นทีละน้อย ไม่นานจึงเกิดเป็นเสียงสนทนาดังเกรียวกราว หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ แทบทุกคนที่ได้ยินเสียงล้วนหยุดชะงัก แล้วมองขึ้นไปเป็นตาเดียว

“ไม่ผิด เสาหินยังอยู่!”

“หรือว่า…”

“หรือว่าเขายังไม่ตาย!”

เสียงฮือฮาพลันดังกังวาน ท้ายที่สุดจึงหลอมรวมเข้าด้วยกันราวกับกลายเป็นลมพายุโหมกระหน่ำทั่วเมืองเขาหาน

พอชาวเมืองที่กลับเรือนพักไปแล้วเหล่านั้นได้ยินก็พลันอึ้งไปชั่วครู่ แล้วรีบเดินออกมาทันที ได้ยินเสียงร้องตื่นตะลึงจากผู้คนโดยรอบ มองเสาหินเขาหานตั้งตระหง่านเหล่านั้น สีหน้าพวกเขาดูเหลือเชื่อ!

“หรือว่าเขายังไม่ตายจริงๆ !” หนานเทียนพลันชะงักกลางอากาศ หันกลับไปมองด้วยสีหน้าตื่นตะลึง

ไม่ใช่แค่เขา เหลิ่งอิ้นและเคอจิ่วซือก็ชะงักกลางอากาศเช่นกัน ก่อนหันกลับไปมองเป็นตาเดียว

และยังมีเสวียนหลุน เขากำลังบินไปทางยอดเขาผู่เชียงทั้งสีหน้ายิ้มเยาะ แต่พอได้ยินเสียงจากชาวเมืองเขาหาน เขาพลันตัวสั่น หันกลับไปมองทันที

“เป็นไปไม่ได้!”

เวลานี้ ไม่ใช่แค่เมืองเขาหานอย่างเดียวที่คึกคัก จ้าวหมานผู่เผ่าเชียง ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อ และยังมีทุกคนด้านหลังพวกเขา ล้วนสีหน้าเปลี่ยนกันหมด!

พวกเขาก็สังเกตเห็นในจุดนี้เช่นกัน!

หานเฟยจื่ออยู่บนเมฆขาว เมฆใต้ฝ่าเท้านางพลันหยุดนิ่ง นางหันไปเพ่งมองเหวลึกใต้โซ่เขาหาน!

“เขา…ยังไม่ตายหรือ?”

“ไม่อยากเชื่อว่าเขายังไม่ตาย การบุกโซ่เขาหานยังไม่จบ?” บนยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานสูดลมหายใจ ใบหน้าแก่ชราดูไม่อยากจะเชื่ออย่างที่พบเห็นได้ยาก

หานชางจื่อยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าขาวซีดของนาง เวลานี้มีเลือดฝาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version