Skip to content

สู่วิถีอสุรา 184

ตอนที่ 184 ท่านปู่ ออกมาเถอะ

“ในที่สุดนายท่านก็ตื่นแล้ว!” น้ำเสียงเหอเฟิงขุ่นเคืองเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไรดี ก่อนหน้านี้เขาถูกปลุกเพราะวิกฤติอันตราย ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของซูหมิงเหมือนกับคนเสียสติ ร่างกายดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานก็จะถึงก้นเหว ร่างกายแหลกละเอียด

ซูหมิงขาดสติย่อมไม่รู้ถึงความกลัว ทว่าเขาเหอเฟิงสติครบถ้วน เขาเห็นกับตาว่าซูหมิงกำลังตกเหว และเห็นว่าตัวเขากำลังจะตายไปพร้อมกับซูหมิง เขาทำอะไรมิได้ ควบคุมร่างกายของซูหมิงก็มิได้ อีกทั้งยังออกจากตัวซูหมิงก็มิได้ แรงกดทับพลังโลหิตจากโลกภายนอกเป็นอันตรายต่อเขา

เขาหวาดกลัวจริงๆ ความทรมานจากการเดินสู่ความตายทว่ากลับทำอะไรมิได้ ทำให้เขาคลุ้มคลั่ง ร้องเรียกซูหมิงด้วยความร้อนรน กระทั่งภายใต้ความสิ้นหวัง เขาเริ่มด่าทอออกมาโดยไม่ปิดบัง

ทว่ายามนี้เห็นซูหมิงได้สติ เหอเฟิงพลันเกิดความกลัว ไม่ใช่ว่าเขากลัวตาย แต่กลัวซูหมิงได้ยินคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ไม่แน่ผลลัพธ์อาจร้ายแรงยิ่งกว่า

“นาย…นายท่าน? เมื่อครู่ได้ยินอะไรหรือไม่? ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าน้อยห่วงนายท่าน…” เหอเฟิงอธิบายอย่างระมัดระวัง กลัวว่าซูหมิงจะเอาเรื่องเขา

ซูหมิงไม่สนใจเหอเฟิง ยามนี้เขากำลังดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว ในหัวมีความคิดแล่นผ่านมากมาย ท้ายที่สุดแววตาเป็นประกายแสงอ่อน วิญญาณค้างคาวจันทราพลันลอยออกมาจากในตัวเขา ทว่าในช่วงที่พวกมันปรากฏ มีแรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้ามา ขังวิญญาณค้างคาวจันทราเหล่านั้นเอาไว้ในตัว

“โคจรพลังโลหิตไม่ได้ วิญญาณค้างคาวจันทราก็ออกมาไม่ได้…มีแค่วิธีนี้!”

ซูหมิงพลันแสดงเคล็ดวิชาตราประทับจากความคิด ตรงระหว่างคิ้วเขาเปล่งประกายแสงดำ พบว่ามีกระบี่เล็กดำส่งเสียงลากยาวออกมา

ภายใต้แรงกดดัน เหมือนว่ากระบี่เล็กจะไม่สบายตัวเช่นกัน กวัดแกว่งไปมาราวกับไม่อาจทนรับไหว ทว่าจาการใช้เคล็ดวิชาตราประทับ ทำให้กระบี่เล็กพลันมั่นคง ขยับแสงวูบมาอยู่ใต้ซูหมิงก่อนยกขึ้นไป เป็นฐานรองเท้าทั้งสองข้าง

จากการเหยียบ แรงโน้มถ่วงเหมือนบีดรัด นอกจากกระบี่เล็กแบ่งไปส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือรวมอยู่ในตัวเขา ใบหน้าซีดขาว กระอักโลหิต กระบี่เล็กพลันหย่อนลงมาสิบกว่าจั้ง กว่าจะค่อยๆ รองรับได้อย่างมั่นคง

ซูหมิงหายใจกระชั้นถี่ ยืนอยู่บนกระบี่เล็ก พลันแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดมิด เขาเห็นสายฟ้าผ่าลงมา ในช่วงที่แสงวูบวาบและหายไปในชั่วพริบตานั้น เขาเห็นโซ่เหล็กกำลังแกว่งไกวรางๆ

“การบุกโซ่เขาหานยังไม่จบ!” ซูหมิงกล่าวพึมพำ เขาสวมเสื้อคลุมดำ นำเสื้อคลุมที่ถูกลมพัดจนหลุดกลับมาคลุมศีรษะอีกครั้ง ผ้าคลุมใต้ฝ่าเท้ายาวพอจะปกปิดกระบี่เล็กสีดำได้ เขาสั่งให้กระบี่เล็กค่อยๆ ลอยขึ้นผ่านทางความคิด พาตัวเขาขึ้นไปทางปากเหวลึก

เขาซูหมิงกลับมาแล้ว!

เมืองเขาหานในยามนี้ ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไร สายฟ้าผ่าลงมาต่อเนื่อง ส่องสะท้อนสรรพสิ่งโดยรอบ ขณะเดียวกันโซ่เขาหานเป็นเป้าสายตาของทุกเด่นชัดขึ้นจากแสงวูบวาบ ใบหน้าของชาวเมืองเขาหานที่กำลังเฝ้ารอเหล่านั้นพลันเด่นชัดขึ้นจากประกายสายฟ้า

ไม่มีใครเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เหตุการณ์ประหลาดของโซ่เขาหานเช่นนี้ ความจริงแล้วพวกเขารู้อยู่แก่ใจ มีเพียงคำอธิบายเดียวนั่นคือการบุกโซ่เขาหานยังไม่จบ ผู้บุกโซ่เขาหานยังไม่ล้มเหลว!

เพียงแต่ต่อให้ทราบความจริงอย่างไร ทว่าภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ กลับทำให้พวกเขาเกิดความลังเล

“เขา…..ยังไม่ตายจริงๆ หรือ?”

“ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว หากเขายังไม่ตาย แล้วเหตุใดยังไม่ปรากฏตัว?”

“เผ่าผู่เชียงน่าจะส่งคนลงไปหาศพเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง……”

เสียงสนทนาเบาๆ ทำลายความเงียบก่อนหน้า เวลาผ่านไปนาน ต่อให้ทราบถึงสาเหตุที่เสาหินยังไม่หุบลงก็ตาม ทว่าความลังเลใจกลับเพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา

บนยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานบูรพาสงบมีสีหน้าเคร่งขรึม เขายืนตรงขอบภูเขา มองตาไม่กะพริบ ฟางเซินด้านหลังเขา และหานชางจื่อที่อยู่ไม่ไกลก็มีท่าทางแบบเดียวกัน

“เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…เขา ยังไม่ตายจริงๆ หรือ?”

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ไม่นานก็ครึ่งชั่วยาม สำหรับคนธรรมดาแล้วถือว่าผ่านไปเร็ว ทว่าตอนนี้ในความรู้สึกของพวกเขากลับช้าลงหลายเท่า

บนยอดเขาผู่เชียง จ้าวหมานซูบผอมสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าจากเคร่งขรึมค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว บางทีโซ่เขาหานอาจเกิดความผิดปกติก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขา…..ยังไม่ตายหรอก…..เจ้าคิดว่าอย่างไร?” คำพูดสุดท้ายของจ้าวหมานผู่เชียง กล่าวกับชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อ

ชายคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง มองท้องฟ้าก่อนมองเหวลึก กล่าวเรียบๆ : “นานเกินไปจริงๆ มีความเป็นได้สูงที่เขาจะตายแล้ว…ชาวเผ่าที่ส่งลงไปค้นหาน่าจะ……”

ยังกล่าวไม่จบ เขาพลันตัวแข็งค้าง มองลงไปในเหวลึก…เขาเห็นแล้ว! ไม่ใช่แค่เขา จ้าวหมานผู่เชียงข้างกายสีหน้าพลันเปลี่ยน ร่างกายซูบหอมของเขาราวกับมีลมพายุคลั่งโทสะแฝงอยู่ เหมือนจะระเบิดออก เขาจ้องเหวลึกและก็เห็นเช่นกัน!

บนยอดเขาผู่เชียง ยามนี้นอกจากเขาสองคนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนพากันตื่นตะลึง มองลงไป สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปมากเพราะภาพที่เห็น! พวกเขาก็เห็นเหมือนกัน!

ยามนี้ประกายสายฟ้าผ่าลงมา ในช่วงที่แสงจากสายฟ้าส่องสะท้อน ใต้เหวลึกของภูเขาผู่เชียง มีเงาคนสวมเสื้อคลุมดำกำลังลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ !

ทั้งเมืองเขาหานพลันเกิดเสียงร้องด้วยความตื่นตะลึง!

บอดยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานบูรพาสงบสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเป็นประกายเฉียบคม มองเหวลึกด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาก็เห็นเหมือนกัน!

ฟางเซินจ้าวเผ่าบูรพาสงบและหานชางจื่อข้างกาย ทั้งสองคนมีความต่างกัน ฟางเซินมีสีหน้าตื่นตะลึง หานชางจื่อเพียงถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ พวกเขา ก็เห็นเหมือนกัน!

บนยอดเขาเหยียนฉือ หญิงชราคลายมือขวาที่กำเอาไว้ จากนั้นกำอีกครั้งสลับกันต่อเนื่อง ทว่าสีหน้านางกลับสงบนิ่ง เหมือนกับไม่ได้ตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากนัก

ส่วนเหยียนหลวนข้างกาย หลังจากเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว พลันเหม่อลอยไปชั่วครู่ นัยน์ตาเป็นประกายวาว นางกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง พลันเห็นหญิงชรากำมือขวาตัวเอง จิตใจสั่นไหว

คนนอกล้วนบอกว่าขั้นพลังของนางเหยียนหลวนแข็งแกร่งกว่าจ้าวหมาน เรื่องนี้ไม่ผิด ทว่ามีแค่นางคนเดียวที่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของจ้าวหมานเหยียนฉือ นางยังทราบอีกว่า จ้าวหมานมีนิสัยอย่างหนึ่งก็คือตอนที่ลังเลกับเหตุการณ์บางอย่างจะชอบกำและคลายมือขวาอย่างนี้หลายครั้ง

“จ้าวหมานลังเลอะไรหรือ?” เหยียนหลวนดูไม่เข้าใจเล็กน้อย เหตุการณ์ในตอนนี้ไม่เกี่ยวกับพวกนางเผ่าเหยียนฉือเลย มีเรื่องอะไรที่จ้าวหมานต้องลังเลด้วย

เวลานี้คนที่เห็นเหตุการณ์ในเหวลึก นอกจากสามชนเผ่าแล้ว ยังมีชาวเมืองเขาหานทุกคน เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ทุกคนระเบิดเสียงดังสนั่นเกรียวกราว กลายเป็นระลอกคลื่นเสียงเหมือนกับสามารถต้านทานเสียงฟ้าผ่าบนท้องฟ้า

“เขายังไม่ตายจริงๆ !”

“เป็นเขา เขาออกมาแล้ว!”

“เขามีขั้นพลังระดับใดกันแน่ เขา…ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะขึ้นมาจากเหวลึกเช่นนี้!”

“ไม่เคยมีใครตกลงไปในเหวลึกนานขนาดนี้แล้วรอดกลับมาได้ เขา…เขายังไม่ตายจริงๆ อีกทั้งยังออกมาจากเหวลึก!” หนานเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาเขาฉายแววเคารพ มองเหวลึกกล่าวพึมพำ

เหลิ่งอิ้นและเคอจิ่วซือ หลังจากมองลงไปในเหวลึกแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน มีความเคารพเหมือนกับหนานเทียน ผู้แข็งแกร่งควรได้รับความเคารพ โดยเฉพาะคนที่รอดมาจากเหวลึกแห่งนี้ ยิ่งต้องให้ความเคารพมากขึ้น

หานเฟยจื่อยืนอยู่บนเมฆขาวกลางอากาศ มุมปากที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวยกขึ้นเผยรอยยิ้ม ดวงตานางเป็นประกายมากขึ้น

มีเพียงเสวียนหลุน ยามนี้สีหน้าเขาทะมึนทึบเหมือนกับน้ำแข็ง กำหมัดแน่นก้มหน้าลง ซ่อนจิตสังหารและความริษยาเอาไว้ในแววตา!

ซูหมิงเหยียบกระบี่เล็กที่คลุมด้วยเสื้อคลุมยาวลอยขึ้นมาจากเหวลึกอย่างช้าๆ และปรากฏตัวท่ามกลางฟ้าดิน ท่ามกลางสายตาของทุกคน

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าทำให้เขาเป็นที่จับตามองอย่างแท้จริง ดึงดูดความสนใจของทุกคน ก่อนหน้านี้ยังมีคนไม่สนใจ ทว่าตอนนี้กลับหายไปจนหมดสิ้น

หากบอกว่าเขาปีนขึ้นมาจากความตายคงไม่มากเกินไป ดิ่งลงไปในเหวลึกแต่กลับมีชีวิตรอด เรื่องนี้ลิขิตไว้แล้วว่าต้องโด่งดังทั้งภูเขาหาน ต่อให้ผ่านไปอีกหลายร้อยปีก็ยังเป็นที่โจษจัน หลังจากนี้ทุกครั้งที่มีคนบุกโซ่เขาหาน ผู้ชมทุกคนต้องพูดถึงเหตุการณ์ในวันนี้!

และยังลิขิตไว้อีกว่า การบุกโซ่เขาหานของซูหมิงในครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต ทำให้ภูเขาหานสั่นสะเทือน ทั้งยังบรรลุเป้าหมายสร้างความตื่นตะลึงของเขา!

ซูหมิงลอยตัวขึ้นมา ในช่วงที่เงาของเขาขนานกับโซ่เขาหานส่วนที่เจ็ด ภายในเมืองเขาหานเกิดเสียงดังฮือฮามากขึ้น น้ำเสียงดังก้องกังวานจนซูหมิงได้ยิน

“เขายังจะเดินต่อไปอีกหรือไม่!”

“เขามีหน้าตาเป็นอย่างไร เขามีนามว่าอะไร!”

“เขาถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ ต่อให้ไม่เดินต่อก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เข้าสำนัก!”

เสียงสนทนาดังสนั่น ซูหมิงยืนอยู่ข้างโซ่เขาหานส่วนที่เจ็ด

เขาไม่มองยอดเขาผู่เชียงที่ยามนี้เงียบขรึม แต่ยกเท้าเหยียบไปบนโซ่เหล็ก ในช่วงที่เขาเหยียบบนโซ่เหล็กเป็นครั้งที่สอง เสียงสนทนาภายในเมืองเขาหานราวกับบรรลุถึงขีดสุด รวมถึงคนจากสามชนเผ่า ยามนี้ต่างอยู่บนยอดเขาของตัวเอง มองอย่างตึงเครียด

กระบี่เล็กแสงดำหายไปในเท้าของเขา ซูหมิงยืนอยู่บนโซ่เหล็ก รับสายลมภูเขา สูดลมหายใจเข้าลึก

“โซ่เขาหาน พวกเรามาต่อกันดีกว่า…” ซูหมิงพึมพำ พลันก้าวเดินไปบนโซ่เหล็ก ทันใดนั้นเสาหินต้นที่หกพลันถล่มทลายกลายเป็นเศษหินล่วงหล่น

จนถึงตอนนี้ ซูหมิงก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เผ่าผู่เชียงไหว้วานให้เขาทำ…

“ท่านปู่ ออกมาเถอะ…..” ซูหมิงเดินหน้า จังหวะก้าวเขาไม่เร็ว เพราะไม่อยากให้มันผ่านไปเร็วนัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version