Skip to content

สู่วิถีอสุรา 185

ตอนที่ 185 ไม่ยอม

หลังจากผ่านวิกฤติความตายในครั้งนั้น การกระทำของซูหมิงตลอดช่วงเวลาทั้งวันก็เป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก

พวกเขามองซูหมิงเดินบนโซ่ส่วนที่เจ็ดทีละก้าว มองเงาร่างคนท่ามกลางแสงจันทร์ ไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างคนในยามนี้ถึงมีความรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกนี้เบาบางยิ่งนัก เพราะสิ่งที่เห็นต่างกัน ฉะนั้นจึงไม่เหมือนกัน

“ท่านปู่ ออกมาเถอะ…” ซูหมิงเดินอย่างช้าๆ เขาหวังจะได้พบท่านปู่ แม้เพียงพริบตาเดียวก็ตาม

ตรงหน้าเขา หลังจากเผ่าผู่เชียงด้านหลังโซ่ส่วนที่แปดและเก้าเงียบไปครู่หนึ่ง ยามนี้กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่ทุกคนเคยได้ยิน

“ท่านล้มเหลวไปแล้ว เหตุใดต้องบุกต่อ! ถึงอย่างไรท่านก็ต้องล้มเหลวอีก! การบุกโซ่เขาหานจบลงแล้ว!” น้ำเสียงอ่อนโยนแผ่กระจายอย่างช้าๆ ไปแปดทิศ

ในช่วงที่กล่าว ชาวเมืองเขาหานพลันเงียบลง แม้แต่พวกหนานเทียนยังขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อมองเผ่าผู่เชียงกลับไม่กล่าวอะไร

ซูหมิงไม่สนใจ ยังคงเดินต่อไปอย่างเงียบงัน เขามองปลายทางโซ่ส่วนที่หกตรงหน้า นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความหวังอันลึกซึ้ง

“ท่านปู่…ท่านปู่…” ซูหมิงพึมพำ ก้าวเดินต่อไปไม่หยุด ทันใดนั้นจิตใจเขาสั่นไหว เขาเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น บนโซ่เขาหานมีหมอกดำค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นแผ่นหลังชายชราคนหนึ่ง ซูหมิงคุ้นเคยกับแผ่นหลังนั้น ทำให้แววตาของเขาดูตื่นเต้น

รู้อยู่แก่ใจว่านั่นคือของปลอม แต่ขอแค่ได้เห็นท่านปู่แวบเดียว ซูหมิงก็พอใจแล้ว

“การบุกโซ่เขาหานสิ้นสุดลงแล้ว ท่านล้มเหลวไปแล้ว ไม่ตายก็ถือว่าโชคดี ขอเตือนว่าท่านควรออกไปอย่างโดยเร็ว หากยังดื้อดึงจะถือว่าเป็นการยั่วยุอำนาจของผู่เชียง…” เสียงอ่อนนุ่มดังก้องอีกครั้ง กล่าวติดกันเป็นประโยคยาว แฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย

เสียงของเผ่าผู่เชียงทำให้ทั้งเมืองเขาหานเงียบสงัด แทบทุกคนเงียบสงบ เผชิญหน้ากับผู่เชียงหนึ่งในสามจ้าวเมืองเขาหาน สำหรับผู้มาเยือนเมืองแห่งนี้ย่อมไม่มีพละกำลังต่อต้าน

กฎ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเป็นตัวกำหนด ต่อให้เปลี่ยนแปลงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา แม้ว่าเรื่องนี้จะผิดปรารถนาดั้งเดิมของโซ่เขาหาน ทว่าถึงอย่างไรซูหมิงก็ล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง แม้บอกว่าความล้มเหลวในครั้งนี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับของโซ่เขาหานเพราะเขากลับขึ้นมาจากเหวลึกอีกครั้งก็ตาม

ทว่าหากเผ่าผู่เชียงอ้างหลักฐานในส่วนนี้ ผู้คนก็ยากจะออกปากและไม่มีสิทธิ์พูด

บางทีหนานเทียนอาจมีสิทธิ์บ้าง ทว่าเขาเลือกอยู่เงียบ

เคอจิ่วซือลังเลครู่หนึ่ง แอบถอนหายใจเบาๆ เขาทราบดีว่าที่นี่คือเมืองเขาหาน เป็นเมืองของผู่เชียง คนนอกไม่มีสิทธิ์คัดค้าน

เหลิ่งอิ้นขมวดคิ้ว แต่ก็อยู่เงียบๆ เช่นกัน

เสวียนหลุนอยู่บนท้องฟ้าไกลๆ หมัดที่กำแน่นคลายออก นัยน์ตาฉายแววปีติ เขาหวังว่าซูหมิงจะปฏิเสธ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับต่อต้านผู่เชียง ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือสังหารด้วยตัวเอง!

ทุกคนล้วนเงียบ หานเฟยจื่อก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ส่วนยอดเขาเหยียนฉือ ยอดเขาบูรพาสงบ หลังจากน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่กระจายเข้ามาต่างก็เงียบลง

ท่ามกลางฟ้าดินพลันเงียบสงัดกะทันหัน กระทั่งเสียงฟ้าร้องยังไม่ปรากฏในยามนี้

ทุกสายตาจากเมืองเขาหานมองซูหมิงเป็นตาเดียว เจ้าของสายตาเหล่านั้นอยากรู้ว่าซูหมิงจะเลือกอย่างไร

ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ซูหมิงในตอนนี้มิได้สนใจเสียงอ่อนนุ่มเลย เงาร่างชายชราจากหมอกตรงหน้าเขาเข้ามาแทนที่ทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง

เขาตัวสั่นเทา น้ำตาไหลรินอีกครั้ง เห็นร่างชายชราค่อยๆ หันมามองตน ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า

“ท่านปู่…”

ชายชราคนนั้นก็คือโม่ซังจ้าวหมานเขาทมิฬ!

เขายังคงสวมเสื้อผ้าแบบครั้งสุดท้ายในความทรงจำซูหมิง เมื่อเห็นซูหมิงสีหน้าเขาสับสนเล็กน้อย ดูออกจะซับซ้อน เหม่อมองซูหมิง มองเด็กชายที่เขาเลี้ยงจนเติบใหญ่

เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับไม่มีเสียง ความสับสนและซับซ้อนในแววตาเขาค่อยๆ ถูกความอ่อนโยนเมตตาเข้ามาแทนที่ ทั้งยังมีความชื่นชม เหมือนว่าพอใจกับซูหมิงในยามนี้ยิ่งนัก

ซูหมิงมองท่านปู่ น้ำตารินไหลไม่หยุด ต่อให้เขาโตมากกว่านี้ เรียนรู้ความเย็นชาและความโดดเดี่ยวมากกว่านี้ สังหารคนและผ่านเรื่องราวมากกว่านี้ ทว่าทุกอย่างล้วนหายไปเมื่อเห็นท่านปู่ เขาเหมือนยังเป็นเด็กน้อยร่าเริงในภูเขาทมิฬ มีเสี่ยวหงเป็นเพื่อน มีท่านปู่คอยเมตตา รอจนหน้าฝนก็ไปเก็บน้ำลายมังกรทมิฬ รอจนกองเพลิงในชนเผ่าลอยขึ้นสูงก็จะไปเดินรอบกองไฟ พูดคุยส่งเสียงหัวเราะกับท่านปู่อย่างมีความสุข

ท้องฟ้าในตอนนั้นเป็นสีครามสด เมฆขาว แต่เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างไม่ออก

“ท่านปู่…ข้าคิดถึงบ้าน…” ซูหมิงเดินหน้า เขาอยากเข้าไปมองท่านปู่ใกล้ๆ แม้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา ทว่าเขาก็ไม่สนใจ

ท่านปู่มองซูหมิง ความอ่อนโยนในแววตาทำให้หัวใจเขาสั่นไหว ทำให้เขาอดนึกถึงภาพแห่งความสุขในวัยเยาว์แต่ละฉากๆ มิได้

ซูหมิงเข้ามาใกล้ ยามที่ยืนอยู่หน้าท่านปู่ซึ่งมาจากหมอก น้ำตาเขาไหลมากขึ้น เขามองชายชราผมขาวตรงหน้า มองเสื้อผ้าที่ยังคงเหมือนกับในความทรงจำ ขณะมองเขา ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง

“ท่านปู่ ลาซูเติบใหญ่แล้ว ท่านดู ตัวข้าสูงขึ้นมาก…”

ท่านปู่ยิ้มมองซูหมิง ราวกับถอนหายใจเบา ความอ่อนโยนในแววตากลับมาซับซ้อนอีกครั้ง ในความซับซ้อนนั้นมีความสงสารเวทนา มีความหมายลึกซึ้งที่ซูหมิงไม่เข้าใจ

ท้ายที่สุด ซูหมิงเห็นความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่จากสีหน้าของท่านปู่ เขาเห็นแววตาของท่านปู่พลันเป็นประกายประหลาด มันสะท้อนเข้าสู่ความคิดของเขา ทำให้เกิดเสียงดังครืนในความคิดราวสั่นสะเทือน

ขณะเดียวกัน เขาได้ยินเสียงนั้นที่มีแต่ในความทรงจำของเขาอย่างชัดเจน

‘ซูหมิง…เจ้า…’ ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เสียงนั้นยังกล่าวไม่จบ เงาท่านปู่พลันสั่นไหวและค่อยๆ เลือนหาย หมอกนั้นเหมือนกับถูกพลังมหาศาลด้านหลังเขาระเบิดกระจาย ทำให้ทุกอย่างหายไปต่อหน้า!

หมอกหาย ท่านปู่หาย กระทั่งเสียงนั้นยังเบาลงจนได้ยินไม่ชัด ทุกอย่างมิใช่เพราะซูหมิงตกเหวอีกครั้ง และไม่ใช่เพราะโซ่เขาหานเกิดปัญหา แต่เพราะยามนี้มีพลังมหาศาลจู่โจมเข้ามา

สิ่งที่ปะทะมาพร้อมกับพลังมหาศาลคือตุ้มหูห่วงกระดูกสีดำ มันส่งเสียงลากยาวลอยมาจากยอดเขาผู่เชียง ตรงเข้ามาทางซูหมิง เป็นมันที่สั่นสะเทือนโซ่เขาหาน ทำให้ภาพลวงตาตรงหน้าเขาหายไป

ดวงตาของซูหมิงแดงขึ้นทันใด เขาเรียนรู้ที่จะสงบนิ่ง รู้จักการไม่หุนหันพลันแล่น ทว่าบางเรื่องเขาก็ทนรับไม่ไหว เป็นสิ่งที่เขาทนรับไม่ไหวจริงๆ !

โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับท่านปู่!

ตุ้มหูห่วงกระดูกตรงเข้ามาทำลายหมอกท่านปู่ ทำลายความสุขวัยเยาว์ของเขาที่ปรากฏในใจ ภาพนี้เหมือนกับตอนเขาเดินอยู่บนเส้นทางโลหิตนอกแดนปิดด่านฝึกพลังของบรรพบุรุษเขาหาน ภูเขาทมิฬที่เห็นในท้ายที่สุดถูกฝ่ามือยักษ์บีบจนแหลก ก่อนปรากฏดวงตา

ตุ้มหูกระดูกพร้อมกับเจ้านายของมันบังอาจแตะเส้นสุดท้ายที่ไม่ควรแตะของซูหมิง ทำให้เขา…คลุ้มคลั่ง!

เสียงร้องคำรามที่ไม่มีมานานจากซูหมิงพลันดังกังวานฟ้าดิน มันหลอมรวมกับเสียงฟ้าร้องบนท้องฟ้า ประหนึ่งความโกรธของเขาเหมือนกับความพิโรธของท้องฟ้า

ท่ามกลางเสียงร้องลั่น ซูหมิงพลันเงยหน้า ดวงตาทั้งสองข้างมีเงาจันทร์โลหิต เผชิญหน้ากับตุ้มหูกระดูกที่กำลังตรงเข้ามา ซูหมิงสาวเท้ายาวหนึ่งก้าว พลังโลหิตหลั่งทะลักในร่างกายระเบิดมาเป็นพลังน่าสะพรึงในฉับพลัน ทั้งยังมีแสงจันทร์จำนวนมากสาดส่องลงมาอย่างรวดเร็ว กระทั่งเคล็ดวิชาตราประทับของเขาก็ยังอยู่ท่ามกลางแรงระเบิดนี้ ตรงระหว่างคิ้วเขากะพริบแสงดำ กระบี่เล็กรวมพลังจากเส้นเลือดทั้งหมดของซูหมิง รวมเงาจันทร์โลหิต รวมเคล็ดวิชาตราประทับ กลายเป็นแสงกะพริบสีดำสายหนึ่ง!

ลำแสงสว่างจ้า ไม่มีประกายสายฟ้า ทว่าฟ้าดินในยามนี้กลับถูกแสงดำส่องสะท้อนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายฟ้าแลบต่อเนื่อง แสงดำตรงเข้าใส่ตุ้มหูกระดูก ในช่วงที่ปะทะกัน มันตัดผ่านไปอย่างง่ายดาย!

เสียงโครมดังสนั่น ฟ้าดินสั่นสะเทือน แผ่นดินสั่นไหวยิ่งขึ้น ซูหมิงกระอักโลหิต ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว แต่ทุกก้าวเขาเหยียบบนโซ่เหล็กอย่างแม่นยำ

แสงดำหายไป ลอยตลบกลับเข้าสู่ร่างกายซูหมิง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ไม่มีใครมองออกว่ามันคืออะไร!

ตรงหน้าซูหมิง ตุ้มหูกระดูกสีดำแน่นิ่ง รอยร้าวเล็กๆ เส้นหนึ่งปรากฏบนตัวมัน พริบตาเดียวก็แตกเป็นสองส่วน ก่อนตกลงสู่เหวลึก!

ยามนี้บนยอดเขาผู่เชียง ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อตัวสั่นอย่างรุนแรง กระอักโลหิตกองโต ใบหน้าพลันขาวซีด กระทั่งไขมันในตัวยังลดลงไปมากกว่าครึ่งอย่างน่าอัศจรรย์

“ช่างหาญกล้านัก เตือนเจ้าแล้วแต่ก็ยังทำต่อ เหมือนเป็นการยั่วยุผู่เชียงของข้า จะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถอยไปเดี๋ยวนี้! เจ้าแพ้แล้ว!” ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อกล่าวด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายแต่อ่อนแรง

“ข้าไม่ยอม!” ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก มองยอดเขาเผ่าผู่เชียงด้วยความเย็นชา ยามนี้เขากลับมาสงบนิ่งดังเดิมแล้ว

“ไม่ยอม? แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไร เจ้าเป็นแค่คนนอกภูเขาหานก็เท่านั้น เรื่องของภูเขาหาน พวกข้าสามชนเผ่าเป็นคนตัดสินใจ! ภายในสามลมหายใจ หากเจ้ายังไม่ถอยก็อย่าได้คิดจะถอยอีก!” คนที่กล่าวมิใช่ชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อ แต่เป็นชายชราอีกคนที่ยืนข้างกายจ้าวหมานผู่เชียง สีหน้าชายชราดูไม่เป็นมิตร ยิ้มเยาะแกมเหยียดหยาม

กล่าวจบ ชายเหมือนภูเขาเนื้อพลันขมวดคิ้ว อยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับเงียบไป

ส่วนจ้าวหมานผู่เชียงยังคงเงียบโดยตลอด ทว่าความเย็นชาในแววตากลับสะท้อนความคิดของเขาออกมา

ซูหมิงนิ่งเงียบ

ผู้คนในเมืองเขาหานมีบางคนกำหมัดแน่น พวกเขาเป็นคนนอกภูเขาหาน ต่อให้อาศัยในเมืองเขาหานมาหลายปี ทว่าเมืองแห่งนี้ก็เป็นของสามชนเผ่า มิใช่คนสามชนเผ่าถือเป็นคนนอก!

พวกเขาไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรจริงๆ

คนมากขึ้นเรื่อยๆ มองไปทางยอดเขาเผ่าผู่เชียงด้วยสายตาเย็นชา เริ่มมีคนเห็นใจซูหมิงมากขึ้น เพราะว่าพวกเขาก็เป็นคนนอกเหมือนกัน

หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว หนานเทียน เคอจิ่วซือ เหลิ่งอิ้นล้วนมองยอดเขาผู่เชียงด้วยความเย็นชา ทว่าพวกเขายังคงเลือกอยู่เงียบๆ

“แล้วยายแก่อย่างข้ามีสิทธิ์หรือไม่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version