ตอนที่ 210 ภูเขาลูกนี้ นามทมิฬ
ยอดเขาเหยียนฉือ ชายหญิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์มองซูหมิงบนท้องฟ้า ได้ยินเสียงของซูหมิงก้องอยู่ข้างหู สีหน้าของพวกเขายังคงเรียบเฉย ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก สำนักเหมันต์สวรรค์ก็มีความโอหังของตนเหมือนกัน
อีกทั้งเรื่องตรงหน้า ในความคิดของพวกเขามิได้น่าตื่นตะลึงอะไรมากนัก คนชื่อซูหมิงก็เป็นเพียงคนที่มีขั้นพลังสูงส่งเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าขั้นพลังระดับนี้พวกเขาสองคนเคยเห็นมาเยอะในสำนักเหมันต์สวรรค์ จึงมิได้สนใจแต่อย่างใด
มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกเขาตะลึงเล็กน้อยคือการขอยอมแพ้ของเผ่าบูรพาสงบ ด้วยเกียรติของชนเผ่า ไม่มีทางยอมแพ้ก่อนประลองอย่างแน่นอน นี่มันไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผล
‘แม้เขาจะค่อนข้างเป็นมิตรกับเผ่าบูรพาสงบ ทว่าก็ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้…’ ชายหนุ่มจากสำนักเหมันต์สวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนคลายออก เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจเช่นกัน
ในกลุ่มคนที่อยู่กับพวกเขาบนยอดเขาเหยียนฉือ จ้าวหมานเหยียนฉือไม่อยู่ด้วย ผู้นำหน้าสุดคือเหยียนหลวน นางมองซูหมิงบนท้องฟ้าด้วยแววตาชั่วร้าย
นางแตกต่างจากบูรพาสงบและผู่เชียง ครั้งนี้สำนักเหมันต์สวรรค์มารับเพียงคนเดียวนั่นคือหานเฟยจื่อ ฉะนั้นในความคิดของเหยียนหลวน ผู้ท้าประลองเพื่อสิทธิ์เข้าสำนักทั้งหมดคือศัตรูของเผ่าเหยียนฉือ
“เจ้ามีขั้นพลังไม่ธรรมดา ในเมื่ออยากให้นักรบขั้นชำระล้างของเหยียนฉือทั้งหมดลงมือพร้อมกัน เช่นนั้นเหยียนหลวนก็จะปฏิบัติตาม” เหยียนหลวนเผยรอยยิ้มบางดังลมในฤดูใบไม้ผลิ รอยยิ้มนั้นแฝงไว้ด้วยความงดงาม ยามนี้แม้แต่ชายหนุ่มจากสำนักเหมันต์สวรรค์ยังหัวใจเต้นแรงเล็กน้อย รีบหลบสายตาไป
นางแสดงเคล็ดวิชาแห่งความงามทั้งหมดด้วยขั้นพลังชำระล้างตอนกลาง อานุภาพของนางมากเกินกว่าตอนที่ซูหมิงพบในแดนปิดด่านฝึกพลังของบรรพบุรุษเขาหาน
ครั้นเผชิญหน้ากับรอยยิ้มงามที่ทำให้หัวใจเต้นแรงของเหยียนหลวน ซูหมิงยังมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังมองนางอย่างสงบนิ่ง
ภายใต้สายตาเรียบนิ่งของซูหมิง เหยียนหลวนหรี่ตาลง ทว่ายามนี้ไม่มีเวลาให้ขบคิดมากนัก นางก้าวเดินหน้าประดุจผีเสื้อสีแดงบินร่ายรำ
“ชาวเผ่าขั้นชำระล้างทั้งหมดของเผ่าเหยียนฉือออกมาข้างหน้า!” น้ำเสียงของเหยียนหลวนนิ่มนวล แต่กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกทรงพลัง ขณะเสียงดังกังวาน บนยอดเขาเหยียนฉือมีเงาร่างคนลากยาวเข้ามาหกสาย
ทั้งหกคนเป็นชายสามหญิงสาม อายุผ่านโลกมาอย่างโชกโชนแล้ว ยามนี้พวกเขาบินออกมายืนกลางอากาศข้างเหยียนหลวน ก่อนตรงเข้าหาซูหมิงพร้อมกัน
ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ลงมือ แต่มองคนทั้งเจ็ดตรงเข้ามาด้านหน้า
ทุกคนในเมืองเขาหานมองภาพบนท้องฟ้าเป็นตาเดียว พวกเขาหายใจกระชั้นถี่ แม้ไม่รู้จักซูหมิง ทว่าเวลานี้ซูหมิงปรากฏกายขึ้น ทำให้ความอัดอั้นในหลายวันที่ผ่านมาของพวกเขาราวกับมีที่ระบายออก
บนยอดเขาผู่เชียง ชาวเผ่าทุกคนรวมถึงจ้าวหมานมองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ สีหน้าสับสนเล็กน้อย โดยเฉพาะจ้าวหมานผู่เชียง เขายังคงมองเงาร่างของซูหมิงอยู่ตลอด ความรู้สึกคุ้นตาค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ทว่ากลับยังนึกไม่ออกว่าความคุ้นตานี้มาจากที่ใด
บนยอดเขาบูรพาสงบเงียบสงัดราวตัดขาดจากเรื่องการท้าประลอง ไม่สนใจจะถามหรือฟังสิ่งใด
“เขาอวดดีเกินไปแล้ว” บนยอดเขาเหยียนฉือ ชายหนุ่มจากสำนักเหมันต์สวรรค์กล่าวเรียบๆ
“อวดดีจริงๆ ต่อให้เขาใช้พลังของลวดลายภูเขาเอาชนะผู่เชียงได้ แต่เหมือนข้าได้ยินมาว่าจ้าวเผ่ากับจ้าวหมานผู่เชียงได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ จึงแสดงพลังได้ไม่เต็มที่ ทว่าเผ่าเหยียนฉือต่างออกไป” หญิงสาวข้างกายยิ้มเล็กน้อย พยักหน้ากล่าว
“ดูไปก่อนเถอะ ถึงอย่างไรก็ต้องรออาคมเคลื่อนย้ายเปิดจนสมบูรณ์ ระหว่างนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ไม่ผิด ต่อให้เขาเอาชนะได้จริงๆ ก็ให้คุณสมบัติเข้าสำนักไป แต่มันก็แค่คุณสมบัติเท่านั้น จากนั้นเราค่อยหางานให้เขาทำไปเรื่อยๆ จนกว่าอาคมเคลื่อนย้ายจะเปิด มาคิดดูแล้วมันก็น่าสนุกยิ่งนัก” หญิงสาวแม้ใบหน้าไม่งามหยดย้อย ทว่าก็ยังนับว่างดงาม ยามนี้นางส่งเสียงหัวเราะ เพียงแต่ในเสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ด้วยการเสียดสีเป็นส่วนใหญ่
หานเฟยจื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วงาม นางมองซูหมิงซึ่งยังคงสงบนิ่งบนท้องฟ้า เกิดความรู้สึกคุ้นตาแบบเดียวกับจ้าวหมานผู่เชียง ขณะชายหญิงสองคนจากสำนักเหมันต์สวรรค์กล่าว เหยียนหลวนและนักรบขั้นชำระล้างอีกหกคนบนฟ้าเข้าใกล้ซูหมิง พวกเขาพลันแยกตัวโอบล้อมอีกฝ่ายอย่างรู้กัน
“เจ็ดภาพเคลื่อนไหว!” เหยียนหลวนพลันใช้มืองามกดไปตรงกลางระหว่างคิ้วของตัวเอง พร้อมกันนั้น นักรบชำระล้างอีกหกคนก็ทำเช่นเดียวกัน ช่วงที่ทั้งเจ็ดคนตัวสั่นสะท้าน ด้านหลังพวกเขาพลันปรากฏเงามายาลายหมานชำระล้างของตน
เงามายาเหล่านี้ปรากฏขึ้นพร้อมกันกลางอากาศ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน พายุฝนเปลี่ยนสี เกิดเป็นลำธารสีเงินสายหนึ่งบนท้องฟ้า
ลำธารนี้เป็นภาพมายา ทว่ากลับมีเสียงน้ำไหล มันเป็นลายหมานของหนึ่งในเจ็ดคนนั้น!
ในลำธารยังมีปลาทองอีกตัวหนึ่ง ปลาตัวนี้มีปีกสองข้างบริเวณหลัง มันว่ายอยู่ในลำธารพลางส่งเสียงร้องเป็นพักๆ และกำลังไล่ตามไข่มุกขนาดเท่าศีรษะตรงหน้ามัน ภายในไข่มุกมีหมอกม่วงหมุนวนเป็นเกลียว สร้างเป็นใบหน้าโกรธแค้นหลากหลายไม่หยุดหย่อน ใบหน้าเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิง ชราและเด็ก
ปลาทองตัวนี้รวมถึงไข่มุก ก็เป็นหนึ่งในลายหมานของขั้นชำระล้างเช่นกัน!
ตรงปลายลำธารจะเห็นได้ว่ามีน้ำเต้ายักษ์อยู่ มันเป็นสีเขียวทุกส่วน หากมองไกลๆ ลำธารสายนี้จะเหมือนกับหลั่งไหลมาจากน้ำเต้า ไหลเวียนไร้ที่สิ้นสุด
ข้างน้ำเต้ามีเด็กน้อยนั่งอยู่คนหนึ่ง เขาสวมเสื้อตัวเล็ก ในมือถือเอ็นตกปลา กำลังสนุกสนานกันอยู่ ทว่าหากมองอย่างละเอียดจะพบว่าเอ็นตกปลาในมือเด็กคนนั้นเชื่อมกับไข่มุกหมอกม่วง เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ทำให้ไข่มุกขยับไปมาไม่หยุดเพื่อล่อปลาทอง
ด้านหลังเด็กน้อยมีต้นไม้หนึ่งต้น มันดูอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ให้ความรู้สึกถึงพลังชีวิตชั่วนิรันดร์ น้ำเต้า เด็กน้อย และต้นไม้ล้วนเป็นลายหมานขั้นชำระล้างทั้งหมด!
หกลายหมานสร้างเป็นม้วนภาพบนท้องฟ้า ทำให้คนที่มองอดตื่นตะลึงมิได้ ยากจะถอนตัวออกมา
นี่ก็คือหนึ่งในสามเคล็ดวิชาหมานที่ลึกลับมากที่สุดของเผ่าเหยียนฉือ เจ็ดภาพเคลื่อนไหว!
ยามนี้ภาพหมานมีแค่หกภาพ ภาพที่เจ็ดพลันปรากฏขึ้นในชั่วพริบตาบนต้นไม้ด้านหลังเด็กน้อย นางเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ใบหน้าของนางถูกเส้นผมยาวปกคลุมราวกับม่าน ก้มหน้านั่งอยู่บนต้นไม้พลางขับร้องเพลงเบาๆ ทุกคนที่ได้ยินเสียงเพลงเหมือนวิญญาณถูกสูบเข้าไปในภาพ
เสียงเพลงของเด็กสาว เสียงน้ำไหลของลำธาร และยังมีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเด็กน้อย รวมถึงเสียงปลาทองดีดน้ำกำลังไล่ตามไข่มุก ทั้งสี่เสียงหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นการโจมตีที่มองไม่เห็นตรงเข้าใส่ซูหมิงจากทุกสารทิศ
การลงมือด้วยหนึ่งในวิชาหมานที่แกร่งที่สุดของเผ่าเหยียนฉือ
เห็นได้ชัดว่าเหยียนหลวนอยากจะทำลายความมั่นใจในการเข้าสำนักของซูหมิง
แทบจะเป็นช่วงที่การโจมตีไร้รูปเข้าใกล้ซูหมิงจากทั่วทุกสารทิศ เขาหลับตาลงราวใช้การฟัง มวลอากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว ภูเขายักษ์สองยอดเขาพลันโอบล้อมตัวเขา
ยามคลื่นเสียงหลากชนิดหลอมรวมปะทะกับยอดเขา พลันเกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นดุจฟ้าผ่า กึกก้องแปดทิศอยู่นานไม่จางหาย
“บทเพลงนี้ไพเราะยิ่งนัก” ซูหมิงลืมตา กล่าวขึ้นเบาๆ
กล่าวจบ การปะทะกันระหว่างยอดเขาและคลื่นเสียงก่อเป็นแรงสะท้อนกลับอย่างรุนแรง การต่อสู้กันระหว่างลายหมาน หากภูเขามิถูกทำลายก็ต้องเป็นคลื่นเสียง
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยพลันหยุดชะงัก!
เสียงดีดน้ำของปลาทองหายไป!
เสียงน้ำไหลพลันหยุดนิ่ง เด็กสาวบนต้นอู๋ถง (ต้นเมเปิลจีน) หยุดขับร้อง นางเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้างดงาม เพียงแต่นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึง
“เจ็ดลายภาพเคลื่อนไหว!” เด็กสาวกัดฟันยืนบนต้นอู๋ถง ขณะกล่าวกลับพบว่าเด็กน้อยสะบัดเอ็นตกปลาให้ไข่มุกหมอกม่วงตรงเข้าใส่ซูหมิง
ขณะเดียวกัน เด็กน้อยมีสีหน้าดุร้าย พุ่งตรงใส่ซูหมิงด้วยความเร็วสูง และยังมีปลาทองในลำธาร มันแผดเสียงคำรามพลันกระโดดลอยตัว ตัวมันยาวขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับจะกลายเป็นมังกร ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จ แต่กลายเป็นสัตว์คล้ายงูเหลือมพุ่งเข้าใส่ซูหมิง
ลำธารพลันม้วนตัวขึ้นเข้ามาโอบซูหมิงราวกับมีชีวิต คนที่ลงมือคนสุดท้ายคือเด็กสาว เมื่อนางยืนขึ้น ต้นอู๋ถงพลันแห้งเหี่ยวราวกับส่งพลังทั้งหมด ทำให้ตัวเด็กสาวบิดเบี้ยวกลายเป็นหงส์ แผดเสียงร้องตรงเข้าใส่ซูหมิง
“เจ็ดภาพเคลื่อนไหวเยี่ยมจริงๆ…หากคนเดียวสามารถแสดงวิชานี้ พลังอานุภาพของมัน….” ซูหมิงพึมพำเบาๆ สาเหตุที่เขายังไม่ลงมือนั่นก็เพราะอยากเห็นการแสดงพลังลายหมานที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกมากเกี่ยวกับลายหมาน ยามนี้พอได้เห็นเจ็ดภาพเคลื่อนไหวจึงเข้าใจขึ้นมากขึ้นเล็กน้อย
ภาพเหล่านี้บนท้องฟ้าเพียงพอจะทำให้คนมองตาลาย การต่อสู้กันระหว่างลายหมาน นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงได้สัมผัสครบทุกด้าน ในช่วงที่อภินิหารพลังหลากชนิดตรงเข้ามา นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย
“วิชานี้ไม่ธรรมดา….ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่ซูก็ขอใช้ภูเขาเป็นการขอบคุณ!” ภูเขายักษ์สองยอดเขารอบตัวเขาพลันเปลี่ยน ด้านบนเพิ่มมาเป็นสามยอดเขา สี่ยอดเขา จนกระทั่งถึงห้ายอดเขา!
ช่วงที่ยอดเขาทั้งห้าปรากฏพร้อมกัน มันมีลักษณะเป็นภูเขาราวกับนิ้วมือคนทั้งห้า!
“ภูเขานี้ นามทมิฬ!” นี่คือภูเขาทมิฬจากลายหมานของซูหมิง และเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงมันในสภาพสมบูรณ์ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างฟ้าดิน! ก่อนหน้านี้ในลายหมานฟ้าดินไม่มีภูเขาทมิฬ!
ช่วงที่ซูหมิงกล่าว บนภูเขาทมิฬห้านิ้วมือราวกับมีเสียงดังแว่วออกมา
“ทมิฬ….”
“เสียงแห่งการสร้างวิญญาณ! หัวใจสำคัญของเคล็ดวิชาเผ่าหมานคือการสร้าง! ลายหมานคือการสร้าง ภายใต้การรวมอย่างต่อเนื่อง การสร้างจะสมบูรณ์มากขึ้น…ทว่าก็ต้องใช้วัตถุวิเศษ เขา…ไม่ต้องใช้วัตถุวิเศษ ใช้เพียงลายหมานสร้างขึ้นจากอากาศ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเสียงแห่งการสร้างวิญญาณ….นี่มันความสามารถของเทพหมานในตำนาน!”
บนท้องฟ้า เทียนเสียจื่อตัวสั่นสะท้าน นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึง