Skip to content

สู่วิถีอสุรา 220

ตอนที่ 220 ศิษย์น้องเล็ก

“ศิษย์พี่รองนิสัยดีนัก ชอบพวกพืชดอกก็เลยปลูกเอาไว้ผืนใหญ่รอบภูเขา ต่อมาเขาขยันขันแข็ง และเชื่อว่าทำได้ดีกว่านี้เลยปลูกเอาไว้เยอะเกินไป มากกว่าครึ่งภูเขาจึงกลายเป็นที่เพาะปลูกของเขาทีละน้อย กลางดึกหากเจ้าเดินออกมาน่าจะเห็นเงาเขาขยับไปมารอบๆ

ศิษย์พี่รองมีนิสัยแปลก ชอบออกมาดูแลพืชดอกตอนกลางดึก หากเจ้าเห็นเขาก็ไม่ต้องกลัว เขาเป็นคนขี้ระแวง ชอบคิดว่าจะมีคนมาขโมยพืชดอกของเขา”

ชายร่างกำยำพาซูหมิงบินเข้าไปในยอดเขาลำดับเก้า เหยียบบนแท่นตรงไหล่เขาพลางกล่าวพึมพำ

ซูหมิงบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เขายืนบนแท่นพลางมองพื้นที่บางทีอาจเคยสะอาดมาก่อน ทว่าตอนนี้กลับแตกเป็นเศษ โดยเฉพาะโดยรอบที่ยังมีพืชดอกเติบโตในหิมะอยู่เต็มไปหมด เขาพลันนึกถึงศิษย์พี่รองที่ชายร่างกำยำกล่าวถึง อดยิ้มเฝื่อนออกมามิได้

ชายร่างกำยำเดินอยู่บนแท่น เดินไปพลางพึมพำไปพลาง ขณะกำลังกล่าวซูหมิงพลันใจสั่น เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นตรงหิมะไม่ไกลนักปรากฏชายชุดขาว ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร กำลังยืนอมยิ้มมองเขาและชายร่างสูงใหญ่

“หู่จื่อ นี่คงจะเป็นศิษย์น้องเล็กใช่รึไม่” ชายคนนั้นเหมือนอายุราวสามสิบกว่า ภายนอกดูสุภาพยิ่งนัก สวมชุดขาวแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น

“ศิษย์พี่รอง อรุณสวัสดิ์” ชายร่างกำยำกล่าวง่ายๆ ชี้ไปทางซูหมิงแล้วพูดต่อ “เขาคือศิษย์น้องเล็กที่ตาแก่รับมา ชื่อแซ่ซูอะไรสักอย่าง อ้อ ชื่อแซ่ซู”

ซูหมิงเงยหน้ามองท้องฟ้า ยามนี้ฟ้ายังคงมืดสลัวเล็กน้อยราวกับจะเข้าสู่ยามโพล้เพล้ เพียงแต่ในแดนเหนือมีแสงจากหิมะอยู่จึงดูสว่างเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม เวลานี้เหมือนไม่ควรใช้คำว่าอรุณสวัสดิ์ในการทักทาย

“อืม วันนี้ข้าตื่นเช้าไปหน่อย” ชายที่ดูอบอุ่นหาววอด ยิ้มพลางพยักหน้าให้ซูหมิง

“ที่แท้ศิษย์น้องเล็กก็ชื่อแซ่ซู ชื่อนี้…ไม่เลวๆ ศิษย์น้องต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นว่าเราทำได้ทุกอย่าง!” ขณะชายชุดขาวกล่าว เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า

“ไม่คุยกับพวกเจ้าแล้ว วันนี้ตื่นเช้าไปจริงๆ ข้าต้องกลับไปนอนต่อ ตอนเย็นยังต้องเฝ้ายามกลางดึกอีก เมื่อคืนวานพืชดอกของข้าหายไปอีกแล้ว” ชายชุดขาวหมุนตัวกลับ ขณะกำลังจะไปก็พลันหยุดชะงัก หันกลับมามองซูหมิงด้วยแววตาอ่อนโยน

“ศิษย์น้องเล็ก ทุกอย่างในภูเขานี้อาจไม่เหมือนกับที่อาจารย์บอก แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือยอดเขาลำดับเก้าในสำนักเหมันต์สวรรค์เป็นบ้านของเจ้า! ที่นี่จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้” ชายชุดขาวยิ้มแล้วหมุนตัวจากไป

ซูหมิงนิ่งเงียบ เขาอ่านขั้นพลังของชายชุดขาวไม่ออก กระทั่งในความคิดเขา อีกฝ่ายเหมือนคนธรรมดา ไม่มีแรงกดดันหรือระลอกคลื่นจากพลังโลหิตแม้แต่น้อย

ทว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่กลับฝังลึกอยู่ในหัวของซูหมิงอย่างชัดเจน เนิ่นนานก็ไม่เลือนหาย

“อย่าไปเชื่อเขาเลย” น่าเสียดาย มีอีกเสียงดังขึ้นข้างกายซูหมิง ทำลายความรู้สึกนี้ไป ชายร่างกำยำนามหู่จื่อมีสีหน้ากลัดกลุ้ม

“ตอนนั้นข้าขึ้นเขามาศิษย์พี่รองก็พูดแบบนี้ ตอนนั้นข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ศิษย์น้องเล็กคงไม่รู้ความจริง หลายปีมานี้ข้าถูกคนในสำนักทุบตีหลายครั้ง ทุกครั้งที่กลับมายอดเขาก็ไม่เห็นศิษย์พี่รองช่วยอะไรเลย ทุกครั้งที่ไปหาเขา เขาจะมีสีหน้าโกรธแค้นเหมือนอยากช่วยข้าแก้แค้น ทว่าพอเขาโกรธแล้วก็จะนอนหลับ…ข้าเคยรอในถ้ำของเขาสามเดือนไม่ไปไหน เพียงแต่เขาอดทนจริงๆ นอนหลับติดกันสามเดือน!” เขากล่าวเรื่องในอดีต สีหน้าเต็มไปด้วยความอัดอั้น

“เมื่อครู่เขาก็บอกกับเจ้าแล้วมิใช่รึ เชื่อมั่นในตัวเอง…เขาเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะทำได้ดีกว่านี้ ดังนั้นบนยอดเขาลำดับเก้าของพวกเราเลยกลายเป็นที่เพาะปลูกของเขา”

ซูหมิงมองยอดเขาแห่งนี้ มองอีกฝ่าย มองไปทางชายชุดขาวที่เพิ่งเดินจากไป ก่อนพลันพูดไม่ออก

“นั่น ตรงนั้นคือที่ของข้า ข้ามิใช่เต่าทมิฬและไม่ชอบพืชดอก ข้าชอบสุรา ตรงนั้นเป็นถ้ำของข้า ปกติข้าจะไม่ออกมา พอตื่นขึ้นจะดื่ม เมาแล้วก็นอน ตื่นแล้วก็ดื่มอีก พอเมาแล้วก็นอนอีก…”

ชายร่างกำยำชี้ไปไกลๆ จากนั้นยกน้ำเต้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

“ตาแก่อยู่บนเขา เจ้าไปหาเขาเองแล้วกัน ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา ทุกครั้งที่เห็นเขาข้าชอบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่” เขากล่าวพึมพำหลายอย่าง จากนั้นตบบ่าของซูหมิง

“ศิษย์น้องเล็ก ขอให้เจ้าโชคดี” ขณะกล่าวเขาหมุนตัวเหยียบหิมะเดินไปทางถ้ำของตัวเอง พร้อมกับดื่มสุราไปด้วย

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังพลางมองไปรอบๆ ยามนี้ลมหนาวพัดผ่าน พาเกล็ดหิมะด้านหน้าเขาสั่นไหวตามแรงลม เขาออกแรงสั่นศีรษะเล็กน้อย สำนักเหมันต์สวรรค์มีบางส่วนเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ และก็มีบางส่วนไม่เหมือนกัน

สำนักเหมันต์สวรรค์เหมือน แต่ที่ไม่เหมือนคือยอดเขาลำดับเก้า

เขายืนเงียบอยู่ตรงนั้น ขบคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยหน้ามองปลายยอดเขา ตรงนั้นยังพอเห็นได้รางๆ ว่ามีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตอยู่ หากมองไกลๆ จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่

ซูหมิงเดินขึ้นบันไดภูเขาที่เต็มไปด้วยพืชดอกกลางหิมะทีละก้าว มุ่งหน้าไปทางปลายยอดเขา ในเมื่อมาแล้วก็จะไม่ยอมแพ้ เมื่อคารวะเทียนเสียจื่อเป็นอาจารย์แล้ว เช่นนั้นหากไม่ถึงที่สุดจริงๆ เขาจะไม่ยอมเลือกทางอื่นเด็ดขาด

ซูหมิงเดินอย่างต่อเนื่อง ลมภูเขารุนแรงมากขึ้น เสียงลมหวีดหวิวก้องกังวาน เกล็ดหิมะม้วนอยู่รอบตัวเขา หลอมรวมกับความเงียบสงัดของยอดเขา กลายเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทำให้จิตใจซูหมิงค่อยๆ สงบลง

“ยอดเขาสูงขนาดนี้เชียวรึ หนึ่งในเก้ายอดเขาหลักของสำนักเหมันต์สวรรค์ ตอนนี้เกรงว่าหากเทียบกับยอดเขาหลักอื่นๆ มันน่าจะสงบมากที่สุด”

จังหวะก้าวซูหมิงไม่เร็วนัก ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ช่วงที่ยามโพล้เพล้มาเยือน ในที่สุดเขาก็มาถึงส่วนยอดเขา หลังจากเดินมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย สิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้าคือสิ่งก่อสร้างใหญ่ยักษ์ที่เขามองเห็นจากไกลๆ ก่อนหน้านี้

เพียงแต่ว่าเวลานี้พอมองใกล้ๆ สิ่งก่อสร้างเหมือนวิหารใหญ่กลับทรุดโทรม มอบความรู้สึกซึมเซา

รอบวิหารยักษ์มีเสาเก้าต้นปักลงดินโอบล้อมวิหารเอาไว้ กลายเป็นม่านแสงหนาแน่นปกคลุมภายใน ได้แค่มองแต่ไม่อาจเข้าไป

“ถูกปิดผนึก…” ซูหมิงอึ้งไป

“ยอดเขาลำดับเก้าของสำนักเหมันต์สวรรค์มีทั้งหมดเจ็ดวิหาร เป็นหนึ่งวิหารหลักและหกวิหารรอง!” เสียงชายชราที่คุ้นเคยดังแว่วจากด้านหลังซูหมิง เขาหันกลับไปมองก็พบว่ามีชายชราเดินออกมาจากด้านหลังวิหารยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก

ชายชราคนนี้สวมเสื้อคลุมขาว เผยรอยยิ้มบางยากจะคาดเดา มีลักษณะท่าทางเหมือนนักปราชญ์อาวุโสผู้ลุ่มลึก

“เจ็ดวิหารใหญ่ล้วนมีประโยชน์ของตัวมันเอง หากมีคนควบคุมจะสามารถเหนี่ยวนำพลังของภูเขา กระทั่งคนที่ครองวิหารหลักอาจกลายเป็นหนึ่งในเก้าผู้ครองแดนน้ำแข็งสำนักเหมันต์สวรรค์

ในสำนักเรื่องตำแหน่งยังเป็นรอง อาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายขวาก็ดี ผู้ปกปักประตูเหมันต์ก็ดี ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสก็เป็นแค่ตำแหน่งเรียกเท่านั้น สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนกันได้ ทว่าที่ไม่เปลี่ยนคือเก้าผู้ครองแดนน้ำแข็ง หรือก็คือเจ้านายของเก้ายอดเขาหลักบนแดนน้ำแข็งแห่งนี้

ผู้ครองฝ่ายแผ่นดินทั้งเก้า ผู้ครองฝ่ายนภาทั้งเก้า สิบแปดคนนี้ นอกจากตาแก่พวกนั้นแล้ว ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเหมันต์สวรรค์ น่าเสียดายที่ตอนนี้ฝ่ายนภามีผู้ครองเพียงแปดคน แผ่นดินเหมันต์มีแค่เจ็ดคน ยอดเขาลำดับเก้ากับลำดับหนึ่งไม่มีผู้ครองวิหารหลัก”

ซูหมิงเงียบไม่กล่าวอะไร

เทียนเสียจื่อเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ห่างจากซูหมิงหลายจั้ง หันหลังให้กับวิหารยักษ์ที่ถูกผนึก ก่อนมองซูหมิง

“ศิษย์ข้า เจ้าเดินทางมารู้สึกอย่างไรบ้าง” เทียนเสียจื่อยิ้มกล่าว

“มีความรู้สึกเหมือนถูกหลอก” ซูหมิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

เทียนเสียจื่อไม่มีสีหน้าเก้อเขิน เขากะพริบตายิ้มไม่กล่าวสิ่งใด

“ข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องที่ท่านบอกว่ามีข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียว ทว่าศาสตราวุธหมาน วิชา และคัมภีร์ที่ท่านบอกเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ซูหมิงระงับโทสะในใจ กล่าวอย่างสงบนิ่ง

“เป็นจริงแน่นอน ตอนนั้นอาจารย์บอกว่ามียอดเขาเป็นของตัวเอง เจ้าดูสิ ข้ามิได้หลอกเจ้าแม้แต่น้อย หากเจ้าอยากดูก็มาดูได้ทุกเมื่อ แต่วันนี้เจ้าเพิ่งมาถึง ไม่สู้ข้าเรียกศิษย์พี่รองกับศิษย์พี่สามของเจ้ามา จากนั้นพวกเราสี่คนมาดื่มด้วยกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“ไม่จำเป็น ศิษย์อยากดูตอนนี้ อาจารย์ช่วยอนุญาตด้วย” ซูหมิงมองเทียนเสียจื่อ กล่าวอย่างหนักแน่น

“เอ่อ…ได้” เทียนเสียจื่อลังเลครู่หนึ่ง ใช้มือขวาวาดอากาศ ยอดเขาพลันสั่นสะเทือน มีประตูหินโผล่ขึ้นมาตั้งตระหง่านจากพื้นดินข้างเทียนเสียจื่อ

“นี่คือที่ซ่อนสมบัติของอาจารย์ ชั้นแรกคือศาสตราวุธหมาน ชั้นสองคือวิชา ชั้นสามเป็นคัมภีร์ ในเมื่อเจ้าอยากดูตอนนี้ เช่นนั้นอาจารย์จะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”

เทียนเสียจื่อทำเสียงกระแอม

“อีกอย่าง หากเจ้าชอบอันไหน หยิบไปได้หนึ่งชิ้นจากในแต่ละชั้น ถือว่าเป็นของขวัญที่เจ้าเป็นศิษย์ข้า” เทียนเสียจื่อสะบัดมือ ประตูหินพลันเกิดเสียงอึกทึกแล้วค่อยๆ เปิดออก

แสงสีม่วงสะท้อนมาจากภายในประตู มองดูเหมือนมีสมบัติล้ำค่า

“อย่าโลภมาก แต่ละชั้นหยิบมาได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น” เทียนเสียจื่อยังคงมีท่าทางเหมือนนักปราชญ์อาวุโส ยิ้มกล่าวกับซูหมิงราวกับมั่นใจในสมบัติของเขายิ่งนัก

เห็นเทียนเสียจื่อมีท่าทางเช่นนี้ ซูหมิงก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สาวเท้ายาวเดินเข้าประตูไป

เขารู้สึกตาพร่ามัวเหมือนใช้อาคมเคลื่อนย้าย มีเสียงอึกทึกกึกก้องข้างหู ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงถึงหายไป ตรงหน้าเขาค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น พบว่าเป็นถ้ำยักษ์แห่งหนึ่ง

รอบๆ ถ้ำยักษ์มีหลุมเล็กๆ จำนวนมาก ในทุกหลุมเล็กจะมีของวิเศษวางไว้หนึ่งชิ้น ลักษณะของพวกมันต่างกัน มีจำนวนมากไม่ต่ำกว่าหลายร้อยชิ้น

ทว่าเมื่อซูหมิงมองอย่างละเอียด สีหน้าเขาเริ่มประหลาดใจ

‘พวกนี้คือศาสตราวุธหมานที่เขาบอก…’ ดีที่ซูหมิงเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า ยามนี้เห็นศาสตราวุธหมานเหล่านั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version