Skip to content

สู่วิถีอสุรา 219

ตอนที่ 219 ยอดเขาลำดับเก้า

ครั้นเห็นชายร่างกำยำ ทั้งสามคนที่รับคำสั่งให้มารอพวกเฉินลั่วปิ่งสีหน้าเปลี่ยน ใบหน้าแฝงด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าเจ้าคนน่าปวดหัวตรงหน้าจะมายอดเขาลำดับสี่ของพวกเขา

“อาจารย์อา…หู่…” ทั้งสามคนยิ้มเฝื่อน รีบประสานมือคารวะชายร่างกำยำ

สำนักเหมันต์สวรรค์แบ่งระดับกันอย่างเข้มงวด หากพบผู้อาวุโสกว่าแล้วไม่เคารพจะต้องถูกลงโทษ แม้ทั้งสามคนจะไม่เต็มใจ ก็ต้องคารวะสักครั้ง

เฉินลั่วปิ่งมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนมองซูหมิงไม่ไกลนักทันที แล้วประสานมือคารวะชายร่างสูงใหญ่ ส่วนสวี่หรูเยวี่ยข้างกายเขาก็เช่นเดียวกัน

ชายร่างกำยำเหมือนหงุดหงิด เมื่อกวาดสายตามองทุกคนแล้วจึงไปหยุดที่หานเฟยจื่อ

“นี่ สาวน้อย เจ้าคือซูหมิงใช่รึไม่?” ขณะกล่าว เขายกน้ำเต้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก เช็ดมุมปาก แล้วกล่าวสบายๆ ทั้งสายตามึนเมา

หานเฟยจื่อสีหน้าเคร่งขรึม กวาดสายตามองชายร่างกำยำด้วยความเย็นชา ไม่กล่าวสิ่งใด

“อุบ๊ะ ในพวกเจ้าใครคือซูหมิงกันแน่ อย่าให้ท่านหู่ของพวกเจ้าต้องโมโห!” ชายผู้นั้นตะโกนด้วยความโมโห สั่นสะเทือนเกล็ดหิมะโดยรอบ

“ข้าแซ่ซูอยู่นี่ ท่านเป็นใคร” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง หมุนตัวกลับมามองชายร่างกำยำตรงขอบแท่น

“หลีกไป ข้าหาซูหมิงมิใช่แซ่ซู เจ้าชื่อแซ่ซู ไม่ใช่คนที่ท่านหู่ตามหา” ชายร่างกำยำเกาหัว มองซูหมิงหลายรอบ ก่อนตะโกนอย่างไม่พอใจ

กล่าวจบ ทุกคนบนแท่นพลันกลั้วหัวเราะ หากมิใช่เพราะเกรงกลัวขั้นพลังของชายร่างกำยำคงหัวเราะเสียงดังไปแล้ว ซูหมิงเองก็มึนงง น้อยนักจะเจอคนซื่อได้ขนาดนี้ ยามนี้จึงพยักหน้าพลางฝืนยิ้มกล่าวอีกครั้ง “ข้าคือซูหมิง”

“เหลวไหล ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าชื่อแซ่ซู เหตุใดพอท่านหู่คนนี้อยากหาซูหมิง เจ้ากลับชื่อซูหมิงไปได้?

ข้าจะบอกเจ้าให้ ท่านหู่คนนี้เฉลียวฉลาดนัก อย่าคิดมาหลอกข้า! ข้าเกลียดคนโกหกข้ามากที่สุด!” ชายร่างใหญ่ถลึงตามอง สาวเท้ามาทางซูหมิงด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด รวมเข้ากับร่างกายแกร่งกล้าแล้วเกิดเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง

ภายใต้อำนาจดังกล่าว ทุกคนบนแท่นพากันถอยหลัง แม้แต่หานชางจื่อข้างซูหมิงก็โดนแรงกดดันจากชายร่างกำยำบีบจนถอยไปหลายก้าว

“ท่านหู่คนนี้เกลียดคนโกหกมากที่สุด ตาแก่เทียนเสียหลอกข้ามาหลายครั้งแล้ว หลังจากนั้นเขาสาบานว่าจะไม่หลอกข้าอีก ครั้งนี้ให้ข้ามาหาซูหมิง แต่ในพวกเจ้ากลับไม่มี เขาหลอกข้าอีกแล้ว”

ชายร่างกำยำมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว สาวเท้ายาวมายืนหน้าซูหมิง ถลึงตามอง

“บอกมา ในพวกเจ้าใครคือซูหมิง!”

ซูหมิงขมวดคิ้ว เดิมทีเขายังสงสัยว่าชายร่างกำยำตรงหน้ามาเพื่ออะไร อีกทั้งยังกล่าวชื่อของเขา ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดของเฉินลั่วปิ่งจึงมีคำตอบในใจ

ยามนี้พอได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงชื่อเทียนเสีย จึงไม่พูดมากอีก แต่หยิบไหสุราที่เทียนเสียจื่อมอบให้เขาออกมาจากอกเสื้อ

เมื่อซูหมิงหยิบมันออกมา ชายร่างกำยำพลันจ้องเขม็งทันที หลังจากมองอยู่พักหนึ่งจึงถอนหายใจยาว แววตาที่มองซูหมิงมิใช่เหี้ยมโหดอีก แต่เป็นเห็นใจ

“ที่แท้เจ้าคือซูหมิง แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ต้องให้ข้าถามตั้งหลายรอบ ไปเถอะ ท่านหู่จะพาเจ้าไปถ้ำของตาแก่” ชายร่างกำยำกล่าวก่อนถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเคลื่อนตัวออกจากแท่น

ซูหมิงรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากลังเลครู่หนึ่ง จึงประสานมือคารวะหานชางจื่อ หานเฟยจื่อ รวมถึงคนแซ่เฉินและสวี่

“แซ่ซูต้องขอตัวก่อน หากมีโอกาสจะมาพบทุกคนอีกครั้ง”

“สหายซู….ยินดีด้วย ยินดีด้วย…” เฉินลั่วปิ่งมีสีหน้าพิลึก รีบประสานมือคารวะกล่าว

“รอทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ข้าจะไปหาเจ้า” น้ำเสียงหานเฟยจื่อยังคงเย็นชา มองซูหมิงขณะกล่าว

“ข้าอยู่ยอดเขาลำดับสาม หากสหายซูมีเวลาว่างก็มาหาได้ จะให้ลองชิมชาที่น้องเล็กชงเองกับมือ” หานชางจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เจ้าซู เหตุใดยังไม่ไปอีก จะให้ท่านหู่คนนี้ต้องรอจนถึงเมื่อไร!”

ยังไม่ทันที่ซูหมิงจะตอบรับ ชายร่างกำยำกลางอากาศก็ตะโกนเข้ามาด้วยความไม่พอใจ

ซูหมิงขมวดคิ้ว หลังจากพยักหน้าให้กับทุกคนแล้วก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ เขาสวมเสื้อดำทั้งตัว เส้นผมยาวปลิวไสวตามลม มองแล้วให้ความรู้สึกล่องลอย

เมื่อเห็นซูหมิงตามมา ชายร่างสูงใหญ่จึงเร่งความเร็วสูงสุด พุ่งทะยานลากเสียงยาวตรงไปด้านหน้า เบื้องหน้าซูหมิงเป็นแดนหิมะขาวสะอาด เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ความหนาวทำให้เขานึกถึงฤดูหนาวของภูเขาทมิฬ ท่ามกลางความเงียบ เขาตามชายร่างกำยำตรงหน้าไป ทั้งสองคนกลายเป็นสายรุ้งยาวบินออกจากยอดเขาลำดับสี่

ตลอดทางไม่มีใครขวาง ต่อให้มีคนเห็นพวกเขา พอเห็นชายร่างกำยำก็จะขมวดคิ้วแล้วหลีกทาง

“นานๆ ทีตาแก่จะออกไปข้างนอกสักครั้ง พอกลับมาก็เอาศิษย์น้องมาฝากท่านหู่ เจ้าว่าเหตุใดข้าถึงได้ซวยขนาดนี้ ดื่มสุราอยู่ดีๆ กลับต้องมารับเจ้า ไม่ใช่ ไม่ใช่ความซวยของข้า แต่เป็นของเจ้า ซวยแล้วจริงๆ เจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก…” ชายร่างกำยำตรงหน้าหันกลับมามองซูหมิงตลอด พร้อมกล่าวพึมพำ

เพียงแต่การพึมพำของเขาเหมือนเสียงตะโกนสำหรับซูหมิง เมื่อได้ยินในระยะใกล้จะรู้สึกแสบแก้วหูเล็กน้อย

“พอแล้ว!” ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

“หืม? ท่านหู่คนนี้แค่พึมพำกับตัวเองเฉยๆ เจ้ากล้าก้าวก่ายอย่างนั้นรึ?” ชายคนนั้นถลึงตามอง ตะโกนเสียงดัง

ซูหมิงรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนเห็นเขาตะโกน สีหน้าราวกับอัดอั้นตันใจ นึกถึงว่าอีกฝ่ายอุตส่าห์มารับตน อีกทั้งจากในคำพูดของเขาเหมือนจะเป็นศิษย์ของเทียนเสียจื่อเหมือนกัน จึงแอบถอนหายใจ

‘ไหนเทียนเสียจื่อบอกว่ามีข้าเป็นศิษย์คนเดียว…’ ซูหมิงเกิดความรู้สึกไม่ดีมากกว่าเดิม

“เอาละ ข้าจะเรียกท่านว่าอย่างไร?” ซูหมิงฝืนยิ้มกล่าว

“หึ” ชายร่างกำยำเหมือนยังโกรธอยู่ หมุนตัวกลับไม่สนใจซูหมิง และบินต่อไป

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลังจากทั้งสองคนบินผ่านยอดเขาหลายลูก

ชายผู้นั้นเห็นซูหมิงไม่กล่าว จึงอดพูดขึ้นมิได้

“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าพูดกับข้าอีก อย่าถามชื่อข้า ต่อให้เจ้าถาม ท่านหู่คนนี้ก็จะไม่บอก เพราะข้ากำลังโกรธอยู่!”

“ได้ แล้วข้าควรจะเรียกท่านว่าอย่างไร?” ซูหมิงพยักหน้า

“หึหึ คนนอกเรียกข้าว่าท่านหู่ ทว่าพวกเราเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านหู่จื่อ” ชายร่างกำยำรีบกล่าว ลืมคำพูดก่อนหน้านี้ไปแล้ว สีหน้ายังคงลำพองใจ คล้ายพอใจในชื่อของตัวเองยิ่งนัก

“อืม หู่จื่อ อาจารย์เทียเสียจื่อจะกลับมาเมื่อไร?” ซูหมิงมีสีหน้าปกติ พยักหน้าถาม

“เจ้าไม่เห็นเขา? ตาแก่ก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน หึ ท่านหู่กำลังดื่มสุรา เขาก็สั่งให้ข้ามารับเจ้า” ชายร่างกำยำกล่าวถึงตรงนี้ พลันมีสีหน้าโกรธเคือง

“อ้อ? ข้าไม่เห็นเขาจริงๆ” นัยน์ตาซูหมิงแอบเป็นประกาย

“ตาแก่นั่นเป็นนักปราชญ์ เจ้ารู้จักนักปราชญ์รึไม่ นักปราชญ์ย่อมมีนิสัยของนักปราชญ์ ดังนั้นการใช้คำพูดหรือการกระทำยากจะหยั่งถึงเป็นเรื่องถนัดของเขา” ชายร่างกำยำเหมือนนึกอะไรออก หยิบน้ำเต้าสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ สีหน้ากลัดกลุ้ม

ซูหมิงกำหมัดขวาแน่น นัยน์ตาฉายแววเย็นชา ทว่าสีหน้าปกติ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“เขาเคยบอกกับข้าว่ามีข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียว…”

ซูหมิงยังกล่าวไม่จบ อีกฝ่ายพลันมีสีหน้าโกรธเคือง หันกลับมามองซูหมิงแล้วแผดเสียงตะโกน

“ตอนนั้นเขาก็พูดอย่างนั้นกับข้าเหมือนกัน! ทว่าพอข้ากลับมากับเขา เหนือข้ายังมีศิษย์พี่อีกคนหนึ่ง เหนือศิษย์พี่ยังมีอีกหนึ่งศิษย์พี่…”

ซูหมิงเผยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้นฝืนเล็กน้อย แฝงไว้ด้วยความเย็นชา

“เขายังบอกกับข้า…”

ครั้งนี้ซูหมิงยังกล่าวไม่จบอีกเช่นกัน ชายร่างกำยำพลันกล่าว

“ข้ารู้ เขาต้องบอกกับเจ้าว่าเขามีศาสตราวุธหมานเยอะแยะ เจ้าเลือกได้ตามใจชอบ”

ซูหมิงกำหมัดแน่นกว่าเดิม

“บางทีเขาอาจบอกกับเจ้าว่า เขามีวิชาของสำนักเหมันต์สวรรค์ทั้งหมด หากเจ้าคารวะเขาเป็นอาจารย์ก็จะได้ศึกษา”

ใบหน้าซูหมิงเย็นชามากขึ้นอีก

“ตอนสุดท้ายเขาต้องบอกเจ้าแน่ว่า หากเจ้าคารวะเขาเป็นอาจารย์ ภายภาคหน้าจะได้รู้ว่าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็ไม่เท่าไร มารดาเถอะ เรื่องที่ตาแก่บอกกับข้าในตอนนั้นเหมือนกับของเจ้าเปี๊ยบ ศิษย์น้อง เจ้าซวยแล้ว เจ้าซวยมากจริงๆ เจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก…

ข้าจะบอกเจ้าให้ มิใช่แค่ข้าที่เป็นอย่างนี้ ศิษย์พี่เหนือข้าไปตอนนั้นก็พูดกับข้าไม่ต่างออกไป เขาเจอมาเหมือนกับพวกเรา และยังมีศิษย์พี่ที่เหนือกว่าอีก ได้ยินว่าก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน…”

ชายร่างกำยำกล่าวราวกับสงสารคนหัวอกเดียวกัน ซูหมิงกับเขาค่อยๆ บินผ่านยอดเขาอีกหลายลูกจนมาถึงยอดเขาลำดับเก้าในแดนหิมะของสำนักเหมันต์สวรรค์

เก้ายอดเขาหลักมียอดเขารองจำนวนมาก สร้างเป็นแดนน้ำแข็งยิ่งใหญ่ของสำนัก สอดคล้องตรงกันกับฝ่ายนภา มีพลังอำนาจเหลือล้น

ยอดเขาหลักทั้งเก้านี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของสำนัก ทุกยอดเขาหลักมีขนาดใหญ่ไร้ที่เปรียบ มองแวบแรกเป็นภูเขาน้ำแข็งสูงตระหง่านแฝงด้วยกลิ่นอายโบราณ

ยามนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิงคือยอดเขาลำดับเก้า

“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ” ชายร่างกำยำยืนอยู่หน้าซูหมิง ชี้ยอดเขาหลักลำดับเก้าพลางถอนหายใจ

ซูหมิงตะลึงงัน ตลอดทางเขารู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเทียนเสียจื่อ ทว่าพอได้เห็นยอดเขาลำดับเก้า กลับอดรู้สึกประหลาดใจมิได้

“ที่นี่…มีคนอยู่กี่คน?” ซูหมิงลังเลครู่หนึ่ง มองชายร่างกำยำ

“ไม่เยอะ นับรวมตาแก่กับเจ้าแล้วก็มีแค่ห้าคน นี่เป็นสิ่งเดียวที่ตาแก่มิได้หลอกพวกเรา เขาอยู่ในสำนักเหมันต์สวรรค์จริงๆ และมียอดเขาเป็นของตัวเอง ก็คือยอดเขาลำดับเก้า”

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก อย่างน้อยก็ได้รับการปลอบใจจากความรู้สึกโดนหลอกก่อนหน้านี้

“ศิษย์พี่ใหญ่ปิดด่านฝึกพลังตลอดทั้งปี มีแค่ช่วงวันสร้างบรรพกาลเท่านั้นเขาถึงจะออกมา และทุกครั้งจะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ต่อให้เจ้าดื่มสุราไปมากแค่ไหนก็ต้องตื่นเพราะเขา เจ้าต้องทนฟังคำพูดของเขาว่าในที่สุดข้าก็ออกมาแล้วอะไรพวกนี้ มันจะทรมานเจ้าจนนอนไม่หลับ เจ้าจะมองว่าเขาเป็นเต่าทมิฬก็ได้ วันปกติก็นอน ตื่นมาก็หาว จากนั้นกลับไปนอนต่อ” ชายร่างกำยำพึมพำ

พอซูหมิงได้ยินถึงพูดไม่ออกไปชั่วครู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version