Skip to content

สู่วิถีอสุรา 268

ตอนที่ 268 เผ่าเชมันกิ้งก่า

ชายชราเผ่าเชมันรู้ดีว่าชายหนุ่มที่เป็นดั่งโอรสแห่งสวรรค์ตรงหน้าไม่มีทางเหยียบเข้ามาในแผ่นดินเผ่าเชมันง่ายๆ หากเสียคนแบบนี้ไป จะเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงสำหรับเผ่าหมาน

‘ข้าเคยได้ยินลิ่วล้อของยอดจ้าวเชมันแดนใต้คุยกัน ในเผ่าหมานมีโอรสสวรรค์ที่เก่งกาจอย่างยิ่งอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขาได้รับการบ่มเพาะอย่างเต็มที่ และได้รับขนานนามว่าเป็นคนที่มีโอกาสเป็นเทพหมานรุ่นสี่มากที่สุด! ได้ยินว่าตอนนั้นไป๋ฉางไจ้ก็เป็นหนึ่งในโอรสแห่งสวรรค์เหมือนกัน ทว่าเพราะเหตุไม่คาดคิดบางอย่างจึงถูกตัดสิทธิ์ คนที่ถูกตัดสิทธิ์เช่นนี้ล้วนมีทักษะการต่อสู้และขั้นพลังที่น่ากลัว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอรสแห่งสวรรค์ในอันดับพวกนั้น เด็กคนนี้จะต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่’

ชายชราเผ่าเชมันมั่นใจยิ่งนัก เขาเคยพบคนเผ่าหมานมาบ้าง แต่ไม่มีใครมีฤทธิ์เดชและวิชามากมายเท่าซูหมิง ทั้งยังมีเสี้ยวจิตของไป๋ฉางไจ้ปกป้อง

โอรสแห่งสวรรค์เช่นนี้ หากมีคนอื่นบอกเขาว่าซูหมิงไม่อยู่ในอันดับเทพหมาน เขาจะไม่เชื่อโดยเด็ดขาด!

‘บุคคลนี้ หากหลอมเป็นหุ่นเชิดเชมันจะต้องสร้างคุณูปการครั้งใหญ่ให้ยอดจ้าวเชมันแดนใต้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นตำแหน่งในวิหารเทพเชมันของข้าก็น่าจะสูงขึ้นไม่น้อย!’

ขณะเดียวกับที่ชายชราเผ่าเชมันขบคิดในหัว ตัวเขาห้อเหยียดถอยหลัง ดวงตาเป็นประกายวาววับ จ้องเงาเกราะขาวที่กำลังเดินอากาศเข้ามา

สีหน้าของชายชราเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับชื่อเสียงของไป๋ฉางไจ้ กล่าวได้ว่าโด่งดังกึกก้อง ข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับบุคคลนี้แพร่สะพัดอยู่ในหมู่ชนเผ่าเชมันจำนวนมากตรงชายแดนกำแพงหมอกนภามาหลายปีนัก

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิลอยอยู่กลางอากาศ หยิบเม็ดโอสถมากกว่าครึ่งใส่ปากทันที สายตาที่มองชายชราเผ่าเชมันด้วยความเย็นชาสั่นไหวเล็กน้อย

เขากำลังใคร่ครวญว่าจะใช้โอกาสนี้หลบหนีเพื่อยืดเวลาและหาที่ซ่อนตัวจากชายชรา หรือว่าจะอยู่ต่อ รอดูว่ามีโอกาสทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสก่อนเสี้ยวจิตของอาจารย์อาไป๋จะหายไปได้หรือไม่

‘หากอาจารย์อาไป๋มาเอง ชายชราเผ่าเชมันต้องตายอย่างแน่นอน ทว่านี่เป็นแค่การแบ่งจิต…ตอนอาจารย์อาไป๋มอบเกล็ดนี้ให้ข้าเคยบอกว่าสิ่งนี้ใช้ปกป้อง ตอนนี้ดูเหมือนว่าการปกป้องจะเป็นการถ่วงเวลาศัตรูเพื่อให้ข้ามีเวลาหลบหนี…’

ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย มีไอหนาวเยือกปรากฏอยู่ภายใน

“การนัดหมายของอาจารย์…เกรงว่าจะไม่ทัน…ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ด้วยอาการบาดเจ็บของข้าในตอนนี้ บวกกับมีศัตรูไล่ตาม คงยากจะมีชีวิตรอดกลับไปหาอาจารย์ได้ ไม่สู้เอาแบบนี้ดีกว่า…” ซูหมิงพลันเงยหน้า สีหน้าเด็ดขาด เขาหันกลับไปมองทอดไกลแวบหนึ่ง ตรงนั้นคือจุดที่เขาจากมา เป็นกำแพงหมอกนภาและมีอาจารย์ของเขารออยู่

ซูหมิงไม่เคยคิดเลยว่าการปรากฏตัวของอาจารย์ในชุดคลุมม่วง จะพาให้เขาประสบพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ จนท้ายที่สุดกลายเป็นแยกกัน เหตุการณ์ผันเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

ในถ้ำยอดเขาลำดับเก้าของเขา เหอเฟิงกับวิญญาณค้างคาวจันทรากำลังหลอมรวมกันอยู่ หากเขาออกไปนานเกินไปแล้วไม่มีคนคอยระงับความบ้าคลั่งของเหอเฟิง เกรงว่าจะต้องเกิดหายนะเป็นแน่

ยังมีจื่อเชอที่เฝ้าอยู่นอกถ้ำ กำลังรอคำสั่งจากเขา

ยังมีศิษย์พี่สองที่เงยหน้ามองท้องฟ้าให้แสงตะวันส่องเสี้ยวหน้าแล้วเผยรอยยิ้มอีก ไหนจะศิษย์พี่สามที่ยิ้มซื่อๆ รวมถึงคำพูดที่บอกว่าตนฉลาดที่สุด

ยังมีศิษย์พี่ใหญ่ที่แอบเป็นห่วงอยู่เงียบๆ และมอบสมบัติป้องกันตัวให้เขา

ยังมีอาจารย์…บางทีอาจไม่ได้เห็นพวกเขาอีก หรือบางทีอาจได้พบกันอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนหรือกี่ปี…..

และยังมีไป๋ซู่ เด็กสาวคล้ายไป๋หลิงคนนี้ ซูหมิงไม่ต้องมีเค้าลางจิตใจเปลี่ยนเพราะนางอีก เพราะเขาสามารถเลือกสังหาร เลือกต่อสู้ เลือกลืมได้

ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ซูหมิงเงียบ ตรงหน้าเขาผุดภาพก่อนสังหารคู่ดาราชุดขาว เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง กำลังยืนเหม่อมองตัวเขาอย่างตื่นตระหนก ในมือถือคันศรแบบง่ายๆ

‘ใจอ่อนหนึ่งครั้ง ผิดพลาดหนึ่งครั้ง ราคาที่ต้องจ่าย…สูงเช่นนี้เชียวหรือ’

ซูหมิงหลับตา ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง เขาเห็นเสี้ยวจิตของอาจารย์อาไป๋เข้าใกล้ชายชราเผ่าเชมันแล้ว

เกราะสีขาวปล่อยเส้นหมอกขาวหมุนเป็นเกลียวลอยขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อลอยขึ้นจนหมด เงาคนจะหายไป ในจุดนี้ซูหมิงทราบดี ชายชราเผ่าเชมันก็ทราบเหมือนกัน เขาจึงล่าถอยเพื่อถ่วงเวลา แม้จะเคลื่อนไหวเร็ว แต่ถึงอย่างไรตรงหน้าอกเขาก็บาดเจ็บสาหัสเกือบตาย ขณะถอยหนีจึงช้าลง ประจวบเหมาะกับที่เงาอาจารย์อาไป๋เข้ามาใกล้ราวกับสายฟ้า

ระยะห่างของทั้งสองคนมิได้เพิ่มขึ้นเพราะการล่าถอยของชายชราเผ่าเชมัน แต่กลับใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ซูหมิงกะพริบตามองไป ทั้งสองคนห่างกันไม่ถึงหลายสิบจั้ง

นัยน์ตาของร่างแยกอาจารย์อาไป๋ฉายแววเย็นชา ยกฝ่ามือขึ้นแล้วตบอากาศไปทางชายชราที่กำลังห้อเหยียดหนีอย่างรวดเร็วห่างไปหลายสิบจั้ง

เมื่อตบฝ่ามือลง ชายชราเผ่าเชมันหรี่ตาอีกครั้ง ภัยอันตรายครั้งใหญ่ตรงเข้ามาหาเขา ทันใดนั้นชายชราพลันหยุดชะงัก ใช้สองมือรับเงาอาจารย์อาไป๋เอาไว้พร้อมกับแผดเสียงตะโกน

ขณะเดียวกัน บนตัวชายชราเผ่าเชมันมีเกล็ดผุดขึ้นจำนวนมากในความเร็วระดับสายตา ทำให้ตัวเขาเหมือนกลายเป็นสัตว์ เกล็ดเหล่านั้นดำทึบยิ่งนัก กลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกปะทุออกมาจากตัว

สองมือกลายเป็นกรงเล็บ ขณะกำลังจะเข้าปะทะกับเงาของไป๋ฉางไจ้

นัยน์ตาซูหมิงบนท้องฟ้าพลันเป็นมันวาว เขายกมือขวาชี้ไปทางโอสถชิงวิญญาณที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ!

แม้โอสถชิงวิญญาณจะมีรอยร้าว ทว่ากลับเปล่งแสงอ่อนพิลึกอีกครั้ง อีกทั้งในเม็ดโอสถยังมีดวงตาคู่หนึ่ง ทำให้คนมองเกิดความรู้สึกตาลาย ดวงตาคู่นั้นพลันมองชายชราเผ่าเชมัน

ตามการปรากฏของแสงอ่อน ตามแรงดึงดูดจิตใจจากเม็ดโอสถ ตามที่ดวงตาของชายชราเผ่าเชมันในเม็ดโอสถมองไป สองมือของชายชราที่ยกขึ้นพลันหยุดชะงักไปชั่วครู่

การหยุดในครั้งนี้เขามิได้ยินยอม แม้หยุดเพียงชั่วขณะ และแม้การหยุดเช่นนี้จะไม่ได้มอบโอกาสในการโจมตีสวนกลับให้ซูหมิง ทว่า…ไป๋ฉางไจ้ทำได้!

เสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดังสนั่น ระลอกคลื่นแตกกระจายเป็นวงกว้าง ท่ามกลางเสียงระเบิด ลมพายุคลั่งก่อตัว ดินเลนและต้นไม้จำนวนมากบนแผ่นดินระเบิดกระจาย กระทั่งบนพื้นยังเกิดรอยแยก

เสี้ยวจิตของไป๋ฉางไจ้สั่นไหวเล็กน้อย ถอยหลังหนึ่งก้าว เส้นหมอกขาวบนตัวเขาหายไปเร็วขึ้นเล็กน้อย ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ชายชราเผ่าเชมันกลับต้องใช้คำว่าอนาถมาบรรยาย

แขนทั้งสองข้างกลายเป็นเศษเนื้อ เกล็ดหลุดจำนวนมาก สองมือเหมือนถูกลอกหนังออกหนึ่งชั้น เผยให้เส้นเลือดดำ ตรงหน้าอกที่เพิ่งรักษาหายเว้าลงไปอีกครั้ง โลหิตจำนวนมากไหลออกจากปากไม่หยุด ตัวกระเด็นถอยไปหลายสิบจั้งก่อนหยุดลง ขณะเงยหน้าตรงมุมปากมีโลหิตไหล สีหน้าย่ำแย่ แววตาโกรธแค้น

เขาเงยหน้าแผดเสียงร้องขึ้นฟ้า เสื้อผ้าของชายชราเผ่าเชมันกลายเป็นเศษชิ้นส่วน คงเหลืออยู่ไม่มาก รูปร่างซูบผอมเหมือนแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล ใบหน้าเกรี้ยวกราด เสียงคำรามดุร้าย ทำให้ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก

“เจ้าสวะหมาน จิตไป๋ฉางไจ้หายไปเมื่อใด เจ้าคอยดูเถอะว่าข้าจะหลอมเจ้าเป็นหุ่นเชิดเชมันทั้งเป็นอย่างไร!” ชายชราเผ่าเชมันดูโกรธแค้นถึงขีดสุด หากอีกฝ่ายไม่ลอบโจมตีเมื่อครู่ เขาคงไม่บาดเจ็บถึงเพียงนี้

ความเกลียดชังต่อซูหมิงเรียกได้ว่ามหาศาล เพราะนี่มิใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สองแล้ว!

ขณะชายชราเผ่าเชมันแผดเสียงคำราม เงาไป๋ฉางไจ้ห้อเหยียดเข้ามาด้วยความเย็นชาอีกครั้ง พริบตาเดียวก็เข้าใกล้ชายชรา ซูหมิงมองทุกอย่างอยู่บนท้องฟ้าไกล แววตาสงบนิ่ง ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย

เขายังมีอุบายสุดท้ายที่ยังไม่ได้ใช้ นั่นคือพลังจากลายหมานของเขา!

บางทีพลังจากลายหมานอาจไม่น่ากลัวสำหรับชายชราเผ่าเชมัน แต่ซูหมิงเชื่อว่าหากใช้ในโอกาสที่เหมาะสม ต่อให้ลายหมานของเขาส่งผลเพียงน้อยนิด บางทีอาจจะเป็นพลังส่วนสุดท้ายในการล้มอีกฝ่ายก็ได้

วินาทีที่เงาของไป๋ฉางไจ้เข้าประชิดตัวอีกครั้ง ชายชราเผ่าเชมันถอยอีกไม่ได้แล้ว เขาต้องรับมือกับเสี้ยวจิตของไป๋ฉางไจ้ ทั้งยังต้องเฝ้าระวังการสอดมือของซูหมิง เขาแผดเสียงร้องด้วยสีหน้าดุร้าย ก่อนคุกเข่าลงกับพื้นดิน

ช่วงที่เขาคุกเข่าลง สองมือที่เป็นแผลเหวอะพลันกดบนแผ่นดิน เงยศีรษะขึ้น นัยน์ตาฉายแววชั่วร้าย เขามิได้คุกเข่าลงสองข้าง แต่คุกเข่าลงข้างเดียว ขาซ้ายเหยียดตรงไปด้านหลัง ท่าทางดูประหลาดยิ่งนัก ราวกับท่าทางของสัตว์ก็ไม่ปาน

แทบจะพร้อมกันกับตอนที่เขาทำท่าทางแบบนั้น ป่าทึบไร้พรมแดนบนแผ่นดินกว้างใหญ่พลันเงียบสงัด ใบไม้ไม่เคลื่อนไหว สายลมหยุดนิ่ง สัตว์ปีกทุกตัวเหมือนสงบ

กลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกแผ่มาจากตัวชายชรา พลันรวมเข้ามาจากทุกสารทิศ หลังจากกลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกปรากฏ ก็มีเสียงหอบหายใจปะปนกับเสียงบดเคี้ยวดังขึ้นในระดับที่หูปกติเกือบได้ยิน

จิตใจซูหมิงสั่นไหว เขาพลันมองแผ่นดิน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันใด ก่อนรีบแผ่ขยายจิตสัมผัส สูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกมาจากต้นไม้ทุกต้น ใบไม้ทุกใบ ดินเลนทุกจุดในป่าทึบ กระทั่งมาจากในตัวสัตว์ปีกทุกตัว ในกระดูกสัตว์เน่าเปื่อยใต้ดินเลน และจากทุกมุมของป่าทึบ

ชั่วขณะนั้นราวกับว่าทั้งป่าทึบรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชายชราเผ่าเชมัน!

“สัญลักษณ์ของเผ่าเชมันกิ้งก่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าเชมันกิ้งก่า โปรดพ่นเพลิงโทสะของท่าน แผดเผาศัตรูที่หยาบคายต่อท่านในยมโลก…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version