Skip to content

สู่วิถีอสุรา 270

ตอนที่ 270 อาจารย์

ลายเส้นนี้ลากผ่าน เหมือนมีหุบเขาแบ่งแยกระหว่างฟ้าดินในค่ำคืนมืดมิด

นิ้วชี้มือขวาของซูหมิงเหมือนปลายพู่กันลากผ่านหน้าอกชายชราเผ่าเชมัน ตัวเขาเคลื่อนไหวเข้าไปเหมือนใบไม้ร่วงโรยในฤดูใบไม้ร่วง วาดเส้นลักษณะโค้ง หมุนกายเบื้องหน้าชายชราแล้วผละออกไป

ชายชราเผ่าเชมันกระอักเลือด ซวนเซถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ก่อนพลันเงยหน้าขึ้นจ้องซูหมิง ขณะเดียวกันตรงหน้าอกปรากฏรอยยาวน่าสะพรึง โลหิตแผ่กระจาย หยดลงบนพื้น ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทันใด

บาดแผลตรงหน้าอกชายชรา เห็นกระดูกสีขาวแน่นขนัดภายในกำลังปริแตก อวัยวะภายในกระดูกขาวใต้ผิวหนังกลายเป็นน้ำโลหิต…

ชายชราใบหน้าซีดขาว เขาก้มหน้าลงมองรอยยาวตรงหน้าอกตัวเอง เหมือนทรงตัวไม่อยู่ทีละนิด จนคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น จากนั้นกระอักโลหิตอีกครั้ง

ซูหมิงยืนอยู่ตรงหน้าเขา หลับตาลง ในความคิดมีเสียงที่เหมือนไม่มีอยู่จริงตอนวาดลายเส้นดังกึกก้อง

“ทักษะชั้นเยี่ยมเช่นนี้ก็เป็นการพิสูจน์การคาดเดาของข้า เจ้ามิใช่เผ่าหมานธรรมดา ในแผ่นดินเผ่าหมาน เจ้าคือโอรสแห่งสวรรค์ที่ได้รับขนานนามว่าผู้มีโอกาสเป็นเทพหมานมากที่สุด…” เสียงแหบพร่าอ่อนแรงดังมาจากชายชราเผ่าเชมัน

ซูหมิงไม่กล่าวสิ่งใด ยังคงหลับตาตกอยู่ในห้วงลายเส้นนั้น

“น่าเสียดาย ต่อให้ทักษะนี้ของเจ้าไม่ธรรมดาก็เถอะ ทว่า…ด้วยความต่างของขั้นพลัง แม้ข้าจะบาดเจ็บสาหัส เจ้าก็ไม่มีทางสังหารข้าได้อย่างแท้จริง!”

ชายชราคุกเข่าลงกับพื้น พยายามเงยหน้าขึ้น ในแววตาสลัวรางกลับมีประกายแสงเย็นเยือก ร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสพลันมีสีดำปรากฏตรงปากแผลบนหน้าอกและลุกลามไปทั้งตัว

ซูหมิงลืมตามองชายชราเผ่าเชมันอย่างสงบนิ่ง เขายอมรับว่าที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องจริง เขาไม่มีทางสังหารบุคคลนี้ได้อย่างแท้จริง

เพราะช่วงที่ลายเส้นตัดพลังชีวิตของชายชรา ซูหมิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกอีกครา กลิ่นอายพลังนี้หลอมรวมกับชายชรา ซูหมิงสังหารร่างกายเขาได้ ทว่ากลับไม่อาจทำลายจิตวิญญาณ

เว้นแต่จะมีขั้นพลังเหมือนกับไป๋ฉางไจ้ มิเช่นนั้นแล้วก็ไม่มีทางทำลายสัมพันธ์ระหว่างชายชรากับกิ้งก่าสัญลักษณ์ที่เผ่าเชมันกราบไหว้ได้

“สิบสามปีหลังจากนี้ ตอนที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าเชมันกิ้งก่าของข้าสร้างร่างให้แก่ข้าขึ้นมาใหม่ ข้าจะรอเจ้าที่แผ่นดินเผ่าเชมัน…การต่อสู้ระหว่างข้ากับเจ้ายังไม่จบสิ้น!” เสียงชายชราเผ่าเชมันอ่อนลงเรื่อยๆ ตัวเขาในท่านั่งคุกเข่ากลายเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ ทำให้ชายชรากลายเป็นเหมือนรูปปั้น แข็งทื่ออย่างรวดเร็ว

“ตอนที่พวกเราพบกันอีกครั้ง ข้าจะ…” นัยน์ตาชายชราฉายแววเหี้ยมโหดและเคียดแค้นเข้ากระดูกดำยามจ้องซูหมิง ชั่วเวลาที่หลับตาลงเหมือนอยากจะกล่าวประโยคสุดท้ายก่อนตาย

ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบ ซูหมิงก็พูดขัดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เจ้าจะพบว่าเผ่าเชมันกิ้งก่าของเจ้าได้สูญสิ้นไปแล้วเมื่อสิบสามปีก่อน”

ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง น้ำเสียงไม่มีความรู้สึกของความเหี้ยมโหด แต่เมื่อเข้าถึงหูชายชรา กลับทำให้เขาที่หลับตาอยู่พลันลืมตาขึ้น

“เจ้า!” ช่วงที่ชายชราลืมตา ลมหายใจพลันเขากระชั้นถี่ เหมือนพยายามดิ้นรนจากความตาย มุมปากมีโลหิตไหล ทว่ากล่าวไม่จบประโยค เอ่ยได้เพียงคำเดียวเท่านั้น ขณะดิ้นรนตรงนั้น ศีรษะเขาแข็งทื่อ กลายเป็นรูปปั้นทั้งตัวหยั่งลึกลงดิน มีกลิ่นอายพลังชั่วร้ายเย็นเยือกปกคลุม เว้นแต่จะมีขั้นพลังเหนือกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กิ้งก่าที่เผ่าเชมันกิ้งก่ากราบไหว้ มิเช่นนั้นแล้วก็ไม่มีใครทำลายเขาได้ อีกทั้งยังไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้าย

รูปปั้นนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าทึบไปเรียบร้อย

ซูหมิงมองชายชราตายตกกลายเป็นรูปปั้นด้วยแววตาเย็นชา จิตใจเขาสงบยิ่งนัก ความพิลึกของเผ่าเชมัน ตอนนี้เขาได้เข้าใจมันอีกครั้งแล้ว

หากชายชราเป็นเผ่าหมาน บางทีอาจตายไปแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้แม้กายเนื้อดับสูญ วิญญาณกลับยังอยู่ วิญญาณนี้หล่อหลอมอยู่ในป่าทึบ ต้องการเวลาสักช่วงหนึ่งถึงจะรวมกลับมาใหม่

ซูหมิงไม่เข้าใจอภินิหารเช่นนี้ ทว่าก็รู้สึกได้ว่ามันมีอยู่จริงๆ

เขาหยิบเม็ดโอสถบางส่วนใส่ปาก สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้ายามค่ำคืนตอนนี้ไม่มืดทึบอีก ยามรุ่งอรุณใกล้จะมาเยือน กระทั่งหากมองไปไกลๆ ตรงเส้นขอบฟ้าเริ่มมีแสงสว่างแล้ว

“เผ่าเชมัน…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ

การมาแดนเชมันในครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจเผ่าเชมันโดยตรง การเข้าใจแบบนี้ลึกซึ้งกว่าฟังคำบอกเล่าหรืออ่านในตำรา

หากไม่มีสมบัติป้องกันตัวของศิษย์พี่ใหญ่ ยามกลางวันตอนที่เผชิญหน้ากับความตายครั้งแรกโดยมีเผ่าเชมันสิบกว่าคนปิดล้อม หากเกิดข้อผิดพลาดเมื่อใด เขาคงไม่มีทางหวนกลับมา หากไม่มีเสี้ยวจิตจากเกล็ดปลาของอาจารย์อาไป๋ ซูหมิงรู้ดีว่ายามนี้คนที่ล้มลงต้องเป็นเขาแน่นอน

ซูหมิงมองรูปปั้นชายชราเผ่าเชมัน สีหน้าของเขายังคงไว้ในช่วงสุดท้าย

เป็นท่าทีเหมือนจะกล่าวด้วยความโกรธแค้น บุคคลนี้พูดได้ว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ซูหมิงเคยพบ!

ซูหมิงคลำตรงหน้าอก บาดแผลตรงนั้นสาหัสมากขึ้นเล็กน้อย ทว่าด้วยการรักษาของเม็ดโอสถจำนวนมาก จึงระงับเอาไว้ได้

‘เหลืออีกหนึ่งวัน…ด้วยความเร็วของข้า กลับไปไม่ทันแล้ว…’ ซูหมิงเงยหน้ามองไปตรงจุดที่อาจารย์อยู่ เงียบไปครู่หนึ่ง

‘ขาดอีกครึ่งวัน อาจารย์บอกว่าจะรอแค่สามวัน…’ ซูหมิงหลับตาลง ตอนนี้เขาต้องเลือก

ทางเลือกแรกคือออกจากป่าทึบให้เร็วที่สุด แม้ไม่ทันการก็ตาม แต่บางทีอาจารย์อาจจะรออยู่

ทางเลือกที่สองคือ…

ซูหมิงพลันลืมตา นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาดและเหี้ยมโหด เขาหมุนตัวกลับ มองไปทางส่วนลึกของป่าทึบ

‘หากข้ากลับไปตอนนี้ จิตใจจะมีปัญหา!’

เขาหันตัวกลับอย่างสงบนิ่ง เก็บของทุกอย่างแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวทะยานผ่านป่าทึบ ก่อนหายลับไปจากแห่งนี้ เป้าหมายของเขาแม่นยำยิ่งนัก คือเผ่าเชมันกิ้งก่าในส่วนลึกของป่าทึบ!

แม้ซูหมิงไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเผ่าเชมันกิ้งก่า ทว่าเขาอาศัยอยู่ในป่าทึบมาตั้งแต่เยาว์วัย หากเป็นชนเผ่าที่มีคนอาศัยเกินหลายร้อยในป่าทึบ บริเวณรอบๆ จะต้องมีร่องรอยแน่นอน

จากร่องรอยเหล่านั้น การจะหาชนเผ่าที่ซ่อนอยู่ในป่าทึบ สำหรับคนอื่นแล้วอาจเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับซูหมิงไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อเขามีวิชาจิตสัมผัสก็ยิ่งง่ายกว่าเดิม

‘เผ่านี้ไม่ใช่เผ่าใหญ่ ผู้แข็งแกร่งในเผ่าไม่น่าจะมีเยอะมาก อีกอย่างก็ถูกข้าสังหารไปไม่น้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นชายชราเผ่าเชมันของพวกเขาก็ตายแล้วด้วย…หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ข้าคงไม่สบายใจ!’ นัยน์ตาซูหมิงมีประกายจิตสังหาร เขากับชนเผ่านี้ไม่มีความแค้นต่อกัน ทว่าเพราะใจอ่อนเพียงครั้งเดียวกลับทำให้เกือบเอาชีวิตไม่รอด

ซูหมิงจากไปไม่นาน ตรงสนามรบก่อนหน้านี้ ข้างรูปปั้นชายชราเผ่าเชมัน พลันมีเสียงกรอบแกรบลอยมาตามลมท่ามกลางความเงียบสงัด

เสียงนั้นเหมือนเสียงเดินเชื่องช้ามาจากที่ไกลๆ ไม่นานก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา

บุคคลนี้สวมชุดคลุมม่วง เขาก็คือเทียนเสียจื่อ!

เทียนเสียจื่อมีสีหน้าสงบนิ่ง เดินมายืนข้างรูปปั้นชายชราเผ่าเชมันทีละก้าว เงยหน้ามองทางที่ซูหมิงจากไปแวบหนึ่ง ชั่วขณะที่เบนสายตามองรูปปั้นชายเผ่าเชมัน แววตามีจิตสังหารเข้มข้น

“บังอาจล่าสังหารศิษย์ของข้า…เห็นแก่ที่เจ้าช่วยลับคมกระบี่ให้เขา ข้าจะให้เจ้าตายสบายๆ” เทียนเสียจื่อยกมือขวาแล้วตบรูปปั้นเบาๆ

เมื่อตบลง รูปปั้นพลันสั่นสะท้าน เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน ก่อนกลายเป็นเศษจำนวนมากกระเด็นกระดอน คล้ายมีเสียงร้องโหยหวนดังสะท้อน

ฝ่ามือของเทียนเสียจื่อสะบั้นสายสัมพันธ์ระหว่างชายชรากับกิ้งก่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งป่าทึบ ทำลายวิญญาณของเขาให้ดับสูญอย่างแท้จริง!

“ยังมีเจ้าสัตว์เลื้อยคลานนี่…แค่ความคิดที่เกิดขึ้นจากการบูชาของชนเผ่าเชมันเล็กจ้อย ก็คิดจริงๆ ว่าตัวเองเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมัน!” ชายชรากล่าวกับอากาศอย่างเนิบช้า ยกเท้าขวาขึ้นกระทืบลงพื้น

วินาทีนั้นป่าทึบเหมือนเกิดลมพายุคลั่ง แผ่นดินสั่นสะเทือน

มีเสียงร้อยโหยหวนดังขึ้น เสียงนี้ซูหมิงที่กำลังห้อเหยียดในป่าทึบไม่ได้ยิน มีแค่ผู้สร้างเรื่องอย่างเทียนเสียจื่อเท่านั้นที่สัมผัสได้

หลังจากกระทืบเท้าและมีเสียงร้องโหยหวนแล้ว ตรงหน้าเทียนเสียจื่อปรากฎหมอกดำมหาศาลอย่างรวดเร็ว หมอกดำรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นกิ้งก่ายักษ์ตัวหนึ่ง

เงากิ้งก่าเลือนราง ดวงตาที่เคยดุร้ายของมัน ยามมองเทียนเสียจื่อกลายเป็นตื่นกลัวและอ้อนวอน ตัวมันสั่นเทิ้ม เหมือนก้มหน้ากราบไหว้เทียนเสียจื่ออยู่ตรงนั้น

เทียนเสียจื่อเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแค่นเสียงหึ

“เผ่าเชมันกิ้งก่าคงบูชาเจ้าไม่น้อย ไม่เพียงแต่สร้างตัวเจ้าจากความคิด อีกทั้งยังมีสติปัญญา…ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะเจอศิษย์ของข้าอีกครั้ง ตอนนั้นเจ้าต้องติดตามเขา และสาบานว่าจะปกป้องเขา! หากผิดคำสาบาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าจากมา!” เทียนเสียจื่อกล่าวอย่างเรียบนิ่ง เมื่อเข้าถึงหูกิ้งก่ามายากลับทำให้มันตัวสั่นเทา แววตาเผยความซาบซึ้งและยอมจำนน

“ไสหัวไป!” เทียนเสียจื่อสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินตามซูหมิงไป

กิ้งก่ามายากลายเป็นหมอกดำอีกครั้ง มุดลงดินหายไป

ในป่าทึบ ขณะซูหมิงห้อเหยียดก็หยุดสังเกตร่องรอยรอบตัวบ้างเป็นบางครั้ง และต้องเปลี่ยนทิศทางเพราะพบเจอบางอย่าง จนเมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ แสงตะวันยามเที่ยงวันเด่นชัดที่สุด นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขาพบที่ตั้งชนเผ่าเชมันกิ้งก่าแล้ว มันอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง!

ซูหมิงเคลื่อนตัวเหมือนวิญญาณ ทว่าช่วงที่ห่างจากชนเผ่าเชมันกิ้งก่าหลายพันจั้ง เขาพลันหยุดชะงัก เห็นเงาแผ่นหลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา!

“อะ…อาจารย์!” ซูหมิงตะลึงงัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version