Skip to content

สู่วิถีอสุรา 289

ตอนที่ 289 สายลมแรกจากท้องฟ้าเหมันต์

ชั่วพริบตานั้น ความเร็วของซูหมิงอยู่ในระดับน่าเหลือเชื่อ โหยวหลินคิดเสมอว่าต่อให้ลูกธนูของตนไม่เร็วที่สุดในชนเผ่า ทว่าก็เร็วกว่านักรบหมานมาก

คนที่ตนหมายจะสังหาร เว้นแต่จะมีความสามารถหลบหลีก ระหว่างที่ยิงธนูออกไปจะมีโอกาสหลบได้พอสมควร แต่หากไม่มีความสามารถนี้และต้องให้คนอื่นช่วยละก็ ช่วงที่ยิงธนูออกไปในชั่วพริบตาเดียว เขาเชื่อว่าไม่มีใครช่วยได้!

พอเห็นซูหมิงเคลื่อนไหว นอกจากความคิดนี้ผุดขึ้นในสมองโหยวหลินแล้ว ยังมีการดูถูกและเย้ยหยัน ทว่าการเย้ยหยันของเขาเพิ่งปรากฏก็ชะงัก ความเหลือเชื่อและตื่นตะลึงเข้ามาแทนที่!

ซูหมิงเคลื่อนตัวก้าวนั้น ในสายตาของโหยวหลิน อีกฝ่ายกลายเป็นเงาร่างคนสองคน ร่างคนแรกยังอยู่ในท่าเดินจากไกลๆ ทว่าอีกคนกลับมาอยู่ตรงหน้าหู่จื่อที่กำลังหลับตาอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ช่วงที่ปรากฏเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกธนูของเขาเข้ามาใกล้!

เขาเห็นกับตาเลยว่า ชายหนุ่มที่ดวงตาขวามีพลังชั่วร้ายมหาศาล ดวงตาซ้ายสงบเยือกเย็น ยกมือขวาขึ้นแล้วลากนิ้วลง เหมือนวาดภาพไปทางลูกธนูและเงาภูตผีจากพลังสีฟ้าบนตัวธนูที่พุ่งเข้ามา!

นิ้วนี้ในสายตาโหยวหลินเหมือนโลกทั้งใบพลันหายไป เหลือเพียงวงโคจรการวาดนิ้วเป็นลักษณะโค้ง

ราวกับว่าวงโคจรนี้เปิดประตูการหลอมรวมฟ้าดิน ทำให้ในชั่วพริบตานี้ฟ้าและดินประสานเข้าด้วยกัน ทำให้ชั่วพริบตานี้เมฆลมเปลี่ยนสี ทำให้ชั่วพริบตานี้กลายเป็นช่วงเวลางดงามชั่วนิรันดร์!

ซูหมิงลากนิ้วผ่านลูกธนูที่ตรงเข้ามา ลูกธนูดอกนี้ไร้เสียง พลันกลายเป็นสองท่อน อีกทั้งยังเกิดรอยร้าวก่อนแหลกเป็นเศษผง!

ขณะวาดนิ้วลง ความรู้สึกเศร้าโศกอบอวลโดยรอบ เกิดขึ้นในสภาพจิตใจของทุกคนที่มองลายเส้นนี้! ดวงตาของโหยวหลินสับสนและว่างเปล่า เขาตัวสั่นเทิ้ม มีโลหิตไหลมาจากดวงตาทั้งสองข้าง มุมปากหลั่งโลหิต มีเสียงระเบิดดังในจิตใจ ภายใต้ความรู้สึกเศร้าโศก ท่ามกลางความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ ประหนึ่งเกินกว่าร่างกายจะรับไหว เหมือนถูกฟ้าดินกดทับและขับไล่

วินาทีที่วาดนิ้วลง เสียงเบาบางตอนซูหมิงอยู่เผ่าเชมันดังขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในใจ แต่อยู่ในฟ้าดินกว้างไกล ดังกึกก้องโดยรอบ

“ตอนข้าเกิดชีวิตข้าไม่มีความหมาย…”

“หลังจากข้าเกิด…..หมานเสื่อมถอยแล้ว…”

“ฟ้าไม่มีเมตตา สร้างสงครามวุ่นวายจนผู้คนต้องเร่ร่อน…”

“ปฐพีไม่มีเมตตา ทำให้ภูเขาทมิฬของข้าต้องถูกทำลาย…”

“สงครามเกิดขึ้น จันทราละเอียดเกลื่อนกลาด…..”

“แดนใต้แปลกตา ทางสู่บ้านช่างน่าเศร้า…” ซูหมิงเงยหน้า เสี้ยวเงาเขาที่ยังอยู่ไกลๆ ยามนี้หายไป ช่วงที่เขาเงยหน้าขึ้น นิ้วทำลายลูกธนู ลากผ่านร่างเงาภูตผีสีฟ้า

เงาภูตผีร้องอย่างน่าเวทนา เหมือนสิ้นหวังก่อนตายและพบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้มันเหลือเชื่อ มันพยายามดิ้นรนจะถอยหนี กระทั่งขณะถอยไปยังพบว่าเงาภูตผีมีสีหน้าวิงวอน ทั้งยังดูตื่นกลัวอย่างยิ่ง!

ทว่า ตอนที่ซูหมิงลากนิ้วผ่าน สีหน้าทุกอย่างล้วนหายไปพร้อมกับตัวมันที่สลายเป็นเถ้า…

ภูตผี ตาย!

แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงทำลายภูตผีและลูกธนู ณ ส่วนกลางเผ่าชายแดนเหนือ ในเรือนน้ำแข็งที่มีคนสามคนนั่งคุกเข่า มีคนเดินออกมาหนึ่งคน

บุคคลนี้ตัวเตี้ยดูเหมือนเด็ก ทว่าใบหน้ากลับหยาบกร้าน บางทีอาจเป็นเพราะความสูง เส้นผมจึงยาวมาถึงพื้น

“เปลี่ยนเทพหมาน!” บุคคลนี้มีสีหน้าเคร่งขรึม

“ส่งคันศรของข้ามา!” คนตัวเตี้ยกล่าวช้าๆ

ขณะเดียวกัน ส่วนท้ายเผ่าชายแดนเหนือที่เงียบสงัด ภายในเรือนพักเหล่านี้พลันมีกลิ่นอายพลังไม่น้อยเคลื่อนไหว ราวถูกการวาดนิ้วของซูหมิงเหนี่ยวนำ เหมือนลูกคลื่นยักษ์เกิดบนผิวน้ำสงบนิ่ง

ณ สนามรบ โหยวหลินใบหน้าซีดขาว ลำตัวโซเซ กระอักโลหิตกองใหญ่ มือที่ถือคันศรสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตามีเส้นเลือดฝอย แต่เส้นเลือดฝอยเหล่านั้นกลับไม่อาจสร้างแรงผลักดันจากเพลิงโทสะให้เขา มีแต่ความตะลึงและตื่นกลัวอย่างไร้ขอบเขตเท่านั้น

แทบทันทีที่โซเซ เขาเห็นสายตาของซูหมิงที่เงยหน้ามองมาจากไกลๆ ในแววตานั้นไร้ความปราณี แฝงไว้ด้วย…ความหนาวเยือกถึงกระดูก!

นี่คือสายตาคู่สุดท้ายและภาพสุดท้ายในชีวิตเขา เงาคนสีเขียวปรากฏอยู่ด้านหลัง มือเย็นเยือกลากผ่านคอของเขาไปพร้อมกับ…..ศีรษะโลหิตกระฉูด!

ศิษย์พี่รองมีสีหน้าอ่อนโยน หิ้วศีรษะโหยวหลินพลางมองซูหมิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มและชื่นชม

“ให้เขานอนเถอะ ตรงนี้เขาจะไม่เป็นอะไร” ศิษย์พี่รองกล่าว เบนสายตาจากหู่จื่อ ก่อนหันมองเผ่าชายแดนเหนือตรงจุดที่ไกลกว่า

“ศิษย์น้องเล็ก ลายเส้นของเจ้าตั้งชื่อรึยัง?”

“ยัง” ซูหมิงกล่าวเบาๆ

“เรียกว่า หมานสังหารก็แล้วกัน…”

ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนพยักหน้า

“ข้าหวังว่าวันหนึ่ง เจ้าจะสร้างหมานสังหารที่เป็นบทเพลงเต็มได้ แล้วเป่ามันด้วยซวิน…..”

ขณะศิษย์พี่รองคุยกับซูหมิง พวกเขาสองคนกลายเป็นสายรุ้งยาว มุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของเผ่าชายแดนเหนือ จุดที่พวกเขาผ่านไม่มีใครกล้าขวางอีก ต่อให้มีนักรบหมานกระจัดกระจาย ยามนี้ล้วนพากันถอย ทำให้ซูหมิงกับศิษย์พี่รองห้อเหยียดเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งก็มาถึงจุดเชื่อมระหว่างส่วนหน้ากับส่วนกลางของเผ่า ตรงนี้ พวกเขาเห็นส่วนกลางของเผ่าอยู่ห่างไปหนึ่งพันจั้ง ส่วนกลางนี้ก็คือชนเผ่าแดนภูต!

ทั้งยังพบว่าด้านนอกเรือนน้ำแข็งในชนเผ่านี้ มีชายวัยกลางคนสามคนมองมาด้วยความเย็นชา ยกคันศรในมือ พลังสีฟ้าอบอวล เสียงร้องภูตผีก้องกังวาน นอกจากนี้แล้ว ด้านหลังพวกเขาสามคนยังมีคนตัวเตี้ย ถือคันศรขนาดแทบจะเท่ากับครึ่งตัวเอง!

คันศรนี้คนตัวเตี้ยปักลงดิน จับสายธนูกำลังง้างอย่างช้าๆ พลังสีดำเข้มข้นผุดขึ้นบนตัวมัน พริบตาเดียวก็กลายเป็นใบหน้าภูตผีดุร้ายกลางอากาศ คำรามใส่ซูหมิง

ยังไม่จบเท่านี้ ภายในชนเผ่าส่วนกลางของชายแดนเหนือ ยามนี้ปรากฏร่างคนหลายสิบคน ทุกคนล้วนมีเส้นผมทั้งยาวและสั้น ในมือทุกคนกำลังง้างสายธนู!

จิตสังหารคมกริบพลันรวมกันอยู่กลางฟ้าดิน!

“ศิษย์พี่รอง ต่อจากหมานสังหาร ข้ายังมีรูปแบบที่สองอีก…ท่านช่วยข้าตั้งชื่อให้มันด้วย” ยามซูหมิงกล่าว เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว

เพียงแต่หนึ่งก้าวนี้ ร่างเขามาปรากฏอยู่ห่างไปห้าสิบจั้ง ความเร็วไม่อาจบรรยาย ชั่วพริบตาที่เผยตัวในระยะห้าสิบจั้ง กำไลน้ำแข็งแปดวงตรงเท้าเขาระเบิดไปหนึ่งวง!

ความเร็วพลันเพิ่มขึ้น!

การระเบิดของกำไลน้ำแข็ง ทำให้ศิษย์พี่รองมีสีหน้าตะลึง

‘ศิษย์น้องเล็กสวม….สิ่งนี้มาตลอด!’

กำไลวงแรกระเบิด ตัวซูหมิงเหมือนลดน้ำหนักลงไปไม่น้อยในพริบตา ตอนที่ตัวเบาลง ความเร็วห้าสิบจั้งของเขาก่อนหน้านี้พลันพุ่งขึ้นเป็นหนึ่งร้อยจั้ง

ระยะหนึ่งร้อยจั้งนี้ ในสายตาคนอื่นก็มองไม่เห็นร่างซูหมิงแล้ว เห็นเพียงเศษเงารางๆ

อีกทั้งตอนนี้ ชาวเผ่าแดนภูตในส่วนกลาง ส่วนใหญ่เพียงแค่ง้างสายธนูมากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ภายใต้ความเร็วอันน่าทึ่ง คนตัวเตี้ยพี่ชายจั๋วเกอหรี่ม่านตาลง สามคนตรงหน้าเขามีสีหน้าตื่นตะลึง

“ความเร็วนี้…”

ยังไม่ทันพลั้งปากกล่าวจบ มีเสียงระเบิดดังแว่วมาจากตัวซูหมิงอีกครั้ง ตอนที่เขาห้อเหยียดเข้ามาหนึ่งร้อยจั้ง กำไลน้ำแข็งตรงเท้าเขาระเบิดอีกสองวง

บนตัวซูหมิงในตอนนี้เหลือกำไลเพียงห้าวง เขารวดเร็วยิ่งขึ้น พริบตาเดียวก็เคลื่อนตัวหลายร้อยจั้ง ตรงเข้าใส่คนตัวเตี้ยถือคันศรใหญ่

“ปล่อยธนูสังหาร!” คนตัวเตี้ยพลันเบิกตากว้าง แผดเสียงตะโกน

หลังจากเสียงนั้น ลูกธนูคมกริบตรงเข้าใส่ซูหมิงหลายดอก!

ชั่วขณะที่ลูกธนูถูกยิงจากคันศร ลอยมาด้วยความเร็วสูง ตรงขาซูหมิงมีเสียงระเบิดอีกครั้ง กำไลน้ำแข็งสามวงระเบิดพร้อมกัน!

ซูหมิงในตอนนี้เหลือกำไลน้ำแข็งเพียงสองวง ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ความเร็วกลับทะยานถึงระดับน่าสะพรึง ระยะห้าร้อยจั้ง ซูหมิงใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา เหมือนข้ามผ่านกาลเวลา ข้ามผ่านมวลอากาศ ประหนึ่งว่าห้าร้อยจั้งเป็นเพียงหนึ่งชุ่น!

ยามนี้โลกตรงหน้าซูหมิงช้าลง ลูกธนูที่ลอยเข้ามาช้าจนเทียบมิได้กับลูกธนูของชาวเผ่าธรรมดา แต่ละดอกทะลวงผ่านตัวเขา แต่สิ่งที่พวกมันทะลวงเป็นเพียงเศษเงา!

ไม่เพียงแต่ลูกธนูที่ช้าลง แม้แต่ท่าทางปล่อยสายธนูของชายวัยกลางคนสามคนตรงหน้าก็ยังเชื่องช้า กระทั่งซูหมิงมายืนตรงหน้าแล้ว สายตาของพวกเขาสามคนกลับเหมือนไม่เห็นซูหมิง ดุจมองทะลุผ่าน ยังคงมองทอดไกลอยู่

จนกระทั่งซูหมิงยกมือขวาผลักฝ่ามือไปด้านหน้า!

ฝ่ามือนี้เหมือนตบอากาศ ทว่าทั้งสามคนตรงหน้าผิวหนังยวบลงไป เส้นผมค่อยๆ ปลิวไสว ตัวสั่นเทา

ซูหมิงไม่หยุดแค่นั้น เขาปล่อยหมัดใส่อากาศ!

ด้วยหมัดนี้ ทั้งสามคนกระอักโลหิต ปล่อยคันศรในมือ ทำให้ลูกธนูสามดอกเปลี่ยนทิศทาง ไม่แม่นยำอีก

สุดท้ายซูหมิงยกมือขวา กำปั้นกลายเป็นหนึ่งนิ้วกดอากาศ!

ชายวัยกลางคนทั้งสามที่เพิ่งพนันกันก่อนหน้านี้ ศีรษะระเบิดกระจุยทีละคน ตอนที่พวกเขาตายตก ในแววตาเพิ่งปรากฏเงาร่างซูหมิง และกลายเป็นจุดจบของชีวิต

‘หนึ่งฝ่ามือ หนึ่งหมัด หนึ่งนิ้วของอาจารย์อาไป๋…หากใช้ความเร็วระดับสูงก็ทำได้เหมือนกัน…..’ ซูหมิงเข้าใจแล้ว แต่ทันทีที่ทั้งสามคนตายลง เหมือนว่าวงโคจรฟ้าดินจะกลับคืนสภาพเดิม ลูกธนูสีดำดอกหนึ่งพลันปรากฏตรงหน้าซูหมิง ทะลวงผ่านสามคนที่กลายเป็นซากเนื้อแตกกระเซ็นเข้ามา!

มันเป็นธนูสีดำทึบหาใดเปรียบ บนตัวมีภูตผีร้ายแผดเสียงคำราม ด้านหลังธนูดอกนั้นยังมีจิตสังหารของคนตัวเตี้ย รวมถึงความตะลึงที่ซ่อนอยู่ใต้จิตสังหาร ท่ามกลางความตื่นตะลึง คนตัวเตี้ยรู้สึกถึงสายลมอ่อนๆ ที่พัดมาจากท้องฟ้าเหมันต์…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version