Skip to content

สู่วิถีอสุรา 288

ตอนที่ 288 เข้าฝัน

ส่วนท้ายสุดของเรือนพักหลายร้อยหลังนี้เป็นสุดเขตที่ราบหิมะ ใต้สุดเป็นผาสูงหมื่นจั้ง ผาแห่งนี้ถูกหิมะย้อมเป็นสีขาว ตรงขอบผาสร้างเป็นเรือนน้ำแข็งหลังหนึ่ง ข้างเรือนมีต้นไม้ใหญ่สีขาวแต่ใบเป็นสีดำต้นหนึ่ง ลำต้นของมันมีรอยร้าวเป็นใบหน้าคนกำลังหลับตา

ใต้ผาสูงเป็นอีกส่วนนอกกำแพงเผ่าชายแดนเหนือ!

หากมองจากขอบผาลงไป จะพบว่าอีกส่วนหนึ่งด้านล่างของเผ่าชายแดนเหนือเป็นเมืองแห่งหนึ่ง

บนที่ราบหิมะ ส่วนหน้าเผ่าชายแดนเหนือ พื้นที่ส่วนใหญ่นี้ความจริงแล้วแม้แต่ไป๋ซู่ก็ยังไม่รู้ว่า คนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้เป็นชาวเผ่าชายแดนเหนือ ทว่ามิใช่เผ่าแดนภูต!

พวกที่อาศัยอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นชนเผ่าอื่นที่ต้องยอมจำนนต่อการรุกรานของเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ในตอนนั้น พวกเขารวมกับเผ่าแดนภูต และสร้างเป็นเผ่าชายแดนเหนือ

ในเผ่านี้ ความจริงแล้วมีสายเลือดหลายชนเผ่า แดนภูตแข็งแกร่งที่สุดในนั้น ฉะนั้นเผ่าแดนภูตจึงได้ปกครอง จ้าวหมานในแต่ละรุ่นก็ล้วนมาจากเผ่าแดนภูต

จนถึงปัจจุบันก็หลายปีมาแล้ว แม้การสืบสายเลือดจะเจือจาง แต่ภายใต้อิทธิพลเผ่าแดนภูต หากมิใช่คนเผ่าแดนภูต ต้องอยู่เพียงส่วนหน้าเท่านั้น และมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมของแดนภูตด้วย พวกเขาคิดว่าผู้อยู่หน้าสุดเป็นรอง ผู้อยู่หลังสุดเป็นเจ้า

ยามนี้ ส่วนหน้าของเผ่าชายแดนเหนือ บนแผ่นดินชนเผ่ากว้างใหญ่หมื่นจั้ง มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งผมยาวถึงเอว มีสีหน้าเย็นชา เขาสวมเสื้อหนังสัตว์ ในมือถือคันศรกระดูกใหญ่ บนคันศรมีกลิ่นอายพลังสีฟ้าโอบล้อม ภายในมีเส้นสีดำสายหนึ่ง

ด้านหลังเขา ชาวเผ่าชายแดนเหนือเกือบร้อยคนยืนอย่างสงบนิ่ง ทว่าในมือพวกเขาไม่มีคันศร เพราะคนพวกนี้ไม่ใช่คนเผ่าแดนภูต!

หากแต่พวกเขาก็ฟังคำสั่งชายถือคันศรไม่ต่างกัน ในเผ่าชายแดนเหนือ คนมีคันศรจะได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง

ยามนี้สายตาชายวัยกลางคนเหมือนสายฟ้า

มองทอดไกลหลายพันจั้งยังพวกซูหมิงที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มนักรบหมานชายแดนเหนือหลายสิบคน ยิ้มมุมปากเผยการดูถูกและเหยียดหยาม

“ตอนนั้นหากมิใช่ว่าเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ใช้อุบายต่ำช้า สำนักเหมันต์สวรรค์ในตอนนี้ควรเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักแดนภูตถึงจะถูก”

ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเย็นชา คันศรในมือมีพลังสีฟ้าโอบล้อม ราวกับตอบรับคำพูดเขา

“ท่านโหยวหลิน พวกเขามาตามหาจั๋วเกอ…” ข้างชายวัยกลางคน ชายเผ่าชายแดนเหนือคนหนึ่งพูดเบาๆ

“ความหมายของเจ้าคือคนที่พวกมันตามหาคือชาวเผ่าแดนภูตของข้า ดังนั้นชาวเผ่าของเจ้าเลยจะไม่ร่วมสู้อย่างนั้นรึ?” ชายวัยกลางคนหันมามองชายที่กล่าวอย่างเย็นชา

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เองก็มีฐานะไม่ธรรมดา แต่ภายใต้สายตาของโหยวหลิน โดยเฉพาะคันศรในมือเขา พลังสีฟ้าในตัวมันกลายเป็นเงาภูตผี อ้าปากออก เหมือนมีเสียงคำรามกึกก้องโดยไร้เสียง

ชายคนนี้เริ่มมีเหงื่อผุดตรงหน้าผาก ก้มหน้าลง

“เผ่าข้ามิบังอาจ…”

“มิบังอาจก็หุบปาก!” แววตาโหยวหลินเย็นชามากขึ้น

“ทว่า…ท่าน!” ชายคนนั้นกัดฟัน พลันเงยหน้ามองโหยวหลิน

“ด้วยขั้นพลังของท่าน รวมกับภูตผีของท่าน หากลงมือตอนนี้จะช่วยชาวเผ่าของข้าได้ไม่น้อย! นี่ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่คิดเช่นนี้ หลายเผ่าอื่นก็คิดเช่นเดียวกัน” ชายคนนั้นหัวใจเต้นแรง หากมิใช่เพราะเห็นนักรบหมานตายตกไม่น้อยจนปวดใจ คงไม่มีทางกล่าวเช่นนี้

โหยวหลินจ้องชายคนนั้นอยู่นาน ก่อนยิ้มมุมปากเย็นชา ยกมือขวาตบบ่าชายคนนั้น

“พูดได้ดี! ละครตลกรอบนี้ควรจะจบได้แล้ว!”

โหยวหลินชี้มือขวาไปทางพวกซูหมิงที่อยู่ห่างหลายพันจั้ง

“นักรบหมานชายแดนเหนือทั้งหมด ไปเด็ดหัวของพวกมันสามคนมาให้ข้า หากใครไม่ไปถือว่าทรยศชนเผ่า!”

“ท่าน!” ชายคนนั้นหยุดชะงัก ขมวดคิ้ว

“จะไป หรือตาย” โหยวหลินหรี่ม่านตา แววตามีจิตสังหาร

ชายคนนั้นเงียบ กัดฟันแผดเสียงคำรามต่ำ กระโดดขึ้นก่อนทะยานเข้าไปหลายพันจั้ง ชาวเผ่าชายแดนเหนือเกือบร้อยคนด้านหลังทะยานตามไปอย่างเงียบๆ พวกเขาเหมือนกลายเป็นน้ำหลากในชนเผ่าตรงเข้าหาพวกซูหมิง

ขณะเดียวกัน มีเสียงคำรามต่ำหลายเสียงกึกก้องอยู่ในเขตส่วนหน้าของเผ่าชายแดนเหนือ

นักรบหมานที่มากกว่าเดิมกลายเป็นเงาคนมากมาย พุ่งเข้าใส่พวกซูหมิง!

ช่วงที่นักรบหมานเกือบทั้งหมดในชนเผ่าส่วนหน้าพุ่งตัวออกมา โหยวหลินเลียริมฝีปากพลางมองภาพนี้

“สังหารเสียเถอะ น้อยนักที่จะมีโอกาสดีๆ แบบนี้ ครั้งนี้บางทีภูตผีของข้าอาจจะมีเลือดเนื้อมากพอสำหรับการผลัดเปลี่ยนครั้งที่สอง…”

ตรงประตูใหญ่เผ่าชายแดนเหนือ ซูหมิง หู่จื่อ และศิษย์พี่รองห้อเหยียดเหมือนเส้นสายรุ้ง คนที่ขวางทางล้วนตายตก ด้านหลังพวกเขาเต็มไปด้วยผืนหญ้าสีเขียว บนพืชสีเขียวเหล่านั้น นอกจากโลหิตแล้วยังมีศพอีกหลายสิบคน

หู่จื่อสังหารจนตาแดง ดื่มสุราพลางกวัดแกว่งขวาน บนตัวเขาเหมือนมีเกราะไร้รูปกี่ชั้นก็ไม่อาจรู้ ตอนนี้เขาพุ่งตัวอยู่หน้าสุด แผดเสียงตะโกนโดยไม่สนใจการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาแม้แต่น้อย

ศิษย์พี่รองค่อนข้างนุ่มนวล ไม่ได้มีบ้าเลือดขนาดนั้น ทว่าเขาแทบไม่ต้องลงมือเลย ตอนที่มีคนมาขวาง ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็มักกลายเป็นมนุษย์พืชและตายลง

ส่วนซูหมิง พลังชั่วร้ายในตาขวาเข้มข้น รอบตัวมีสายฟ้าไหลเวียนหนึ่งชั้น เพียงแต่เมื่อสายฟ้าสัมผัสกับคน ขอเพียงร่างหยุดชะงักเพียงชั่วครู่เท่านั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือศีรษะหลุดจากบ่า

กระบี่เล็กสีดำในมือซูหมิงมีโลหิตไหลหยดไม่หยุด ต่อให้ซูหมิงหลับตา ก็ใช้เพียงจิตสัมผัสรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวทุกอย่างรอบตัวได้ กระทั่งขณะเดินหน้า เขายังสังเกตเห็นหู่จื่อกับศิษย์พี่รอง เป็นความสงบนิ่งกลางความเงียบสงบ

“ศิษย์พี่รอง พวกนี้ไม่ใช่คนเผ่าแดนภูต…..” ขณะซูหมิงเดินหน้า เขากล่าวเนิบช้า

“ชาวเผ่าแดนภูตไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นพวกเราก็สังหารจนกว่าพวกเขาจะออกมา” ศิษย์พี่รองยิ้มเล็กน้อย เดินหน้าต่อ

แทบเป็นช่วงที่พวกซูหมิงสามคนสังหารต่อ และเข้าไปในส่วนหน้าของเผ่าชายแดนเหนือ ทันใดนั้นมีเสียงคำรามดังแว่วเข้ามา พบว่ามีนักรบหมานมากกว่าหนึ่งร้อยคนห้อเหยียดมาจากด้านหน้า

ผู้นำหน้ามีเจ็ดคน ทุกคนล้วนมีขั้นพลังไม่ด้อยไปกว่าจื่อเชอ ยามนี้เข้ามาใกล้ ภายใต้แสงสะท้อนจากท้องฟ้ามืดสลัว ประหนึ่งมืดฟ้ามัวดิน

ด้านหลังคนเหล่านี้ ห่างไปหลายพันจั้ง จิตสัมผัสซูหมิงตรวจพบว่ามีอยู่คนหนึ่งกำลังมองมา ยิ้มมุมปากเหี้ยมโหด มือถือคันศรใหญ่ เส้นผมยาวถึงเอว!

ชั่วพริบตาที่คนหนึ่งร้อยกว่าตรงเข้ามา นัยน์ตาศิษย์พี่รองขยับประกาย ขณะกำลังจะเดินหน้า ซูหมิงยกเท้า ระฆังเขาหานในตัวเขาปรากฏขึ้นรางๆ ในชั่วพริบตา

ในชั่วพริบตานี้เกิดเหตุการณ์มากมาย นักรบหมานหนึ่งร้อยกว่าคนตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง โหยวหลินที่มองอยู่ไกลๆ นัยน์ตาฉายแววเฝ้ารอและปรารถนา พลังสีฟ้าจากคันศรในมือเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อรูปเป็นเงาภูตผีแววตาละโมบและกระหายเลือด

เจ็ดคนที่อยู่หน้านักรบหมานนับร้อยคนล้วนมีสีหน้าไม่ยอม ทว่าจำต้องลงมือ พื้นดินด้านหลังซูหมิง หมอกดำห้อเหยียดเข้ามาใกล้ ด้านหลังหมอกดำยังมีชายชราซูบผอมกำลังเอามือไพล่หลังเดินมาทีละก้าว

เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที เพราะเรื่องนี้ได้กำหนดไว้หมดแล้ว!

หู่จื่ออยู่หน้าสุด จังหวะที่นักรบหมานร้อยกว่าคนตรงเข้ามา เขาปล่อยขวานในมือ ขวานตกลงพื้นหิมะดังปึก น้ำเต้าที่มือซ้ายไม่มีสุราอีก ทว่ายังคงวางไว้ตรงริมฝีปาก เหมือนดื่มอึกใหญ่แล้ววางลง

เมื่อน้ำเต้าตกถึงพื้น ขณะที่มันกำลังตกลง หู่จื่อกางแขนสองข้าง มองท้องฟ้า

“เข้า…ฝัน…” เขากล่าวพึมพำเบาๆ จนกลายเป็นเสียงตะโกนสะเทือนฟ้า เสียงตะโกนของเขาดังกังวาน ปกคลุมชนเผ่าส่วนหน้าในขอบเขตหนึ่งพันจั้ง หลังจากเสียงตะโกนก็เป็นเสียงน้ำเต้าสุราตกถึงพื้น

เสียงนี้ดังขึ้นเหมือนประจวบเหมาะพอดี หู่จื่อหลับตาทั้งสองข้าง ทันใดนั้น มีแรงกดดันที่บอกไม่ถูกแผ่ขยายมาจากตัวเขา กวาดไปรอบด้าน กลิ่นสุราเข้มข้นอบอวล ทั้งยังมีเสียงกรนแผ่กระจาย

จุดที่เสียงและกลิ่นสุราผ่าน ทำให้ซูหมิงเบิกตากว้าง สูดลมหายใจตะลึง นักรบหมานนับร้อยที่ตรงเข้ามาล้วนหยุดชะงัก สีหน้าสับสน แต่ละคนพากันหลับตา ล้มลงกับพื้น

เมื่อล้มลงไป ในชั่วพริบตาเดียว ตรงส่วนหน้าของเผ่าในระยะหนึ่งพันจั้งกลายเป็นดินแดนแห่งการหลับใหล นอกจากซูหมิงกับศิษย์พี่สามแล้ว สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนหลับตานอน

“เข้า…..ฝัน…..” ซูหมิงพึมพำ เขามองหู่จื่อ หู่จื่อในยามนี้ยืนอยู่บนพื้น ปิดตาเหมือนหลับสนิท

“ศิษย์น้องสามทำสำเร็จแล้ว!” ศิษย์พี่รองตะลึงไปชั่วครู่ ตามด้วยเสียงหัวเราะดังสนั่นอย่างปีติยินดี

ทว่าศิษย์พี่รองเพิ่งหัวเราะ ก็มีเสียงแหลมลากยาวตรงเข้ามาจากระยะหลายพันจั้ง พร้อมกับจิตสังหารที่ไม่อาจบรรยาย มันคือลูกธนู!

ธนูดอกนี้มีพลังสีฟ้าโอบล้อม กระทั่งขณะลอยในอากาศ พลังสีฟ้านั้นยังกลายเป็นภูตผีชั่วร้ายตนหนึ่ง ภูตผีตนนี้โอบล้อมอยู่บนลูกธนู ตรงเข้าใส่หู่จื่อด้วยความเร็วยากจะบรรยาย!

บนแผ่นดินตรงจุดที่ธนูดอกนี้ลากผ่านจะเกิดรอยร้าว กระทั่งชาวเผ่าชายแดนเหนือกับสิ่งก่อสร้างที่ขวางอยู่ตรงหน้ายังถูกทำลาย สิ่งก่อสร้างพังลง เลือดเนื้อสิ่งมีชีวิตดับสูญเป็นโครงกระดูก ถูกลูกธนูดอกนี้สูบกินจนหมดสิ้น กลายเป็นเส้นแห่งการทำลายล้างปานสายฟ้า

ห่างไปหลายพันจั้ง สายธนูในมือโหยวหลินยังสั่นไหวจนส่งเสียง สีหน้าเขาดุร้ายและโกรธแค้น

ช่วงเสี้ยววินาทีนี้ ทุกอย่างตรงหน้าซูหมิงเลือนราง มีเพียงลูกธนูดอกนั้นกับหู่จื่อที่กำลังหลับตา เขากับศิษย์พี่รองข้างกายมิได้สื่อสารกันแม้แต่น้อย ทว่าทั้งสองคนเหมือนรู้กัน ทำสิ่งที่ต่างกันสองอย่าง!

ซูหมิงเดินหน้า ตรงไปหาหู่จื่อเหมือนทะลวงอากาศ

ศิษย์พี่รองเดินหน้าเช่นกัน เขาไม่ได้ตรงไปทางหู่จื่อ แต่เป็น…โหยวหลินที่เสียงสายธนูยังดังอยู่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version