Skip to content

สู่วิถีอสุรา 291

ตอนที่ 291 ความลับของศิษย์พี่รอง

ฟ้า มืดแล้ว!

เมื่อศิษย์พี่รองกล่าวคำนี้จบ ไอหนาวเยือกแผ่มาจากตัวเขาในพริบตา ไอหนาวนั้นเหมือนกับสีดำของท้องฟ้า เหมือนค่ำคืนไร้ปรานี ในเวลานี้เหมือนศิษย์พี่รองกลายเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง!

แม้เขายังยืนอยู่ข้างซูหมิง ซูหมิงกลับรู้สึกว่าศิษย์พี่รองในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม! ทว่าศิษย์พี่รองที่เป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะไม่คุ้นเคย เพราะเขาเคยเห็นมาก่อน!

ศิษย์พี่รองค่อยๆ ลอยตัวขึ้น ห่างจากพื้นหลายชุ่น เส้นผมยาวปลิวไสว สีหน้าเย็นชา เคร่งขรึมถึงที่สุด

เมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำทึบ เมื่อค่ำคืนมาเยือน เขาในตอนนี้กลายเป็นสีดำของกลางคืนที่เขาในยามกลางวันตามหา!

ในสายตาซูหมิง ร่างศิษย์พี่รองล่องลอยประดุจวิญญาณ จุดที่ผ่าน แผ่นดินใต้เท้าเขากลายเป็นสีดำ สีดำนั้นไม่ใช่หิมะ แต่เป็นพืชสีดำที่เติบโตบนหิมะเต็มไปหมด

“พืชในค่ำคืนเป็นสีดำ…เจ้ารู้หรือไม่…” เสียงศิษย์พี่รองดังก้อง กล่าวจบ ทุ่งหญ้าสีดำด้านหลังเขาพลันส่งเสียงแกรกๆ ในความเงียบสงบ เสียงนั้นเหมือนเสียงพึมพำเบาๆ ประหนึ่งมีคนกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่าง

ทันทีที่ศิษย์พี่รองมาถึงเรือนน้ำแข็งตรงหน้าสุด เสียงลากยาวดังเข้ามา พบว่าเป็นลูกธนูสีดำ มันพุ่งตรงมาจากในเรือนน้ำแข็ง ตรงมาทางศิษย์พี่รอง

เงาภูตผีร้ายก่อรูปบนธนู แผดเสียงคำรามต่ำ ราวกับอยากฉีกศิษย์พี่รองแล้วกินเลือดเนื้อ

“สีดำของค่ำคืน ข้าหาไม่พบ….เพราะข้าอยู่ในค่ำคืน….” น้ำเสียงศิษย์พี่รองเย็นชา ขณะกล่าวทั้งตัวเผชิญหน้ากับลูกธนูโดยไม่หลบหลีก ปล่อยให้ธนูทะลวงผ่านร่างกาย แต่ศิษย์พี่รองคล้ายกลายเป็นภาพมายา เมื่อลูกธนูทะลวงผ่านก็ตกอยู่บนทุ่งหญ้าสีดำ เกิดเสียงดังปึก

ฝีเท้าศิษย์พี่รองกลับไม่หยุดสักนิด เขาเดินหน้าต่อ บางสิ่งบนตัวเขาทำให้ซูหมิงหรี่ม่านตาลง ซูหมิงเห็นว่าหมอกดำที่ก่อรูปเงาภูตผีบนธนูเหมือนหล่อหลอมกับศิษย์พี่รอง รวมอยู่บนตัวเขาและส่งเสียงกรีดร้อง

เสียงกรีดร้องสะเทือนฟ้า ประหนึ่งเงาภูตผีกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดถึงขีดสุด ทว่าในสายตาซูหมิง กลับเห็นเพียงเงาภูตผีที่โอบล้อมตัวศิษย์พี่รองค่อยๆ เล็กลงราวจะหายไปได้ตลอดเวลา

“มหาอาคมกลืนภูตผี! เหตุใดเจ้าถึงใช้วิชาลับของเผ่าแดนภูตได้!” น้ำเสียงตื่นตะลึงดังมาจากเรือนที่ยิงธนู ขณะเดียวกัน มีเงาร่างคนเดินออกมาจากด้านใน

เขาเป็นชายร่างกำยำผู้หนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีขาว ดวงตาเป็นประกาย ทว่ายามนี้กลับประหลาดใจและตะลึง

ช่วงที่ชายคนนี้เดินออกมา พลันมีเสียงแหลมลากยาวแว่วเข้ามาอีกหลายเสียง ลูกธนูคบกริบหลายสิบดอกตรงเข้ามาพร้อมกันจากในหมู่เรือนน้ำแข็งส่วนท้ายของเผ่าชายแดนเหนือ

บนธนูเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นสีฟ้า แต่ก็มีสีดำอยู่หลายดอก ในนั้นมีธนูดอกหนึ่ง สีดำบนตัวมันเข้มข้นถึงขีดสุด ในยามค่ำคืนมืดมิด เงาภูตผีบนตัวมันมีความสูงหนึ่งร้อยจั้ง

ภาพนี้เหมือนกับภูตผีออกมาพร้อมกันในตอนสุดท้าย ใช้ลูกธนูเป็นร่าง แผดเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งใส่ศิษย์พี่รอง

ซูหมิงสีหน้าเปลี่ยน เดินหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่ต้องคิด แสงดำข้างกายขยับวิบวับ กระบี่เล็กสีดำลากยาวขึ้นท้องฟ้า ทว่าทันใดนั้น ฝีเท้าศิษย์พี่รองหยุดชะงัก กางแขนทั้งสองข้าง ชูมือขวาขึ้นคว้าท้องฟ้า

การชูมือครั้งนี้ทำให้ซูหมิงเหลือเชื่อ ในมือศิษย์พี่รองพลันปรากฏคันศรยักษ์หนึ่งคัน!

คันศรนี้เป็นสีดำทุกส่วน สร้างขึ้นจากไม้สีดำ สายธนูเป็นหญ้าสีดำ ศิษย์พี่รองถือมันไว้แล้วพลันง้างออก

“มิใช่แค่ข้าใช้กลืนภูตผีได้ ข้ายังใช้วิชาคันศรภูตผีของพวกเจ้าได้” เสียงเย็นชาของศิษย์พี่รองกังวาน เขาดึงสายธนู ด้านบนไม่มีลูกธนู

ทว่าหลังจากปล่อยสาย ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเห็นกับตาเลยว่าช่วงที่ปล่อยสายธนู ตัวศิษย์พี่รองกลายเป็นหมอกดำ พุ่งตรงเข้าใส่ลูกธนูเหล่านั้นบนท้องฟ้า!

เหตุการณ์นี้ยากจะบรรยายได้ ในสายตาซูหมิงเหมือนศิษย์พี่รองในตอนนี้ไม่มีกายแท้ เขากลายเป็นลูกธนู!

ทว่าลูกธนูนี้ ศิษย์พี่รองก็เป็นคนปล่อยเองด้วย ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ซูหมิงเห็นกับตาว่าตัวศิษย์พี่รองกลายเป็นลูกธนูดำ ในแสงธนูมีเส้นสีเขียว!

ช่วงเสี้ยววินาทีนี้ ซูหมิงพลันเข้าใจการสร้างของศิษย์พี่รองลึกขึ้นอีกขั้น

วัฐจักรระหว่างความเป็นและความตาย เหมือนสีขาวกลางวันตามหาสีดำกลางคืน นี่ไม่ใช่การตามหาในช่วงฟ้าสว่าง นี่คือการตามหาสีดำของค่ำคืนในยามค่ำคืน

เพราะตัวอยู่ในยามกลางคืน ฉะนั้นจึงหาพบและก็หาไม่พบไปชั่วนิรันดร์…

ซูหมิงมองลูกธนูที่แปลงจากศิษย์พี่รอง ความเข้มข้นของหมอกดำ และยังมีเงาภูตผีรางๆ ที่ก่อร่างขึ้น

โดยเฉพาะ…..ลักษณะของเงาภูตผีเหมือนกับตัวศิษย์พี่รอง ซูหมิงใจสั่นชั่วครู่ เขาเข้าใจแล้ว

เหตุใดการสร้างของศิษย์พี่รองคือความเป็นและความตาย เหตุใดศิษย์พี่รองชอบปลูกพืชดอก เหตุใดศิษย์พี่รองถึงชอบให้แสงตะวันส่องแถบใบหน้า

และเหตุใดในยามค่ำคืน ศิษย์พี่รองมักชอบตามหา…

“เงาภูตผี!”

“เขากลายเป็นเงาภูตผี! เขาเป็นใคร นี่เป็นไปไม่ได้!”

“ไม่มีที่สิงสถิต มีแค่เงาภูตผี นี่…นี่…หรือว่าเขาก็คือเจ้านาย!” ชาวเผ่าแดนภูตล้วนมีสีหน้าเหลือเชื่อ ทั้งยังมีคนมองมาทางซูหมิง

ทันใดนั้น เงาภูตผีกับลูกธนูแปลงจากศิษย์พี่รองบนฟ้า เข้าปะทะกับลูกธนูของชาวเผ่าแดนภูตหลายสิบคน

เสียงสะเทือนฟ้าดังก้องกังวาน แผ่กระจายรอบแปดทิศอย่างบ้าคลั่งในค่ำคืนมืดมิด ลูกธนูที่ปะทะกับศิษย์พี่รองล้วนแตกกระจาย กลายเป็นเศษจำนวนมาก

ภูตผีร้ายนับไม่ถ้วนบนธนู และยังมีภูตผีร้อยจั้งที่มีหมอกดำโอบล้อมทั้งตัว พากันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นกลัว ตัวศิษย์พี่รองเหมือนหลุมมิติที่ดูดทุกสรรพสิ่ง ดึงภูตผีร้ายเหล่านั้นเข้ามาโอบล้อมตัวเองหมด ทำให้ศิษย์พี่รองในตอนนี้ดูขมุกขมัว มองลงมาด้านล่างด้วยความเย็นชาจากบนอากาศ

บริเวณศีรษะของศิษย์พี่รองราวมีเขาหนึ่งเขางอกขึ้นเลือนราง มันเป็นสีดำ และภายในนั้นมีเส้นสีเขียว! ภูตผีบนตัวเขาเหล่านั้นหดเล็กลงอย่างเร็วพร้อมกับร้องโหยหวน ประหนึ่งถูกศิษย์พี่รองในยามค่ำคืนกลืนกิน

“ราชาภูตผี! เขาเป็นราชาภูตผี!”

“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

“เขาไม่มีที่สิงสถิต….เขา….เขายังมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร!” เสียงเกรียวกราวดังกึกก้อง ชาวเผ่าแดนภูตโดยรอบถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองศิษย์พี่รองบนท้องฟ้าเผยความหวาดกลัวและเหลือเชื่อ

ด้านหลังพวกเขา ยามนี้ปรากฏกลุ่มเงามายาขึ้นเอง เงามายาเหล่านี้คือภูตผีของแต่ละคน เมื่อภูตผีปรากฏ พวกมันมองศิษย์พี่รองบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือในความหวาดกลัวนั้นยังมีความเคารพและฮึกเหิมเล็กน้อย

ซูหมิงมองแผ่นหลังศิษย์พี่รอง มีสีหน้าซับซ้อน เขาเข้าใจแล้ว สาเหตุที่หู่จื่อใช้เข้าฝันหลายครั้งที่นี่ ก็เพราะว่านี่เป็นโอกาสที่หายากยิ่งครั้งหนึ่ง มีอาจารย์คอยตามมาปกป้อง หู่จื่อจึงเข้าฝันได้อย่างสบายใจ

เหมือนกับตอนแรกที่เข้าฝันอยู่ข้างตน เพราะหู่จื่อรู้ว่าตอนนั้นมีซูหมิงอยู่ข้างกาย แม้ซูหมิงเพิ่งมายอดเขาลำดับเก้าไม่นาน เขาก็มองออกว่าหู่จื่อเห็นเขาเป็นศิษย์น้องจริงๆ

เป็นศิษย์น้องที่ปกป้องได้ และก็ถูกปกป้องได้เช่นกัน

เหมือนกับศิษย์พี่รองในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือความลับของเขา ทว่าศิษย์พี่รองกลับมิได้ปกปิดความลับต่อหน้าตน เขายืนอยู่ตรงนั้น เผยความลับสุดยอดออกมา

เพราะศิษย์พี่รองรู้ว่าศิษย์น้องเขาอยู่ตรงนี้ รู้ว่าอาจารย์ของเขาอยู่ตรงนี้ รู้ว่าต่อให้เขาเผยทุกอย่าง ต่อให้เขาเป็นอะไรไป เขาก็จะปลอดภัย เพราะที่นี่มีคนปกป้องเขา และก็ไม่แน่ว่าหลายปีจากนี้ อาจจะเป็นคนที่เขาต้องใช้ชีวิตเพื่อปกป้องเช่นกัน

“กฎยอดเขาลำดับเก้า…..มิใช่การสังหาร แต่เป็นการปกป้องกันและกัน…”

ซูหมิงพึมพำเบาๆ เขาเข้าใจแล้ว

ซูหมิงมองแผ่นหลังศิษย์พี่รอง ความซับซ้อนในแววตาหายไป กลายเป็นความแน่วแน่ แววตาแน่วแน่นี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกกับเขา มิใช่ว่าแน่วแน่กับยอดเขาลำดับเก้า แต่ความแน่วแน่ในแววตาครั้งนี้มีเพื่อครอบครัว เพื่อปกป้องคนในครอบครัว!

การปกป้องแบบนี้ทำให้ซูหมิงนึกถึงภูเขาทมิฬ

ภูเขาทมิฬคือสิ่งที่เขาอยากปกป้อง ทว่าสุดท้ายกลับทำไม่สำเร็จ…..ตอนนี้ยอดเขาลำดับเก้ากลายเป็นสิ่งที่เขาอยากปกป้องอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่เขารู้ว่าที่นี่คือครอบครัวของเขา ที่นี่มีคนในครอบครัวเขา

ต่อให้สมาชิกในครอบครัวจะต่างจากคนอื่น ต่อให้ศิษย์พี่รองหนึ่งในสมาชิกคนนี้…จะมิใช่คนก็ตาม!

เขาเป็นภูตผี ภูตผีที่ไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นจากชะตาชีวิตนี้อย่างไร เป็นภูตผีที่ปรารถนาแสงสว่างในยามค่ำคืน เหตุที่เขาชอบพืชดอกก็เพราะพลังชีวิตของพืชดอกคล้ายกับเขา……

การสร้างของเขาคือความเป็นและความตาย เพราะสำหรับเขาแล้ว มิใช่จากความเป็นสู่ความตาย แต่จากความตายสู่ความเป็น!

ซูหมิงเข้าใจแล้ว

ชั่วเวลาที่เขาเข้าใจ ทันใดนั้นมีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากในเรือนน้ำแข็งเพียงหนึ่งเดียวใต้ต้นไม้ใหญ่ ตรงขอบที่ราบหิมะเผ่าแดนภูต

ตอนที่เสียงหึดังแว่วเข้ามา ซูหมิงตัวสั่นทันใด รอบตัวเขาก่อรูปเป็นเกราะแม่ทัพเทพ ระฆังเขาหานดังกังวานเพื่อต่อต้าน ทว่าก็ยังมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก

น้ำเสียงนี้แฝงไว้ด้วยความหนาวเยือก เมื่อดังขึ้น ชาวเผ่าแดนภูตทั้งหมดล้วนตัวสั่นเทิ้ม คุกเข่าคารวะไปทางเรือน

ร่างศิษย์พี่รองที่อยู่บนฟ้าสั่นไหวท่ามกลางเสียงเย็นชา มีเสียงระเบิดดังมาจากรอบตัวเขา ท้องฟ้าสีดำตรงหน้ามีกรงเล็บภูตผียักษ์ยื่นออกมาคว้าตัวศิษย์พี่รอง!

“ก่อเรื่องพอหรือยัง!” เมื่อกรงเล็บภูตผีใหญ่ยักษ์ปรากฏ ยังมีเสียงแก่ชราเย็นชาดังขึ้น

“ก่อเรื่องพอหรือยังอย่างนั้นรึ?” หลังจากเสียงนั้น ฉับพลัน….มีเสียงตอบแบบเดียวกัน เพียงแต่เสียงนั้นไม่เย็นชา ทว่าสนุกสนาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version