Skip to content

สู่วิถีอสุรา 296

SVTASR

ตอนที่ 296 บัตรเชิญ

ทันใดนั้น ชามหินพลันแตก โลหิตน้อยนิดในนั้นก็หายตามไป ชายชราตัวสั่นเทา กระอักโลหิตกองโต ถูกพลังไร้รูปบางอย่างกระแทกเข้าใส่ กระเด็นถอยดังโครม ก่อนร่วงลงตรงผนังด้านข้าง

และตอนนี้เอง ประตูชั้นสูงสุดของหอถูกเปิด จ้าวหมานแดนภูตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าทะมึน เมื่อเห็นทุกอย่างที่นี่ดูวุ่นวายก็อดตะลึงงันไม่ได้

“เหตุใดเป็นเช่นนี้….นี่….นี่…..” ชายชราข้างผนังมีสีหน้าสับสน แฝงไว้ด้วยความตื่นกลัว พึมพำไม่หยุด

“เกิดอะไรขึ้น!” จ้าวหมานแดนภูตเดินเข้ามา ประคองชายชราที่กำลังสับสนแล้วถามทันที

“ข้ากำลังหาฝ่ายภูตผีรุ่นต่อไปอยู่…พิธีกรรมของข้าไม่ล้มเหลว ข้าเห็นแล้วจริงๆ…ทว่า…ทว่าสิ่งที่ข้าเห็นคือ….” ชายชราตัวสั่นพลันเงยหน้า จับบ่าของจ้าวหมานแดนภูตเอาไว้ ขณะหายใจกระชั้นถี่ เขาไม่มีสีหน้าสับสนอีก และได้สติกลับมา

“ข้าเข้าใจแล้ว! เจ้าจำเอาไว้ อย่าล่วงเกินคนชื่อซูหมิงเด็ดขาด อย่าล่วงเกินเขา…อย่าล่วงเกินเขาโดยเด็ดขาด ข้าเห็นเรื่องที่ไม่ควรจะเห็นเข้า ข้าเห็นแล้ว…” ชายชราจับจ้าวหมานแดนภูตเอาไว้แน่น หายใจกระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกล่าวอย่างอ่อนแรง

“เรื่องที่เห็นข้าบอกกับเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าต้องจำข้อนี้เอาไว้ อย่า…ล่วงเกิน….เขา….เขา….เขาเป็น….” ร่างชายชราชักกระตุก ผลักจ้าวหมานแดนภูตที่ยังตะลึงงันแล้วบีบคอตัวเองแน่น นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่ง

กลิ่นอายพลังที่ทำให้จ้าวหมานแดนภูตตัวสั่นพลันรวมตัวอยู่ในห้อง ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายพลังนี้ ทำเอาจ้าวหมานแดนภูตตื่นกลัว ขยับตัวไม่ได้ เขาหรี่ม่านตาทั้งสองข้าง ทุกอย่างที่เห็นตรงหน้าเกินความรู้ เกินจินตนาการของเขา ทำให้เขาเหมือนลืมหายใจ

เขาเห็นตรงหน้าชายชราฝ่ายภูตผีมีมือโปร่งใสครึ่งหนึ่งกำลังบีบคออย่างแรง ยกตัวชายชราขึ้นมาจากพื้น ขณะชายชรากำลังดิ้นรนก็เหมือนเสียขั้นพลังทุกอย่างทีละน้อย ราวเป็นเพียงชายชราธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีแรงต่อต้าน

ทว่าโม่ซานรู้ ตัวเขามิใช่ผู้แข็งแกร่งสุดในเผ่าแดนภูต ผู้แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ คือฝ่ายภูตผี! แม้ฝ่ายภูตผีจะเป็นไม้ใกล้ฝั่ง แต่กลับถูกใครบางคนสังหารช้าๆ เยี่ยงคนธรรมดาเช่นนี้ เรื่องแบบนี้ โม่ซานไม่อาจจินตนาการขั้นพลังของอีกฝ่ายได้เลย

จิตใจเขาสั่นไหว เหม่อมองทุกอย่าง เขาค่อยๆ เห็นคนโปร่งใสที่คล้ายสวมชุดคลุมจักรพรรดิปรากฏตัวตรงหน้าฝ่ายภูตผีอย่างสมบูรณ์ การปรากฏตัวของบุคคลนี้ไม่ได้สร้างความยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี กลับมีความน่ากลัวที่ทำให้โม่ซานหายใจติดขัดถาโถมเข้ามา

เหมือนกับตอนนี้เขากลายเป็นมดปลวก ส่วนคนกึ่งโปร่งใสที่สวมชุดจักรพรรดิและมงกุฎตรงหน้า สายตาเดียวของบุคคลนี้สามารถทำให้เขาแหลกเป็นชิ้นได้

เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ ทว่าสำหรับโม่ซานแล้วกลับยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์ เขามองเงาคนกึ่งโปร่งใสหักคอฝ่ายภูตผี เมื่อคลายมือออกก็เหมือนมองตนแวบหนึ่ง

สายตาคู่นั้นทำให้เกิดเสียงอึกทึกในจิตใจโม่ซาน ภาพตรงหน้าขาวโพลน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ช่วงที่เขาได้สติกลับมา ในห้องเงียบสงบ ไม่มีเสียงใดๆ มีเพียงศพที่แข็งตัวแล้วนอนอยู่บนพื้น เป็นคำอธิบายว่ามันคือเรื่องจริง

โม่ซานตัวสั่นเทิ้มยามมองศพฝ่ายภูตผี ในความคิดยังมีคำพูดก่อนตายของอีกฝ่ายดังกึกก้อง

‘ข้าเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น….เจ้าจำเอาไว้ อย่าล่วงเกินคนชื่อซูหมิงเด็ดขาด…อย่า…ล่วงเกินเขา…’

โม่ซานจ้าวหมานแดนภูตตัวสั่น ตรงหน้าผากผุดเม็ดเหงื่อ เขารู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางลืมภาพก่อนที่ฝ่ายภูตผีจะตาย รวมถึงสายตาที่ร่างคนกึ่งโปร่งใสสวมชุดจักรพรรดิมองตนคู่นั้นด้วย

“เขาเห็นอะไร….เขาเป็นใคร…” คำว่าเขาสองครั้ง หมายถึงคนสองคน โม่ซานเงียบงัน

เขาในตอนนี้มิได้สังเกตเลยว่า ในเมืองแดนภูตใต้ที่ราบหิมะ นอกหอสูงตระหง่านแห่งนี้ มีสายลมอ่อนพัดเข้ามา….สายลมนี้มาจากเหมันต์สวรรค์

ในโลกใบนี้มีข่าวลือน้อยมากที่จะไม่ถูกแพร่งพราย และก็มีข่าวลืออีกน้อยมากที่จะไม่เลือนหาย เรื่องยอดเขาลำดับเก้ารวมพลบุกเผ่าชายแดนเหนือค่อยๆ แพร่สะพัดในเวลาไม่นาน

มีคนตื่นตะลึง มีคนโกรธแค้น มีคนไม่เชื่อ มีคนหัวเราะเยาะ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในข่าวลือนับไม่ถ้วนของยอดเขาลำดับเก้าช่วงหลายปีมานี้ จากนี้ไปจะเพิ่มมาอีกหนึ่ง วิถีชีวิตพวกเขายังคงเหมือนเดิม ศิษย์พี่ใหญ่ปิดด่านฝึกพลัง ศิษย์พี่รองปลูกพืชดอก ยามกลางวันให้แสงตะวันส่องแถบใบหน้า เผยรอยยิ้มอบอุ่น ส่วนยามกลางคืนเป็นเหมือนเงาภูตผี ตามหาสีดำของค่ำคืน

ส่วนหู่จื่อมีสุราชั้นดีหนึ่งหมื่นไห แสยะปากยิ้มซื่อๆ อย่างมีความสุขทั้งวัน เมานอนแล้วก็เข้าฝัน กระทั่งกิจกรรมถ้ำมองที่เขาชอบมากที่สุด ในช่วงหลายวันมานี้ยังไม่ไปทำ

ส่วนซูหมิงก็ยังคงลอกแบบรูปแบบที่สองซึ่งเร็วที่สุด ควบคุมตำแหน่งของเกราะแม่ทัพเทพ ฝึกฝนร่างกาย เพื่อเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนสงครามหมอกนภาล่าเชมัน

จื่อเชอหายดีแล้ว ส่วนจั๋วเกอ ซูหมิงให้จื่อเชอส่งศีรษะเขาไปที่ถ้ำของซือหม่าซิ่นบนยอดเขาลำดับหนึ่ง

ความจริงแล้วซูหมิงยังมีข้อสงสัยอยู่หนึ่งข้อ ข้อสงสัยนี้มิได้เจาะจงที่ซือหม่าซิ่น แต่เป็นศิษย์พี่รอง ทว่าเขาไม่ถาม บางทีศิษย์พี่รองอาจมีความลับของตัวเอง จึงไม่ได้ช่วยรักษาจื่อเชอให้ก่อน

ทางด้านไป๋ซู่ หลังจากกลับมาก็เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ไม่มาหาซูหมิง เหมือนว่านางมีเรื่องลังเลอะไรบางอย่าง ต้องใช้เวลาพักหนึ่งตรึกตรองให้ชัดเจน

จนกระทั่งครึ่งเดือนหลัง ตอนที่นางมาอีกครั้ง ซูหมิงพบว่านางเหมือนไป๋หลิงมากขึ้น

ไป๋ซู่ที่กลับมาใหม่มีนิสัยแบบเดิม ดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง บ้างก็อยากยั่วเล่นซูหมิง ทว่าทุกครั้งสิ่งที่ได้รับกลับคือถูกจับห้อยหัวกลางอากาศจนนางชินแล้ว

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ห่างจากสงครามหมอกนภาล่าเชมันไม่ถึงสองเดือน! สองเดือนสุดท้ายนี้ แม้แต่คนที่ไม่ลงจากยอดเขาอย่างซูหมิงยังรู้สึกถึงความอึดอัดที่ปกคลุมสำนักเหมันต์สวรรค์ เหมือนความเงียบก่อนพายุฝน

จนกระทั่งวันนี้ ช่วงที่จื่อเชอกลับมาจากข้างนอก เขามาพร้อมกับบัตรเชิญให้ซูหมิง

บัตรเชิญดังกล่าวเป็นเรื่องตลาดใหญ่ที่สุดในละแวกนี้จัดงานประมูล การประมูลในครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตสำนักเหมันต์สวรรค์ก่อนสงคราม!

เจ้าภาพมิใช่คนเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ แต่เป็นสำนักทะเลตะวันออก!

นี่คือธรรมเนียมอย่างหนึ่ง เป็นธรรมเนียมที่จัดขึ้นก่อนสงครามใหญ่ในทุกหนึ่งร้อยปี เหมือนในสำนักเหมันต์สวรรค์ตอนนี้ ก็มีหลายคนได้รับบัตรเชิญงานประมูลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นโดยสำนักทะเลตะวันออกเหมือนกัน

งานประมูลแบบนี้ เดิมทีซูหมิงไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร จนกระทั่งเขาเห็นสิ่งหนึ่งกลางเครื่องหมายงานประมูล สิ่งนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

มันคือรูปหม้อหลอมเม็ดโอสถที่สมบูรณ์แบบ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version