Skip to content

สู่วิถีอสุรา 295

ตอนที่ 295 เหลยเฉิน

ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง มองร่างคนสีม่วงที่เดินมาจากใต้ที่ราบหิมะ ร่างคนนี้เขาไม่รู้สึกคุ้นเคยแม้แต่น้อย ทว่าตอนที่อีกฝ่ายชี้นิ้วมา ซูหมิงกลับจิตใจสั่นไหว เขาบอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด ในความรู้สึกแปลกตานี้กลับมีความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกัน

ช่วงที่ร่างคนสีม่วงปรากฏ จ้าวหมานแดนภูตที่เตรียมระเบิดโทสะพลันสงบลง สีหน้าสงบนิ่ง หมุนตัวกลับกลางอากาศ และมองซูหมิงเช่นกัน

เทียนเสียจื่อมีสีหน้าเคร่งขรึม ยามนี้เสื้อคลุมเขามีเค้าลางจะเปลี่ยนสี ดูมิใช่สีขาวแล้ว แต่เป็นสีเทา กระทั่งสีเทานี้ยังมิใช่จุดสิ้นสุด มันเริ่มมีสีม่วงปรากฏด้วย

“เทียนเสียจื่อที่เคารพ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อศิษย์ของเจ้า เพียงแค่มีคำถามสักเล็กน้อยอยากจะถาม” ร่างคนชุดคลุมม่วงมองไม่เห็นใบหน้า กล่าวอย่างสงบนิ่ง

“ฝ่ายภูตผีแห่งเผ่าแดนภูต…..ตำนานเล่าว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยปรากฏคนที่สองในชนเผ่านี้…กระทั่งในคำเล่าขาน ตอนที่เผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์รุกรานเผ่าแดนภูต ฝ่ายภูตผีก็ยังไม่ลงมือ….ตอนนี้ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าฝ่ายภูตผีจะแน่สักแค่ไหน!” นัยน์ตาเทียนเสียจื่อเย็นชา เขาในตอนนี้ไม่มีความบ้าหลงเหลือ แต่มีจิตสังหาร!

“เทียนเสียจื่อที่เคารพ เหตุใดเจ้าไม่ถามศิษย์คนนี้ของเจ้าว่าเขาอยากคุยกับข้าหรือไม่ หากเขาไม่ยอม ข้าก็จะไม่บังคับ หากเขายอม ก็หวังว่าเจ้าจะไม่ขวาง” ร่างคนสีม่วงกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ยังคงสงบนิ่ง

เทียนเสียจื่อมองร่างสีม่วง แววตาจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเช่นนี้พบเห็นได้น้อยยิ่งนักในตัวเขา จากความจริงจังที่มากขึ้น ก็เริ่มปรากฏความกระหายในการต่อสู้

เขาเลียริมฝีปาก ไม่กล่าวสิ่งใด แต่ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ขณะยกเสื้อคลุมกลายเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็ว

ศิษย์พี่รองข้างกายซูหมิงก็มีสีหน้าจริงจังเช่นกัน แม้แต่ชายร่างกำยำสีดำหนึ่งในสามร้อยทาสของศิษย์พี่ใหญ่ก็ด้วย

“ตอนที่เจ้าถามข้า ข้าก็มีคำถามจะถามเจ้าเหมือนกัน” ซูหมิงมองร่างคนชุดคลุมม่วง พลันกล่าว

“ได้” ร่างคนชุดคลุมม่วงกล่าวช้าๆ

“อาจารย์ ข้าอยากคุยกับเขาสักครู่” เมื่อซูหมิงกล่าว เทียนเสียจื่อที่ยกมือขวาอยู่บนท้องฟ้าหยุดชะงัก เขาหันหน้ามองซูหมิง เงียบอยู่ชั่วครู่แล้วลดมือลง

“ตามข้ามา” ฝ่ายภูตผีแห่งเผ่าแดนภูต ร่างคนชุดคลุมม่วงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า หมุนตัวกลับแล้วเดินไปทางริมขอบหิมะ

ซูหมิงเดินตามไปอย่างไม่ลังเล สองคนหน้าหลังมาถึงขอบที่ราบหิมะอย่างเร็ว เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น จะเห็นว่าใต้หน้าผาเป็นเมืองของเผ่าแดนภูตอย่างชัดเจน และยังมีด้านหลังเมืองที่เริ่มเป็นแผ่นดินสีเขียวอีก

เงียบ ทั้งสองคนไม่มีใครกล่าว

“ตรงนั้นเป็นทิศใต้….” ระหว่างร่างคนชุดคลุมม่วงกับซูหมิงห่างกันหลายจั้ง ผ่านไปพักใหญ่เขาจึงกล่าวเรียบๆ

ซูหมิงมองแผ่นดินสีเขียวตรงสุดสายตา เงียบไม่กล่าว

“เจ้าชื่ออะไร?” เงาคนชุดคลุมม่วงหมุนตัวกลับ ซ่อนดวงตาเอาไว้ใต้ชุดคลุมพลางมองซูหมิง

“ซูหมิง แล้วเจ้าชื่ออะไร?” ซูหมิงลังเลครู่หนึ่ง ไม่ปิดบังอะไร แต่ถามกลับหนึ่งประโยค

“ข้าหรือ…ลืมไปแล้ว…ฝ่ายภูตผีคือชื่อของข้า” ร่างคนชุดคลุมม่วงเหมือนขบคิดครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะตอบ

“ในตัวเจ้า ข้ารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังพิเศษบางอย่าง เจ้า….ไม่ใช่คนแดนอรุณใต้” ร่างคนชุดคลุมม่วงกล่าวเสียงเบา ทว่าเมื่อเข้าหูซูหมิงกลับทำให้แววตาและจิตใจสั่นไหว

นี่มิใช่การถาม แต่เป็นความมั่นใจที่ไม่ต้องการคำตอบจากซูหมิง

“สิ่งนี้คืออะไร?” ซูหมิงเปลี่ยนข้อสนทนา หยิบหินสีดำก้อนหนึ่งมาจากอกเสื้อ หินดูเหมือนเป็นเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วตอนซูหมิงถือในมือครั้งแรก มันยังนุ่มอยู่ มันก็คือเปลือกหินของแมลงเล็กสีดำ

“นี่คือสัตว์ประหลาดของเผ่าแดนภูต สามารถเชื่อมต่อโลกมหัศจรรย์ผ่านมัน ในนั้นมีวิญญาณภูตผีจำนวนมาก…..เจ้ามิใช่คนแดนอรุณใต้ ข้าก็ไม่ใช่เหมือนกัน…” เงาคนชุดคลุมม่วงพึมพำ

ซูหมิงมองบุคคลนี้แวบหนึ่ง เงียบไม่กล่าว

“นอกจากข้าจะรู้สึกถึงกลิ่นอายพิเศษในตัวเจ้าแล้ว ยังมีความคุ้นเคยบางอย่าง ความรู้สึกนี้เหมือนพวกเรา…..เคยพบกันมาก่อน บางทีเจ้าอาจเคยพบฝ่ายภูตผีรุ่นต่อไปของแดนภูต…” ร่างชุดคลุมม่วงหมุนตัว เพ่งมองดวงตาซูหมิง

“ฝ่ายภูตผีของแดนภูตมิใช่คนเดียวตลอด แต่เมื่อคนก่อนตายแล้วคนต่อไปจะตื่นขึ้น ทั้งแดนอรุณใต้ข้าหามาจนทั่วแล้ว ไม่มีฝ่ายภูตผีรุ่นต่อไปปรากฏตัว! เดิมทีข้าควรตายมาหลายครั้ง ทว่าทุกครั้งกลับรอดตาย และตามหาเขามาโดยตลอด…บอกข้า เจ้าเห็นเขาคนนั้นที่ใด…

รู้หรือไม่ว่าคนที่ข้าบอกเป็นใคร ตั้งแต่เจ้านำของประหลาดนี้มาถาม ข้าก็รู้แล้วว่าในใจเจ้ามีคำตอบ มีความสงสัย บอกคนที่เจ้าสงสัยกับข้ามา เขาอยู่ไหน ชื่ออะไร เขาเป็นฝ่ายภูตผีรุ่นต่อไปของเผ่าแดนภูต!”

ซูหมิงจิตใจสั่นสะท้าน มองร่างคนชุดคลุมม่วง เงียบไปครู่หนึ่งก่อนส่ายศีรษะ

“เขาไม่อยู่แดนอรุณใต้”

“ไม่เป็นไร บอกว่าเขาอยู่ที่ใด บอกชื่อเขา ข้าจะให้สิ่งนี้ถือเป็นการขอบคุณ!” ร่างคนชุดคลุมม่วงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า ยกมือแห้งเหี่ยวขึ้น ในมือปรากฏหนอนเล็กสีม่วงตัวหนึ่ง!

หนอนเล็กเป็นสีม่วงทั้งตัว นอนคว่ำอย่างสงบนิ่งบนมือแห้งเหี่ยวของเขา มีกลิ่นหอมสดชื่นลอยมาจากตัวมัน เมื่อคนได้กลิ่นจะต้องเกิดความรู้สึกหิวขึ้นมา

“สิ่งนี้คือ ม่วงละลาย…สัตว์ร้ายตัวใดที่กินมันจะวิวัฒนาการหนึ่งครั้ง หากสำเร็จพลังในการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นมาก หากล้มเหลวก็จะตาย เจ้าเอาสิ่งนี้ไป ในสงครามหมอกนภาล่าเชมัน หากมีอันตรายให้ใช้สิ่งนี้ มันจะทำให้เผ่าเชมันทุกเผ่าบ้าคลั่งเพราะเจ้า…สิ่งนี้เจ้าต้องหลอมมันในใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เพียงความคิดเคลื่อนไหว สิ่งนี้ก็จะตายทันที หากเจ้าไม่ยินยอมก็ไม่มีใครเอามันไปได้ แต่ตกลงแลกเปลี่ยนกันได้”

ซูหมิงหัวใจเต้นแรง เดิมทีเขาไม่เชื่อคำพูดของคนชุดคลุมม่วง แต่เมื่อหนอนเล็กสีม่วงปรากฏ เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าหนอนงูไม้พลองเล็กที่ไม่ทราบชื่อในระฆังเขาหานพลันกระสับกระส่าย เหมือนอยากพุ่งออกจากระฆังเขาหาน สิ่งนี้ดึงดูดมันจนถึงระดับที่ซูหมิงไม่อาจจินตนาการ

ซูหมิงเงียบ ยังคงส่ายศีรษะ เขาเดาไม่ออกว่าคำพูดของคนชุดคลุมม่วงเป็นจริงหรือไม่ ถึงอย่างไรนี่มันก็เรื่องใหญ่ เขาจะไม่ยอมพูดง่ายๆ

“ผู้เยาว์ขอตัวก่อน” ซูหมิงหมุนตัวกลับ ยับยั้งอาการร้อนรนและบ้าคลั่งของหนอนงูในระฆังเขาหาน แล้วเดินไปทางเทียนเสียจื่อไกลๆ

“ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าแค่อยากรู้ว่าฝ่ายภูตผีรุ่นต่อไปของเผ่าอยู่ที่ใด ชื่ออะไร ข้าไม่มีทางออกจากแดนอรุณใต้เพื่อตามหาเขาหรอก…

ข้าเพียงแค่อยากเอาชื่อกับที่อยู่ของเขา บอกโลกภูตผีผ่านวิชาภูตผีพิลึกของเผ่าข้า แบบนี้จะมีผลดีกับการเติบโตของเขา ภูตผีในยมโลกจะตามหาและปกป้องเขา….ช่วยข้าสักครั้งเถอะ…” เงาคนชุดคลุมม่วงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า ทว่ากลับจริงใจ

“ข้ารู้ว่าข้าทำให้เจ้าเชื่อคำพูดข้าไม่ได้ แต่ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ….

ข้าขอใช้การสืบทอดของเผ่าแดนภูตตั้งสัตย์สาบาน หากข้าโป้ปด หากข้าคิดทำร้ายคนที่เจ้ากล่าวชื่อ เช่นนั้นขอให้การสืบทอดของเผ่าแดนภูตสิ้นสุดลง ให้เผ่าแดนภูตหายไปจากโลกใบนี้!” ชายชราชุดคลุมม่วงเดินหน้ามาหลายก้าว กล่าวเสียงแหบแฝงไว้ด้วยความร้อนใจ

ซูหมิงหยุดชะงัก เขาฟังออกถึงความยึดมั่นถือมั่นในคำพูดอีกฝ่าย

ขณะเงียบ ซูหมิงก็ลังเลครู่หนึ่ง

“นี่คือคำสาบานของข้า คำสาบานนี้ขอให้เทพแห่งแดนภูตเป็นพยาน!” เงาคนชุดคลุมม่วงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ยกสองมือขึ้น ก้มหน้ามาทางซูหมิง

การคุกเข่าของเขา ทำให้ทุกคนที่มองอยู่ไกลๆ สีหน้าเปลี่ยน จ้าวหมานแดนภูตแววตาเคร่งขรึมทว่าไม่เข้ามา

เทียนเสียจื่อขมวดคิ้ว มองคนชุดคลุมม่วงเหมือนจะเข้าใจ

ซูหมิงหันกลับไปมองร่างคนชุดคลุมม่วงที่นั่งคุกเข่าอยู่พักใหญ่ คำสาบานและการกระทำของอีกฝ่ายดูไม่เหมือนแสร้งทำ อีกทั้งยังใช้เผ่าของตนตั้งสัตย์สาบาน แบบนี้ก็เพียงพอจะอธิบายปัญหาในตัวมันเอง

“พันธมิตรตะวันตก เหลยเฉิน…” ซูหมิงกล่าวเบาๆ กล่าวจบ เขาหมุนตัวเดินไปหาเทียนเสียจื่อ ช่วงที่เขาหมุนตัว คนชุดม่วงเงยหน้าขึ้น ปิดซ่อนความฮึกเหิมในแววตาใต้เสื้อคลุม เขายกมือขวาสะบัด หนอนเล็กสีม่วงตรงไปหาซูหมิง และถูกซูหมิงรับเอาไว้

“ขอบคุณมาก เจ้าวางใจเถอะ คำพูดของข้าไม่มีเท็จ!” เงาคนชุดม่วงกล่าวจบก็คำนับซูหมิงอีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินลงไปใต้ที่ราบหิมะ

ซูหมิงออกจากเผ่าชายแดนเหนือพร้อมกับศิษย์พี่รอง หู่จื่อ และยังมีเทียนเสียจื่อ รวมถึงชายร่างกำยำตัวดำ เมื่อไปพบไป๋ซู่แล้วก็กลายเป็นสายรุ้ง พาจั๋วเกอกับของที่รับมาของแต่ละคนมุ่งหน้าสู่ยอดเขาลำดับเก้า

เมื่อพวกเขาจากไป จ้าวหมานแดนภูตมีสีหน้าเย็นชายิ่งนัก หมุนตัวเดินไปใต้ที่ราบหิมะ เขาประนีประนอมมาหลายครั้ง นอกจากกลัวเทียนเสียจื่อแล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นคือคำร้องขอจากฝ่ายภูตผี

เขาอยากไปถามฝ่ายภูตผีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ณ เมืองแดนภูตใต้ที่ราบหิมะ ในนั้นมีหอสูงหลังหนึ่ง ทุกส่วนเป็นสีม่วง ส่วนยอดสุดของหอมีคนชุดคลุมม่วงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ตรงหน้ามีชามสีม่วงหนึ่งใบ ในชามมีโลหิตสดสีเดียวกันเล็กน้อย

“แดนพันธมิตรตะวันตก นามเหลยเฉิน ด้วยเสียงของข้า ฝ่ายภูตผีรุ่นปัจจุบัน ขอเรียกเจ้า…ผู้สืบทอดของข้า…ตื่น…เหลยเฉิน…..เหลยเฉิน….”

ขณะกล่าว เขาพลันยกมือขวาขึ้น ปลายนิ้วชี้ฉีกเผยเป็นแผลใต้เลือดเนื้อ ก่อนกดลงตรงกลางโลหิตสีม่วงในชามหินตรงหน้า

“เหลยเฉิน ให้ข้าเห็นเจ้า!” เงาคนชุดคลุมม่วงแผดเสียงตะโกน ทันใดนั้น ร่างในชุดคลุมม่วงพลันตัวสั่นอย่างรุนแรง ชุดคลุมพลันฉีกขาด เผยให้เห็นใบหน้าแก่ชราธรรมดา ดวงตาของเขาโปนขึ้น ฉายแววเหลือเชื่อ เขาเห็นแล้ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version