Skip to content

สู่วิถีอสุรา 299

ตอนที่ 299 ขออภัย

เอ๋าเฉินไท่ถอยไปหลายก้าว แล้วคารวะชายชุดคลุมม่วงที่ตรงเข้ามา

“คารวะผู้อาวุโส”

สหายอีกสองคนข้างกาย ยามนี้มีสีหน้าเคารพ คารวะเช่นกัน

ชายชุดคลุมม่วงเผยรอยยิ้ม ขณะเดินเงาเหยียบอากาศมาอยู่หน้าสัตว์หุ่นเชิด ไม่มองจื่อเชอและไป๋ซู่ แต่มองซูหมิงพลางอมยิ้มพยักหน้า

“เจ้าเป็นศิษย์ที่ผู้อาวุโสเทียนเสียจื่อรับมาใหม่รึ?”

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ สายตามองชายชุดคลุมม่วง ขั้นพลังของบุคคลนี้เพียงมองแวบแรกก็รู้แล้วว่ามิใช่ขั้นชำระล้าง แต่เป็นขั้นเซ่นไหว้กระดูก

นิสัยของซูหมิงก็เป็นเช่นนี้ หากอีกฝ่ายมีมารยาท เขาก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่น้อยยิ่งนัก ตอนนี้ต่อให้ไม่อาจยืนได้ ทว่าเมื่อจิตใจสั่นไหว หุ่นเชิดด้านล่างก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหมอกดำปกคลุมอยู่ใต้เอวซูหมิง หมอกดำนั้นรวมตัวอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ลมหายใจต่อมาสัตว์หุ่นเชิดก็ค่อยๆ หายไป

ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ ดูเหมือนปกติ แต่ความจริงแล้วเขายังนั่งอยู่ สองขาที่โผล่ออกมาสร้างขึ้นจากตรีศูลภูตผี เท่ากับว่าขาของหุ่นเชิดตรีศูลภูตผียันซูหมิงให้เดินเหมือนคนปกติ

“อาจารย์ข้าคือเทียนเสียจื่อ” ซูหมิงประสานมือคารวะชายชุดคลุมม่วง

ชายชุดคลุมม่วงมองภาพที่สัตว์หุ่นเชิดหดตัวลง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ

“ดูท่าข่าวลือในเร็วๆ นี้เรื่องยอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าชายแดนเหนือจะเป็นเรื่องจริง ตรีศูลภูตผีนี้เป็นของเผ่าแดนภูต น้อยนักที่คนนอกจะมี”

ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวสิ่งใด

“ในเมื่อสหายซูเป็นศิษย์เทียนเสียจื่อ เช่นนั้นก็เป็นคนรุ่นเดียวกับข้า สหายซู ข้าฉางอี้ เชิญ!” ชายชุดคลุมม่วงยิ้มกล่าว ผายมือไปทางด้านข้าง

“สหายฉาง เชิญ!” ซูหมิงยิ้มประสานมือคารวะ

ทั้งสองคนเดินพร้อมกัน ชายชุดคลุมม่วงเดินหนึ่งก้าว พลันก้าวไปสี่สิบจั้ง ไม่ต้องหันมามองก็รู้สึกว่าซูหมิงอยู่หลังเขายี่สิบกว่าจั้ง สีหน้าเป็นปกติ ทว่าในใจกลับห้ามไม่ได้ คาดเดาขั้นพลังของซูหมิงอย่างมั่นใจ

ด้วยขั้นพลังของเขาจึงย่อมมองออก ซูหมิงมิได้ปิดบังความเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าเขาไม่น้อยจริงๆ อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือ เขามองเห็นว่ารอบขาทั้งสองข้างของซูหมิงมีหมอกดำจากหุ่นเชิดเผ่าแดนภูต เห็นได้ชัดว่านั่นสามารถเพิ่มความเร็วได้เล็กน้อย

‘เขาประมาทยิ่งนัก ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้หุ่นเชิดเป็นสองขา ตัวจริงยังนั่งขัดสมาธิอยู่’ ชายชุดคลุมม่วงยิ้มบาง และไม่สนใจมากนัก แต่ชะลอความเร็วลง รอซูหมิงครู่หนึ่ง ช่วงที่ซูหมิงกับเขาขนานกันถึงเริ่มเดินหน้าต่อ

“สหายซูมีความชอบที่แปลกดี เรื่องแบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” ขณะเดิน ชายชุดคลุมม่วงยิ้มกล่าวให้ซูหมิง กวาดสายตามองขาสองข้างของเขา

“ขายหน้าสหายฉางแล้ว แซ่ซูไม่สะดวกยืน หวังว่าจะไม่ถือสา” ซูหมิงส่ายศีรษะ ยิ้มกล่าว

จื่อเชอติดตามอยู่ข้างซูหมิง มีสีหน้าสงบนิ่ง ยังคงติดตามซูหมิงตลอด ส่วนไป๋ซู่เดิมทีก็เป็นเช่นนี้ กวาดสายตามองไปรอบๆ เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่าพอได้ยินชายชุดคลุมม่วงกล่าว นางกลับขมวดคิ้ว เห็นซูหมิงไม่ใส่ใจจึงไม่พูดอะไร

“อ้อ? ไม่สะดวกจะยืน หรือว่าสหายซูฝึกวิชาเลยทำให้ขาทั้งสองข้างบกพร่องรึ?” ชายชุดคลุมม่วงมีสีหน้าประหลาดใจ

“ประมาณนั้น” ซูหมิงพยักหน้า

“น่าเสียดาย น่าเสียดาย ทว่าในงานประมูลครั้งนี้มีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักทะเลตะวันออกของข้ามาด้วย บางทีอาจช่วยสหายซูได้” ขณะกล่าว ชายชุดคลุมม่วงหย่อนตัวลงจากอากาศ ลงมายืนบนพื้นหิมะของชนเผ่านี้ ตรงหน้าเป็นกระโจมหนังไม่ใหญ่นัก เห็นได้ชัดว่านี่คือเรือนพักที่เขาจัดเตรียมไว้ให้พวกซูหมิง

“ที่นี่ก็คือ…” เขายังคงยิ้มตลอด ยามนี้กำลังจะกล่าว

หากแต่ยังกล่าวไม่จบ พลันมีเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดังมาจากข้างกายเขา เสียงนี้สั่นสะเทือนแผ่นดิน ทำให้หิมะบนพื้นลอยสูงหนึ่งจั้งกว่า ประหนึ่งมีแรงระเบิดกระจายเป็นวงกว้างจากใจกลางตรงนี้

กระโจมหนังโดยรอบฉีกขาดอย่างรุนแรง แทบทุกคนในเผ่าล้วนมองไปทันใด

ชายชุดคลุมม่วงสีหน้าเปลี่ยนอย่างเด่นชัด นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ มองซูหมิงแล้วตะลึงงัน

เขาพบว่าเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากขาหุ่นเชิดทั้งสองข้างของซูหมิง ความรู้สึกนี้เหมือนกับยอดเขาสูงตระหง่านตกลงมาจากท้องฟ้า กระแทกกับแผ่นดิน ทำให้ปฐพีสั่นสะเทือน และเกิดคลื่นพายุคลั่งกระจายเป็นวงกว้าง

เขายังเห็นอีกว่า ช่วงที่ขาหุ่นเชิดทั้งสองข้างเหยียบลงพื้น ขาสองข้างนั้นทนรับน้ำหนักมหาศาลไม่ไหว พลันกลายเป็นหมอกดำกระจายออกโดยรอบ ขณะเดียวกันก็เผยซูหมิงในท่านั่งขัดสมาธิ เมื่อซูหมิงตกลงกับพื้นจึงมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง

ชายชุดคลุมม่วงสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกถึงแผ่นดินสะเทือนอย่างชัดเจน รู้สึกว่าต้นตอของทุกอย่างก็คือซูหมิงแห่งยอดเขาลำดับเก้า!

‘บุคคลนี้…ในตัวเขามีอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้หนักขนาดนี้!’ ชายชุดคลุมม่วงหรี่ม่านตาลง เขานึกถึงความเร็วของอีกฝ่ายเมื่อครู่ นึกถึงการวิเคราะห์ในใจ

ยามนี้พอได้เห็น การวิเคราะห์ของตนก็เหมือนการเล่นแบบเด็กๆ อีกฝ่ายแบกรับน้ำหนักเหมือนภูเขาบนตัว ยังห่างกับตนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเอาน้ำหนักเหมือนภูเขาออก เช่นนั้นความเร็ว… ชายชุดคลุมม่วงนึกถึงตรงนี้ก็ตะลึงค้าง

“ซูหมิง! เขาคือซูหมิง!” คนโดยรอบเพ่งมองมาทันใดเพราะเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือน เมื่อเห็นซูหมิงในท่านั่งฌาน พลันมีคนจำได้

“เขาคือซูหมิงรึ? ศิษย์คนที่สี่แห่งยอดเขาลำดับเก้า?”

“ไม่ผิด ตอนแรกข้าเคยเห็นเขาต่อสู้กับซือหม่าซิ่น เจ้าดูข้างเขานั่นมิใช่จื่อเชอรึ”

“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมานี่…น่าสนใจ ข้าได้ยินว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่เทียนหลันเมิ่ง ศิษย์พี่ซือหม่า และยังมีผู้แข็งแกร่งบนตารางจัดลำดับแผ่นดินเหมันต์มาด้วย งานประมูลในครั้งนี้จะต้องน่าสนใจแน่”

“สำนักทะเลตะวันออกประมูลในรอบหนึ่งร้อยปีทั้งที จะไม่น่าสนใจได้อย่างไร ข้าได้ยินว่านี่แค่งานประมูลธรรมดาๆ เท่านั้น หลังจากจบงานนี้จะมีงานเล็กกว่านี้อีกครั้ง แต่คนที่จะเข้าร่วมได้อย่างต่ำต้องขั้นเซ่นไหว้กระดูกมหาสมบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบรรพบุรุษขั้นวิญญาณหมาน”

ในชนเผ่าที่สำนักทะเลตะวันออกจัดงานประมูลชั่วคราวขึ้น ไกลออกไปจากจุดที่ซูหมิงอยู่ ภายในกระโจมแห่งหนึ่ง มีชายผู้หนึ่งนั่งฌานอยู่ ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา ยามนี้ลืมตาขึ้น สายตามองผ่านกระโจมสู่ด้านนอก

“ซูหมิง…” ชายคนนั้นกล่าวเรียบๆ นัยน์ตามีจิตสังหารวาบผ่าน เขาก็คือซือหม่าซิ่น! ด้านนอกกระโจมยังมีกระโจมชั่วคราวมากมายโอบล้อมจุดที่ซือหม่าซิ่นอยู่ ในกระโจมเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ และมีซือหม่าซิ่นเป็นผู้นำ

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของชนเผ่า ส่วนนี้ค่อนข้างห่างไกลผู้คน มีกระโจมราวเจ็ดแปดหลัง ในกระโจมสีขาวตรงกลางมีสตรีนั่งอยู่ผู้หนึ่ง ตรงหน้านางวางแผ่นไม้สีขาว นางใช้นิ้วชี้ลูบเบาๆ ยังคงขมวดคิ้วงามตลอด

ด้านหลังนางเป็นเด็กสาวใบหน้างดงาม คอยหวีผมให้ บ้างก็ชะเง้อหน้าไปมอง

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ เห็นท่านวาดมาตั้งนานแล้ว วาดอะไรอยู่หรือ”

สตรีที่นั่งอยู่มีใบหน้างดงามอย่างยิ่ง ได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้า ขณะกำลังจะกล่าวสีหน้าพลันเปลี่ยน เอียงศีรษะมองไปในชนเผ่าตรงจุดที่ซูหมิงอยู่

“เขามาแล้ว…” สตรีผู้นี้คือเทียนหลันเมิ่ง

ขณะเดียวกัน ภายในสิ่งก่อสร้างเหมือนกระบี่แหลมแทงลงดิน ลักษณะเหมือนเรือสิบแปดหลังนั้น คนที่นั่งฌานแยกกันอยู่ลืมตาขึ้น แล้วมองไปทางซูหมิง ผู้คนในเรือสิบแปดลำเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายชรา ยามนี้มองไปล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง

เสียงระเบิดสองครั้งดึงความสนใจโดยรอบทั้งชนเผ่า ซูหมิงขมวดคิ้ว จิตสัมผัสเคลื่อนไหว หมอกดำหุ่นเชิดจากโดยรอบรวมกลับมาใหม่ ปกคลุมส่วนใต้เอวเขาแล้วค่อยๆ ยันตัวเขาขึ้นเหมือนยืนปกติ

“ขออภัย ร่างกายมีปัญหาเล็กน้อย ข้ายังควบคุมมันได้ไม่ดีพอ นี่คือที่พักของข้ารึ?”

ซูหมิงแสดงสีหน้าขออภัยกับชายชุดคลุมม่วงที่ยังคงเหม่อมองตนอยู่ไม่ไกล

ชายชุดคลุมม่วงสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาที่มองซูหมิงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ประสานมือคารวะเขา

“สหายซูเข้าใจผิดแล้ว นี่ย่อมไม่ใช่ที่พักของพวกสหายซู ตรงนี้ทรุดโทรมไม่ว่า ยังเสียงดังอีกด้วย สหายซูเชิญ พื้นที่โล่งตรงทางเหนือเงียบสงบนัก เหมาะเป็นที่ฝึกฝนของสหายซู ถึงอย่างไรงานประมูลในครั้งนี้ก็จัดขึ้นหลายวัน สหายซู เชิญ!” ชายชุดคลุมม่วงมีสีหน้าเป็นมิตร นั่นคือท่าทีของการเคารพผู้แข็งแกร่งและมีฐานะเท่าเทียมกัน แม้จะดูต่างจากเมื่อครู่ไม่เท่าไร ทว่าแววตาก็ยังบอกได้ถึงความต่างเล็กๆ น้อยๆ

“เช่นนั้น…ก็ต้องรบกวนสหายฉางแล้ว” ซูหมิงขบคิดชั่วครู่ ก่อนยิ้มพยักหน้า

ภายใต้การนำทางของชายชุดคลุมม่วง ระหว่างทางศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ที่เห็นซูหมิงเหมือนลังเลใจ ทว่าส่วนใหญ่ก็จะอมยิ้มพยักหน้าให้ซูหมิง

จนกระทั่งมาถึงทางเหนือของชนเผ่า ที่นี่เงียบสงบจริงๆ กระโจมหนังไม่เยอะ ระหว่างกระโจมห่างกันค่อนข้างไกล

“ที่นี่เหมาะจะให้สหายซูฝึกฝน หากสหายซูต้องการอะไรก็บอกข้ามาตอนนี้เลย หากยังนึกไม่ออก เมื่อนึกออกแล้วก็บอกกับศิษย์สำนักทะเลตะวันออกที่ลาดตระเวนอยู่ได้ทุกเมื่อ พวกเราจะช่วยเหลือเต็มที่” ชายชุดคลุมม่วงยิ้ม ประสานมือคารวะซูหมิง

“ขอบคุณมากสหายฉาง ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีอยู่” ซูหมิงยิ้มกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นแซ่ฉางขอตัวก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนนำรูปของในงานประมูลครั้งนี้มาให้ สหายซูดูก่อนได้ และแน่นอน ของในนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในงานประมูลเท่านั้น ยังมีอีกส่วนที่คนเพิ่งส่งเพิ่มเข้ามาเลยใส่ไม่ทัน” ชายชุดคลุมม่วงยิ้มพยักหน้าให้ซูหมิง ประสานมือกล่าวลา

ยามนี้จื่อเชอหยิบกระโจมหนังที่นำใส่กระเป๋าติดตัวออกมา

เมื่อกางบนพื้นเสร็จแล้ว ทั้งหมดมีสองกระโจม แบ่งเป็นของซูหมิงกับไป๋ซู่ ส่วนตัวเขาไม่ต้องการ แต่นั่งฌานสมาธิและคุ้มกันอยู่หน้ากระโจมซูหมิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version