ตอนที่ 302 ท่านชายรอง
เมื่อหิมะปรากฏในลายหมานบนตัว กลิ่นอายพลังที่แปรเปลี่ยนเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ลายหมานใต้อาภรณ์ซูหมิงเหมือนกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ไหลเวียนอยู่บนตัวเขา สายลมแผ่ขยายมาจากในตัว พัดเกล็ดหิมะโดยรอบกระจายออกไปรอบทิศ
เส้นผมซูหมิงเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม จากสีดำค่อยๆ กลายเป็นสีม่วง เทียบกับเกล็ดหิมะโดยรอบแล้ว ความรู้สึกพิลึกของสีม่วงนี้ประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ลายหมานบนตัวเขา ลายห้ายอดเขาภูเขาทมิฬบนใบหน้าซูหมิงเปล่งแสงอ่อน และตรงหน้าอกยังมีต้นไม้ใบหญ้า เรือนอาศัยลากยาวมาจากภูเขาทมิฬ ยามนี้มองไปเหมือนถูกหิมะปกคลุมหนึ่งชั้น!
กลางท้องฟ้าของลายหมานปรากฏจันทร์โลหิตหนึ่งดวง
จันทร์โลหิตนี้อยู่ตรงดวงตาขวาของซูหมิง! แม้ยามนี้หลับตา กลับไม่อาจปกปิดแสงจันทร์สีแดงในดวงตาขวาได้!
บนลายหมานทั้งหมดยังมีหิมะโปรยปราย ดูสมจริงราวกับมีชีวิต เหมือนว่ามันอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจนถึงตอนนี้ ซูหมิงเพิ่งมีคุณสมบัติจะใช้มัน ทำให้มันเผยตัวท่ามกลางสายลมหิมะในเวลานี้!
ช่วงที่หิมะจากลายหมานปรากฏ สร้างขึ้นเป็นภาพสายลมหิมะและภูเขาทมิฬจันทร์โลหิต ซูหมิงพลันลืมตา ตอนที่เขาลืมตา จันทร์โลหิตในดวงตาขวาเหมือนสว่างไสวขึ้น เขากางแขนทั้งสองข้างออก
“ภูเขาทมิฬ!” ซูหมิงพึมพำ น้ำเสียงกลายเป็นเสียงครืนๆ ของสายลมหิมะ ไม่มีใครได้ยินมันอย่างชัดเจน ทว่าขณะเดียวกับที่เสียงนี้ดังก้อง มวลอากาศเหนือซูหมิงบิดเบี้ยว ปรากฏยอดเขายักษ์หนึ่งลูกกลางอากาศจากในความทรงจำซูหมิง!
มันเป็นยอดเขาที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง ห้ายอดเขารวมเป็นหนึ่งภูเขา ห้ายอดเขานั้นเหมือนห้านิ้วมือคนยักษ์ กางมือเหมือนจะทำลายอากาศ
ภูเขาทมิฬในครั้งนี้ดูสมจริงอย่างยิ่ง ไม่มีความรู้สึกมายาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเดิมทีมันอยู่ตรงนี้ และควรจะอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
ช่วงที่ภูเขาทมิฬปรากฏ ความรู้สึกอึดอัดหนักหน่วงอบอวลรอบตัวซูหมิง จุดที่มันผ่านสายลมหิมะจะหยุดนิ่ง แผ่นดินจะสั่นสะเทือน ฟ้าดินจะเปลี่ยนสี!
ภายในชนเผ่างานประมูลของสำนักทะเลตะวันที่ออกห่างไปไม่ไกล ในสิ่งก่อสร้างคล้ายกระบี่ปักลงพื้นเหมือนเรือสิบกว่าลำ ทุกหลังมีชายชรานั่งฌานอยู่
ทว่าตอนนี้ ชายชราแทบทุกคนล้วนลืมตาในวินาทีนั้น นัยน์ตาเหมือนมีสายฟ้ามากมายวาบผ่าน เพ่งมองไปตรงที่ซูหมิงอยู่
“ลายหมานแบบนี้!”
“เด็กคนนี้เป็นใคร?”
“ศิษย์ของเทียนเสียจื่อรึ…”
“เพียงแค่ลายภูเขาธรรมดา กลับเหนี่ยวนำให้ฟ้าดินเปลี่ยนได้…อีกทั้งดูจากลักษณะของเขาแล้ว ลายหมานนี้ไม่ธรรมดา ยังมีสิ่งอื่นอีก…”
จิตสื่อสารดังก้องอยู่ในสิ่งก่อสร้างคล้ายเรือ การกระทำของซูหมิงดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักทะเลตะวันออกที่มาเหมันต์สวรรค์เหล่านี้
“เงียบ!” ขณะกำลังส่งจิตถึงกัน มีจิตสื่อสารเย็นชาซึ่งมีแค่พวกเขาที่ได้ยินตรงเข้ามา ดุจพายุคลั่งพลันกวาดออกไป
“กับอีแค่ลายหมานของขั้นชำระล้างเล็กจ้อย ก็ทำให้พวกเจ้าเป็นกันถึงขนาดนี้เชียวรึ?”
“ผู้อาวุโสไห่พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมองไม่ออก เด็กคนนี้เป็นแม่ทัพเทพ อีกทั้งลายหมานต้องซับซ้อนแน่นอน แค่แสดงลายภูเขาเพียงชนิดเดียวก็สร้างความตื่นตะลึงแล้ว โอรสแห่งสวรรค์แบบนี้…ไม่มีค่าพอให้พวกเราสนใจรึ?” หลังจากจิตสื่อสารเย็นชากวาดผ่านไป มีจิตสื่อสารที่ระดับใกล้เคียงกันดังก้องมาจากในเรือสักลำ
จิตสื่อสารเย็นชาแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา
“ต่อให้ซับซ้อนแล้ว…หืม?” ทว่าจิตสื่อสารยังกล่าวไม่จบก็พลันหยุดเงียบ เสียงหลังจากประโยคแรกเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ต้นตอที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ยามนี้บนที่ราบหิมะ สายลมม้วนหิมะขึ้นเหมือนน้ำวน แล้วแผ่กระจายออกโดยรอบ ขณะเดียวกัน ซูหมิงนั่งขัดสมาธิกางแขนสองข้างอยู่ตรงกลาง กล่าวออกมาสองคำ
“ชนเผ่า…”
กล่าวจบ กลางท้องฟ้าใต้ภูเขาทมิฬยักษ์พลันมีม้วนภาพถูกกางออก ปรากฏเป็นเรือนพักและต้นไม้ใบหญ้าของเผ่าเขาทมิฬ มีพลังอันน่าทึ่ง เพียงพอจะทำให้ทุกคนที่เข้าใจลายหมานต้องตื่นตะลึง!
ตอนที่เงยหน้าขึ้นมอง จะมีความรู้สึกแยกฟ้าดินไม่ออก เหมือนกับภาพลวงตา ต้นไม้ใบหญ้าและเรือนอาศัยเหล่านี้กลับสมจริงจนไม่อาจบรรยาย
ในชนเผ่า ณ จุดจัดงานประมูลของสำนักทะเลตะวันออกไกลออกไป ตรงมุมแห่งหนึ่ง เทียนหลันเมิ่งพลันเดินออกจากกระโจม นางเพิ่งสวมเสื้อคลุมหนัง ยืนอยู่นอกกระโจม ดวงตางามฉายแววประหลาดใจ มองภูเขาทมิฬบนท้องฟ้า ยืนเหม่อลอยมองชนเผ่าเชาทมิฬที่เด่นชัดไร้ที่เปรียบ
“นี่…คือลายหมานของเขา…”
ในกระโจมหนังข้างเทียนหลันเมิ่ง ยามนี้มีคนเดินออกมาอีกคนหนึ่ง มองท้องฟ้า ความรู้สึกอึดอัดกลางฟ้าดินทำให้นักรบหมานทุกคนสัมผัสได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งที่สำคัญคือ ความรู้สึกอึดอัดนี้มิได้หายไปในชั่วพริบตา แต่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามการไหลเวียนของเวลา
ทั้งชนเผ่าชั่วคราวแห่งนี้ ทุกคนที่มาร่วมงานประมูลล้วนเดินออกมาจากกระโจม แล้วมองท้องฟ้า คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากเหมันต์สวรรค์ ในนั้นมีบางคนบังเอิญเห็นการต่อสู้ระหว่างซูหมิงกับซือหม่าซิ่น และเคยเห็นซูหมิงแสดงลายหมานชนิดนี้
ยามนี้พอเห็นเหตุการณ์พิลึกบนท้องฟ้า พลันร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นี่มัน…ลายหมานของซูหมิง!”
“ไม่ผิด ข้าจำภูเขากับชนเผ่าใต้เขานี้ได้ ทั้งสำนักเหมันต์สวรรค์ มีแค่ซูหมิงที่มีลายหมานเช่นนี้!”
“นี่คือลายหมานของซูหมิง?”
เสียงเกรียวกราวเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากการส่งต่อของผู้คน ช่วงที่สายตาเหล่านั้นเพ่งมองบนท้องฟ้า ในกระโจมหนังที่ดูธรรมดามากหลังหนึ่งในชนเผ่า มีคนเสื้อคลุมดำยืนอยู่ เขามีสีหน้าสงบนิ่ง กระทั่งยังไม่เงยหน้าขึ้น เหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวนี้ไม่มีค่าพอให้เขาสนใจ
เขาเพียงยืนอย่างเงียบๆ รอคำสั่งจากในกระโจมด้านหลัง
หากซูหมิงอยู่ตรงนี้ จะต้องมองออกในแวบแรกว่าคนเสื้อคลุมดำกับจื่อเชอมีการกระทำบางอย่างที่คล้ายกัน เพราะว่าพวกเขาเป็นคนแบบเดียวกัน
“น่าสนใจ ลุงเฉิน ไม่คิดเลยว่าในสำนักเหมันต์สวรรค์จะมีคนแบบนี้” น้ำเสียงแกมหัวเราะดังมาจากในกระโจม
กล่าวจบมีสายลมโชยเข้ามา พัดผ่านหิมะบนพื้น ผ่านมุมหนึ่งของกระโจม สายลมนี้ทำให้เห็นทุกอย่างในกระโจม ก่อนหายไปด้านในแล้วไม่ออกมาอีก
กระโจมหลังนี้ดูไม่ใหญ่นัก ทว่าภายในกลับกว้างใหญ่ เหมือนกับวิหารราชวัง ทั้งยังมีชายร่างกำยำเหมือนคนเสื้อคลุมดำหน้าประตูสิบกว่าคน ยืนอยู่โดยรอบเงียบๆ
คนเหล่านี้ก้มหน้าเหมือนกับรูปปั้น ทว่าในตัวทุกคนล้วนมีพลังเหนือกว่าขั้นชำระล้าง เป็นกลิ่นอายพลังของขั้นเซ่นไหว้กระดูก!
กระทั่งบางคนยังมีกลิ่นอายพลังที่แม้แต่ขั้นเซ่นไหว้กระดูกธรรมดายังยากจะเทียบเคียง!
ตรงกลางกระโจมหนังอีกห้องหนึ่งมีโต๊ะยาวหนึ่งตัว กับชายสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียว ด้านบนปักลายมังกรดำเอาไว้หนึ่งตัว กำลังยกแก้วสุราดื่มหนึ่งอึก
ชายคนนี้ดูอายุไม่มาก แต่ช่วงกะพริบตากลับมีความน่าเกรงขาม ในตัวเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้อยู่เหนือกว่าทุกคน กล่าวหนึ่งคำก็สามารถสร้างภัยพิบัติให้แผ่นดิน สามารถให้ชนเผ่าจำนวนมากกลายเป็นเถ้าธุลี กล่าวหนึ่งคำมากกว่าครึ่งแดนอรุณใต้จะเข่นฆ่าเพื่อเขา!
นั่นคือพลังที่หลงคิดว่าตนนั้นแข็งแกร่งที่สุด!
แม้พลังนี้ยังไม่เผยออกมาเด่นชัดมากนัก และเหมือนยังอยู่ในแบบจำลองก็ตาม มันก็ค่อยๆ รวมตัวขึ้น บางทีวันหนึ่ง เขาอาจจะประกาศพลังนั้นต่อแดนอรุณใต้ได้อย่างแท้จริง!
“ท่านชายรอง บุคคลนี้มีฐานะพิเศษ เป็นทั้งคนสำนักเหมันต์สวรรค์และมิใช่” น้ำเสียงแก่ชราดังมาจากตรงหน้าชายหนุ่ม อีกด้านหนึ่งของโต๊ะยาว เป็นชายชราผมขาวกำลังดื่มสุรากับชายหนุ่ม ชายชราคนนี้มีเสียงแหบพร่า นั่งอยู่ตรงนั้น สวมเสื้อคลุมขาว ตรงปากแขนเสื้อปักเมฆขาวแปดลูก
หากมีคนรู้จักฝ่ายนภาของสำนักเหมันต์สวรรค์เห็นเมฆขาวแปดดอกนี้ จะต้องจิตใจสั่นไหว รีบคุกเข่าลงคารวะ เพราะเมฆขาวแปดดอกนี้เป็นตัวแทนของคนจากชั้นที่แปดของฝ่ายนภา!
ฝ่ายนภามีทั้งหมดเก้าแผ่นดิน แผ่นดินชั้นที่แปดอยู่ในระดับสูงอย่างยิ่ง คนที่อยู่บนนั้น ทุกคนที่เดินออกมาล้วนทำให้เหมันต์สวรรค์สั่นสะเทือน
“อ้อ?” ชายหนุ่มวางแก้วสุรา ยิ้มมองชายชรา
ยามนี้ นอกจากผู้คนในชนเผาชั่วคราวของสำนักทะเลตะวันออกกำลังสนใจเหตุการณ์พิลึกบนท้องฟ้าแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่บนที่ราบหิมะนอกชนเผ่า
นั่นคือซือหม่าซิ่น เขาถูกความรู้สึกอึดอัดจากซูหมิงปกคลุมตัว สีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง จับไป๋ซู่เหมือนกับคนเสียสติ ดวงตาแดงก่ำ แผดเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“เห็นอยู่ข้าทำเร็จแล้ว เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เจ้าบอกมา เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”
ซือหม่าซิ่นไม่อาจยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ เขาเฝ้าปรารถนาอยู่นาน กระทั่งเรื่องที่สำเร็จแล้วกลับเกิดเหตุเลวร้ายเช่นนี้ขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เตรียมใจเพื่อรับมันแม้แต่น้อย
หากไม่มีหวังตั้งแต่เริ่มก็คงไม่เท่าไร แต่เขาเพิ่งจะมีมันจริงๆ เมื่อครู่ ความรู้สึกที่เคยมีก่อนนี้ถูกแย่งชิง ทำให้ซือหม่าซิ่นเสียการควบคุมตัวเอง
ไป๋ซู่หน้าซีด สองแขนถูกซือหม่าซิ่นจับเอาไว้แน่น ความเจ็บปวดแล่นเข้ามา ทว่าความเจ็บปวดจากร่างกายนี้ เทียบกับหัวใจที่แหลกสลายของนางแล้ว กลับน้อยจนไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง
นางมองซือหม่าซิ่น ใบหน้าเผยรอยยิ้มปวดร้าว มองผู้ชายตรงหน้าออก
พี่ใหญ่ซือหม่าผู้มีหน้าตาหล่อเหลาและอบอุ่นเสมอมา…ตอนนี้เหมือนกลายเป็นตัวตลก นอกจากเป็นบ้าแล้วยังเหมือนไม่กล้าทำเรื่องใดๆ อีก
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ซือหม่าซิ่นรู้สึกถึงความกดดัน มองชนเผ่าและภูเขาทมิฬบนท้องฟ้า ทั้งยังรู้สึกว่ากลิ่นอายพลังของซูหมิงกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขานึกเสียใจจนอยากจะเป็นบ้า