ตอนที่ 313 วานรเพลิง
มันเป็นวานรตัวหนึ่ง!
วานรมีสีแดงทั้งตัว สีหน้าดูบ้าคลั่ง ตรงคอถูกโซ่รัดเอาไว้แน่น กระทั่งขนใต้โซ่ยังเป็นรอยแผล ทั้งยังมีเศษเนื้อบางส่วนติดอยู่กับโซ่
เมื่อวานรตัวนี้ห้อวิ่ง โซ่จะถูกตรึงเป็นเส้นตรง มัดคอวานรตัวนี้ประหนึ่งแม้แต่หายใจยังลำบาก ทว่ามันก็ยังคงดิ้นรนให้หลุดจากโซ่อย่างบ้าคลั่ง
วานรมีขนสีแดงทึบ ดูมิใช่สีเดิมของมัน แต่เป็นเพราะหมักหมมความสกปรกมานาน หากชะล้างให้สะอาด สีแดงตรงปลายขนมันจะเป็นสีแดงเพลิง!
ขนาดตัวมันไม่ใหญ่นัก ราวเด็กสามสี่ขวบ ยามนี้นอนกางแขนขาแผ่อยู่บนพื้น แผดเสียงร้องใส่โดยรอบ นัยน์ตาซ่อนความตื่นกลัวและความแค้นเอาไว้ มองไปรอบๆ ขณะตัวสั่นเทิ้ม
ซูหมิงตัวสั่น เขามองวานรสีแดงเพลิงตรงหน้า มีเสียงระเบิดดังในความคิด ลืมว่าตนอยู่ที่ใด ทุกอย่างตรงหน้ากลายเป็นภาพที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำ
ในภาพนั้น มีเด็กหนุ่มสวมเสื้อหนังสัตว์กำลังหัวเราะอย่างเบิกบาน กระโดดขึ้นลงในป่าเขา บนบ่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีวานรสีแดงเพลิงตัวหนึ่งใช้มือหนึ่งข้างจับผมเขาเอาไว้ อีกข้างถือผลไม้แทะกินอยู่อย่างนั้น บางครั้งจะส่งเสียงร้องแหลมอย่างสนุกสนาน
“นี่คือวานรเพลิงสายพันธุ์แปลก! วานรตัวนี้ชอบไฟ ไม่มีทางเติบโตในแผ่นดินเหมันต์สวรรค์ แม้แต่ในพื้นที่สำนักทะเลตะวันออกก็ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน!
กระทั่งข้ายังเคยตรวจสอบในคัมภีร์มาว่า สภาพแวดล้อมและอากาศของแดนอรุณใต้ไม่เหมาะสมกับวานรเพลิง ดังนั้นข้าจึงเรียกมันว่าสายพันธุ์แปลก!
วานรนี้หายากยิ่งนัก ข้าไม่รู้ว่ามีเพียงตัวเดียวหรือไม่ ทว่าหลายปีมานี้ข้าก็เคยเห็นมันเพียงตัวเดียวเท่านั้น” เด็กชายยิ้มเล็กน้อย มองวานรเพลิงแวบหนึ่งพร้อมกล่าวเนิบช้า
“กับอีแค่วานรตัวเดียว เจ้ากลับนำมาประมูลที่นี่ มิใช่ว่าประเมินมันสูงไปหน่อยรึ” น้ำเสียงแหลมดังแว่วมาจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่สองข้างห้อง คนที่กล่าวขมุกขมัวทั้งตัว มองเห็นรูปร่างไม่ชัด
“นี่มิใช่วานรธรรมดา มันรวดเร็วยิ่งนัก ต่อให้เป็นข้า ถ้าคิดจะไล่ตามมันก็ต้องเปลืองแรงไม่น้อย…นอกจากนี้ โลหิตวานรตัวนี้สามารถยืดอายุขัย หากดื่มเป็นประจำขั้นพลังยังก้าวหน้าขึ้นได้อีก ทว่าที่สำคัญที่สุดคือวานรตัวนี้หายากมาก ฉะนั้นหากสูบจิตวิญญาณของมันเข้าไปในของวิเศษ จะทำให้พลังแห่งเพลิงในของวิเศษเพิ่มขึ้นจนน่าทึ่ง!
อีกอย่าง วานรตัวนี้มีพละกำลังไร้ขีดจำกัด สามารถต่อสู้กับขั้นเซ่นไหว้กระดูก! ใช้เฝ้าถ้ำก็ไม่เลว อีกทั้งบางทีอาจจะยังวิวัฒนาการได้อีก” เด็กชายกล่าวอย่างสบายๆ
อาการสั่นของซูหมิง คนอื่นอาจไม่สังเกตเห็น ทว่าเทียนหลันเมิ่งที่อยู่ข้างๆ กลับมองเห็นในแวบแรก นางมีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับสงสัย
นางมองวานรตัวนี้ ก่อนมองซูหมิงอีกครั้ง นึกไม่ออกเลยว่าเหตุใดซูหมิงถึงเป็นเช่นนี้
ซูหมิงเหมือนไม่ได้ยินคำพูดทุกอย่าง เขามองวานรตัวนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนหลับตาลง
“น่าเสียดายที่วานรตัวนี้ไม่เชื่อง ข้าใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่เป็นผล กระทั่งขังอยู่ใต้ขุนเขาทะเลมันก็ยังไม่ยอมศิโรราบ…ถ้ามิเช่นนั้นข้าคงไม่นำมันมาประมูลหรอก” เด็กชายถอนหายใจกล่าว เมื่ออธิบายวานรตัวนี้เสร็จก็ยังหยิบของสิ่งอื่นออกมา แล้วพูดอธิบายสรรพคุณต่อ
ทุกอย่างที่เขานำมา หากวางอยู่ในลานประมูลเมื่อยามกลางวันจะต้องสร้างความตื่นตะลึงเป็นแน่ ทว่าเมื่ออยู่ตรงนี้กลับไม่เท่าไรนัก อย่างน้อยก็เพียงดึงดูดสายตาบางคนเท่านั้น
ทว่าคนที่มาในลานประมูลเล็กๆ นี้ได้ล้วนเป็นพวกนักวางแผนรุ่นเก๋า ไม่ต้องบอกว่ายามนี้ปิดบังใบหน้า ต่อให้เห็นใบหน้าก็อย่าหวังจะอ่านสีหน้าพวกเขาออก
คนเหล่านี้ทะลวงถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนปลายกระทั่งขั้นวิญญาณหมาน พวกเขาต้องผ่านประสบการณ์เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน คนที่เอาชีวิตรอดจากการทดสอบเหล่านี้ได้ล้วนไม่ธรรมดา
ผู้โง่เขลาเบาปัญญาไม่มีทางมีชีวิตมาจนถึงตอนนี้!
ซูหมิงไม่ได้ยินของประมูลเหล่านั้นของเด็กชายเลยสักนิด
เขาหลับตาลง พยายามระงับอารมณ์รุนแรงในใจ ของชิ้นแรกในงานประมูลเล็กนี้มาเยือนกะทันหันโดยที่เขาไม่ได้เตรียมใจแม้แต่น้อย ทำให้จิตใจเหมือนเกิดระลอกคลื่นตีกลับ ตั้งรับไม่ทัน จึงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
‘เสี่ยวหง…’ มีเสียงสั่นเครือดังกึกก้องในใจซูหมิง ภายในภาพภูเขาทมิฬ เสี่ยวหงเป็นดังญาติสำหรับเขา ติดตามเขาตั้งแต่เยาว์วัย และรองรับอารมณ์ทุกอย่างของเขา
ภาพที่รู้จักกับเสี่ยวหง ภาพที่เล่นด้วยกัน ภาพที่พูดคุยกันยามเหงา ผุดขึ้นในความคิดซูหมิงไม่หยุด
ความทรงจำในวัยเยาว์มีความงดงาม ในความงดงามนั้นมักจะมีเงาร่างสีแดงเติบโตไปพร้อมๆ กับเขา ตามเขาไปหาไป๋หลิง และไปขโมยน้ำลายมังกรทมิฬ…
ส่วนใหญ่เสี่ยวหงจะเป็นผู้ฟังเพียงหนึ่งเดียวยามซูหมิงพูดกับตัวเอง ถึงแม้ทุกครั้งเสี่ยวหงจะกินผลไม้ไม่หยุดอยู่ข้างๆ แล้วแอบโยนเมล็ดทิ้งไปก็ตาม
ซูหมิงไม่มีวันลืมทุกอย่างไปชั่วนิรันดร์ เขายังคงจำทุกท่าทางของเสี่ยวหงได้เสมอ กระทั่งสีหน้ามึนเมายามดมเล็บมือขวา ท่าทางแบบนั้นฝังลึกอยู่ในความทรงจำเขา
เขายังจำได้อีกว่าเคยแอบตามเสี่ยวหงไปดู ก่อนพบว่าเสี่ยวหงดึงขนของหมี แล้วจากนั้นก็…
จนกระทั่งภูเขาทมิฬเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งปรากฏอุโมงค์มิติแล้วดูดซูหมิงเข้าไป เมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง ภูเขาทมิฬหายไป ท่านปู่หายไป ชนเผ่าหายไป…เสี่ยวหงก็หายไปด้วย
ท้องฟ้ามิใช่ของแดนพันธมิตรตะวันตก ผืนดินก็มิใช่ ทุกอย่างล้วนแปลกตา ความแปลกตานี้มากพอจะทำให้คนคนหนึ่งต้องเติบโตอย่างเร็ว ต้องชินกับความเงียบ ต้องเรียนรู้การสังหารอย่างเหี้ยมโหด…ทำได้เพียงมองท้องฟ้าเพียงลำพังอยู่ในมุมหนึ่งยามค่ำคืนเงียบสงัด หวนนึกถึงอดีต อยู่เป็นเพื่อนกับความเหงา…
ซูหมิงลืมตา ทันใดนั้นทุกอย่างโดยรอบประหนึ่งฟื้นกลับมาจากความเงียบอย่างเร็วรี่ ข้างหูเขายังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของวานร ได้ยินเสียงเด็กคนนั้น และได้ยินเสียงเริ่มเคาะประมูลบางส่วน
ซูหมิงเห็นว่าวานรขนแดงทึบตัวนั้นพยายามดิ้นรนไม่หยุดจนเหมือนจะหอบหายใจแรง ก่อนล้มเลิกความคิดจะหนี และนั่งยองบนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก แววตาของมันไม่อยู่ที่นี่ วิญญาณของมันไม่อยู่ในร่างอีก ยามนี้ลอยออกไปไกลนัก ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร
ซูหมิงมองมัน เจ็บปวดในใจ ความเจ็บปวดนี้กลบตัวเขาราวอุทกภัย แม้เขามองออกว่าลิงตัวนี้ไม่ใช่เสี่ยวหงก็ตาม…
มันกับเสี่ยวหงมีสติปัญญาเหมือนกัน มีขนคล้ายกัน มีความเร็วเหมือนกัน
ทว่าซูหมิงอยู่กับเสี่ยวหงมานานหลายปี เขาจึงมองออกจากในจุดเล็กๆ นี่เป็นวารนเพลิงก็จริง ทว่าไม่ใช่เสี่ยวหง
เหมือนกับไป๋ซู่ นางไม่ใช่ไป๋หลิง…
ช่วงที่ซูหมิงมองวานรตัวนี้ มันเหมือนสังเกตเห็น ในผู้คนสิบกว่าคนโดยรอบที่ทำให้มันเคียดแค้นและรังเกียจ มีอยู่คนหนึ่งยังมองมันจนถึงตอนนี้ สายตาของบุคคลนี้ต่างจากคนอื่น แววตาไม่ได้เย็นชาแต่เป็นเศร้าโศก
สายตาแบบนี้ หลังจากมันถูกจับมาก็เคยเห็นมาบ้าง เพียงแต่ในความทรงจำของมัน ส่วนใหญ่ในความเศร้าโศกแทบมีความเห็นใจและสงสารกันหมด
ทว่าความสงสารเช่นนี้ มันไม่ต้องการ…
แต่สายตาของบุคคลผู้นี้กลับต่างไปเล็กน้อย วานรหลักแหลมที่นั่งยองอยู่ตรงนั้นหันไปมองทางสายตาดังกล่าว มองเห็นร่างคนขมุกขมัวผู้นั้น เห็นสายตาที่มองมา
สายตานั้นไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความสงสาร แต่เป็นเศร้าโศกโดยแท้จริง ความเศร้านี้ทำให้มันตัวสั่น
“ลิงตัวนี้จะแลกของเพียงอย่างเดียวไม่ได้ มูลค่าของมันไม่มากและก็ไม่น้อย เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะใช้แสงดาราที่ข้าหลอมเกือบหนึ่งร้อยปีแลกกับหินสร้างทะเลของเจ้าสองก้อน!”
“ข้าไม่มีแสงดารา ทว่าข้าเคยได้โครงกระดูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมันมาตัวหนึ่ง เอามาหลอมเป็นหุ่นเชิด ทว่ามูลค่าของมันมากกว่าของพวกนี้ของเจ้า เจ้าเพิ่มไขสันหลังทะเลแห่งสำนักทะเลตะวันออกอีกสิบหยด แล้วข้าจะยอมแลกกับเจ้า!”
นี่เป็นงานประมูลที่ซูหมิงไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช้เหรียญหินแลก แต่ใช้สิ่งของแลกสิ่งของ อีกทั้งยังไม่มีการเคาะประมูล จะแลกกับใครก็ต้องดูว่าผู้นำของออกประมูลขาดสิ่งใด คนคนนั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง
“แสงดาราข้าหลอมเองก็ได้ แม้ว่ามันจะสิ้นเปลืองเวลาไปหน่อยก็เถอะ…ส่วนหุ่นเชิดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมัน หากข้าสนใจ แค่ไปเผ่าเชมันก็ใช่ว่าจะไม่ได้มา…สิ่งที่ข้าต้องการคือพวกของหายาก หากไม่มีก็ช่างเถอะ” เด็กผู้นั้นส่ายศีรษะ ตรงหน้าเขาปรากฏของสี่ชนิดลอยล่อง หนึ่งในนั้นเป็นขวดหยก อีกสามชนิดเป็นร่มคันเล็กและหินสีดำสองก้อน
ตามที่เด็กคนนี้อธิบาย ในขวดหยกนี้บรรจุของเหลวไขสันหลังทะเล การใช้งานเขาไม่ได้กล่าว แต่จากคำพูดของคนโดยรอบเหมือนจะรู้จักกันหมด
ส่วนร่มคันเล็กก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีผลลัพธ์พิเศษเฉพาะ มันสามารถปกปิดกลิ่นอายพลังของคน ส่วนหินสีดำสองก้อนสุดท้ายคือหินสร้างทะเล
มันมีประสิทธิภาพเหมือนชื่อ สามารถสร้างทะเลขึ้นจากความว่างเปล่า มีอานุภาพมหาศาลยิ่ง
นอกจากของสี่ชิ้นนี้แล้วก็มีวานรเพลิงตัวนั้น
เพียงแต่สิบกว่าคนทั้งสองแถบสนใจของของเด็กผู้นี้ไม่มากนัก มีเพียงสองคนที่เสนอราคา ทว่าเด็กผู้นั้นกลับยังไม่พอใจ
“ไม่มีใครมีของหายากเลยรึ หากไม่มีก็เชิญท่านต่อไปเสนอของ” เด็กผู้นั้นผิดหวังเล็กน้อย กวาดสายตามองคนทั้งสองด้าน ขณะกำลังจะเก็บของ ทันใดนั้นนัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย กล่าวขึ้นว่า
“ช้าก่อน!”
“ข้าจะใช้ไข่มุกสวรรค์แลก!”
แทบจะทันทีที่ซูหมิงกล่าว เทียนหลันเมิ่งก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน!
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกันเลยก็ว่าได้ เมื่อเด็กคนนั้นได้ยินจึงหันมามองทันที คนที่เขามองมิใช่ซูหมิงแต่เป็นเทียนหลันเมิ่ง
“ไข่มุกสวรรค์กี่เม็ด?” เด็กผู้นั้นมองเทียนหลันเมิ่งพลางยิ้มกล่าว