Skip to content

สู่วิถีอสุรา 329

ตอนที่ 329 ความคิดของเหอเฟิง

เหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ทำให้ชายสักลายค้างคาวตื่นกลัว เขาไม่เคยเห็นวิชาพิสดารเช่นนี้มาก่อน กระทั่งไม่รู้ด้วยว่าเงาดำนั่นคืออะไร

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาเห็นเพียงว่าช่วงที่อิ๋งฮ่วนเข้าประชิดตัวชายหนุ่มเป่าซวินหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ด้านหลังอีกฝ่ายพลันปรากฏเงาดำ แล้วเข้ามาใกล้อิ๋งฮ่วนอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของนาง

ชายร่างกำยำที่กำลังถือขวานเดินหน้าพลันหยุดชะงัก หัวใจเต้นแรง เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขากับสหายร่วมเดินทางหวาดกลัว แทบจะทันทีที่สตรีเผ่าเชมันกรีดร้อง เงาดำด้านหลังนางเหมือนอ้าปากกว้าง แล้วปกคลุมนางทั้งตัว ประหนึ่งถูกเงาดำกลืนกิน

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร ทว่าภายในขอบเขตระลอกคลื่นเพลงซวิน หลังจากสตรีเผ่าเชมันถูกเงาดำกลืนกินแล้ว วานรเพลิงที่นั่งยองตรงหน้าชายหนุ่มหลังพิงต้นไม้ นัยน์ตาพลันฉายแววเหี้ยมโหด

ก่อนหน้านี้วานรเพลิงไม่อยู่ในสายตาของพวกเผ่าเชมัน แต่ยามนี้มันปลดปล่อยพลังชั่วร้าย ความรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดโชยกระทบใบหน้า ก่อนวานรเพลิงวูบไหวตัว กลายเป็นสีแดงเพลิงตรงเข้าใส่ชายสักลายค้างคาว

ด้วยความเร็วของมันจึงแทบจะเข้าประชิดตัวในชั่วพริบตา วานรเพลิงตะปบกรงเล็บเข้าใส่ ชายสักหน้าลายค้างคาวหรี่ม่านตาลง ขณะกระเด็นถอยก็กระอักโลหิตกองโต ตรงหน้าอกเป็นแผลเหวอะหวะ ยามนี้เขามีสีหน้าหวาดกลัว ระหว่างถอยร่นก็ร้องคำราม ทั้งตัวกลายเป็นหมอกทันใด หลบการโจมตีปลิดชีพของวานรเพลิงตัวนี้ได้

“เหมิ่งเหิง รีบไปฆ่าหมานคนนั้น!” ชายเผ่าเชมันที่กลายเป็นหมอกรีบกล่าวเสียงคม ขณะกระเด็นถอย วานรเพลิงก็ตามเขาไปอย่างดุร้าย

ชายร่างกำยำถือขวานนามเหมิ่งเหิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่านี่คือเผ่าหมาน ทุกฝีก้าวล้วนมีภยันตราย หากยามนี้มัวแต่นึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง ทั้งสองคนตายตกไปเมื่อใด ตนคงยากจะมีชีวิตรอด สู้เข้าประมืออย่างสุดกำลังตอนนี้เลยไม่ดีกว่ารึ!

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาเผ่าเชมันสามคนไม่เคยคาดคิดมาก่อน เดิมทีคิดว่าเพียงลงมือแบบง่ายๆ อีกฝ่ายเป็นเพียงนักรบหมานชำระล้างยังไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูกด้วยซ้ำ ทว่ายามนี้อีกฝ่ายยังไม่ลงมือ กระทั่งยังไม่เคลื่อนไหว ในกลุ่มพวกเขากลับถูกเงาดำกินไปหนึ่ง อีกหนึ่งก็ถูกวานรไล่ล่า อันตรายยิ่งนัก

‘บุคคลนี้มีฐานะอะไรในเผ่าหมาน!’ ชายร่างกำยำคำรามเสียงต่ำ ถือขวานสงครามสาวเท้ายาวตรงไปหาซูหมิงราวกับพายุหมุน

‘เขาจะต้องมีฐานะสูงส่งในเผ่าหมานแน่ มิเช่นนั้นแล้ว กับอีแค่นักรบหมานยังไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูก กลับมีสมบัติล้ำค่าที่กลืนกินอิ๋งฮ่วน กระทั่งยังมีสัตว์ร้ายที่ต่อสู้กับฝูเกอ!

คนแบบนี้จะต้องมีร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก กระบวนท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว ฝูเกอให้ข้าสังหารมัน ก็แปลว่ามองเห็นในจุดนี้เหมือนกัน หากมันตาย…สมบัติล้ำค่าก็จะเป็นของพวกเรา!’ นัยน์ตาชายร่างกำยำฉายแววเหี้ยมโหด เขารวดเร็วยิ่งนัก ก้าวเข้ามาอยู่ตรงหน้าซูหมิงที่กำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่และเป่าซวินราวกับไม่รับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก

“ตายซะ!” ทั้งตัวชายร่างกำยำเป็นสีเขียวอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะสีเขียวขยับวิบวับ มือขวาที่ชูขึ้นพลันพองบวม ขวานสงครามในมือแผ่กลิ่นคาวเลือดรุนแรงขึ้น ก่อนฟันเข้าใส่ศีรษะซูหมิงดุจตัดอากาศ

ภายในหมอกที่ถูกวานรเพลิงตามล่าและฉีกทึ้งหลายต่อหลายครั้งอยู่ไม่ไกล มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังก้อง ตอนหมอกชายเผ่าเชมันกำลังล่าถอยอย่างรวดเร็ว ก็เห็นขวานกำลังจะตัดศีรษะซูหมิงเช่นกัน

“ฆ่ามัน!” ชายเผ่าเชมันตะโกนเสียงดัง แล้วหลบหนีต่อ

ชายร่างกำยำหัวเราะเยาะ ขวานนี้เขาใช้พละกำลังทั้งหมด และเชื่อมั่นว่าต่อให้เป็นนักรบหมานขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น แล้วนิ่งไม่ยอมหลบอย่างชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ละก็ จะต้องตายอย่างแน่นอน

ทว่าชั่วพริบตาที่หมอกชายเผ่าเชมันและชายร่างกำยำผู้เหี้ยมโหดเหมือนเห็นซูหมิงถูกตัดเป็นสองส่วน ซูหมิงยังคงแน่นิ่ง ทว่ากำไลข้อมือขวาสีดำกลับหายไปทันใด กลายเป็นหมอกดำหลุดจากข้อมือ ก่อนปรากฏเป็นเงาร่างสตรีผู้หนึ่งตรงหน้าซูหมิงและชายร่างกำยำ นางยกมือขวาขึ้นรับขวานเอาไว้โดยตรง

เงาร่างสตรีปรากฏตัวรวดเร็วอย่างยิ่ง แทบจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทั้งตัวนางเป็นสีดำทึบ มองไม่เห็นใบหน้า เห็นเพียงส่วนโค้งเว้าของร่างกาย ตอนที่นางยกมือขึ้นรับขวาน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง

ชายร่างกำยำผู้ถือขวานพลันตัวสั่น แขนขวาระเบิดกระจุย ยังผลให้ขวานสั่นไหวและหมุนคว้างเป็นเส้นโค้งไปตกอยู่ในป่าทึบไกลๆ ขณะชายร่างกำยำตัวสั่นก็ขับหมอกโลหิตออกมา โซเซถอยหลัง แล้วกระอักโลหิตกองโตทั้งใบหน้าซีดขาว แววตาดูตื่นกลัว รีบถอยหนีอย่างไม่ต้องคิด

คนที่ตื่นกลัวมิใช่แค่เขา ยังมีชายเผ่าเชมันที่แปลงเป็นหมอกด้วย ระหว่างหลบหนีโดยไม่หยุดพัก วานรเพลิงที่ไล่ตามเขามาตลอดพลันหยุดชะงัก ระยะนี้คือขีดจัดของโซ่คล้องคอมันแล้ว มันไปต่อไปได้อีก จึงแยกเขี้ยวร้องคำรามแล้วค่อยๆ ถอยกลับเล็กน้อย

ชายเผ่าเชมันอาศัยจังหวะนี้คืนสู่กายเนื้ออีกครั้ง เขาหายใจกระชั้นถี่ ในใจยังนึกหวาดกลัว ทว่าตอนเห็นเหมิ่งเหิงกระอักโลหิตแล้วถอยหนีอย่างรวดเร็วนั้น ลมหายใจเขาติดขัด

ตรงหน้าซูหมิงมีเงาร่างสตรีรวมขึ้นจากหมอกดำ ยืนจ้องพวกเขาสองคนด้วยความเย็นชา นางไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าเพียงแค่สายตาก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาตื่นกลัว

“เซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง!” ตอนที่ชายสักหน้าลายค้างคาวประสานสายตากับเงาสตรีหมอกดำ มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นในความคิด

ชายร่างกำยำแขนขวาระเบิดทั้งแขน เป็นแผลเหวอะหวะ ถอยหนีไปคนละทางกับชายสักลายค้างคาว เขาไม่กล้าไปตรงนั้นเพราะมีวานรเพลิงอยู่ ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนเป็นซูหมิงที่นั่งหลับตาหลังพิงต้นไม้ใหญ่

การต่อสู้เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ยามนี้เงียบสงัด วานรเพลิงนั่งยองอยู่พลางกวาดสายตามองทั้งสองคนด้วยความเย็นชา เงาสตรีหมอกดำก็เช่นกัน

‘มีสมบัติล้ำค่ากลืนกินอิ๋งฮ่วน มีวานรเพลิงเทียบเท่าขั้นเซ่นไหว้กระดูก แต่กลับรวดเร็วจนน่าสะพรึง และยังมีทาสวิญญาณขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนกลางคอยปกป้อง…เหตุใดบุคคลนี้ถึงยิ่งใหญ่นัก เห็นอยู่ว่าเป็นเพียงขั้นชำระล้างเท่านั้น!’ ชายเผ่าเชมันสักลายค้างคาวใบหน้าขาวซีด เขารู้ดีว่าไม่มีทางชนะได้ จึงคิดจะถอยหนี

ส่วนชายร่างกำยำเผ่าเชมันอีกทางหนึ่งก็หัวใจเต้นแรงเช่นกัน การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเสียความมุ่งมั่นในการต่อสู้ต่อ ความคิดเพียงอย่างเดียวตอนนี้คือต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด เขาลำบากมาเยอะกว่าจะหนีเข้ามาเผ่าหมานได้ และจะไม่ยอมตายตรงนี้เป็นอันขาด

ชายหนุ่มนั่งหลับตาพิงต้นไม้ตลอดเวลา ยามนี้ในสายตาของชายร่างกำยำเต็มไปด้วยความลึกลับประหลาด เขาไม่อยากเข้าใกล้ความลึกลับนี้อีก ตอนนี้เขาอยากหนีไปให้ไกลจากตรงนี้

ทว่าตอนที่เขากับชายเชมันสักลายค้างคาวกำลังถอยแยกกันเป็นสองทาง พวกเขาพลันหยุดชะงัก สิ่งที่พวกเขาเห็นคือด้านหลังวานรตรงหน้าซูหมิง จุดที่อิ๋งฮ่วนถูกเงามืดกลืนกินไปก่อนหน้านี้ ยามนี้ค่อยๆ ปรากฏร่างคนขึ้นจากอากาศ

เป็นร่างสตรีรูปร่างเว้านูน เพียงแต่ว่าตัวค่อนข้างเตี้ย บนใบหน้ามีรอยสัก ดูแล้วรู้สึกอัปลักษณ์ สตรีผู้นี้….ก็คืออิ๋งฮ่วนแห่งเผ่าเชมัน!

นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!

เพียงแต่นางในตอนนี้ แววตาที่เดิมทีไร้ประกายกลับมีประกายวาววับขึ้นในชั่วพริบตา นางยืนก้มหน้ามองตัวเอง ขณะชาวเผ่าเชมันสองคนตะลึงงัน นางขยับตัว ดูจากท่างแล้วเหมือนยังไม่ค่อยชินกับร่างกายนี้ จึงต้องใช้เวลาปรับตัวสักเล็กน้อย

“นาง…ไม่ใช่อิ๋งฮ่วน!” ชายสักลายค้างคาวใบหน้าพลันขาวซีด เขาเห็นความเย็นชาและแปลกตาจากแววตาของอิ๋งฮ่วนผู้นี้อย่างชัดเจน

ชายร่างกำยำก็ทราบเช่นเดียวกัน นัยน์ตาเขาฉายแววตื่นกลัว พลันถอยหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

แทบจะเป็นช่วงที่เขาล่าถอย ชายสักลายค้างคาวก็ถอยเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนหนีกันไปคนละทาง แต่เมื่อยกเท้าขึ้น อิ๋งฮ่วนคนใหม่ยิ้มมุมปากเย็นชา นางขยับตัวตรงเข้าใส่ชายสักลายค้างคาว

ส่วนเงาหมอกดำที่ศิษย์พี่ใหญ่มอบให้ ยามนี้เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ทั้งตัวกลายเป็นควันดำตรงเข้าใส่ชายร่างกำยำเผ่าเชมัน

มีเพียงวานรเพลิงที่พยายามปลดโซ่ตรงคอออก แล้วแผดเสียงคำรามอย่างไม่พอใจ ได้แต่อยู่ข้างซูหมิง

ไม่นานมีเงาคนลอยมาจากด้านข้าง ดูแล้วเหมือนควัน

ตรงเข้ามาอยู่ตรงหน้าซูหมิง หลังจากศีรษะมนุษย์หล่นลงมาจากในควันแล้ว ควันนั้นก็ตรงเข้าไปยังข้อมือขวาซูหมิง กลายเป็นกำไลสีดำ

ผ่านไปอีกไม่นานมีเสียงร้องโหยหวนดังก้อง อีกครู่หนึ่งให้หลังก็มีชายผู้หนึ่งเดินมาจากป่าทึบอีกทาง บุคคลนี้คือฝูเกอ ชาวเผ่าเชมันที่หนีไปเมื่อครู่ เขาเดินไปพลาง ขยับตัวไปพลาง ราวกับกำลังปรับสภาพ มือขวาถือศีรษะมนุษย์ ศีรษะนี้เป็นของอิ๋งฮ่วน

นัยน์ตาเขาขยับประกาย หยุดห่างจากซูหมิงสิบกว่าจั้ง กวาดสายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด เขาราวกับกำลังลังเลใจ จิตสังหารขยับวูบวาบ เหมือนกำลังสังเกตอย่างละเอียด

โลหิตจากศีรษะในมือเขาหยดลงพื้นเสียงดัง ในค่ำคืนเงียบสงัดแห่งนี้ช่างชัดเจนยิ่งนัก

แทบเป็นตอนที่เขาหยุดลง วานรเพลิงพลันหันกลับมาจ้องฝูเกอเขม็ง แยกเขี้ยวร้องคำราม มันรู้สึกว่าแม้สภาพบุคคลนี้ต่างออกไป แต่กลับทำให้มันรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาของอีกฝ่ายที่มีความไม่เป็นมิตรอยู่ นี่จึงทำให้วานรเพลิงคำรามเสียงดุร้ายยิ่งขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version