Skip to content

สู่วิถีอสุรา 328

ตอนที่ 328 ข้างหลังมีอะไร

“จะว่าไปก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าชาวเผ่าเชมันค้างคาวด้วย มิเช่นนั้นแล้ว ตอนอยู่บนกำแพงหมอกนภา พวกเราคงไม่มีทางหนีเข้ามาสำเร็จ” ชายร่างกำยำวางขวานไว้ข้างกาย แล้วหยิบยาขี้ผึ้งมาทาบาดแผลบนตัว บนตัวเขามีรอยแผลจำนวนมาก

“เจ้าก็ใจเหี้ยมโหดเหมือนกัน แลกชีวิตชาวเผ่าหลายร้อยคนเพื่อโอกาสเดียว” ชายร่างกำยำผู้นั้นเผยยิ้ม

“ภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพา หากไม่เข้ามาในเผ่าหมานก็ต้องตายอย่างแน่นอน เพื่อมีชีวิตรอดนี่ก็ไม่เท่าไร เทียบไม่ได้กับเจ้าที่แกล้งตายเพื่อหนีมาหรอก” คนสักลายค้างคาวแค่นเสียงหึ

“พวกเราน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้วิธีนี้หนีเข้ามา น่าเสียดาย…วิธีนี้เสี่ยงยิ่งนัก อีกทั้งอย่างมากสุดก็เข้ามาได้เพียงสามถึงห้าคน มิเช่นนั้นแล้วหากแจ้งวิธีนี้แด่วิหารเทพเชมันคงได้รางวัลมาไม่น้อย”

ชายร่างกำยำขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อครู่

“รายงานวิหารเทพเชมันก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่รู้วิธีนี้รึ อีกอย่างจากความยิ่งใหญ่และน่ากลัวของเมืองหมอกนภา ฝ่ายนั้นจะต้องรู้ถึงช่องโหว่นี้นานแล้ว ทว่าก็ยังไม่ปิดตาย สาเหตุคงจะลึกล้ำมากกระมัง” คนสักลายค้างคาวยิ้มเยาะ

“อ้อ? ข้าก็คิดว่าวิธีนี้อูตัวเป็นคนค้นพบคนแรก เขาหายไปสิบกว่าปีแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในเผ่าหมานมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าตอนนี้ขั้นพลังถึงระดับใดแล้ว” ชายร่างกำยำก้มหน้าลง นัยน์ตาขยับประกาย

ขณะทั้งสองคนกำลังสนทนา บางเวลาก็สังเกตไปรอบๆ อย่างตื่นตัว หากมีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย พวกเขาจะลงมือทันที ถึงอย่างไรในความรู้สึกพวกเขา ที่นี่ก็คือเผ่าหมาน พูดได้ว่าทุกคนที่นี่คือศัตรูของพวกเขา

ด้วยขั้นพลังเทียบเท่าขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้นของพวกเขา จึงไม่กล้าเข้าไปในเผ่าหมานลึกมากนัก กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็สละชีวิตคนไปจำนวนมากแล้ว ไม่อาจกลับเผ่าเชมันได้อีกต่อไป ตอนนี้คิดเพียงว่าต้องหาชนเผ่าหมานเล็กๆ เพื่ออำพรางตัว แล้วอพยพไปพร้อมกับชนเผ่า สุดท้ายก็จะมีโอกาสรอดชีวิตจากภัยพิบัติมากขึ้นเล็กน้อย ไม่ต้องตายในสงคราม

ยามนี้ ห่างจากพวกเขาราวสองพันจั้ง มีเสี้ยวเงาวูบผ่านเข้ามาโดยไร้เสียง ความเร็วสูงระดับนี้เป็นของสตรีในกลุ่มผู้ที่ออกมาตรวจสอบ นางลาดตระเวนไม่หยุด สักพักก็ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามพันจั้ง ด้วยความเร็วของนาง ต่อให้ห้อเหยียดเป็นวงกลมก็ต้องเจอซูหมิงในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป

ทว่าหากพบเผ่าหมานนามซูหมิงผู้นี้ก่อนค้นพบวิธีอำพรางสัญลักษณ์เชมันละก็ จะต้องเกิดการต่อสู้ถึงชีวิต

ซูหมิงพิงต้นไม้ใหญ่ หลับตาลง สีหน้ารำลึกความหลัง สองมือถือซวิน ก่อนจะเป่าเพลงซวินโดยไร้เสียง หากเพ่งมองจะพบว่ามีระลอกคลื่นวงกลมรางๆ รอบตัวซูหมิง ระลอกคลื่นนี้แผ่กระจายเป็นวงกว้างในระยะหลายสิบจั้ง

“ซวินมีจิตวิญญาณ ฉะนั้นจึงมีเพลง…สายลมบรรเลง ทว่าเสียงแห่งจิตวิญญาณกลับไม่หายไป…” ซูหมิงพึมพำ ลืมตาขึ้นมองซวินกระดูกในมือ ผ่านไปพักใหญ่เขาถึงหลับตาลงอีกครั้ง และตกอยู่ในห้วงบทเพลงซวินไร้เสียง

หลังจากเขาค่อยๆ ลืมทุกสิ่งมาตลอดทางแล้ว ก็ลืมว่าตนถือซวินกระดูกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยามค่ำคืน และก็เลิกค้นหาว่าซวินนี้จะเปล่งเสียงหรือไม่ แต่ตามหาความรู้สึกของบ้านจากเพลงซวินในความทรงจำ

ใบหน้าเขาค่อยๆ ปรากฏลายภูเขาทมิฬ ตรงหน้าอกใต้เสื้อผุดต้นไม้ใบหญ้าของเผ่าเขาทมิฬทีละน้อย กระทั่งโดยรอบชนเผ่าเริ่มมีหิมะโปรยปราย อีกทั้งดวงตาขวาที่ปิดลงของเขายังกลายเป็นสีแดง

ระลอกคลื่นรอบตัวเขารุนแรงขึ้น ทำให้รอบตัวซูหมิงในระยะสิบจั้งบิดเบี้ยว รวมถึงกลิ่นอายพลังยังคล้ายถูกปิดซ่อน ประหนึ่งว่าเขาไม่อยู่ตรงนี้

เขาตกอยู่ในห้วงบทเพลงซวิน ตกอยู่ในความทรงจำ หลังพิงต้นไม้ใหญ่อย่างสงบนิ่ง

เวลาผ่านไปไม่นานก็หนึ่งก้านธูป ห่างจากซูหมิงสามร้อยจั้งมีเสี้ยวเงาวูบเข้ามา เผยให้เห็นเป็นร่างอรชรอ้อนแอ้น สตรีเผ่าเชมันปรากฏตัวขึ้น หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็หายลับไป

เวลาผ่านไปแต่ละชั่วลมหายใจ ซูหมิงมิได้สังเกตเห็นเลยว่าระลอกคลื่นรอบตัวเขาบิดเบี้ยวเหมือนลูกคลื่นยักษ์ จากเริ่มแผ่ขยายในระยะสิบกว่าจั้ง ก็มากขึ้นจนเกือบห้าสิบจั้ง ทันใดนั้น ในความเงียบสงบยามค่ำคืน พลันมีเสียงเพลงซวินดังขึ้น!

เสียงซวินนี้ตอนแรกเริ่มยังเบาบางอยู่เล็กน้อย เหมือนกับเสียงร้องไห้ครั้งแรกของทารก ทว่าไม่นานก็เริ่มเสถียร กลายเป็นเสียงอูๆ แฝงไว้ด้วยความเศร้าอันไร้ที่สิ้นสุด โอบล้อมอยู่รอบตัวและแผ่ขยายไปไกลมากขึ้น

ซูหมิงยังคงหลับตาพิงต้นไม้ใหญ่ ถือซวินไว้ตรงปาก แน่นิ่งไม่ขยับไหว แต่ยามเพลงซวินของจริงที่คนนอกได้ยินดังขึ้นอย่างกะทันหัน ถุงเก็บวัตถุสีขาวที่ผูกกับอาภรณ์เขาพลันขยับแสงสีแดง จากนั้นจึงมีแสงสีแดงบินออกมาจากข้างใน ก่อนปรากฏเป็นวานรเพลิงตรงหน้าซูหมิงและระลอกคลื่นบิดเบี้ยวมากมาย

มันนั่งยองอยู่ตรงนั้น จ้องซูหมิงด้วยแววตาประหลาดใจ ความจริงแล้วถุงเก็บวัตถุนี้ไม่อาจขังมันเอาไว้ มันจะออกมาเมื่อไรก็ได้ ในจุดนี้ซูหมิงรับปากกับมัน ฉะนั้นจะไม่ผนึกมันเอาไว้

ยามนี้มันเหม่อมองซูหมิง ฟังเสียงเพลงเศร้าโศก เสียงนี้ทำให้มันรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก มันนั่งยองอยู่ตรงนั้นและฟังอย่างเงียบๆ

เงาสะท้อนจากแสงจันทร์ข้างใต้ซูหมิง ยามนี้สั่นไหวเช่นกัน ส่วนศีรษะของเงาเผยดวงตาสีแดง ในดวงตานั้นมีความสับสน

แทบจะเป็นช่วงที่เสียงเพลงซวินดังขึ้นจริงๆ เป็นครั้งแรก ห่างจากซูหมิงไปสองร้อยจั้ง สตรีเผ่าเชมันที่หายวับไปก่อนหน้านี้พลันเดินมาจากความว่างเปล่า สีหน้าดูระวังตัวยิ่งนัก นางจ้องตรงซูหมิงเขม็ง ซึ่งเป็นที่มาของเสียงเพลงซวิน

นัยน์ตาฉายจิตสังหาร ทว่ากลับลังเลครู่หนึ่ง นางไม่ได้ผลีผลาม แต่ค่อยๆ ถอยหลังไป

เสียงเพลงซวินดังไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสะท้อนอยู่ในระยะหลายร้อยจั้ง บรรเลงอยู่นานไม่เลือนหาย จนกระทั่งแผ่ขยายเสียงไปยังที่ไกลยิ่งกว่าในค่ำคืนเงียบสงบแห่งนี้

ความเศร้าจากเพลงซวินแฝงไว้ด้วยความสลด เมื่อได้ยินมันอารมณ์จะแปรปรวน ประหนึ่งว่าเสียงนี้มีพลังพิลึกบางอย่างที่สามารถกระตุ้นจิตวิญญาณ

ในป่าทึบห่างไปหลายพันจั้ง ชาวเผ่าเชมันสองคนที่หลังจากคุยกันสักพักก็ตกเข้าสู่ความเงียบ ยามนี้แทบจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน สีหน้าตื่นตัว

“เจ้าได้ยินรึไม่?” ชายร่างกำยำกำขวานศึกในมือเอาไว้แน่น แววตามีจิตสังหาร

“เสียงซวิน…” คนสักลายค้างคาวบนหน้ายืนขึ้น สีหน้าจริงจัง

“ในค่ำคืนมืดมิด บริเวณนี้น่าจะเป็นถิ่นกันดารของเผ่าหมาน ในละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีชนเผ่าหมาน แต่กลับมีเสียงซวินดังขึ้น…” แววตาชายร่างกำยำมีจิตสังหารและยังตึงเครียดไปพร้อมกัน

“หรือว่าจะเป็นอูตัว?” ชายร่างกำยำลังเลครู่หนึ่งถึงกล่าวเสียงเบา

คนสักลายค้างคาวยังไม่ทันกล่าว ก็มีเสียงเย็นชาของสตรีดังแว่วมาจากป่าทึบด้านข้าง

“ไม่ใช่ บุคคลนี้เป็นเผ่าหมาน” หลังเสียงนี้กล่าวจบ สตรีเผ่าเชมันที่ห่างจากซูหมิงสองร้อยจั้งเมื่อครู่ ก็กลับมาถึงตรงนี้แล้ว

“ขั้นพลังระดับใด?” คนสักลายค้างคาวพลันถามขึ้น

“รู้สึกว่าจะไม่แข็งแกร่งมาก นอกจากเพลงซวินพิลึกแล้ว…ขั้นพลังของเขาน่าจะยังไม่ถึงเซ่นไหว้กระดูก” สตรีคนนั้นกล่าวด้วยเสียงเย็นชา

“ไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูก!” ชายร่างกำยำผู้ถือขวานถอนหายใจโล่งอก ก่อนหัวเราะเยาะ

ทว่าชายสักลายค้างคาวกลับขมวดคิ้ว มองยังสตรีเผ่าเชมัน

“ในเมื่อไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูก เหตุใดเจ้าถึงไม่ฆ่ามัน”

“ที่นี่เป็นเผ่าหมาน จะลงมือก็ต้องร่วมมือกัน ข้าจะไม่ลงมือคนเดียว” น้ำเสียงนางยังคงเย็นชา

“อูตัวใกล้จะมาถึงแล้ว ไป พวกเรารีบไปจัดการมันให้เร็วที่สุด หลังจากฆ่ามันแล้วยังต้องตรวจสอบโดยรอบอีกครั้ง ดูว่ายังมีเผ่าหมานอยู่อีกหรือไม่ จะได้ไม่เกิดปัญหา” นัยน์ตาชายสักลายค้างคาววาววับ ตรงดิ่งเข้าไปในป่าทึบ

สตรีเผ่าเชมันตามอยู่ด้านหลัง เงาร่างนางประดุจหมอกควัน ดูล่องลอยเล็กน้อย

“ในเมื่อไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูก เช่นนั้นก็ให้ข้าถลกหนังมันเอง ดูว่าจะเอามาทำเป็นเสื้อได้หรือไม่” ชายร่างกำยำเลียริมฝีปาก เผยความเหี้ยมโหดกระหายเลือด ก่อนวิ่งตามหลังไปติดๆ

ทั้งสามคนระวังตัวยิ่งนัก ต่อให้เผชิญหน้ากับนักรบที่ไม่ถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูกคนหนึ่งก็ต้องลงมือพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ในเผ่าหมาน

“อิ๋งฮ่วน เจ้าชำนาญความเร็ว อีกเดี๋ยวเจ้าลงมือก่อน ทว่าอย่าเพิ่งฆ่า บุคคลนี้ดูแปลกๆ ข้ามีคำถามอยากถามหมานผู้นี้สักหน่อย” ชายสักลายค้างคาวกล่าวเสียงเบากับสตรีเผ่าเชมันมันข้างๆ ขณะห้อเหยียดไป

ทั้งสามคนรวดเร็วยิ่งนัก ในระยะทางตรงห้าพันจั้ง ไม่นานก็เข้ามาใกล้ เพียงแต่ยิ่งเข้าใกล้ พวกเขายิ่งได้ยินเสียงซวินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในค่ำคืนเงียบสงบแห่งนี้ เพลงซวินทำพวกเขารู้สึกกระวนกระวายอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าว อิ๋งฮ่วนจึงพยักหน้า นางก็รู้สึกว่าหมานผู้นี้แปลกๆ เหมือนกัน

สามร้อยจั้ง สองร้อยจั้ง หนึ่งร้อยจั้ง ห้าสิบจั้ง สามสิบจั้ง…ทั้งสามคนปานสายรุ้งยาว ใช้ความเร็วสูงสุดจากสามร้อยจั้งมาปรากฏตัวอยู่ห่างจากซูหมิงสามสิบจั้ง พวกเขาเห็นซูหมิงยืนแน่นิ่งพิงต้นไม้ใหญ่ในแวบแรก อีกทั้งยังเห็นวานรสีเพลิงแดงนั่งยองอยู่ตรงหน้าซูหมิง

แทบจะเป็นช่วงที่สามคนมาถึง วานรเพลิงพลันหมุนตัวกลับพร้อมแยกเขี้ยวมองทั้งสามคน ขณะเดียวกัน สตรีหนึ่งในสามคนผู้เชี่ยวชาญความเร็วพลันพุ่งทะยานไปด้านหน้า หนึ่งลมหายใจก่อนนางยังอยู่ห่างสามสิบจั้ง ทว่าหนึ่งลมหายใจต่อมากลับปรากฏตัวอยู่ข้างซูหมิง นัยน์ตานางฉายแววเย็นชา ยกมือขวาที่มีเข็มสีดำห้าเล่มอยู่ขึ้น ก่อนพุ่งใส่กลางกระหม่อมซูหมิง

ทว่าวินาทีที่สตรีเชมันยกมือขวาขึ้นเตรียมจะเสียบลง นางพลันร้องอย่างน่าเวทนา ตัวสั่นเทิ้มแล้วกระอักโลหิต สีหน้าตื่นกลัวและเหลือเชื่อ

“ข้างหลังข้ามีอะไร!” น้ำเสียงสตรีเชมันดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง ตัวนางแห้งเหี่ยวในความเร็วระดับสายตา ราวกับเลือดเนื้อพลันถูกกลืนกิน

ชายร่างกำยำถือขวาน ยามนี้เบิกตากว้าง แววตาหวาดกลัว ชายสักลายค้างคาวด้านข้างสูดลมหายใจด้วยความตะลึง เขาเห็นชัดเลยว่าด้านหลังอิ๋งฮ่วนมีเงามืดคล้ายหนังเกาะอยู่ และแผ่ขยายอย่างรวดเร็วประหนึ่งจะห่อหุ้มตัวนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version