ตอนที่ 330 ลงโทษ
ชายรูปร่างเป็นฝูเกอแห่งเผ่าเชมัน ลายสักค้างคาวบนใบหน้าทึบลง ทว่ากลับมีแสงทึบขยับแสง เขายกเท้าขึ้นช้าๆ เดินหน้าไปทางซูหมิงทีละก้าว
ช่วงที่เขาเดินไป วานรเพลิงพลันยืนขึ้น ยกสองมือตบหน้าอกตัวเองไปทางฝูเกอ แววตาบ้าคลั่ง เหมือนว่าหากฝูเกอเดินมาอีกก้าวเดียว จนเข้ามาในเขตของมันแล้วล่ะก็ มันจะพุ่งตัวไปทันที
ชายนามฝูเกอไม่สนใจวานรเพลิง เขายังคงจ้องซูหมิง ยกเท้าขึ้น ทว่ากลับลังเลใจอีกครั้ง ขณะลังเล จ้องซูหมิงตาไม่กะพริบ เหมือนกับกำลังมองอยู่ว่าซูหมิงมีตรงไหนผิดปกติไปหรือไม่ ผ่านไปพักใหญ่ แววตาจึงมีจิตสังหาร ขณะกำลังจะเดินเข้าไปนั้น
“เหอเฟิง เจ้าอยากตายแล้วรึ” น้ำเสียงสงบนิ่งพลันดังก้อง
ตอนที่เสียงดังขึ้น จิตสังหารในแววตาชายนามฝูเกอพลันหายไป เขาตัวสั่นเบาๆ พลันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
เขาเห็นว่าซูหมิงในท่าพิงต้นไม้ใหญ่ลืมตาขึ้น วางซวินในมือลงและมองเขาอย่างเย็นชา และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เห็นชัดว่าซูหมิงมิได้เป่าซวิน ทว่าโดยรอบกลับยังมีเสียงซวินดังก้องเบาๆ
“นายท่านเข้าใจผิดแล้ว เหอเฟิงแค่อยากกลับมาอยู่ข้างนายท่าน” เหอเฟิงใจสั่น รีบก้มหน้าลง ดูเหมือนปกติ ทว่าในใจกลับเกิดคลื่นอารมณ์อย่างรุนแรงจากคำพูดและสายตาของซูหมิง
ซูหมิงไม่กล่าว เพียงมองชาวเผ่าเชมันตรงหน้าด้วยความเย็นชา ทว่าความจริงแล้วกลับเป็นร่างเหอเฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอภินิหารของเหอเฟิง อภินิหารเหล่านี้พิลึกยิ่งนัก ทำให้ซูหมิงตะลึงเล็กน้อย
เหอเฟิงคิดไม่ซื่อ ในจุดนี้ซูหมิงรู้นานแล้ว เหอเฟิงไม่ยอมรับใช้ตน และเป็นคนสองจิตสองใจ คนแบบนี้คิดจะใช้งานให้ดี ก็ต้องแสดงพลังที่แข็งแกร่ง กดทับอีกฝ่ายเอาไว้ชั่วนิรันดร์ ให้อีกฝ่ายหวาดกลัวเสียสิ่ง มีแต่ต้องทำเช่นนั้นถึงจะควบคุมได้
ใช้ความกลัวมาควบคุม!
ซูหมิงหลับตา เหอเฟิงในท่านั่งคุกเข่าพลันตัวสั่นและร้องอย่างน่าเวทนา เสียงโหยหวนแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุด ประดุจว่ายามนี้กำลังทนรับความเจ็บปวดยากจะจินตนาการ
เสียงร้องดังขึ้นต่อเนื่อง เหอเฟิงตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่ร่างกายยังยืนหยัดไม่ไหว ล้มลงไปด้านข้าง ขณะชักกระตุก เห็นได้ชัดว่าร่างกายที่เขาเพิ่งได้มาแห้งเหี่ยวและเน่าเปื่อยด้วยความเร็วระดับสายตา
ขณะแห้งเหี่ยวอย่างต่อเนื่อง มีหมอกดำจำนวนมากลอยขึ้นจากผิวหนัง ภายในหมอกดำมีค้างคาวจันทรานับไม่ถ้วนขยับไปมา กำลังกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง
เหตุการณ์เช่นนี้ เหอเฟิงมิได้แปลกใจเท่าไร เขามีสติปัญญาสูงส่ง จากคำพูดของซูหมิง เขาก็รู้แล้วว่าต้องถูกลงโทษ
ทว่าการลงโทษครั้งนี้เขากลับไม่ใส่ใจเลย ในความคิดเขา ซูหมิงจะไม่สังหารตนเด็ดขาด ต่อให้สังหารก็มิใช่ตอนนี้ เป็นที่รู้ดีว่าตอนนี้เขามีประโยชน์กับซูหมิงอย่างยิ่งในสงครามหมอกนภา
เขาไม่เชื่อหรอกว่าซูหมิงจะกล้าสังหารตน!
‘คงจะเป็นการลงโทษแบบเด็กๆ ไม่พ้นเรื่องอยากให้ข้ารู้ว่าเขาเป็นเจ้านาย อยากให้ข้าไม่กล้าคิดทรยศอีก ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ นายท่านหนอ เจ้ายังอ่อนเกินไป หลายปีมานี้เจ้าเปลี่ยนไปเยอะ ทว่าหากเทียบกับข้าเหอเฟิงแล้วเจ้ายังไม่คู่ควร!
ข้าแค่ทำท่าทางเจ็บปวดให้เจ้าพอใจสักครู่และวางใจก่อน จากนั้นก็แค่รับปากสัญญาอีกเล็กน้อย เท่านี้ก็ปิดบังเจ้าได้แล้ว นี่เป็นละคร ข้าจะแสดงกับเจ้าสักหน่อยก็ได้’ เหอเฟิงยิ้มเยาะในใจ ทว่าภายนอกกลับอ้อนวอนและร้องอย่างเจ็บปวด
เหอเฟิงคิดไม่ซื่อ ทว่าค้างคาวจันทราไม่ ในความคิดของค้างคาวจันทราทั้งหมด ซูหมิงเป็นราชาของพวกมัน เจตนารมณ์ของซูหมิงคือทุกอย่างของพวกมัน เพียงแค่ซูหมิงคิดให้พวกมันระเบิดตัวเอง แม้เป็นกายวิญญาณมันก็ยอม
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหอเฟิงที่หลอมรวมกับค้างคาวจันทรา ต่อให้เขาขยายจิตสัมผัสเพื่อเป็นนายของร่างนี้หลังจากผสาน ทุกอย่างของเขาก็มาจากค้างคาวจันทรา!
เพราะเหอเฟิงไม่เคยถูกลงโทษมาก่อน เขาจึงดูถูกความเจ็บปวดนี้
ตอนที่ร่างใหม่นี้สั่นไหว เหอเฟิงต้องทนรับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและวิญญาณ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการที่ร่างกายกำลังเน่าเปื่อยและวิญญาณถูกฉีก รวมถึงทุกอย่างในร่างกายและวิญญาณ ยามนี้กำลังถูกค้างคาวจันทรากัดกิน เกิดเป็นความรู้เจ็บปวดไม่อาจบรรยาย
‘บัดซบ เหตุใดถึงเจ็บขนาดนี้! ซูหมิงเจ้ามันสารเลว บัดซบซูหมิง สักวันหนึ่งถ้าข้าเป็นอิสระเมื่อไร ข้าจะกินเจ้าเป็นคนแรก จำเอาไว้!’ เหอเฟิงคำรามในใจ ทว่าสีหน้ากลับเจ็บปวด ร้องเสียงดังน่าเวทนายิ่งกว่าเดิม
“นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว…..เหอเฟิงผิดไปแล้ว ให้โอกาสข้าอีกครั้ง อภัยให้ข้าสักครั้ง…..” เหอเฟิงตัวบิดเบี้ยว เสียงร้องอย่างน่าเวทนา แม้แต่นัยน์ตาวานรเพลิงยังเปลี่ยนไป เสียงนั้นดังก้องโดยรอบ ตัดสลับกับเสียงซวิน
“นายท่าน จากนี้ไปข้าจะไม่กล้าอีกแล้ว อ๊าค….นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่านไว้ชีวิตด้วย….” ยามนี้ร่างใหม่เหอเฟิงแห้งสนิทกลายเป็นศพแห้ง เลือดเนื่อในร่างกายเน่าเปื่อย มีหมอกดำลอยมาจากศพ ไหลเชี่ยวกรากกลางอากาศประดุจหมอก
ภายในปรากฏเงาค้างคาวจันทราเป็นบางครั้ง เสียงร้องโหยหวนก็มาจากในหมอกนั้น
ซูหมิงหลับตาเหมือนไม่ได้ยิน ไม่สนใจแม้แต่น้อย เวลาผ่านไป เมื่อเสียงร้องเหอเฟิงดังสุด ก็ค่อยๆ เบาลง
‘ซูหมิง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่!’
“นายท่าน…..ไว้ชีวิตด้วย…..”
‘ซูหมิง ความเจ็บปวดวันนี้ข้าจะคืนเจ้าเป็นร้อยเป็นพันเท่า เจ้าไม่มีทางสังหารข้า ข้ารู้ดี!’
“นายท่าน….ข้าผิดไปแล้ว เหอเฟิงผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดอภัยให้ข้าสักครั้ง ครั้งเดียว…..แค่ครั้งเดียว….”
เหอเฟิงทั้งก่นด่าในใจและอ้อนวอน ทว่านานเข้า คำด่าในใจค่อยๆ ลดน้อยลง คำอ้อนวอนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเหอเฟิงเริ่มพบจุดที่ทำให้เขาหวาดกลัว
หมอกดำที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีเส้นใยลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งหลังจากเส้นใยลอยขึ้น จะกลายเป็นค้างคาวจันทราตัวหนึ่งบินวนไปมารอบๆ ไม่นาน หมอกดำก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายหมอกดำเหลือเพียงเส้นเดียว ภายในหมอกนั้น ก็คือวิญญาณเหอเฟิงที่กำลังสั่นเทา
“นายท่านไว้ชีวิตด้วย!” วิญญาณเหอเฟิงเหมือนจะหายไป หลังจากหมอกดำถูกดึงออกไป เหอเฟิงก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าตลอดเวลา เสียงอ้อนวอนดูร้อนรนมากขึ้น ไม่มีคำด่าในใจอีก
ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ตรงเส้นของฟ้าห่างไกล ตะวันส่องแสงแรกแล้ว อีกไม่นานก็จะโผล่ขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นความมืดมิดจะถูกขับไล่ วันใหม่จะมาเยือน
สำหรับซูหมิงเป็นเพียงวันใหม่ ทว่าสำหรับเหอเฟิงยามนี้ มันคือช่วงสุดท้ายของความตาย!
เดิมทีเขาไม่กลัวยามกลางวัน หลังจากผสานกับค้างคาวจันทราแล้ว ต่อให้เป็นยามกลางวันเขาก็ยังปกติ ขอแค่มีร่มเงาก็เพียงพอแล้ว
ทว่าตอนนี้ถูกซูหมิงลงโทษ ค้างคาวจันทราในตัวเขาถูกซูหมิงชิงกลับไป เมื่อในตัวเขาไม่มีค้างคาวจันทรา ก็พบว่าอยู่ๆ ตนก็กลัวแสงตะวันอย่างยิ่ง กระทั่งมีลางสังหรณ์ว่า หากตะวันแรกขึ้นแล้วตนยังอยู่ในสภาพนี้ หากค้างคาวจันทรายังไม่กลับมาในร่างตน สิ่งทีรอเขาอยู่มีเพียงความตาย!
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน อยู่เหนือการคาดเดาของเขา!
เวลาผ่านไป ตะวันแรกโผล่ขึ้นได้ทุกเมื่อ เหอเฟิงหวาดกลัวถึงขีดสุด เขารู้แล้วว่าการตัดสินใจของตนผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!
‘เขาคิดจะสังหารข้า! ไม่อยากเชื่อว่าจะสังหารข้า!’ เหอเฟิงมีสีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด เขากลัวจริงๆ แล้ว
‘ไม่มีทาง เขาแค่จะขู่ข้า เขาเหนื่อยมาเยอะกว่าจะให้ข้าผสานกับวิญญาณค้างคาวจันทราได้ ตอนนี้แค่ความผิดเล็กๆ เพียงครั้งเดียวจะสังหารข้าเลยรึ! เขากำลังเตือนข้า ไม่ผิด มันคือการเตือน!’ เหอเฟิงปลอบใจตัวเองตลอด ทว่าสายตากลับมองเส้นขอบฟ้าไกลๆ
ช่วงที่เขามองไปในครั้งนี้ ตรงเส้นขอบฟ้าปรากฏตะวันแรก ขณะเดียวกัน ความมืดบนแผ่นดินหายวับอย่างรวดเร็ว รวมถึงในป่าทึบแห่งนี้ ความมืดหายไปในชั่วพริบตา
เหอเฟิงหวาดกลัว เขามิได้สัมผัสความกลัวเช่นนี้มานานมากแล้ว จะมีก็ตอนถูกซูหมิงจับในตอนนั้น เดิมทีเขาลืมไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับนึกถึงตอนนั้นอีกครั้ง เขาคิดว่าซูหมิงจะไม่สังหารตน ทว่าความจริงแล้วหากมิใช่เพราะคำพูดสุดท้ายของเขา คงตายไปนานแล้ว
‘เขาจะสังหารข้าจริงๆ!’ เหอเฟิงร้องอย่างน่าเวทนา ความมืดหายไป แสงตะวันมาเยือน ร่างกายเหอเฟิงค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังหายไป เขาต้องทนรับความเจ็บปวดที่มากกว่าตอนนั้นไม่รู้กี่เท่า พลันเกิดความรู้สึกถึงความตาย
“นายท่าน…ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ ไว้ชีวิตข้า ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง นายท่าน…” เหอเฟิงร้องอย่างน่าเวทนา ครั้งนี้มิใช่เสแสร้ง แต่เขากำลังอ้อนวอนจริงๆ
ทว่าการอ้อนวอนครั้งนี้ มิได้ทำให้ซูหมิงลืมตา
เหอเฟิงสิ้นหวังแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเขากำลังจะหายไป วิญญาณดับสูญ จากนี้จะไม่มีเขาเหอเฟิงอีก ความกลัวหยั่งลึกอบอวลอยู่ทุกส่วนในตัวเขา
ขณะร้องโหยหวน ตัวเขาหายไปมากกว่าครึ่ง พริบตาเดียวแม้แต่ศีรษะยังค่อยๆ หายไป เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นตนเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์แบบนี้อย่างไร
“นายท่าน ข้าไม่ต้องการอิสระ ข้าจะยอมติดตามนายท่านทุกๆ ชาติไป ข้าผิดไปแล้ว ขอให้ใช้สิ่งนี้เป็นการลงโทษ!”
“ไม่ต้องการอิสระรึ?” ซูหมิงลืมตา
“ข้าจะให้อิสระเจ้า ทว่ามิใช่ห้าร้อยปี แต่เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า หนึ่งพันปีหลังจากนี้เจ้าจะเป็นอิสระ” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
ช่วงที่กล่าว เหอเฟิงพลันพบว่าซูหมิงตรงหน้าเหมือนจะเปลี่ยนไป