ตอนที่ 363 ล่าสังหาร
ขณะสามคนห้อเหยียดห่างจากสนามรบไปเรื่อยๆ เสียงเข่นฆ่าในสนามรบด้านหลังค่อยๆ ไกลออกไป การฉวยโอกาสหลบหนีจากสนามรบครั้งนี้ ซูหมิงทำได้ยอดเยี่ยมมาก
มิเช่นนั้นแล้ว คนที่ไล่ตามมาจะต้องมิใช่เพียงสองคนแต่มากกว่านั้น กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีตาแก่ขั้นวิญญาณหมานตอนกลางมาด้วย
ดีที่ว่าในเมืองหมอกนภาตอนนี้เพียงแค่เริ่มสงครามเท่านั้น ตัวเมืองมีเกราะป้องกันตัวเอง จึงไม่ถูกบุกโจมตีในเวลาอันสั้น กำลังเสริมยังมีนักรบหมานอีกไม่น้อยกำลังรวมพลกัน เพียงแต่ว่าผู้แข็งแกร่งในเมืองไม่ได้เยอะมากนัก
ส่วนเผ่าเชมันก็เช่นกัน สงครามครั้งนี้คงไม่จบในเวลาอันสั้น ทุกอย่างตอนนี้เพียงแค่หยั่งเชิงกันเท่านั้น
ซูหมิงใช้ความเร็วทั้งหมดทะยานอยู่บนแผ่นดินเผ่าเชมันปานสายลม
ทั้งสองคนด้านหลังเขาไล่ตามมาไม่หยุด ทว่าทั้งสองคนนี้ต่างระแวงซึ่งกันและกันและแยกกันคนละทาง โดยเฉพาะชายชราเผ่าหมาน หากมิใช่เพราะซูหมิงเป็นที่น่าสนใจสำหรับเขาอย่างยิ่ง คงไม่มีทางยอมเสี่ยงบุกเข้ามาในเผ่าเชมันลึกขนาดนี้ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงสงครามอีก
กลับกัน ชายชราเผ่าเชมันนัยน์ตาวูบไหว ยิ้มมุมปากเย็นชา นอกจากต้องการซูหมิงแล้ว เขายังมีจิตสังหารด้วย
สามคนต่างความคิด ขณะพุ่งทะยานไป ชายชราสองคนขมวดคิ้ว เพราะซูหมิงเคลื่อนตัวเป็นเวลานานแล้วแต่กลับไม่หยุดแม้แต่น้อย มิใช่เพียงเท่านั้น ซูหมิงยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
หากแค่นี้คงไม่เท่าไร ทว่าช่วงที่ซูหมิงบินขึ้น กลับบินสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสองคนจึงตามขึ้นไป แต่เมื่อถึงระดับความสูงหนึ่งแล้วกลับเกิดลมพายุเหมือนอยู่บนท้องฟ้าเหนือสวรรค์เก้าชั้น ลมพายุนั้น หากมนุษย์ใช้ความเร็วที่มากเกินไปจะทำให้เกิดแรงต้านทานมหาศาล
กระทั่งหากใช้ความเร็วมากขึ้นอีกหน่อย สายลมที่ปะทะเข้ามาจะเหมือนใบมีดบาดใส่ตามตัวจนเกิดความเจ็บ
แม้เขาทั้งสองคน หนึ่งเป็นขั้นวิญญาณหมานตอนต้น อีกหนึ่งเป็นเชมันระดับปลาย ทว่าหากอยู่ในพายุนี้นานเกินไปคงต้องส่งผลกระทบในด้านความเร็ว
แต่ในสายตาพวกเขา ซูหมิงกลับเหมือนปลาได้น้ำ แรงต้านทานสายลมรุนแรงนี้ไม่ทำให้ซูหมิงช้าลง กลับเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย ขณะพุ่งทะยานก็ทิ้งห่างทั้งสองคนไปไกลเจ็ดแปดพันจั้งในชั่วพริบตา เมื่อถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ จนเกินหนึ่งหมื่นจั้ง หากคิดจะไล่ตามก็ยากขึ้นทุกที
นัยน์ตาชายชราเผ่าเชมันขยับประกาย ขณะทะยานก็ยกมือขวาขึ้น กำหมัดแล้วคลายออก ทันใดนั้น ห้านิ้วมือปรากฏบาดแผลพร้อมกัน มีโลหิตหยดมาพร้อมกัน โลหิตห้าหยดนั้นรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นคนเล็กผู้หนึ่ง
ทั้งตัวคนเล็กขยับแสงสีแดง เมื่อปรากฏตัวแล้วก็ส่งเสียงร้อง ร่างกายเกิดเปลวเพลิงดุจถูกแผดเผา ประหนึ่งว่าชายชราเผาขั้นพลังของตัวเองเพื่อมุ่งหน้าทะยานต่อไป
ความเร็วของเขาพลันเพิ่มขึ้นจนห่างจากซูหมิงสามพันจั้ง ทั้งยังส่งเสียงร้องแหลมอีกครั้ง คนเล็กหดตัวลงจนมีขนาดราวฝ่ามือ ความเร็วของชราเพิ่มขึ้นทันควัน ครั้งนี้มาปรากฏตัวอยู่หลังซูหมิงห่างไปไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง คนเล็กพลันระเบิดกระจุย ในนั้นมีหยดโลหิตสีแดงหนึ่งหยดตรงเข้าใส่ซูหมิง
ในสายตาของชายชราเผ่าเชมันกับชายชราเผ่าหมาน พวกเขาเห็นกับตาว่าเลือดหยดนั้นโดนหลังซูหมิง ทำให้ซูหมิงตัวสั่น กระอักโลหิต ความเร็วลดลงไม่น้อย
นัยน์ตาชายชราเผ่าหมานวูบไหว เขายกมือขวาขึ้นวาดอากาศ ลำแสงรวมตัวกันกลางฟ้า สร้างเป็นอักขระตรงหน้าเขา ขณะอักขระขยับแสงวิบวับ ชายชราใช้ฝ่ามือกดลงไป อักขระก็พลันหายวับ
ด้านหลังห่างจากซูหมิงหนึ่งพันกว่าจั้งเกิดมวลอากาศบิดเบี้ยว อักขระนั้นปรากฏขึ้นแล้วก็ระเบิดกระจาย มิได้ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นแผ่ขยายโดยรอบ แต่เป็นหมาป่าลูกคลื่นแผดเสียงร้องกระโจนเข้าใส่ซูหมิง
เสียงครึกโครมดังขึ้น ซูหมิงกระอักโลหิตอีกครั้ง ราวกับว่าเดิมทีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ยังต้องห้อเหยียดเป็นเวลานานอีก ตอนนี้มาบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของชายชราทั้งสองจึงบินต่อไม่ไหว ศีรษะดิ่งลงสู่พื้น
ช่วงที่ดิ่งลงไป ชายชราสองคนด้านหลังเห็นชัดเลยว่าใบหน้าซูหมิงซีดขาวไม่มีเลือดฝาด อีกทั้งยังหลับตา สีหน้าฉายความเจ็บปวดและดูเหนื่อยล้าจนไม่อาจปกปิด หากเพียงเท่านี้ชายชราสองคนคงไม่ค่อยเชื่อ ทว่ากลิ่นอายพลังในตัวซูหมิงยุ่งเหยิง อ่อนแอ จุดนี้ไม่อาจรอดพ้นจากสัมผัสของทั้งสองคนไปได้
ถึงอย่างไร นอกจากความเร็วแล้ว ขั้นพลังของซูหมิงก็ห่างจากพวกเขาทั้งสองคนอีกไกล
นัยน์ตาชายชราเผ่าเชมันเป็นประกาย ก่อนตรงไปทางซูหมิง ทว่าเพิ่งพุ่งตัวไป เขากลับยกมือขวาขึ้นสะบัดไปทางชายชราเผ่าหมานอีกทางหนึ่ง
ขณะสะบัดมือจนเกิดเสียงอึกทึกดังกังวาน ตรงหน้าเขาเกิดระลอกคลื่นแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว บีบไปทางชายชราเผ่าหมาน ชายชราเผ่าหมานแค่นเสียงหึ กัดปลายลิ้นพ่นโลหิต โลหิตนั้นกลายเป็นทะเลโลหิตเข้าปะทะกับระลอกคลื่น เกิดเป็นเสียงโครมดังก้อง
ชั่วขณะเดียวกัน ชายชราเผ่าเชมันชี้มือซ้ายไปทางซูหมิงที่กำลังดิ่งลงพื้น พลันมีสายลมอ่อนโยนตรงเข้าไปรองตัวซูหมิงเอาไว้ ทำให้เขาชะลอตัวลงไม่น้อย
นี่มิใช่ว่าชายชราเผ่าเชมันช่วยซูหมิง แต่เขากลัวซูหมิงตกลงไปด้วยความสูงระดับนั้น หากตายขึ้นมาคงได้ไม่คุ้มเสียเอา
ตอนนี้ทั้งสองคนเลิกไล่ล่าซูหมิง แต่มาต่อสู้กันก่อน ส่วนซูหมิง พวกเขามองออกว่ายังไม่มีอะไรให้กังวล ขอแค่จัดการกับอีกฝ่ายได้ ซูหมิงก็จะเป็นของตน และที่สำคัญที่สุดคือเขาหมดสติจึงหนีไปไหนไม่ได้
ช่วงที่ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กัน ซูหมิงกำลังพุ่งดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง เขาพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตามีเส้นเลือดฝอยและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แววตาขยับประกาย ยังคงปล่อยให้ตัวเองตกลงไป พลางจ้องต้นตอของเสียงระเบิดบนท้องฟ้าแล้วยิ้มมุมปาก
จนกระทั่งใกล้ถึงพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระแทกพื้นดังโครม ตอนใกล้ถึงพื้นซูหมิงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ตนไม่บาดเจ็บ ก่อนนอนนิ่งอยู่ตรงกลางภูเขา
‘ด้วยขั้นพลังของทั้งสองคน โอกาสที่จะให้ตายกันไปข้างน่าจะไม่เยอะ…..ทว่าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากชายชราเผ่าหมานแพ้ เช่นนั้นข้าต้องรับมือกับเผ่าเชมัน การหนีจะค่อนข้างยุ่งยาก ถึงอย่างไรเขาก็คุ้นชินกับภูมิประเทศที่นี่มากกว่าข้า….
หากชายชราเผ่าหมานชนะก็คงจัดการง่ายขึ้นบ้าง…..’ ขณะซูหมิงกำลังขบคิดก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ลืมตาเพียงเล็กน้อย
ตรงจุดที่ทั้งสองคนสู้กันบนท้องฟ้า ชายชราเผ่าเชมันถอยหลังอย่างเร่งรีบ ขณะถอยก็กระอักโลหิต เมื่อชายชราเผ่าหมานไล่ตามไป ชายชราเผ่าเชมันยกมือขวาขึ้น แสงสีแดงขยับวิบวับ มีทวนยาวสีแดงพุ่งตรงไปหาซูหมิง
ทวนยาวนั้นรวดเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวก็เข้าใกล้ จุดที่เขาเล็งคือตรงระหว่างคิ้วซูหมิง
ชายชราเผ่าหมานหน้าเปลี่ยนสี เขาคิดจะขวางทวนยาวเอาไว้ แต่หากเขาขวาง ชายชราเผ่าเชมันก็จะหนีไป หากอีกฝ่ายหนีไปแล้ว เช่นนั้นระหว่างทางกลับของเขาจะต้องมีอันตรายเป็นแน่
ทว่าหากไม่ช่วยซูหมิงก็ต้องตาย แล้วทุกอย่างที่ทำมาก็จะสูญเปล่า นี่คือสองทางเลือกยาก เพียงแต่ชั่วพริบตาเดียว ชายชราเผ่าหมานก็กัดฟันตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เขาไม่อยากเสี่ยงอันตราย จึงตรงไปทางชายชราเผ่าเชมัน นึกในใจว่าชีวิตเขาล้ำค่าที่สุด สังหารเผ่าเชมัน ตัดการรายงานข่าว แล้วเขาจะได้กลับเผ่าหมาน
ส่วนซูหมิงแม้ตายก็ยังศึกษาศพได้ อีกทั้งยังมีสิ่งของต่างๆ บางทีอาจเจอเงื่อนงำอะไรบางอย่างได้
แทบจะทันทีที่ชายชราเผ่าหมานไล่ตามชายชราเผ่าเชมัน ซูหมิงพลันบินขึ้นหลบทวนยาวและยกมือขวานำของที่กำเอาไว้ในมือตลอดยัดใส่ปาก
มันเป็นของเหลวหยดหนึ่ง ไขกระดูกทะเล!
เมื่อหยดไขกระดูกทะเลเข้าสู่ปาก ร่างกายเหนื่อยล้าเหมือนได้เติมพลังชีวิต ขั้นพลังเขาฟื้นฟูกลับมา ทั้งยังเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต นัยน์ตาเขาขยับประกาย ห้อเหยียดไกลออกไปด้วยความเร็วสูงสุด พริบตาเดียวก็ไปถึงหนึ่งพันจั้ง
แทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ชายชราเผ่าหมานพลันสังเกตเห็น
ชายชราเผ่าเชมันหน้าเปลี่ยนสี ทั้งสองคนตรวจสอบสภาพซูหมิงก่อนหน้านี้แล้ว ทว่ากลับไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะมียารักษาที่รวดเร็วเช่นนี้!
เป็นที่รู้กันดีว่ายารักษาแบบนี้หายากยิ่งนัก ขั้นชำระล้างธรรมดาแทบจะไม่มีสิทธิ์ครอบครองเลย อีกทั้งหากกินไปก็จะเป็นการสิ้นเปลือง!
“บัดซบ!” ชายชราเผ่าหมานต้องตัดสินใจอีกครั้ง จะไล่ตามซูหมิงหรือว่าล่าสังหารชาวเผ่าเชมัน
ชายชราเผ่าเชมันนัยน์ตาวาววับ ห้อเหยียดไกลออกไปอย่างไม่ลังเล ชายชราเผ่าหมานจึงกัดฟันไล่ตามไป
เขาต้องสังหารชายชราเผ่าเชมันก่อน มิเช่นนั้นแล้วการมาครั้งนี้จะพัวพันถึงภยันตรายต่อชีวิตเขา ต้องให้ตนปลอดภัยที่สุดเท่านั้นถึงจะล่าสังหารซูหมิงอย่างสบายใจ
ซูหมิงใช้ความเร็วทั้งหมด ถอนหายใจเบาๆ วิธีหลอกศัตรูเช่นนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว และมีเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่จะเกิดผล อีกทั้งเป็นเพราะความแค้นและระแวงต่อกันของทั้งสองคน จึงทำให้สำเร็จตามที่เขาคิด มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางสำเร็จได้แน่
ต่อจากนี้หากไล่ตามมาอีก วิธีนี้จะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า อีกทั้งผู้ฝึกฝนถึงขั้นวิญญาณหมาน บางทีอาจพลาดกันได้ แต่ไม่มีทางพลาดติดต่อกันแน่นอน
ต่อให้เป็นกลอุบายอื่นๆ ของซูหมิง หากเทียบกับพวกตาแก่ขี้ระวังแล้วก็ยังอ่อนกว่าในด้านประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัด…
‘คงต้องใช้พลังแห่งเทพหมานแล้ว!’ ซูหมิงกัดฟัน