Skip to content

สู่วิถีอสุรา 381

ตอนที่ 381 จีฮูหยิน

ขณะชายชราเผ่าเชมันกล่าวก็ถอยไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาอยู่ข้างชาวเผ่าหกคนที่ติดตามเขา ก่อนเตะเข้าไปแรงๆ หลายทีจนชาวเผ่าที่หมดสติเหล่านั้นตื่นขึ้น รีบประสานมือคารวะแล้วจากไป

ชาวเผ่าหกคนนั้นมีใบหน้าซีดขาว รู้สึกลึกลับและยำเกรงต่อเทือกเขาของซูหมิง ขณะห้อเหยียดตามชายชราไป แต่ละคนยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่ จนกระทั่งกลับถึงชนเผ่า ชายร่างกำยำหนึ่งในนั้นก็ลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสียงเบา

“ท่านปู่ ทำอย่างไรดี? หรือว่าจะเชิญเทวรูปบรรพบุรุษเชมัน?”

“หึหึ คนเขลาที่เอาแต่แกล้งตายอย่างเจ้าจะทำอะไรได้ เจ้าคิดว่าจะทำอย่างไรได้! เทวรูปแห่งบรรพบุรุษยังมีพลังอีกหนึ่งครั้ง นั่นก็เพื่อทำให้เผ่ากระเรียนดำหวาดกลัว!” ชายชราปากแหลมแก้มลิงถลึงตามอง หมุนตัวไปใช้มือซ้ายตบศีรษะชายร่างกำยำคนนั้นอย่างแรง

“จะบอกพวกเจ้าให้ ห้ามดูถูกผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางคนนี้เด็ดขาด เขาแค่แสดงอภินิหารก็ทรงพลังขนาดนี้แล้ว ต่อให้ข้าสู้สุดชีวิตจะมีประโยชน์อะไร อีกฝ่ายเป็นผู้ดูดวิญญาณ เป็นคนนอก จะไปจะมามีอิสระ ข้าไม่มั่นใจว่าจะสังหารเขาได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากข้าแพ้ คนเขลาอย่างพวกเจ้าจะรอดรึ? ชาวเผ่าจะทำอย่างไร? ต่อให้ข้าโชคดีชนะ อีกฝ่ายหนีไป แต่เขาก็ต้องหาโอกาสกลับมาแก้แค้นแน่ ชนเผ่าพวกเราไปไหนไม่ได้อีก มันไม่คุ้ม” ชายชราลูบเคราใต้คาง เขาในยามนี้ไม่ได้ดูเบาปัญญาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่นัยน์ตาฉายแววเฉียบแหลม

“ฉะนั้นข้าเลยต้องประจบเขา แสดงท่าทีเคารพและหวาดกลัว ถึงจะเลี่ยงหายนะสำหรับพวกเราในครั้งนี้ได้ นี่เรียกว่าการยืดหยุ่น!” นัยน์ตาชายชราวูบไหว มองไปทางตะวันออก

“ดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะใช่คนที่ตาแก่เผ่ากระเรียนดำเชิญมา คิดดู ตาแก่กระเรียนดำมีนิสัยฉุนเฉียว ไม่ได้ปลิ้นปล้อนยืดหยุ่นเหมือนข้า บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดี!”

ชายชรายิ้ม จากนั้นก็เคร่งขรึมอีกครั้ง ก่อนตบศีรษะชาวเผ่าเหล่านั้นอีกคนละที

“กลับบ้าน! พวกเจ้าจำเอาไว้ จากนี้ไปหากไม่มีคำสั่งข้า ห้ามเข้าไปในระยะภูเขานั้นสามพัน…เอ่อ ห้าพันจั้ง!”

หลังจากชายชราเผ่าเชมันเผ่าโคขาวจากไป ภายในถ้ำของซหมิงก็เงียบสงบอีกหลายวัน ไม่มีใครมารบกวน ซูหมิงฝึกฝนตลอดทั้งวัน ช่วงเวลาว่างตอนกลางคืนก็จะมองแสงจันทร์บนท้องฟ้า ฝึกเพลิงโลหิตแผดเผา

ส่วนยามกลางวัน นอกจากสังเกตหม้อโอสถและสภาพร่างกายของชายชราเผ่าหมานแล้ว ซูหมิงยังสร้างห้องหินเฉพาะอีกหลายห้อง เหนี่ยวนำพลังฟ้าดินเข้มข้นจากละแวกใกล้เคียงให้กลับสู่ผืนดินเล็กน้อย เพื่อปลูกสมุนไพรของเขา

นอกจากนี้แล้ว เวลาที่เหลือซูหมิงจะใช้ไปกับการตรึกตรองผลึกผู้สืบทอดหมานวายุและหมานอัสนี เพื่อสัมผัสถึงต้นกำเนิดสายฟ้าวายุในร่างกาย พร้อมทั้งตามหาวิธีใช้วิชาหมานอัสนีและอภินิหารวิชาหมานวายุ

บริเวณถิ่นกันดารของเผ่าเชมันแบบนี้ ซูหมิงตกอยู่ในโลกของตัวเอง ลืมมหาสงครามหมานและเชมันที่ยังดำเนินอยู่ ลืมภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพา ในความคิดเขามีเพียงสิ่งเดียวนั่นคือในสามปีจะต้องเพิ่มขั้นพลังให้แข็งแกร่งขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงจะพบเซียนผู้มาเยือนและตามหาความลับคำว่าซู่มิ่งพบ

ทว่าวันแห่งความสงบช่างแสนสั้น เจ็ดวันให้หลัง ซูหมิงลืมตาจากฌานสมาธิ ในมือถือผลึกผู้สืบทอดหมานวายุ พลางเงยหน้ามองวานรเพลิงที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง

“ไล่พวกเขาไป”

วานรเพลิงมีสีหน้าตื่นเต้น ตบหน้าอกตัวเองแล้วถือกระบอง กลายเป็นเงาสีแดงหายลับไป ไม่นานนัก วานรเพลิงกลับมาด้วยสีหน้าพอใจ วาดมืออธิบายกับซูหมิงอยู่นาน

“ดี หากมีผู้บุกรุกอีกเจ้าไตร่ตรองเองได้เลย สามครั้งแรกอย่าทำร้ายคน หากครั้งที่สี่ยังมีมาอีก เจ้าก็สังหารได้เลย” ซูหมิงขบคิดอยู่ชั่วครู่ถึงพยักหน้า ก่อนตกอยู่ในห้วงตระหนักรู้ถึงวายุและอัสนีต่อ

วานรเพลิงมีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งขึ้น วิ่งออกไปข้างนอก

หลายวันนี้มีชาวเผ่าเชมันเข้ามาสามครั้ง พวกเขาคอยสังเกตอยู่รอบนอก บนศีรษะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ปักขนนกสีดำเอาไว้ ต่างจากเผ่าโคขาวโดยสิ้นเชิง

ในนั้นมีบางคนพอสังเกตเห็นแล้วก็บุกเข้ามาในระยะสามพันจั้ง

ทว่าวานรเพลิงปรากฏตัวอย่างกะทันหัน มันคำรามใส่และฟาดกระบองในมืออย่างบ้าคลั่ง ชาวเผ่าเชมันเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นเชมันระดับกลาง ต่อให้มีวิชาหรืออิทธิฤทธิ์บ้าง ทว่าด้วยความเร็วของวานรเพลิงที่จะวูบวาบเข้าถึงตัวในชั่วพริบตา คนที่มันเข้าประชิดจะถูกกระแทกจนกระเด็นถอย และถูกกระบองฟาดจนถอยไปไกล

หลายครั้งต่อมา ชาวเผ่าเชมันที่ปักขนนกบนศีรษะเหล่านั้นก็น้อยลง จนสุดท้ายหมดไป ราวกับรู้ว่าที่นี่ห้ามเข้ามาจึงต้องถอดใจ

จนกระทั่งซูหมิงอยู่ในถ้ำมาครึ่งเดือนกว่า วันนี้ ทางตะวันออกมีสายรุ้งยาวสามเส้นตรงเข้ามา คนนำหน้าเป็นชายวัยกลางคน บุคคลนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ยิ่งนัก แววตาวาววับ สองคนด้านหลังเป็นชายชรา ทั้งสามคนบินลงพื้นห่างจากเทือกเขาซูหมิงหนึ่งหมื่นกว่าจั้ง พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น จ้องเทือกเขาสูงตระหง่านจากไกลๆ

“จ้าวเผ่า อีกเจ็ดพันจั้งข้างหน้าก็เป็นขอบเขตแล้ว หลายครั้งก่อนหน้านี้ชาวเผ่าพวกเราเคยเหยียบเข้าไป ก็จะมีวานรปรากฏตัว แม้ไม่สังหารคนแต่ลงมือเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ ครั้งสุดท้ายตีจนชาวเผ่าเรากระดูกเส้นเอ็นฉีกขาด ดูท่าหากมีคนบุกรุกอีกมันน่าจะสังหาร” ชายชราผู้หนึ่งหลังชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเบา

“เผ่าโคขาวทนไหว เห็นได้ว่าบุคคลนี้ไม่ใช่คนธรรมดา โดยเฉพาะการแปรเปลี่ยนฟ้าดินครั้งนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน พวกเราเห็นกันชัดเจนในเผ่า บุคคลนี้…ตามที่ข้าคิด เอ่อ รอจ้าวเชมันกลับมาก่อนค่อยว่ากันอีกที” ชายชราอีกคนลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเบา

“ไม่ผิด จ้าวเชมันออกไปข้างนอกเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ก่อนไปเคยบอกว่าจะกลับมาอีกประมาณหนึ่งเดือน จ้าวเชมันไปครั้งนี้ก็เพื่อไปเชิญจีฮูหยินให้มาช่วยทำลายเผ่าโคขาว คงอีกไม่กี่วันเท่านั้น”

ชายชราสองคนกล่าวโน้มน้าว ทว่าชายวัยกลางคนกลับเงียบไปชั่วครู่แล้วส่ายศีรษะ

“จ้าวเชมันนำทรัพท์สินทั้งหมดของเผ่ากระเรียนดำไปก็ยังไม่แน่ว่าจะเชิญจีฮูหยินแห่งยอดเขาม้าพยศมาได้ ดีที่ว่าตอนนี้ชาวเผ่าเชมันหวาดผวา อีกทั้งยังเพราะสงคราม สินค้าและวัตถุดิบขาดแคลน ฉะนั้นจ้าวเชมันถึงได้ตัดสินใจไปเชิญจีฮูหยินให้ลงมือ

ทว่าก็ลงมือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในครั้งนี้จะต้องสังหารไป๋เกอแห่งเผ่าโคขาว แต่หากจะให้จีฮูหยินลงมือสองครั้ง พวกเราคงจ่ายไม่ไหว แม้จะใช้อาวุธที่ยึดมาจากเผ่าโคขาวก็ตาม ต่อให้ไม่มีเผ่าโคขาว พวกเราก็ยังได้ไม่คุ้มเสีย

บุคคลนี้มีขั้นพลังระดับใดพวกเราก็ยังไม่รู้ อีกทั้งเมื่อครึ่งเดือนก่อน แม้เสียงจะดังมาก ทว่าหากไม่ลองหยั่งเชิงดูสักครั้ง พอจ้าวเชมันกลับมาแล้ว พวกเราจะอธิบายอย่างไร

อีกอย่าง ด้วยขั้นพลังเชมันนักสู้ระดับกลางของข้า ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่หากจะสังหารข้าคงทำไม่ได้ในเวลาสั้นๆ เว้นแต่เขาจะเป็นเชมันระดับปลายหรือผู้ดูดวิญญาณที่มีหุ่นเชิดอมตะทรงพลัง มิเช่นนั้นแล้วข้ายังพอหยั่งเชิงอีกฝ่ายได้ พวกเจ้าสองคนอย่าเข้าไปในเขตต้องห้าม คอยสังเกตอยู่ข้างนอกนี้ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว!”

ชายวัยกลางคนกล่าวเรียบๆ นัยน์ตามุ่งมั่นในการต่อสู้ ในตัวมีเสียงดังเปรี๊ยะๆ พบว่าร่างกายพองบวมขึ้นหนึ่งรอบปานภูเขาเล็กก่อนก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว

ทุกย่างก้าวแผ่นดินจะสั่นสะเทือนเบาๆ พลังชั่วร้ายแผ่ขยายมาจากในตัว สร้างเป็นแรงกระแทกใต้ฝ่าเท้า ม้วนฝุ่นบนพื้นลอยขึ้น

เขารวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเกิดเป็นเสียงทำลายมวลอากาศ ผสานกับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดิน รวมเป็นพลังทรงอานุภาพตรงเข้าใส่เทือกเขาของซูหมิง

หกพันจั้ง ห้าพันจั้ง สี่พันจั้ง…สามพันจั้ง!

ชายร่างกำยำดุจพายุคลั่ง ตอนที่เข้ามาถึงขอบเขตสามพันจั้ง เขาพลันก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล ทว่าช่วงที่เหยียบเท้าลง มีเสียงคำรามดังแว่วเข้ามาพร้อมกับเงาสีแดง ขณะเดียวกันก็มีเสียงคมกริบปานฉีกมวลอากาศตรงเข้าใส่เขา

มันคือกระบองที่ถูกปาเข้ามา!

นัยน์ตาชายร่างกำยำขยับประกาย แค่นเสียงหึทว่าไม่หลบ เขากำหมัดขวาชกใส่กระบองที่ตรงเข้ามา ทันทีที่ปะทะกันก็เกิดเสียงโครมครามดังกังวาน กระบองถูกดีดกลับ แม้แต่วานรเพลิงยังถูกคลื่นหมัดโถมใส่จนกระเด็นถอย

ชายร่างกำยำเองก็ใช่ว่าจะดี เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนสาวเท้ายาวเข้ามาในระยะสามพันจั้ง

วานรเพลิงร้องคำราม พุ่งตัวเข้าใส่ชายร่างกำยำอีกครั้ง นัยน์ตาจ้าวเผ่ากระเรียนดำเป็นประกายชั่วร้าย เขายกสองมือขึ้นแล้วกดบนพื้นดินอย่างแรง

เมื่อกดมือลงแผ่นดินพลันสั่นสะเทือนราวกับกระทบถึงฟ้า ทำให้ท้องฟ้าเกิดระลอกคลื่น วานรเพลิงหยุดชะงัก

แทบจะเป็นวินาทีที่วานรเพลิงหยุดชะงักไป ชายร่างกำยำเดินขึ้นฟ้า เตะเท้าขวาใส่มวลอากาศ ส่งแรงกระแทกรุนแรงไปทางวานรเพลิง

ด้วยความแข็งแกร่งของวานรเพลิง มันไม่สนใจลูกเตะนี้แม้แต่น้อย ขณะกำลังจะปากระบองใส่ชายร่างกำยำอีกครั้ง มวลอากาศตรงหน้ามันบิดเบี้ยว พลันปรากฏเงาร่างของซูหมิง ความเร็วของเขาทำให้เกิดพายุคลั่งกระหน่ำ ซูหมิงสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ สวมหน้ากากสีดำ เส้มผมปลิวไสว ปล่อยหมัดเข้าใส่ลูกเตะของชายร่างกำยำ

หมัดนี้แฝงไว้ด้วยการตระหนักรู้ต้นกำเนิดวายุในช่วงหลายวันมานี้ และยังมีความเข้าใจในต้นกำเนิดอัสนีอีกเล็กน้อย ยามนี้เมื่อปล่อยหมัดเข้าไป สายลมและสายฟ้าสร้างเป็นเสียงดังสนั่นสะเทือนนภา

สายลมทำให้หมัดของซูหมิงมีเพียงความเร็วที่ไม่อาจทำลาย! สายฟ้าทำให้หมัดของซูหมิงประหนึ่งแฝงไว้ด้วยพลังจากสวรรค์! พลังกระดูกหมานในร่างกายปะทุออกมา กระทั่งตอนที่ซูหมิงปล่อยหมัด ด้านบนยังปรากฏเงาระฆังเขาหานมายา ดุจว่าหมัดกลายเป็นระฆังเขาหาน!

หลังจากปะทะกับลูกเตะของชายร่างกำยำก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขาขวาชายร่างกำยำหัก ใบหน้าพลันซีดขาว ขณะกระอักโลหิต ร่างก็ถูกพายุคลั่งอัดเข้าใส่กระเด็นไปไกลหลายสิบจั้ง จนไปตกอยู่นอกขอบเขตสามพันจั้ง ก่อนมีชายชราผู้ติดตามสองคนเข้ามาพยุงทันที

“อย่ามารบกวนข้า นี่คือการเตือน อย่าบีบให้ข้าต้องสังหารใครเลย อย่าให้ครอบครัวของเจ้าต้องมาตายไปพร้อมกับเจ้า อย่าให้เผ่าของเจ้าต้องหายไปจากแผ่นดินเชมัน!” ซูหมิงยืนอยู่หน้าวานรเพลิง ดึงมือขวากลับแล้วกล่าวเนิบช้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version