ตอนที่ 454 วิญญาณหยินปรากฏ
ภายในสายรุ้งยาวหลายเส้น ทุกคนเหมือนกับลูกธนูออกจากแล่ง ตรงเข้ามาพร้อมพลังอันแกร่งกล้าปานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งยังเหมือนจะฉีกแยกอากาศจากทุกสารทิศ
คนเหล่านี้เป็นหนึ่งในกำลังพลสำคัญที่วิหารเทพเชมันรวบรวมมาไม่รู้กี่ปี พวกเขาประจำการอยู่ในโลกเก้าหยินตลอดทั้งปี และไม่ค่อยออกไปไหนง่ายๆ พวกเขามาจากทุกชนเผ่า ทว่าตอนนี้เกียรติยศหนึ่งเดียวในความคิดพวกเขาคือวิหารเทพเชมัน ไม่ใช่สายเลือดต้นกำเนิด!
พวกเขาทุกคนล้วนเคยผ่านการทดสอบอันหนักหนาสาหัส เคยผ่านความหนาวเหน็บจากการฝึกฝนหนักถึงขั้นเสี่ยงชีวิต กระทั่งทุกคนล้วนไม่มีชื่อของตัวเอง มีเพียงนามนักรบที่ผู้บัญชาการคนก่อนตั้งเอาไว้ให้
ขั้นพลังส่วนใหญ่ของพวกเรายังไม่ถึงเชมันระดับปลาย แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นเชมันระดับกลาง!
ยามนี้ขณะตรงเข้ามา ในตัวพวกเขาปล่อยพลังชั่วร้ายมหาศาล ทำให้ฟ้าดินปรากฏน้ำวนยักษ์ที่สร้างขึ้นจากพลังชั่วร้ายขึ้นรางๆ และกำลังหมุนวนอย่างช้าๆ
องครักษ์เทพเชมันจะไม่ปรากฏตัวง่ายๆ ทว่าตอนนี้กลับเผยกาย เห็นได้ว่าวิหารเทพเชมันต้องการหินของซูหมิงจริงๆ!
เถี่ยมู่แห่งเผ่าแดนบูรพาหน้าเปลี่ยนสี หลังเห็นน้ำวนพลังชั่วร้ายจากสายรุ้งยาวรอบทิศแล้ว ก็มองหินสีแดงตรงหน้าซูหมิง ก่อนถอยไปหลายก้าวด้วยใบหน้าตึงเครียด ทว่าก็ยังไม่พาคนในเผ่าตนกลับเข้าไปในวิหารใหญ่
เขากำลังรอ รอดูว่าเผ่าอื่นๆ จะเลือกอย่างไร
หนึ่งในเผ่าใหญ่เชมัน เผ่าสวรรค์โลกา ก่อนหน้านี้ตอนซูหมิงเปิดดอกวิญญาณภูตก็เคยเสนอราคาซื้อมันอยู่ แต่เมื่อผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันออกปาก ชายวัยกลางคนผู้เงียบขรึมก็มีสีหน้ามืดทะมึนเช่นกัน ในโลกเก้าหยินนี้ ไม่ว่าเผ่าใดก็ยากจะต่อกรกับวิหารเทพเชมัน
เพราะคนที่ประจำการอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีของวิหารเทพเชมัน มีมากกว่าทุกเผ่าใหญ่!
ส่วนฟากเผ่าทะเลใบไม้ร่วง หวั่นชิวสตรีศักดิ์สิทธิ์มองซูหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย ราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง
หญิงแห่งโชคชะตาชุดขาวกัดริมฝีปาก นางรู้ความลับในโลกเก้าหยินอยู่บ้าง ทั้งยังรู้ว่าหากคนในสำนักล่วงรู้จะต้องไม่ยอมทิ้งหินสีแดงที่อาจมีดอกผนึกจิตอยู่จริงๆ ก้อนนี้เป็นแน่ นางจึงห้ามไม่ได้…และทำได้เพียงอย่างเดียวคือเดินหน้าไป
“เอาหินนี้ไปก็พอ ข้าขอเถอะ วิหารเทพเชมันอย่าทำร้ายผู้ใดเลย!”
เมื่อสตรีชุดขาวกล่าวขึ้น ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันที่กำลังเดินไปทางซูหมิงหยุดชะงัก หันกลับมามองนางอย่างเรียบเฉย หลังจากนัยน์ตาเป็นประกายบางๆ แล้วจึงพยักหน้า
เขาไม่สนใจสตรีผู้นี้ ทว่าเขาสนใจฐานะและเบื้องหลังของนาง…สำนักซ่อนมังกรของเผ่าเซียน เป็นที่รู้ดีว่าวิหารเทพเชมันตอนนี้มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับสำนักซ่อนมังกร
หากสตรีผู้นี้บอกห้ามพวกเขาเอาหินไป ชายชราผู้นี้คงไม่สนใจ ถึงอย่างไรหินก้อนนี้ก็เป็นของวิหารเทพเชมัน อีกทั้งสำนักซ่อนมังกรอาจให้ความสำคัญเช่นกัน แต่นางบอกเพียงว่าอย่าทำร้ายรุ่นเยาว์ปานมดปลวกตรงหน้าคนนี้ เรื่องแค่นี้เขาย่อมไม่ปฏิเสธ
เทียนหลันเมิ่งก้มหน้าลงและยังคงเงียบ ทว่าความคิดในใจไม่มีผู้ใดรู้
กลุ่มคนด้านล่างเงียบกริบ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนมองคนบนท้องฟ้าเหล่านั้น โดยเฉพาะซูหมิง สายตาเหล่านั้นมีปลงอนิจจัง มีลำพองใจ มีความสุขที่เห็นคนอื่นมีทุกข์ และก็มีสงสาร
เหตุการณ์ทุกอย่างตัดสินโชคชะตาของซูหมิงแล้ว ราวกับว่าไม่มีแรงต่อต้านใดๆ ทำได้เพียงให้คนอื่นครอบงำ ถึงอย่างไรพลังก็คือทุกอย่างของที่นี่!
เชมันระดับกลางเล็กจ้อยคนหนึ่ง จะใช้อะไรมาต่อสู้กับวิหารเทพเชมัน ต่อให้เขาสู้กับเชมันระดับปลายได้ ทว่าในสายตาชายชราครึ่งก้าวก่อนเชมันระดับสูงสุดคนนี้ก็ยังเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น
หนานกงเหินหน้าซีดขาว เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ หากเป็นแค่คำพูดของชายชราวิหารเทพเชมัน คนเดียวเขาคงไม่กลัว กระทั่งยังช่วยซูหมิงรับมือกับอีกฝ่ายได้
ถึงอย่างไรก็มีท่านปู่ของเขาอยู่ หนานกงเหินรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าทำอะไรตน อย่างมากก็แค่สั่งสอนเท่านั้น
ทว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตร ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้อาวุโสคนเดียวแล้ว ตอนนี้องครักษ์เทพเชมันเผยกาย อีกทั้งยังปรากฏใบเส้นวิญญาณจิต นั่นยิ่งทำให้เรื่องนี้ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงยิ่ง หินสีแดงก้อนนี้ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสคนเดียวที่ต้องการ แต่เป็นทั้งวิหารเทพเชมัน!
เช่นนั้นจะให้เขาเลือกอย่างไรดี…
หนานกงเหินหน้าซีดมากขึ้น ด้านหนึ่งก็เป็นวิหารเทพเชมันที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นสหายที่เพิ่งรู้จักไม่นาน
ทว่าสหายคนนี้เคยช่วยชีวิตเขา…..สหายคนนี้แม้รู้จักไม่นาน กลับมีความรู้สึกถูกชะตา สหายคนนี้ยอมซื้อหินสีแดงด้วยกันเพราะตนขอร้อง…
ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย แทบจะเป็นช่วงที่ชายชราวิหารเทพเชมันกล่าวขึ้น เขาหยุดตัดหินและใช้มือขวาตบหินแดงที่มีเงาใบเส้นวิญญาณจิตปรากฏ นำเข้าไปในถุงเก็บวัตถุทันใด ก่อนมองเรื่องราวทุกอย่างนิ่งๆ
เขาเห็นผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันกล่าวขึ้น และกระทำการอย่างใช้อำนาจบาตรใหญ่เพราะขั้นพลังตนสูงส่ง เห็นองครักษ์เทพเชมันในสายรุ้งยาวเหล่านั้นมีสีหน้าเย็นชา เห็นเถี่ยมู่ถอยหลังไป เห็นความลังเลใจของหวั่นชิวจากเผ่าทะเลใบไม้ร่วง
ขณะเดียวกัน เขาเห็นเทียนหลันเมิ่งที่ก้มหน้าลง กับบรรพบุรุษเทียนหลันที่ทำให้ตนหรี่ม่านตาลงและเกิดความรู้สึกคุ้นตา
และยังมีหญิงแห่งโชคชะตาชุดขาว นางเป็นคนเดียวที่กล่าวขึ้นเพื่อเขา ในคำพูดแฝงไว้ด้วยความห่วงใยที่ซูหมิงรู้สึกได้ ทว่าเขามองไม่ออกว่าต้นตอแห่งความห่วงใยนั้นเป็นเพราะนางเรียกตนว่าซู่มิ่งหรือเป็นเพราะอย่างอื่น
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดของสตรีชุดขาวเมื่อครู่นี้ ซูหมิงจดจำเอาไว้แล้ว
‘มูลเหตุทุกสิ่งของโลกภายนอก หากไร้การแปรเปลี่ยน หากไร้อำนาจขัดชะตาฟ้า ก็ยากจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมองเห็นชัดเจน…คำพูดนี้ของท่านปู่ ข้าเข้าใจแล้ว’ ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง กระทั่งยิ้มมุมปากน้อยๆ ใต้หน้ากาก
เขามองผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันเดินเข้ามา มองสายตาที่แฝงไว้ด้วยความหมายต่างกันของทุกคนข้างล่าง มองหนานกงเหินที่เหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง รอยยิ้มของซูหมิงพลันกว้างมากขึ้น
ยามนี้เขาเป็นที่จับตามองของทุกคน เพียงแต่ว่าแบบนี้มิใช่สิ่งที่ใจเขาต้องการ ขณะเดียวกับที่เขาเข้าใจทุกสิ่ง ซูหมิงก็เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา
คนๆ หนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าคนหลายหมื่นอย่างโดดเดี่ยว…
‘ปลาเล็กกินปลาใหญ่ คงจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วนิรันดร์…..’ ซูหมิงถอนหายใจเบาๆ ขยับตัววูบไหว ข้างกายเขามีเงามายาวิบวับ ก่อนปรากฏเป็นร่างแยกของวิญญาณแรก
ช่วงที่ร่างแยกนี้ปรากฏ กลิ่นอายพลังของซูหมิงพลันเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทำให้เหมือนรู้สึกเผชิญหน้ากับจุดสูงสุดของเชมันระดับกลาง!
เมื่อร่างแยกปรากฏกาย กลุ่มคนด้านล่างร้องออกมาเบาๆ เพียงแต่ว่าผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันที่มองซูหมิงอยู่บนท้องฟ้ายังคงเดินมาทีละก้าว ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ และยังไม่สนใจแม้แต่น้อย ในสายตาชายชรา ซูหมิงยังเป็นเพียงมดปลวก
‘วิญญาณแรก!’ หญิงแห่งโชคชะตาในชุดขาวเบิกตากว้าง
และยังมีบรรพบุรุษเทียนหลันที่เฝ้าสังเกตการณ์ตลอด ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ยามนี้เขาหรี่ม่านตาลง
แทบจะทันทีที่ร่างแยกของซูหมิงปรากฏ เขายกมือซ้ายสะบัดไปด้านหลัง ทันใดนั้นปรากฏหมอกดำอบอวล มันม้วนตลบอยู่ข้างซูหมิงก่อนรวมขึ้นเป็นศพพิษ!
ศพพิษเดินออกมา ทั้งตัวโอบล้อมไปด้วยหมอกพิษ และยังมีดวงตามืดไร้แวว ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าซูหมิงเก่งเกินกว่าจุดสูงสุดของเชมันระดับกลางไปแล้ว หนึ่งร่างแยก หนึ่งศพพิษ และตัวเอง ประหนึ่งผสานเข้าด้วยกันเป็นทั้งหมดทั้งมวล!
นัยน์ตาผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันขยับประกายเล็กน้อย แต่ยังคงไม่สนใจ ยามนี้ห่างจากซูหมิงไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง ขณะเดินเข้ามาช้าๆ ทุกฝีก้าวที่เหยียบอากาศจะเกิดเสียงอึกทึกดังสนั่น กระทั่งมวลอากาศยังสั่นไหว ราวกับว่าเท้าของชายชราเหยียบลงไปจริงๆ ไม่ใช่แค่มายา
“วิญญาณนักรบเก้าหยิน!” ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง ก่อนสะบัดมือขวาไปด้านหน้า สัญลักษณ์วิญญาณหยินหลังมือเขาขยับแสงวูบวาบ เสียงหัวเราะกระหายเลือดดังขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์บนหลังมือของซูหมิงหายไป บนท้องฟ้าสูงมีสายฟ้าสีแดงผ่าเปรี้ยงปร้างลงมา
หลังจากสายฟ้าผ่าลงมาในชั่วพริบตา เสียงฟ้าผ่าดังกังวาน ถึงค่อยปรากฏสายฟ้าพร้อมกับเสียงดังสนั่นอีกแปดครั้ง สายฟ้าตรงหน้าซูหมิงมีเงาร่างสูงใหญ่เผยตัวออกมาในพริบตา
เงาร่างนี้สูงสามสิบจั้ง ดูเหมือนกับคนยักษ์ รูปร่างกำยำยิ่งนัก เขายืนอยู่ตรงนั้นปานยอดเขาตั้งตระหง่านบนผืนดิน!
เสื้อเกราะสีเงินทึบ เส้นผมสีแดงชาด มีรอยแผลเป็นทั้งตัว บวกกับพลังชั่วร้ายและความกระหายในการต่อสู้ ทำให้ชายร่างกำยำวิญญาณหยินที่ซูหมิงเรียกมานี้เป็นดุจเทพสงคราม!
“ข้าไม่ได้สังหารคนที่โลกภายนอกมาหลายปีแล้ว วันนี้อาจจะได้สังหารอย่างถึงใจเสียที!” ชายร่างกำยำวิญญาณหยินสวมเกราะทั้งตัว กล่าวเสียงกังวานรอบทิศ
ตอนที่เขาปรากฏตัว ในที่สุดผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันก็หน้าเปลี่ยนสี เขาหยุดชะงัก ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ โดยรอบก็เช่นกัน
นัยน์ตาบรรพบุรุษเทียนหลันขยับประกาย พลันยิ้มมุมปากบางๆ
ส่วนกลุ่มคนด้านล่างก็ส่งเสียงดังอื้ออึงในวินาทีที่ชายร่างกำยำวิญญาณหยินปรากฏขึ้น
“ข้าว่าอยู่เหตุใดเขาถึงไม่กลัว ที่แท้เขาก็ไปเช่าวิญญาณเก้าหยินมา!”
“ข้ารู้จักวิญญาณเก้าหยินตนนี้ เขา….เขาเป็นวิญญาณของชั้นห้า ราคาสำหรับการให้เขามาคุ้มกันแพงยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเช่ามาจริงๆ!”
“ดูจากพลังแล้วคงอยู่ระหว่างเชมันระดับปลาย ไม่รู้ว่าถ้าสู้กับผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันแล้วผลจะเป็นอย่างไร…..”
แทบจะทันทีที่ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันหยุดชะงัก นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา ร่างแยกเขายกมือขวาขึ้น กระบี่แสงดำพลันขยับวูบวาบลากยาวออกมา แมลงปีกแข็งสีดำจำนวนมากปกคลุมทั้งตัว ส่วนศพพิษอ้าปากร้องคำราม เส้นเลือดดำผุดขึ้นทั้งตัว ก่อนมีหมอกพิษจำนวนมากลอยมาจากในรูขุมขน กระทั่งเล็บมือทั้งสิบนิ้วยังยาวขึ้น เป็นประกายคมกริบ
ขณะเดียวกัน ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือซ้ายขึ้นชี้ขึ้นฟ้า นี่คือรูปแบบแรกของวิชาสามรูปแบบแยกวายุ ชูมือเบิกตะวัน!
“อยากได้ของของแซ่โม่ก็ต้องจ่ายมา แม้เจ้าเป็นผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันก็ตาม! องครักษ์วิญญาณหยิน ตามข้ามาสู้กับคนผู้นี้!” ตอนที่ซูหมิงกล่าว วิญญาณหยินสูงสามสิบจั้งตรงหน้าเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าแล้วยกมือขวาขึ้น ในมือพลันปรากฏขวานยักษ์สูงราวๆ ตัวเขา!