Skip to content

สู่วิถีอสุรา 478

ตอนที่ 478 โลกอมตะ…จงเปิด!

ช่วงที่กล่าวคำว่าซู่มิ่ง ซูหมิงยืนขึ้น ดวงตาว่างเปล่ายามนี้เห็นโลกอะไรบางอย่าง นอกจากเขาแล้ว คนอื่นมองไม่เห็น

เขายืนอยู่ตรงนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก เขาอยู่ที่นี่มานานไม่รู้กี่ยุคสมัย และยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องทำ เขาต้องตื่นขึ้นเพื่อให้จิตของจู๋จิ่วอินหายไปทั้งหมด และโชควาสนาของหนอนงูน้อย!

เขาเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนก้าวเดินหน้าไป ตลอดเส้นทางเขาเจอวิญญาณอมตะนับไม่ถ้วน เพียงแต่วิญญาณเหล่านี้เดินผ่านไปอย่างสับสนราวกับไม่เห็นเขา

ไม่ว่าจะเป็นการกินและต่อสู้กันระหว่างวิญญาณอมตะหลายร้อยตน หรือจะเป็นการต่อสู้สั่นสะเทือนฟ้าดินของวิญญาณอมตะหลายหมื่น

กระทั่งการต่อสู้ของวิญญาณอมตะมากกว่าหลายแสน หรือมากกว่าหลายล้านไปจนถึงสิบล้าน ล้วนเหมือนซูหมิงมองไม่เห็นพวกเขา พวกเขาก็ไม่เห็นซูหมิงเช่นกัน

ซูหมิงเดินผ่านวิญญาณอมตะนับไม่ถ้วน โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่โดนตัวกันเลย ประหนึ่งว่าทุกอย่างอยู่โลกภายนอก จิตใจซูหมิงเองก็ไม่สั่นไหว สายตาไม่มองล้วนไม่มีอยู่

เส้นทางเดินหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเพราะเหตุการณ์ใดๆ จุดเป้าหมายคือรูปปั้นมังกรงูยักษ์บนยอดเขาสูง จุดสุดท้ายที่เขาสลายไปในวัฏจักรนับไม่ถ้วน

ซูหมิงเดินไปเดินมา ระหว่างทาง ชายชราเสื้อคลุมขาวบินผ่านไปอย่างเฉยชา ทั้งยังมีชายร่างกำยำที่ใช้วิชาหนักเบาก็กำลังห้อเหยียดบนผืนดินเช่นกัน

ที่มากกว่าคือวิญญาณอมตะที่ปรากฏระหว่างทาง เพียงแต่ว่าเขามองไม่เห็น พวกเขาก็ไม่เห็นเช่นกัน

จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ จนกระทั่งตรงหน้าซูหมิงปรากฏภูเขาสูงตระหง่าน รูปปั้นมังกรงูยักษ์นอนขดอยู่บนภูเขา ภายใต้ผืนฟ้าสีเทาส่องสะท้อน มันเลยให้ความรู้สึกมัวหมอง

นี่คือซูหมิง นี่คือครั้งแรกที่เขามาที่นี่หลังจากความทรงจำฟื้นกลับมาทั้งหมด

เขามองภูเขาเหมือนเห็นมัน

“ต้องไปแล้ว…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ ขณะกำลังจะเดิน เขาพลันหยุดชะงัก แล้วค่อยๆ หันศีรษะกลับ ดวงตาว่างเปล่า ทว่าจุดที่มอง ตรงนั้นมีชายชราผู้มีสีหน้าเฉยชาและดูเหนื่อยล้าทั้งตัวกำลังเดินมาทางเทือกเขานี้อยู่

ชายชราคนนี้สวมเสื้อคลุมดำ สีหน้าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน กำลังเดินไปยังยอดเขาปานทำพิธีกรรมคารวะแดนศักดิ์สิทธิ์ บางทีเขาอาจจะไม่รู้เหมือนกันว่าวนเวียนกลับมาที่นี่กี่ครั้งแล้ว โดยไม่มีที่สิ้นสุด

ชายชราคนนี้ก็คือข้ารับใช้ของตี้เทียนตอนที่เจอในร่างของจู๋จิ่วอิน และใช้หนอนงูเพื่อบังคับจิตของจู๋จิ่วอินให้มันเปิดโลกอมตะ เขาผู้นี้อยู่ในเผ่าหมานและเฝ้าจับตามองซูหมิงอยู่!

น่าเสียดาย เขาประเมินความหยิ่งยโสของจู๋จิ่วอินผิดไป ทำให้ร่างจิตของเขาถูกดูดเข้ามาในโลกอมตะ และรับความเจ็บปวดจากความตายไม่รู้สิ้นสุด อีกทั้งยังส่งผลถึงร่างหลัก ทำให้ต้องรับคำสาปร่างเน่าเปื่อย!

ซูหมิงมองชายชราเหมือนเห็น ผ่านไปพักใหญ่ก็เดินหน้าไปยังอีกฝ่าย ช่วงที่เข้าใกล้ ชายชราสับสน ยังคงลอยไปทางยอดเขาตามการเรียกหา

ซูหมิงเดินมาอยู่ข้างชายชราเสื้อคลุมดำด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนยกมือขวาขึ้นแล้วทะลวงเข้าไปในกายวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม ชายชราตัวสั่นและมีสีหน้าเจ็บปวด ขณะกำลังดิ้นรนนั้น ซูหมิงดึงมือขวากลับ ในมือมีหมอกสีดำอยู่เส้นหนึ่ง

หมอกนี้หมุนวนอยู่กลางมือซูหมิง หลังจากกำเอาไว้แล้วก็ไม่สนใจชายชราอีก และเดินไปทางยอดเขา

ซูหมิงไม่สังหารชายชรา เพราะว่าการอยู่ที่นี่ต้องวนเวียนไม่รู้จบสิ้น และต้องเจ็บปวดมากกว่าสังหารไม่รู้กี่เท่า กลับกัน หากสังหาชายชรา สำหรับอีกฝ่ายแล้วถือเป็นเรื่องดี

เขาอยากสังหารร่างจริงชายชราที่อยู่โลกภายนอก ต้องสังหารเท่านั้นถึงจะระบายความแค้นของซูหมิงได้

ทันทีที่ซูหมิงมาถึงยอดเขาและเหยียบบนเกล็ดจำนวนมากบนตัวมังกรงู เขารู้สึกถึงตัวอักษรคุ้นตาบนเกล็ดงูเหล่านั้น ตัวอักษรพวกนี้เป็นตัวแทนวัฏจักรและความยึดมั่นของเขา

ซูหมิงเหยียบบนเกล็ดงู แล้วเดินไปยังหัวมังกรงูทีละก้าว จนมาถึงส่วนหัวแล้ว เขาจึงค่อยเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า

“จู๋จิ่วอิน เจ้าต้องกินหนอนงูน้อย นี่คือโชคชะตาของเผ่าเจ้า ไม่มีถูกผิด…..ข้าเคารพเจ้า! ตามคำสาปของเจ้า ข้าตื่นแล้ว ตอนนี้ ข้าต้องออกไปจากที่นี่!” ซูหมิงกล่าวเบาๆ ช่วงที่กล่าว ท้องฟ้าสีเทาสงบนิ่งพลันเกิดเมฆลมพายุ มีสายฟ้าผ่าลงมาดังสนั่น

เสียงฟ้าผ่าดังก้องกังวานราวกับฟ้าคำราม ทำให้ชายชราเสื้อคลุมดำที่อยู่ไม่ไกลตัวสั่นแล้วคุกเข่าลงกับพื้น ทำให้วิญญาณอมตะทั้งหมดที่กำลังต่อสู้กัดกินกันโดยรอบในเขตแดนไร้ขีดจำกัดนี้ตัวสั่นและคุกเข่าลง

และยังมีวิญญาณนักรบอมตะแข็งแกร่งเหล่านั้น ยามนี้มีสีหน้าตื่นกลัว และพากันคารวะขึ้นฟ้า

เสียงฟ้าผ่าปานตอบรับคำพูดของซูหมิง ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง กล่าวจบ เขายืนอยู่บนหัวมังกรงู สองมือค่อยๆ ยกขึ้น

“หน้ามือแทนอดีต หลังมือแทนอนาคต…” ซูหมิงยกมือขวาสูง เอาหน้ามือคว่ำลง หลังมือพุ่งขึ้นไป ส่วนมือซ้ายอยู่ตรงข้าม

“การผสานของอดีตและอนาคต ก็เหมือนกับประกับสองฝ่ามือ ปล่อยพลังการผสานรวมที่มาจากอดีตและอนาคต!” ซูหมิงค่อยๆ ลดมือขวามายังมือซ้าย

“ข้าเรียกพลังจากการผสานรวมด้วยอดีตและอนาคตนนี้ว่า…ซู่มิ่ง!” ทันใดนั้น มือซ้ายและมือขวาประกับเข้าด้วยกัน

จากนั้นซูหมิงตัวสั่นอย่างรุนแรง เส้นเลือดดำปูดบนใบหน้า เส้นผมยาวปลิวไสวเองแม้ไร้ลม เสื้อผ้ากระพืออย่างรวดเร็ว ด้านหลังปรากฏเงามายาเด็กทารกคนหนึ่ง เด็กทารกคนนี้ไม่ร้องไห้ เพียงลืมตา ดวงตาเป็นสีเทาปานสิ้นใจไปแล้ว

ยามนี้ฟ้าดินตรงหน้าเขาบิดเบี้ยว ก่อนค่อยๆ ปรากฏชายผมม่วงคนหนึ่ง ชายคนนี้มีสีหน้าเศร้าโศก เงยหน้ามองท้องฟ้า ตอนที่เขาปรากฏ โลกอมตะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น

สีเทาของท้องฟ้าปานเป็นหมอกหมุนวนเป็นชั้นๆ สีขาวของผืนดิน ยามนี้ก็ถูกย้อมด้วยน้ำหมึก กลายเป็นสีดำในชั่วพริบตาและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“โชคชะตาหลอมรวมกัน การผสานครั้งที่หนึ่ง!” ช่วงที่ซูหมิงพึมพำเบาๆ ชายผมม่วงมายาตรงหน้าเดินมาหาซูหมิง ขณะเดียวกัน เด็กทารกด้านหลังมีนัยน์ตาเปล่งประกายสีเทา แล้วตรงมายังซูหมิงเช่นกัน

ช่วงเวลานี้เอง อดีตกับอนาคตกลายเป็นน้ำวนยักษ์รอบตัวซูหมิง น้ำวนนี้หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็สูบซูหมิงเข้าไปข้างใน เหลือเพียงน้ำวนยักษ์บนหัวมังกรงู

น้ำวนนี้หมุนโคจรและส่งเสียงดังสนั่น ในนั้นแฝงไว้ด้วยอนาคต อดีตและยังมีปัจจุบันของซูหมิง ทุกอย่างนี้รวมขึ้นเป็นการตระหนักรู้ครั้งใหญ่ที่สุด ณ โลกอมตะแห่งนี้!

โชคชะตา!

ขณะน้ำวนหมุนอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งยื่นมาจากข้างใน มันเป็นมือขาวซีดเหมือนอ่อนแรง ในเวลาเดียวกัน มือค่อยๆ กำหมัด น้ำวนที่โคจรอย่างรวดเร็วพลันหยุดนิ่ง แล้วตรงไปยังมือนั้น ราวกับว่ามันรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

เมื่อน้ำวนหายไป บนหัวมังกรงูปรากฏเงาคนผู้หนึ่ง เขาเป็นเด็กหนุ่ม มีเส้นผมครึ่งหนึ่งเป็นสีม่วง อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว ดูอายุราวแปดเก้าขวบเท่านั้น ผิวหนังมัวหมอง ทว่าแววตากลับผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาด้วยความเย็นชา ไม่กล่าวสิ่งใด ก่อนทะยานขึ้นฟ้าไป วินาทีที่เข้าใกล้ เขายกมือขวาขึ้นยันไปทางท้องฟ้าแล้วกดลง

ครั้นกดมือลงไปก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากท้องฟ้าสีเทา ทั้งผืนฟ้าสั่นไหว หมอกกระจายออกโดยรอบปานถูกพัดออกไปทีละชั้นๆ เหมือนผืนฟ้ากลายเป็นแผ่นไม้ยักษ์ที่กำลังบางลงอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง มีเสียงฟ้าผ่าปานเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธดังเข้ามาจากรอบทิศ จากนั้นวิญญาณอมตะทั้งหมดในโลกนี้ตัวสั่นและระเบิดกระจุย กลายเป็นหมอกขาวลอยขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งผืนฟ้า แล้วมารวมตรงซูหมิงในชั่วพริบตา

หมอกขาวรวมกลุ่มตรงหน้าซูหมิง กลายเป็นร่างใหญ่ยักษ์มองไม่เห็นสุดปลาย ลักษณะของมันก็คือจู๋จิ่วอิน!

มันส่งเสียงคำราม อ้าปากกว้างมาทางซูหมิง เทียบกันแล้วซูหมิงเหมือนกับมดปลวก ทว่าเขาก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง แทบจะทันทีที่จู๋จิ่วอินอ้าปากตรงเข้ามา เขายกมือซ้ายขึ้นแล้วกดไปยังแผ่นดิน

ยามนี้มือขวาซูหมิงยันขึ้นฟ้า มือซ้ายกดแผ่นดิน เมื่อสองมือยืดจนสุด ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท้องฟ้าเกิดรอยร้าวจำนวนมากด้วยความเร็วระดับสายตา ผืนดินก็สั่นสะเทือนและเกิดรอยแยกลึกมากมาย

“โลกอมตะ…จงเปิด!” ซูหมิงที่ผสานรวมกับอดีตและอนาคตผู้นี้กล่าวขึ้นเป็นประโยคแรก น้ำเสียงเขาเย็นเยียบ แฝงไว้ด้วยความเยาว์วัยและผ่านโลกมาเยอะ ให้ความรู้สึกที่พิลึกอย่างยิ่ง

ยามกล่าว ซูหมิงยืดสองมือบนล่างไปอีกครั้ง!

ตอนนี้ ตรงกลางดวงจันทร์ดวงที่สิบบนท้องฟ้าของโลกเก้าหยินพลันเกิดรอยแยก ประหนึ่งมีพลังมหาศาลจะฉีกมันออก การแปรเปลี่ยนพิลึกเช่นนี้ ดึงความสนใจและสร้างความตื่นตะลึงให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกเก้าหยิน

ขณะเดียวกัน ณ แดนฝังกระดูกของรูปปั้นหินจู๋จิ่วอิน ตรงหัวยักษ์จู๋จิ่วอินหินในตอนนี้ ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเกิดรอยเปิดเหมือนกับดวงจันทร์ดวงที่สิบบนท้องฟ้า ราวกับว่ามีคนอยู่ข้างในและพยายามจะเปิดตา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version