Skip to content

สู่วิถีอสุรา 48

ตอนที่ 48 จู่โจมประดุจสายฟ้า

ซูหมิงชะงักฝีเท้าอยู่นอกเรือน ยืนอยู่ภายในความมืดมิดประดุจนักล่า จ้องมองเรือนหินอยู่นาน ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนมาถึงหน้าประตูอย่างว่องไว เมื่อผลักประตูเข้าไปกลับไม่พบผู้ใด

“น่าสนใจ” ซูหมิงกล่าวกับตนเอง ก้มหน้าลงแววตาเป็นประกาย เดินมองไปรอบๆ ก็พบว่าด้านในเรือนมีถ้ำใต้ดินอยู่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนั่งย่อตัวมองสำรวจถ้ำใต้ดินพอประมานแล้ว จึงยื่นมือเข้าไปคลำด้านใน มันเป็นดินเหนียวที่แห้งมาก เห็นได้ชัดว่าถ้ำแห่งนี้อยู่มานานแล้ว

นัยน์ตาขยับประกายแสง ก้มตัวกระโดดลงไปในถ้ำ ด้านในเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ซูหมิงไม่เผยร่องรอยของตนแม้แต่น้อย ตรงไปตามทางอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นเขาลองคาดเดาทิศทางของเส้นทางสายนี้อย่างสุขุม ดูไม่ยากนัก เพราะมันเป็นเส้นทางที่ทะลุผ่านกำแพงเมืองหินโคลนออกไปด้านนอก

บนพื้นยังมีรอยเท้าสะเปะสะปะอยู่เล็กน้อย ซูหมิงชะงักฝีเท้าบ้างเป็นบางครั้ง เมื่อสำรวจอย่างละเอียดแล้ว จึงขบคิดขึ้นในใจอย่างสุขุม

‘เหมือนว่าจะมีทั้งหมดเจ็ดคน’ ซูหมิงพิจารณารอยเท้า ในมือถือเขากระดูก เดินไปพลางขุดร่องลึกบนพื้นหลายจุด สำหรับดินเหนียวพวกนี้แล้ว ไม่ต้องใช้แรงมากนักก็ทำเสร็จได้โดยเร็ว

กระทั่งยังมีอีกจุดหนึ่ง ซูหมิงแหงนหน้ามองเพดานถ้ำ ตรงนั้นมีไม้กลมใหญ่และแข็งแกร่งค้ำเอาไว้หลายจุดราวกับกลัวถ้ำถล่มลงมา ซูหมิงมองอยู่สักครู่ มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้ม

ไม่นานหลังจากเดินมาได้หลายพันจั้ง ซูหมิงพลันชะงักฝีเท้า เบื้องหน้าไม่ไกล เขาเห็นแสงจันทร์สาดส่อง ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะเป็นทางออก ขณะนั้นเขายังได้ยินเสียงรางเลือนไม่ชัดเจนจากข้างนอก เหมือนจะเป็นเสียงของผู้คน

เสียงดังกล่าวคลับคล้ายเสียงร้องเพลงพิลึก ระหว่างล่องลอยมาอย่างรวดเร็ว เหมือนว่ามันจะอยู่ไกลพอสมควร ซูหมิงมาถึงตรงทางออก แหงนหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ก่อนถอยหลังกลับ

ด้วยแสงจันทร์ เขามองเห็นเงาคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบน ราวกับอารักขาถ้ำแห่งนี้ก็มิปาน

“แค่รักษาการณ์คนเดียว ดูจากพลังโลหิตแล้ว มีเพียงลำดับสี่เท่านั้น”

สีหน้าซูหมิงเรียบเฉย ก้าวไปเบื้องหน้าก่อนกระโดดขึ้นไปทันที ในช่วงที่ร่างของเขาทะยานถึงทางออก ชายหนุ่มแห่งเผ่าร่องลมที่นั่งอารักขาอยู่พลันลืมตาขึ้น ราวกับตะลึงไปชั่วขณะ

ทว่าในขณะที่เขากำลังตกตะลึง ซูหมิงเพียงชูมือขวาขึ้นเบาๆ อีกฝ่ายพลันเจ็บปวดไปทั้งตัว ตรงหน้าราวกับมีแสงเปลวเพลิงตลบอบอวล ประดุจเข็มแหลมมหาศาล เขากระอักโลหิตกองหนึ่ง ขณะกำลังจะส่งเสียงร้องอย่างเวทนา มืออันทรงพลังแผ่ขยายความหนาวเยือก ยื่นมาจากด้านหลังศีรษะของเขา ก่อนปิดปากให้ไม่อาจส่งเสียงร้องได้ ทำได้เพียงดิ้นรนต่อสู้เท่านั้น ไม่นานเขาก็ชักกระตุกก่อนหมดสติไป

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาปล่อยบุรุษคนนี้ลงอย่างเบามือ นั่งยองลงมองไปรอบๆ ยามนี้กลางดึก โดยรอบเงียบสงัด ไกลออกไปเห็นเป็นเงาเลือนรางใต้ความมืดของเมืองหินโคลน และยังมีกองเพลิงสั่นไหวอยู่ในชนเผ่าใกล้เคียง

อีกด้านหนึ่ง ซูหมิงเห็นเป็นกองเพลิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าสีของเปลวเพลิงกลับไม่ใช่สีแดง แต่เป็นสีเขียว! มันดูพิลึกยิ่งนัก ทั้งดูน่าสะพรึงท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน

เสียงร้องเพลงดังมาจากกองเพลิงสีเขียว ซูหมิงขมวดคิ้ว พลันตรงเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้า เมื่อมาถึงแล้วเขาจึงนั่งย่อตัว และได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจของเขาต้องสั่นไหว

กองเพลิงสีเขียวกำลังลุกไหม้โชติช่วง ด้านบนมีกิ่งไม้แห้งจำนวนมาก ด้านใน ซูหมิงเห็นศพจำนวนหนึ่งกำลังถูกแผดเผาอยู่ในกองเพลิง ส่งเสียงดังเปาะแปะเบาๆ เห็นได้ชัดว่าศพพวกนั้นตายมานานมากแล้ว

รอบกองเพลิงมีคนนั่งอยู่เจ็ดคน ในเจ็ดคนนั้นมีอยู่หนึ่งคนที่นั่งอยู่ด้านบนสุดตรงหน้ากองเพลิง อีกหกคนแบ่งเป็นกลุ่มละสามนั่งอยู่สองด้าน และหนึ่งในนั้นคือเป่ยหลิง!

คนที่นั่งอยู่ด้านบนสุดเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดำ เขาไม่มีเส้นผม ใบหน้าดูค่อนข้างหล่อเหลา ทว่าภายใต้แสงสะท้อนจากกองเพลิงกลับเผยกลิ่นอายความชั่วร้าย

ซูหมิงนั่งมองอย่างสุขุม เขาเริ่มเห็นร่อยรอยอะไรบางอย่างแล้ว ขณะนั้นในกองเพลิงสีเขียวราวกับมีกลิ่นอายพลังหกชนิดแผ่ขยาย ก่อนถูกคนทั้งหกข้างชายหนุ่มหัวล้านดูดรับผ่านทวารทั้งเจ็ด ทำให้ใบหน้าของพวกเขาขาวซีด ตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ไม่นาน หนึ่งในหกคนที่นั่งอยู่ข้างกองเพลิงยันกายขึ้น เดินมาอยู่ข้างชายหนุ่มหัวล้าน ก่อนคุกเข่าลงข้างเดียว มือทั้งสองข้างพลันตบไปยังหน้าอก ทันใดนั้นตัวเขาสั่นรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตรงจุดกลางระหว่างคิ้วมีโลหิตสดสีเขียวหนึ่งหยดค่อยๆ ถูกบีบออกมาอย่างเชื่องช้า ก่อนลอยไปอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มหัวล้าน ในขณะเดียวกัน กลางหว่างคิ้วชายหนุ่มหัวล้านก็ขับโลหิตสีเขียวเข้มขนาดเท่าเล็บมือออกมา จากนั้นโลหิตทั้งสองหยดจึงหลอมรวมเข้าด้วยกัน

เมื่อหลอมรวมกันเสร็จแล้ว บนร่างชายหนุ่มหัวล้านพลันปรากฏเส้นเลือดขึ้นจำนวนมาก เพียงแต่เส้นเลือดเหล่านั้นกลับเป็นสีเขียว พลังโลหิตที่แข็งแกร่งระเบิดมาจากร่างของชายหนุ่มผู้นั้น ซูหมิงหรี่ตา เขาทราบแล้วว่าตนคิดผิด ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ในลำดับแปดขั้นรวมโลหิต และไม่ใช่ลำดับเจ็ดเช่นเดียวกัน แต่เป็น…ลำดับหก!

เพียงแต่ว่าเขาอยู่จุดสูงสุดของลำดับหก คลับคล้ายว่าใกล้ทะลวงสู่ลำดับเจ็ดเต็มที

“ดูท่า ข้าคงประเมินเผ่าร่องลมสูงไปหน่อย”

ซูหมิงยังคงนิ่ง สายตาจับจ้องเป่ยหลิง เพราะยามนี้ นอกจากเป่ยหลิงแล้ว คนอื่นๆ ต่างพากันลุกขึ้นไปตามลำดับ หลังจากบีบโลหิตจากระหว่างคิ้วแล้ว จึงกลับมานั่งที่เดิมด้วยความอ่อนเพลีย

“อูเซิน….หลายวันมานี้ข้าให้หยดโลหิตเจ้าติดต่อกันสิบกว่าหยด ตอนนี้ร่างกายของข้าอ่อนแรงมาก วันพรุ่งก็จะเป็นงานประลองแล้ว วันนี้ข้าให้เจ้าเพียงหยดเดียวได้หรือไม่?” เป่ยหลิงลืมตาขึ้น มองชายหนุ่มหัวล้านด้วยแววตาซับซ้อน พร้อมกล่าวเสียงเบา

“หืม?” ชายหนุ่มหัวล้านก็คืออูเซิน ดวงตาของเขาเป็นประกายเขียวยามจ้องมองเป่ยหลิง

“เจ้าคิดเปลี่ยนใจรึ? ก่อนหน้านี้เคยบอกว่า หากเจ้าช่วยข้าทะลวงสู่ลำดับเจ็ด หากข้าได้รับโลหิตหมานจากท่านปู่ จะแบ่งให้เจ้าส่วนหนึ่ง ครั้งก่อนก็เป็นเช่นนี้ อย่างมากก็แค่สองด่านแรกที่เจ้าไม่ได้เข้าร่วม จากนั้นด่านสุดท้ายข้าจะให้โลหิตหมานแก่เจ้า การจะติดหนึ่งในห้าสิบสำหรับเจ้าแล้วไม่ใช่ปัญหา”

“เอ่อ…..” เป่ยหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งราวกับไม่ยินยอม ทว่าไม่นานเขาก็กัดฟันลุกขึ้นตรงเข้าไป นั่งคุกเข่าต่อหน้าอูเซิน มือทั้งสองข้างพลันตบไปยังหน้าอก ลำตัวสั่นไหว ตรงกลางระหว่างคิ้วมีโลหิตสีเขียวลอยออกมาหนึ่งหยด

ระหว่างนั้น สีหน้าเป่ยหลิงดูอ่อนล้าราวกับเหี่ยวแห้งโรยรา ขณะกำลังจะยันกายขึ้นเพื่อกลับไปพักฟื้น พลันเห็นนัยน์ตาอูเซินฉายประกายแสงเย็นเยือก มือขวากดตรงกลางระหว่างคิ้วของเป่ยหลิงที่ไม่ทันระวังตัว

“เจ้า!” เป่ยหลิงตัวสั่น กำลังจะต่อต้าน ทว่านิ้วกดลงไปแล้ว ระหว่างคิ้วของเขาถูกเปิดเป็นช่องโหว่ มีโลหิตหลายหยดลอยออกมาอย่างรวดเร็ว!

“วางใจเถอะ พวกเราเป็นสหายกัน ข้าจะไม่สังหารเจ้า แต่เพื่อช่วยไม่ให้เจ้าเกิดความลังเลอีก เช่นนั้นก็มอบมาให้หมดภายในค่ำคืนนี้เสียเลย…..” อูเซินยิ้มแปลก ชักนิ้วมือกลับไป ก่อนควบคุมโลหิตสีเขียวเข้มของตนให้ไปหลอมรวมกับหยดโลหิตของเป่ยหลิงทั้งหมด

ทว่าในขณะนั้นเอง ตัวของเขาพลันสั่นไหว เบิกตากว้าง กระทั่งยังไม่ทันได้เรียกหยดโลหิตสีเขียวเข้มให้กลับร่าง ก็รีบถอยไปหลายก้าว ราวกับหลอมเข้าสู่กองเพลิงสีเขียวไปทั้งตัว

เขาเห็นแสงสีดำส่งเสียงหวีดร้องดังเข้ามา พร้อมกับหอกยาวสีดำประดุจมังกรดำใหญ่ยักษ์กำลังแผดเสียงคำราม พริบตาเดียวก็พุ่งผ่านทุกคน ผ่านเป่ยหลิงที่กำลังชะงักงัน ตรงเข้าใส่อูเซินชายหนุ่มหัวล้าน

เสียงดังสนั่นกึกก้อง กองเพลิงพลันระเบิดกระจาย เปลวเพลิงสีเขียวจำนวนมากแผ่ขยายรอบสี่ทิศ เงาคนร่างกำยำพลันตรงเข้ามาด้วยความเร็ว แทบจะเป็นช่วงเดียวกับที่กองเพลิงระเบิดออก เขาก็มายืนอยู่หน้าเป่ยหลิงแล้ว มือขวาชูขึ้นคว้าอากาศ รวบโลหิตสีเขียวเข้มของอูเซินพร้อมกับของเป่ยหลิงเอาไว้ในกำมือ

ชายร่างกำยำคนนี้มีใบหน้าธรรมดา และเขาก็คือซูหมิงร่างแปลงโฉม!

“โลหิตพวกนี้ไม่เลว ข้าขอแล้วกัน” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ขยับมือซ้าย หอกสีดำที่ปักอยู่บนพื้นพลันกลายเป็นหมอกดำลอยมาอยู่ในกำมือ

ซูหมิงกล่าวอย่างเชื่องช้า มองไปทางอูเซินที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของอูเซินค่อนข้างเคร่งขรึม ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหด

“หาที่ตาย!” อูเซินแผดเสียงคำราม ระเบิดพลังสีเขียวมหาศาลหมุนวนรอบตัว กลายเป็นเงาคนรางเลือนสูงใหญ่สามจั้ง เงาสีเขียวแหงนหน้าแผดเสียงคำรามขึ้นฟ้า ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นประดุจศพแข็งทื่อ ก่อนทะยานเข้าใส่ซูหมิง

ขณะเดียวกัน คนที่เหลือต่างโคจรพลังโลหิต เพียงแต่เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งมอบหยดโลหิตไป ยามนี้จึงยังอ่อนแรงนัก ขณะกำลังจะออกมือ กลับเห็นซูหมิงยิ้มเยาะ หอกยาวตรงมือซ้ายพลันปักลงพื้น

พลังโลหิตในกายของเขาหลั่งทะลักเข้าสู่หอกยาว ทำให้มันระเบิดไอสีดำมหาศาล ช่วงที่ปักลงพื้น เสียงระเบิดพลันดังขึ้น บนพื้นคล้ายกับสั่นสะเทือน คลื่นลมแผ่ขยายจากรอบตัวซูหมิง ทำให้พวกเขาที่กำลังอ่อนแรงต่างพากันกระเด็นถอยไป

จากนั้นซูหมิงเคลื่อนตัวไปทางอูเซินอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาชูหอกยาวขึ้น ไอสีดำพุ่งสู่ฟ้า ก่อนแปลงกายเป็นอินทรีดำเลือนรางตัวหนึ่ง มันสยายปีกทั้งสองข้าง พุ่งตรงเข้าใส่เงาคนลักษณะแข็งทื่อราวกับศพอย่างดุร้าย

ในช่วงนั้นเอง แสงจันทร์บนท้องฟ้าเหมือนเปล่งแสงสุกสกาว ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีแสงจันทร์เส้นหนึ่งหลอมรวมเข้าสู่ร่างอินทรีดำ พร้อมกับปะทะเข้าใส่เงาคนสีเขียวเลือนราง

ราวกับสายฟ้าพิโรธ ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซูหมิงม้วนตัวกลับ หลังจากโซเซเล็กน้อยแล้วจึงรีบถอยห่าง ตรงเข้าไปยังถ้ำใต้ดินก่อนมุดเข้าไปด้านใน

ทันทีที่เขาหลบหนี พลันมีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังเข้ามา เงาคนเลือนรางสีเขียวแหลกสลาย ด้านในเป็นอูเซินที่มีสีหน้าเหี้ยมโหด ตรงหน้าอกของเขามีบาดแผล โลหิตรินไหล

“เจ้ากล้าทำร้ายข้า!” ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวก่ำ พลันพุ่งทะยานตามไปทันที

พริบตาเดียวทั้งสองคนหายไปในถ้ำใต้ดิน ทุกคนอยู่เหลืออยู่รวมทั้งเป่ยหลิงมีสีหน้าตื่นตะลึง ต่างมองกันไปมา ทว่าสุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าตามไป

ทว่าไม่นาน มีเสียงสนั่นดังขึ้นราวกับเส้นทางใต้ดินถล่ม ทั้งยังมีเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นดังขึ้นหลายครั้ง

ผ่านไปสักครู่ใหญ่ พบว่าอูเซินเดินออกมาจากถ้ำใต้ดินด้วยสีหน้ามืดครึ้ม ท่าทางของเขาดูเคร่งเครียดยิ่งนัก ทั้งยังอบอวลไปด้วยโทสะ ทว่าภายใต้โทสะกลับซ่อนความร้อนใจเอาไว้โดยที่ผู้อื่นไม่อาจรับรู้

“ข้าชิงโลหิตต้นกำเนิดพลังศพของข้ากลับมาได้แล้ว ค่ำคืนนี้ไม่ฝึกอีก พวกเจ้าไปตามหามันให้พบ มันไม่ใช่คนจากเผ่าร่องลม! หากหามันเจอ ข้าจะหักคอของมันด้วยมือของข้าเอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version