Skip to content

สู่วิถีอสุรา 492

ตอนที่ 492 ยินดีต้อนรับเจ้ากลับมา

เพราะอาการของงูน้อย หนานกงเหินจึงนิ่งเงียบ ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เขาพลันหันไปมองตรงจุดที่งูน้อยมองไป เมื่อเห็นถ้ำที่ถูกปิดอยู่ นัยน์ตาเขาก็วูบไหว

ซูหมิงหรี่ม่านตา มองไปยังถ้ำที่ถูกปิดผนึกอยู่ งูน้อยบนบ่าเขาร้องเสียงดังขึ้น ความแค้นในแววตาทำให้ทุกคนที่มองตื่นตกใจ

“นั่นคือถ้ำของผู้อาวุโสเฮยหยา…” หนานกงเหินกล่าวเสียงเบา

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ในมือพลันปรากฏควันสีดำหนึ่งเส้น เส้นควันนี้หมุนวนรอบๆ แล้วกลายเป็นเงามายาอย่างช้าๆ และมีแน้วโน้มจะถูกดูดไปยังถ้ำนั้นด้วย อีกทั้งรูปร่างของเงามายานี้ก็คือชายชราเสื้อคลุมดำที่เคยวางแผนร้ายกับซูหมิง!

เส้นควันสีดำนี้คือจิตของอีกฝ่าย ตอนอยู่ในโลกอมตะซูหมิงเอาออกมาด้วยเพื่อตามหาอีกฝ่ายที่โลกข้างนอก ยามนี้หลังจากเห็นอาการงูน้อย จึงหยิบเส้นควันนี้ขึ้นมาลอง นัยน์ตาซูหมิงพลันฉายแววจิตสังหารแสนเย็นชา

‘ที่แท้เจ้าก็อยู่นี่!’ ซูหมิงยิ้มเยาะพลางเดินหน้าไป งูน้อยบนบ่าพุ่งตัวออกไปยังถ้ำที่ถูกปิด

แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงก้าวเดินไป มีเสียงคำรามดังมาจากในถ้ำถูกปิด ประตูถ้ำพลันระเบิดกระจายแล้วมีเงาดำบินออกมา

ร่างเงาดำนี้เพิ่งออกมาก็ต้องรับมือกับงูน้อย ชั่วเสี้ยววินาทีนี้ ร่างเงาดำแค่นเสียงหึ ไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไร งูน้อยถึงกับหยุดชะงัก

อาศัยจังหวะในพริบตาเดียว ร่างเงาดำนี้ก็บินขึ้นฟ้าไป

ซูหมิงเดินหนึ่งก้าวพลางแค่นสียงหึ ร่างเงาเขาพลันหายวับไปแล้วมาปรากฏตัวกลางอากาศตรงหน้าร่างเงาดำ ทันทีที่ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลง ร่างเงาดำร้องคำรามพร้อมกับพุ่งฝ่ามือขวาไปปะทะกับซูหมิงโดยมีมวลอากาศกั้นกลาง

เสียงโครมครามดังสนั่น ซูหมิงไม่เคลื่อนไหว ทว่าร่างเงาดำกระอักเลือดกองโต ร่างทะยานลงผืนดิน จนถึงตอนนี้เขาจึงเพิ่งเผยร่างออกมา

ร่างดำนี้สวมเสื้อคลุมดำ เป็นชายชราเสื้อคลุมดำที่ซูหมิงหมายจะสังหาร ยามนี้เมื่ออีกฝ่ายร่วงลงพื้น ท่ามกลางพายุคลั่งที่หมุนขึ้น ผ้าคลุมศีรษะหลุดออก เผยใบหน้าที่เน่าเปื่อยเต็มไปหมด!

หน้าตาเขาดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง เลือดเนื้อส่วนใหญ่เน่าเปื่อย กระทั่งบางจุดยังเห็นกระดูกขาว

“ซู่มิ่ง!” ชายชราตะโกนเสียงเล็กแหลม จ้องซูหมิงเขม็ง เดิมทีคิดว่าจะหลบจิตสัมผัสของซูหมิงได้และไม่ถูกพบดุจความมืดใต้ดวงไฟ ทว่าเขากลับมองข้ามงูน้อยไป!

ตอนนั้นที่ชายชราเอางูน้อยมาบีบบังคับจู๋จิ่วอินกับซูหมิง มันเหมือนหมดสติ ทว่าจริงๆ แล้วมันตื่นอยู่ มันจดจำกลิ่นอายพลังของชายชราเอาไว้แม่น แม้กลิ่นอายพลังนั้นมาจากร่างจิตของอีกฝ่าย แต่หลังจากงูน้อยรับมรดกของจู๋จิ่วอินแล้วก็ต่างออกไป ฉะนั้นมันจึงรู้ว่าบุคคลนี้ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ อีกทั้งยังหลบจิตสัมผัสของซูหมิงไปแล้วด้วย!

“เจ้าออกมาจากโลกอมตะได้แล้วอย่างไร เจ้าหนีไม่พ้นมือนายท่านหรอก หนีไม่พ้นโชคชะตาของเจ้า!” ชายชราหัวเราะเสียงดัง เขาย่อมรู้ว่าวันนี้ต้องตายแน่ ฉะนั้นก่อนออกมาเขาจึงกินยาไป มีโอกาสหนึ่งส่วนที่จะแก้คำสาปได้ อีกเก้าส่วนเขาจะเสียความเป็นตัวเอง เสียความทรงจำ กลายเป็นดั่งสัตว์ป่า

นัยน์ตาซูหมิงมีจิตอาฆาตวูบไหว เดิมทีเขายังสงสัยเบื้องหลังของชายชราคนนี้ ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยอีก เพราะคนผู้นี้คือสุนัขรับใช้ตี้เทียน!

ซูหมิงพลันเดินเข้าไป พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าชายชรา อีกฝ่ายมีแววตาคลุ้มคลั่ง ทำสัญลักษณ์สองมือกำลังจะใช้วิชาอะไรบางอย่าง ทว่าตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนแอถึงขีดสุด ยังไม่ทันใช้วิชา ซูหมิงก็คว้ามือเข้ามาจับเสื้อคลุมดำเอาไว้แล้วกระชากออกทั้งหมด

เสื้อคลุมดำหายไป เผยร่างชายชราซูบผอม และยังมีกลิ่นเน่าเหม็นแผ่เป็นวงกว้าง

“จะคนก็ไม่ใช่คน จะผีก็ไม่ใช่ผี!” ซูหมิงกดนิ้วชี้ตรงหน้าอกชายชรา ชายชราตัวสั่นสะท้าน ร่างโซเซถอยหลังไปหลายก้าว มีโลหิตไหลมาจากทวารทั้งเจ็ด

“ต่อให้ข้าตาย ข้าก็มีความทรงจำครบถ้วน เจ้าล่ะ จงเดินไปตามเส้นทางชะตาชีวิตของเจ้าพร้อมกับเศษความทรงจำและความสับสนเถอะ” ยามนี้ชายชราอ่อนแรง ไม่มีแรงขัดขืนต่อหน้าซูหมิงแม้แต่น้อย ทว่าเสียงหัวเราะกลับยังคงอยู่ มันดังก้องกังวานโดยรอบด้วยความบ้าคลั่ง

ซูหมิงเงียบงัน เขาเดินมาอีกหลายก้าว แล้วยกมือขวาขึ้นกดตรงหน้าอกชายชราอีกครั้ง หลังจากดหลายครั้งติดกัน ตรงหน้าอกชายชราพลันมีควันสีดำหลั่งทะลักออกมา ก่อนตรงไปยังแขนขวาเขา ทำให้ทั้งแขนขวาดูเป็นสีดำทึบ ทั้งยังเริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว

“ซู่มิ่ง ชีวิตนี้เจ้าคือซู่มิ่ง ข้าจะรอเจ้าที่ยมโลก!” คำสาปในตัวชายชราปะทุขึ้นทั้งหมดจากการกดนิ้วของซูหมิง เขาร้องด้วยความเจ็บปวด สภาพราวคนบ้า

หากแต่ขณะกำลังร้องคำราม ซูหมิงขยับตัวมาอยู่ตรงแขนขวาชายชราแล้วจับเอาไว้ ก่อนใช้มือซ้ายฟันลงดุจดาบ เกิดเพียงเสียงดังกรุบ แขนขวาดำทึบของชายชราพลันหลุดจากร่าง

ความเจ็บปวดยิ่งทำให้ชายชราคลุ้มคลั่ง ภายใต้คำสาป จิตแรกของเขาไม่อาจออกจากร่าง แม้แต่ระเบิดตัวเองยังทำมิได้ ตอนนี้ภายใต้ความเจ็บปวด เสียงคำรามยิ่งดังสนั่นขึ้น

“ร่างแยกของนายท่านมาได้ทุกเมื่อ อยากรู้นักว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะทำอย่างไร ซู่มิ่ง ฮ่าๆ สุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องเดินไปตามทางที่เจ้าควรจะเดิน…”

ขณะร้องคำราม ซูหมิงกดนิ้วชี้มือขวาบนตัวชายชราอีกหลายครั้ง หลังจากแขนซ้ายชายชราเป็นสีดำทึบแล้ว ซูหมิงก็ใช้มือตัดแขนอีกฝ่ายอีกครั้ง

ชายชราที่เสียแขนสองข้างร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด กล่าวด้วยคำพูดดุร้ายตลอด

“แม้เจ้าจะออกมาจากโลกอมตะ ทว่าก็ผ่านไปสิบห้าปีแล้ว สิบห้าปี….ข้าขังเจ้าได้สิบห้าปี เท่านี้ก็พอแล้ว!

ข้าตายเพื่อนายท่าน ด้วยอภินิหารของนายท่าน หากบรรลุในระดับสูงจะต้องให้ข้าคืนชีพได้อย่างแน่นอน ความตายมีอะไรให้กลัว ทว่าเจ้าซู่มิ่ง ชีวิตนี้เจ้ายังไม่รู้เลยว่าความทรงจำคืออะไร เจ้าเสียความทรงจำไปเท่าไรก็ยังไม่รู้!” ขณะชายชราร้องคำราม ดวงตาค่อยๆ เสียความเป็นคน และร้องคำรามปานสัตว์ป่า

ขณะชายชราตัวสั่น ไม่เพียงแต่คำสาปถูกปลดมาหมดแล้วเท่านั้น มันยังกินพลังชีวิตของเขาอย่างรวดเร็วด้วย

“ฮ่าๆ ข้าไม่ได้ตายในมือเจ้า แต่ตายด้วยคำสาป…ก็นับว่าหลุดพ้นแล้ว! ทว่าเจ้าจะไม่มีวันรู้ว่าน้องสาวเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าจะไม่มีวันรู้ว่าในตัวเจ้ามีเรื่องลึกลับมากเท่าไร เจ้าจะตกอยู่ในบ่วงความสับสน…..” ชายชรายังกล่าวไม่จบ ดวงตาก็เสียประกายไปหมด กลายเป็นสัตว์ป่าไร้สติอย่างสมบูรณ์

“ความตาย ไม่ง่ายขนาดนั้น” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ วินาทีที่ชายชราเสียสติปัญญากลายเป็นสัตว์ป่า ซูหมิงกางฝ่ามือแล้วกดหน้าอกเขา

ตรงหน้าอกชายชรามีควันดำลอยขึ้นมาอีกครั้งและตรงไปยังขาทั้งสองข้าง ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ขาทั้งสองข้างชายชราพลันขาดสะบั้น คำสาปในตัวเริ่มถอยไปด้วยความเร็วระดับสายตา

คำสาปนี้มาจากจู๋จิ่วอิน ซูหมิงอยู่ในโลกอมตะมาไม่รู้กี่ปี ทั้งยังเป็นเจ้านายของงูน้อย เขาจึงมีความเข้าใจในคำสาปนี้มากกว่าครั้งก่อน

ยามนี้ยกมือขวาขึ้น แววตามัวหมองของชายชราปานถูกกระตุ้นจนเกิดพลังชีวิต ดวงตาค่อยๆ เป็นประกาย ทว่าหลังจากสติปัญญาชายชรากลับมาและมองเห็นรอบๆ ชัดเจน ใบหน้าชายชราพลันเปลี่ยนอย่างรุนแรง

เดิมทีเขาคิดว่าตนตายไปแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นเห็นซูหมิงช่วยชีวิตตน เรื่องที่ควรจะยินดีนี้ สำหรับเขาแล้วกลับเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย!

เขาคาดเดาได้ว่าตนในสภาพไร้คำสาปและอ่อนแอ หลังจากถูกซูหมิงจับตัวไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าต้องเจอกับความเจ็บปวดและลงโทษอย่างไรบ้าง กระทั่งความทรงจำทุกอย่างยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกอีกฝ่ายใช้วิธีต่างๆ เพื่อเค้นออกมา

เรื่องแบบนี้มันน่ากลัวสิ่งยิ่งกว่าความตายไม่รู้กี่เท่า เขารู้ดีว่าหากตนตายไปอย่างเมื่อครู่ นั่นก็คือการตายเพื่อเจ้านาย และเขายังมีโอกาสฟื้นคืนชีพอยู่ แต่หากถูกซูหมิงล้วงความลับไป เขาก็จะตายจริงๆ เจ้านายเขาไม่มีทางฟื้นคืนชีพให้เขา กระทั่งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะโกรธ และสร้างหายนะกับบ้านเกิดในเผ่าเซียนของเขา!

“เจ้า…..เจ้า…..” ชายชราใจสั่นไหว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว มองซูหมิงกดนิ้วบนตัวเขาอีกหลายครั้ง พลันรู้สึกว่าแม้ร่างกายตนยังอ่อนแรง ทว่าคำสาปในตัวกลับหายไปมาก

สิบห้าปีมานี้ เขาต่อสู้ดิ้นรนมาตลอดและกลัวความตาย แต่เมื่อเจอซูหมิงเขากลับไม่กลัว คิดอยากตายเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้พบว่าตัวเองไม่ตาย แต่กลับรู้สึกกลัวเสียยิ่งกว่าความตายในตอนแรกเสียอีก

โดยเฉพาะคำพูดที่ใช้ยั่วยุซูหมิงเมื่อครู่ ยามนี้กลายเป็นต้นตอที่เขาหวาดกลัวถึงขีดสุด

ฉากซูหมิงช่วยชีวิตชายชราอยู่ในสายตาของผู้คนรอบๆ หนานกงเหินเห็น พวกเขาทุกคนล้วนใจสั่นไหว เกิดความรู้สึกหนาวเหน็บลึกๆ กับเรื่องนี้

ความแค้นแบบใดกัน ผู้คนถึงรู้สึกว่าเพียงการสังหารไม่พอจะดับความแค้น และช่วยศัตรูให้มีชีวิตกลับมา!

ความแค้นแบบใดกัน ผู้คนถึงรู้สึกว่าความตายไม่ใช่การดับความแค้น การมีชีวิตต่างหากคือการปลดปล่อยที่ดีที่สุด!

ความยึดมั่นแบบใดกันถึงทำได้ขนาดนี้ หากแม้แต่ความตายยังไม่อนุญาต เช่นนั้นสิ่งที่รอชายชราเสื้อคลุมดำคือขุมนรกแบบใด!

หนานกงเหินมองซูหมิง มองเขาทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสีหน้าเฉยชา ในใจเกิดความหนาวเหน็บ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก

“ยินดีต้อนรับเจ้ากลับมา” ทันทีที่แววตาชายชราชัดเจนอีกครั้ง ซูหมิงยกมือขวาขึ้นกดตรงศีรษะชายชรา พลังจากขั้นพลังหลั่งไหลเข้าไป หลังจากปกคลุมทั้งตัวแล้ว เขาก็มองสองดวงตาที่หวาดกลัวอย่างสุดขีดพร้อมกับกล่าวเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version