Skip to content

สู่วิถีอสุรา 497

ตอนที่ 497 เจ้อหลงเซิน

ยึดครองการผสานรวมของอดีตและอนาคต ด้านตรงและด้านกลับในฝ่ามือมีชะตาชีวิต!

มันคือวิชาย้อนเวลา และเป็นรูปแบบของชะตาชีวิตที่ซูหมิงตระหนักรู้จากการบำรุงจิตแรกในช่วงเวลาสองเดือน!

มันเหมือนกับโชคลาภของเขา เป็นรูปแบบที่สามต่อจากหมานสังหารและใช้ความเร็วสูง อดีตของชะตาชีวิต!

รูปแบบนี้เหมือนง่าย ก็แค่ปรับการหมุนเวียนของเวลา ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่ ซูหมิงยังทำได้ไม่ถึงขั้นนั้น เขาทำได้เพียงตระหนักรู้คำว่าอดีตและให้ผสานรวมกับสายลม อย่างเช่นความทรงจำของสายลม จากนั้นใช้สิ่งนี้มาย้อนอดีต

รูปแบบนี้ หากเขากลายเป็นซู่มิ่ง (ชะตาชีวิต) ก็จะใช้ได้ในระดับสูงสุด ยามนี้เขายังไม่เคยผลัดเปลี่ยน ตอนที่ใช้จึงย้อนได้เพียงชั่วพริบตา

แม้จะเป็นชั่วพริบตาเดียว แต่สำหรับเผ่าวิญญาณหยินแล้ว มันก็เพียงพอจะสร้างความตื่นตะลึงให้ได้ วิชาเช่นนี้มีความลึกลับอย่างยิ่ง!

ขณะนี้ชายร่างกำยำสูงสามสิบจั้งนอกวิหารที่สี่ ในใจก็เป็นเช่นนั้น!

เขามองซูหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน นามของเขาคือหลีหั่ว!

‘นามของข้าคือหลีหั่ว ตามสัญญาของเผ่าข้ากับเผ่าเชมัน ข้าจะทำตามคำสั่งเจ้า’ ซูหมิงมองชายร่างกำยำคนนี้ ข้างหูเขาเหมือนได้ยินเสียงเมื่อตอนนั้นเบาๆ

เมื่อเจอซูหมิงถาม หลีหั่วมีสีหน้าดิ้นรนมากขึ้น เขาพลันเงยหน้า นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาด

“บุรุษมีเรื่องที่ควรทำและไม่ควรทำ! ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ข้าไม่ควรจะขวางเจ้า…ถ้าเป็นเรื่องของเผ่าข้า ข้าต้องขวางเจ้า! เจ้ามีบุญคุณกับข้า เรื่องนี้…” ชายร่างกำยำยกมือขวาขึ้นแล้วคว้าอากาศ พลันปรากฏขวานสงครามใหญ่ในมือ จากนั้นก็วางลงพื้น

แผ่นดินสั่นสะเทือน รอยร้าวขยายยาวออกไปพร้อมกับเสียงกึกๆ

“…เป็นความผิดของข้าเอง!” หลีหั่วคลายมือขวา ขวานสงครามตั้งบนผืนดิน เขาหมุนตัวกลับและตบหน้าอกตัวเองอย่างแรง ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว กระอักเลือดกองใหญ่ หมวกเสียหาย เผยใบหน้าปานกิ่งไม้และเปิดทางให้ซูหมิง!

“เจ้าไป!” หลีหั่วกัดฟันตะโกนเบาๆ

ยามนี้เผ่าวิญญาณหยินรอบๆ ค่อยๆ ตื่นขึ้นแล้ว พวกเขาล้วนมองหลีหั่ว แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

ซูหมิงประสานมือคารวะหลีหั่วด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนกระโดดขึ้นมุ่งหน้าไปยังวิหารหลังที่ห้า ทว่าขณะเดียวกัน วิญญาณหยินตนอื่นๆ ในวิหารนี้ก็พากันเงยหน้าขึ้นมอง

“ให้เขาไป!” เสียงของหลีหั่วดังขึ้นอีกครั้ง แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด แม้รู้จักกับซูหมิงไม่นาน ทว่าภาพต่างๆ ตอนรู้จักกันในเวลาสั้นๆ หลีหั่วกลับลืมไม่ลง

เขาทำตามคำสั่งของซูหมิงในตอนนั้นไม่สำเร็จ เด็กหนุ่มเด็กสาวคู่นั้น เขาเพียงพาเด็กสาวกลับไปถึงเมืองเชมันได้

แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดระหว่างทาง

เรื่องนี้เป็นความผิดอยู่ในใจเขาตลอด

ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาว พริบตาเดียวก็ออกจากวิหารที่สี่ มุ่งหน้าไปยังวิหารที่ห้า!

ทันทีที่เข้าไปในวิหารที่ห้าและยังโบยบินอยู่ มีกลิ่นอายพลังแกร่งกล้าลอยเข้ามา ตรงกลางวิหารนี้มีรูปปั้นยักษ์ยืนอยู่เก้ารูป

ยามนี้เก้ารูปปั้นนั้นตื่นขึ้นทีละตน มองซูหมิงด้วยความเย็นชา จากนั้นก็มีชาวเผ่าวิญญาณหยินเดินออกมา บุคคลนี้ดูมีอายุราววัยกลางคน ใบหน้าเป็นต้นไม้ เหมือนจะไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ อยู่

“หยุด!” วิญญาณหยินวัยกลางคนกล่าวเนิบๆ น้ำเสียงให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณ วินาทีที่เอ่ยขึ้น วิญญาณหยินเก้าตนในวิหารนี้ปลดปล่อยพลังแกร่งกล้า ทุกตนล้วนมีพลังเทียบเท่าเชมันระดับปลาย!

โดยเฉพาะชายวัยกลางคน ระลอกคลื่นจากในตัวเขา ต่อให้ยังไม่ถึงเชมันระดับสูงสุดก็ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของเชมันระดับปลาย!

วิญญาณหยินเหล่านี้เพียงพอจะกักซูหมิงเอาไว้ที่นี่ ให้เขาไปวิหารที่หกไม่ได้ในเวลาสั้นๆ!

แทบจะเป็นช่วงที่วิญญาณหยินของวิหารนี้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดและเงยหน้ามองซูหมิงที่บินเข้ามา ดวงตาซูหมิงขยับประกาย งูน้อยบนบ่าเขาพลันเงยหน้าขึ้นร้องเสียงแหลม

ขณะส่งเสียงร้อง งูน้อยพลันพุ่งออกมา ร่างบิดเบี้ยวกลางอากาศ บนท้องฟ้าพลันปรากฏร่างเงาของจู๋จิ่วอินตัวใหญ่ยักษ์!

ร่างเงาจู๋จิ่วอินร้องคำราม อ้าปากกว้างลงมาทางพื้น ขณะเดียวกัน ซูหมิงก็กลายเป็นสายรุ้งข้ามผ่านร่างของจู๋จิ่วไปอินตรงไปข้างหน้า

งูน้อยที่สร้างร่างจู๋จิ่วอินขวางวิญญาณหยินข้างล่างเอาไว้ มอบเวลาให้ซูหมิงครู่หนึ่ง จึงทำให้เขาห้อเหยียดออกจากวิหารที่ห้าและเข้ามาใกล้วิหารที่หก!

แม้พลังจู๋จิ่วอินของงูน้อยจะไม่ธรรมดา ทว่ามันยังไม่เติบโตเต็มที่ เมื่อต้องรับมือกับวิญญาณหยินในวิหารหลังที่ห้า มันเลยถ่วงเวลาได้เพียงช่วงสั้นๆ

ซูหมิงรู้ว่าเวลาของตน…มีไม่มาก!

ขณะเขาใช้ความเร็วทั้งหมดเข้าไปในวิหารหก กลิ่นอายพลังเทียบเท่าจุดสูงสุดของเชมันระดับปลายเจ็ดสายตรงเข้ามา ทำให้เขาไม่มีโอกาสหลบหรือถอยแม้แต่น้อย!

ครั้นเห็นกลิ่นอายพลังเจ็ดสายนี้เข้ามาใกล้ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขายกมือขวาขึ้น ผลึกผู้สืบทอดหมานวายุในกายปลดปล่อยพลังมาทั้งหมด พายุหมุนวนรอบซูหมิง ให้ความรู้สึกร้อน ราวกับเป็นพายุหมุนที่มีความร้อนสูง!

พายุนี้เกิดขึ้นพร้อมกับที่ซูหมิงชี้มือขวาขึ้นฟ้า

“ฝังจันทรา!” วินาทีที่กล่าวคำนี้ บนท้องฟ้าก็ปรากฏพายุหมุนยักษ์เช่นกัน ความร้อนของพายุนั้นกับบนพื้นดินต่างกัน มันแฝงไว้ด้วยความหนาวเยือก ทุกอย่างนี้จะให้พูดคงยาว แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา

พายุหนาวเยือกบนท้องฟ้ากับพายุร้อนบนผืนดินเข้าหากันอย่างต่อเนื่องจนสัมผัสกัน เมื่อพวกมันเข้าปะทะก็ปะทุขึ้นเป็นสายลมฝังศพที่แกร่งกว่าการเบิกตะวัน สายลมนี้ลากยาว ทั้งยังพัดพลังชีวิตให้สลายไป นี่คือการฝังจันทรา!

รูปแบบที่สองของแยกวายุ วิชาฝังจันทรา!

ด้วยสายลมฝังศพนี้ ผู้แข็งแกร่งวิญญาณหยินเจ็ดตนที่เข้ามาเหมือนกับศพในสายลมฝังศพ ภายใต้สายลมนี้ทั้งตัวพวกเขาแห้งเหี่ยวลงอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวพลังชีวิตก็หายไปจำนวนมาก

สายลมลากยาวเข้ามา ม้วนถาโถมรอบทิศ ทำให้ซูหมิงที่อยู่ข้างในสายลมเส้นผมยาวปลิวไสว เสื้อผ้าสะบัดพึ่บพั่บ ดวงตาสองข้างปานยมทูต!

ทว่าที่นี่คือวิหารหกของเผ่าวิญญาณหยิน แทบจะเป็นช่วงที่สายลมฝังศพเกิดขึ้น ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากในวิหาร ชายชราคนนี้ก็คือคนที่ซูหมิงรู้จักเช่นกัน!

คนผู้นี้ก็คือ…คนที่ซูหมิงเคยเช่าและมีพลังเท่าเชมันระดับสูงสุด! และเป็นเขาที่ไม่รู้ว่าพามังกรแดงฉานมาได้อย่างไร อีกทั้งยังผนึกมันเอาไว้ที่นี่!

เขามีสีหน้าซับซ้อนเช่นเดียวกัน ทว่าไม่เปิดทางให้เหมือนกับหลีหั่ว เดินเข้ามาแล้วยกมือขวาชี้ไปยังพายุหมุนฝังศพ!

เหมือนกับงานพนันสมบัติในตอนนั้น เป็นนิ้วเดียวกับที่ชายชราช่วยซูหมิงสู้กับวิหารเทพเชมัน!

“เจ้อหลงเซิน…” ในพายุฝังศพ ซูหมิงมองนิ้วนั้น ยามนี้ร่างเงาเจ็ดคนที่ตรงเข้ามาเมื่อครู่เริ่มเผยตัวทีละตน หากแต่พวกเขากลับเข้าใกล้ซูหมิงไม่ได้ ได้เพียงแค่ฝืนต้านกับพายุฝังศพ

ความแกร่งของพายุนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาคงไม่เท่าไร ทว่าซูหมิงใช้พลังจากกระดูกเซ่นไหว้ทั้งตัว จึงใช้วิชาฝังจันทราได้ในระดับสูง

“ข้าในตอนนั้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย…วันนี้มาดูกันว่าระหว่างข้ากับเจ้ายังห่างกันอีกเท่าไร!” นัยน์ตาซูหมิงขยับวูบไหวก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าว เขาเดินออกจากพายุฝังศพและยกมือขวาขึ้น ใช้วิชาดรรชนีที่ปรับเปลี่ยนอยู่ในกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดของโลกอมตะ ตรงเข้าไปยังนิ้วของชายชราวิญญาณหยินด้วยความเร็วปานสายฟ้า

ซูหมิงในตอนนั้น ในสายตาชายชรายังอ่อนแอจนต้องพ่ายให้เขาในการโจมตีครั้งเดียว!

ซูหมิงในตอนนี้มีคุณสมบัติพอที่จะสู้กับชายชราอย่างแท้จริง!

“น่าเสียดาย…ยังไม่ใช่เวลา” ขณะเดียวกับที่ซูหมิงกดนิ้วลง ตัวเขาเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อย พลางลอบถอนหายใจ นิ้วเขาปะทะกับนิ้วของชายชราในชั่วพริบตาจนเกิดเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว

ท่ามกลางเสียงโครมคราม มีโลหิตไหลจากมุมปากซูหมิง ร่างกระเด็นถอยไป แต่ทิศทางที่กระเด็นไปนั้นกลับไม่ใช่ด้านหลัง เพราะเขาเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อครู่นี้ จึงอาศัยแรงจากชายชราพุ่งตรงไปยังวิหารหลังที่เจ็ด!

ชายชราวิญญาณหยินตัวสั่นสะท้าน นิ้วซูหมิงเหมือนยังไม่ใช่พลังทั้งหมดในความรู้สึกเขา เพียงแค่ยืมพลังจากเขาไปเท่านั้น ยามนี้เห็นซูหมิงตรงไปยังวิหารที่เจ็ด นัยน์ตาเขาก็ขยับวูบวาบ ขณะกำลังจะตามไป ร่างเงาจิตแรกที่ตามอยู่หลังซูหมิงตลอดก็หันกลับมามอง

จิตแรกของซูหมิงยกมือขวาขึ้นสะบัดไปบนท้องฟ้า สีโลหิตพลันไหลย้อม จนดูเหมือนทั้งผืนฟ้ากลายเป็นสีโลหิตอย่างรวดเร็ว

นี่คือวิชาของหงหลัว เป็นรูปแบบที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง โลหิตชะล้างนภา!

วิชานี้ต้องใช้จิตแรกแสดงพลังและใช้มากไม่ได้ ต้องเสียพลังจากจิตแรกไปเยอะเลยใช้วิชาได้ครึ่งเดียวเท่านั้น ทว่าแม้จะเป็นครึ่งเดียว ก็ยังมีอานุภาพโลหิตชะล้าง!

ท้องฟ้าเป็นสีแดงฉานประดุจทะเลโลหิตซัดสาดโดยรอบ ทะเลโลหิตนี้อยู่ด้านหลังซูหมิง ขวางทางชายชราเอาไว้ ทะเลโลหิตไหลเชี่ยวดุจฟ้าถล่มทลาย หลังจากผสานรวมเข้าไปในจิตแรกของซูหมิงแล้ว ก็พุ่งตรงไปยังชายชรา

ซูหมิงไม่หันกลับไปมอง เขาใช้พลังจากนิ้วและวิชาของจิตแรกมาขวางเอาไว้ ทุกอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้ตนถูกกุมขังอยู่ในวิหารที่หก ยามนี้ร่างเขาเป็นสายรุ้งยาวมุ่งหน้าไปยังวิหารเจ็ด!

ใบหน้าเขาซีดขาวเล็กน้อย ถึงอย่างไรนิ้วนั้นก็เป็นของผู้แข็งแกร่งเทียบเคียงเชมันระดับสูงสุด หากมิใช่เพราะร่างกายเขาแข็งแกร่งพอ เกรงว่าร่างคงจะระเบิดไปแล้ว

ทว่าวิหารของเผ่าวิญญาณหยิน วิญญาณหยินในทุกๆ วิหารจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ตอนนี้ตรงหน้าซูหมิงจะเหลืออีกสองวิหารก่อนจะไปถึงวิหารใหญ่ที่ผนึกมังกรแดงฉานก็ตาม!

สองวิหารนี้คือวิหารหลังที่เจ็ดกับแปด มันจะต้องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

หากแต่ซูหมิงไม่เสียใจ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version