Skip to content

สู่วิถีอสุรา 498

ตอนที่ 498 เทพหมานเลี่ยซานซิว

ทันทีที่เข้าไปในวิหารหลังที่เจ็ด ซูหมิงเห็นว่าในนี้มีรูปปั้นเพียงห้ารูป ยามนี้รูปปั้นห้ารูปตื่นขึ้น และเดินบีบเข้ามาทางซูหมิงทันทีที่เขาปรากฏตัว

หนึ่งก้าวเหยียบลง แผ่นดินสั่นสะเทือน รูปปั้นทั้งห้ารูปนี้ล้วนมีขั้นพลังเหมือนเจ๋อหรงเซินในวิหารที่หก กำลังเดินเข้ามาพร้อมกัน แรงกดดันรุนแรงมหาศาลพลันตรงเข้ามายังซูหมิง

ซูหมิงหยุดชะงักทันใด ภายใต้แรงกดดันนี้ เขามีความรู้สึกว่าร่างกายจะป่นปี้ โลหิตไหลจากปาก เขาทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไปข้างหน้า เสียงระฆังพลันดังกังวาน ก่อนปรากฏระฆังเขาหานตรงหน้าซูหมิงและรูปปั้นทั้งห้า!

เมื่อซูหมิงเปลี่ยนท่ามือขวา ระฆังเขาหานใหญ่ขึ้นทันที ยามเสียงคำรามดังก้องถึงเก้าชั้นฟ้า ร่างมายาของจิ่วอิงเผยขึ้นกลางอากาศในวิหารที่เจ็ด!

สัตว์เก้าเศียร ยามนี้ศีรษะจำนวนมากคำรามใส่วิญญาณหยินทั้งห้าตนพร้อมกับตรงเข้าไป

วิญญาณหยินห้าตนนี้เทียบเท่าเชมันระดับสูงสุด ระดับความแข็งแกร่งไม่อาจจินตนาการ อีกทั้งนอกจากนี้ ช่วงที่จิ่วอิงปรากฏตัว ยังมีชายชราเดินออกมาจากวิหารที่เจ็ดคนหนึ่ง

ชายชราคนนี้สวมเสื้อสีดำ แม้รูปร่างจะเป็นไม้แห้ง ทว่าตัวไม่สูงนัก ไม่ต่างกับซูหมิงเท่าไร เขายืนอยู่ตรงนั้นดูแล้วเล็กจ้อยยิ่งนัก แต่ความเล็กจ้อยนี้เป็นเพียงความรู้สึกไปเองจากสายตา เขาจ้องซูหมิงด้วยความเย็นชา ทันทีที่ก้าวเดิน ซูหมิงรู้สึกว่าแผ่นดินสะเทือน อีกทั้งท้องฟ้ายังมัวหมองในพริบตาเพราะชายชราคนนี้

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขวาเอาฝ่ามือชี้ลง หลังมือหงายขึ้น มือซ้ายก็ยกขึ้นตาม ทว่าฝ่ามือหงายขึ้น หลังมือชี้ลง!

“ฝ่ามือคือตัวแทนอดีต หลังมือคือตัวแทนอนาคต…”

“การผสานรวมของอดีตและอนาคต เหมือนสองมือประสานกัน ปลดปล่อยพลังจากการผสานของจากอดีตและอนาคต!”

“ข้าเรียกพลังจากการผสานรวมของอดีตและอนาคตนี้ว่า…ซู่มิ่ง)!”

ซูหมิงพึมพำเบาๆ ขณะกล่าวสองมือก็ประกบกัน! ตัวเขาพลันสั่นไหว ใบหน้าผุดเส้นเลือดดำ เส้นผมยาวปลิวไสว ด้านหลังปรากฏเงามายาหนึ่งดวง

เงามายานั้นเป็นเด็กทารกที่ไม่ร้องไห้ ดวงตามัวหมองปานคนตาย!

เด็กทารกคนนี้เหมือนกำลังมองท้องฟ้า แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ทว่าหากมองดีๆ จะเห็นว่าในสีหน้ามัวหมองมีความเคียดแค้นต่อฟ้าดินอยู่!

แทบจะเป็นวินาทีที่เด็กทารกปรากฏ มวลอากาศตรงหน้าซูหมิงบิดเบี้ยวและมีร่างเงามายาสีม่วงเกิดขึ้น เขาเป็นชายเส้นผมม่วง สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกประดุจแฝงไว้ด้วยความเสียใจไม่มีสิ้นสุด เขามองท้องฟ้า ปากพึมพำเบาๆ แต่ได้ยินไม่ชัด

“โชคชะตาผสานรวม การผสานครั้งที่หนึ่ง!” ซูหมิงกล่าวขึ้น ทันใดนั้นชายผมม่วงตรงหน้ากับเด็กทารกดวงตามัวหมองข้างหลังก็ตรงเข้ามาผสานรวมกับร่างซูหมิง วินาทีนี้ ร่างเขากลายเป็นน้ำวนยักษ์ ทำให้ข้างนอกมองเห็นทุกอย่างในน้ำวนไม่ชัด

ทว่าน้ำวนหมุนได้ไม่นาน แทบจะเป็นช่วงที่จิ่วอิงกำลังโจมตีพร้อมกับร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง และชายชราเสื้อดำของวิหารเจ็ดเดินเข้ามานั้น น้ำวนพลันถล่มทลายแล้วกระจายออกโดยรอบอย่างรวดเร็วดุจพายุคลั่ง

เมื่อน้ำวนหายไป กลางอากาศตรงหน้าชาวเผ่าวิญญาณหยินทั้งหมดปรากฏเป็นเด็กหนุ่มหน้าซีดขาว เส้นผมครึ่งหนึ่งสีม่วง อีกครึ่งหนึ่งสีขาว!

เด็กหนุ่มคนนี้อายุราวแปดเก้าขวบเท่านั้น หน้าไร้เลือดฝาด แม้แต่ผิวหนังส่วนอื่นยังมัวหมอง เขากำลังเงยหน้ามองท้องฟ้า ยามนี้ค่อยๆ ก้มหน้าลง สบตากับชายชราผู้เดินออกมาจากวิหารที่เจ็ด

ชายชราคนนั้นหยุดชะงักทันใด ความรู้สึกอันตรายร้ายแรงผุดขึ้นในจิตใจ กระทั่งในดวงตาอีกฝ่าย เขายังรู้สึกถึงการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน!

“มีแค่สิบห้าลมหายใจ…” ซูหมิงในร่างเด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ ครั้งนี้เขากลายเป็นซู่มิ่ง รู้สึกถึงขีดจำกัดของเวลาอย่างชัดเจน มันไม่เหมือนกับโลกอมตะ การผสานรวมอดีตและอนาคตในโลกภายนอกนี้ เขามีเวลาเพียงสิบห้าลมหายใจ

นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เขาเดินไปทางชายชราวิหารที่เจ็ดอย่างไม่ลังเล ขณะก้าวเดิน ตัวเขาเหมือนยังอยู่ที่เดิม ทว่าชายชราที่เดินออกมาจากวิหารกลับยกมือขวาขึ้นกดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงโครมดังกังวาน มวลอากาศตรงหน้าชายชราบิดเบี้ยวและมีร่างซูหมิงเดินออกมา เขาไม่หยุดฝีเท้าเพียงเท่านี้ ระหว่างเดินไปหาชายชราก็ยกมือขวาคว้าอากาศ แสงสีม่วงพลันปรากฏในมือ ก่อนชี้ไปยังฝ่ายตรงข้าม

ขณะชี้นิ้วไป แสงม่วงตรงดิ่งไปหาชายชราในทันใด ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ยามกำลังจะใช้อภินิหารเพื่อรับมือ ซูหมิงก็ยกมือซ้ายสะบัดใส่อากาศ

ทั้งตัวชายชราสั่นสะท้าน ร่างกายคล้ายถูกย้อนเวลาโดยไม่อาจควบคุมจนต้องถอยไปหนึ่งก้าว อภินิหารที่กำลังจะใช้ถูกขัดจังหวะ มือขวายังยกขึ้นเหมือนเมื่อครู่ นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ ได้แต่มองแสงม่วงเข้ามาใกล้และปกคลุมทั้งตัวเอาไว้ ก่อนจะเกิดเสียงกึกก้องดังสนั่น

ท่ามกลางเสียงครึกโครม ชายชรากระอักเลือดก่อนกระเด็นถอยไป แต่ถอยไปไม่ไกลเท่าไร ซูหมิงก็ใช้มือขวาคว้าอากาศ ฝีเท้าและร่างกายของชายชราเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาเดินหน้ามาหลายก้าว หวนคืนสู่ท่าเดิมก่อนถูกโจมตีด้วยแสงม่วง

กระทั่งแสงม่วงที่ระเบิดในร่างกายชายชราก่อนหน้านี้ยังย้อนเวลากลับออกมา จากนั้นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็เกิดขึ้นใหม่ เสียงโครมครามดังขึ้นอีกครั้ง

วนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในเวลาสั้นๆ ชายชราถูกโจมตีและย้อนกลับมารวมสิบสามครั้ง จนกระทั่งซูหมิงเดินผ่านเขาและออกจากวิหารที่เจ็ดมุ่งหน้าไปยังวิหารที่แปด ร่างชายชราถึงจะกลับมาจากอดีตและอนาคต

ทว่าเมื่อฟื้นกลับมาก็มีเสียงระเบิดดังติดกันสิบสามครั้งในร่างเขา ทั้งยังมีแสงม่วงสว่างจ้าโอบล้อมโดยรอบทั้งหมด หลังจากเสียงระเบิดสิบสามครั้ง ชายชรากระอักเลือดกองใหญ่ ร่างโซเซพลันหันกลับไปมองซูหมิง ใบหน้าซีดขาวและหวาดกลัว!

เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้ หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายไม่มีจิตสังหารรุนแรง ถ้าตนอยู่ในวังวนอดีตและอนาคตมากกว่านี้อีกเล็กน้อย เกรงว่าคงยากจะหนีพ้นความตาย!

วิชาสังหาร อภินิหาร และการแปรเปลี่ยนอันน่าเหลือเชื่อนี้ ทำให้ชายชรากลัวซูหมิงในใจโดยไม่รู้ตัว

คนที่หวาดกลัวไม่ใช่แค่เขา ยังมีชาวเผ่าวิญญาณหยินอีกห้าตนที่เหลือด้วย!

ซูหมิงในตอนนี้ไม่ใช่ซูหมิง เขาคือ…ซู่มิ่ง!

ตั้งแต่ซู่มิ่งปรากฏตัวจนกระทั่งเข้าไปในวิหารที่แปดก็เป็นเวลาทั้งหมดแปดลมหายใจแล้ว ในช่วงลมหายใจที่แปดนี้ ซูหมิงมาอยู่กลางวิหาร ในวิหารนี้มีรูปปั้นเพียงสามรูป ยามนี้สามรูปปั้นเหล่านี้ฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ตื่นขึ้น

ขณะเดียวกัน มีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากในวิหารหลังที่แปด ทั้งยังมีหนึ่งเท้าก้าวออกมาจากวิหาร ร่างอีกฝ่ายมากกว่าครึ่งตัวซ่อนอยู่ในเงามืด เมื่อก้าวเดินออกมาถึงค่อยๆ เผยร่างให้เห็น

ทว่าหลังจากซูหมิงเข้ามาในวิหารที่แปด ทุกอย่างนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างไวว่อง

ซูหมิงที่เส้นผมครึ่งหนึ่งสีขาวอีกครึ่งหนึ่งสีม่วงเดินหน้าไป รูปปั้นสามรูปที่ลืมตาขึ้นแล้วพลันหลับตาลง ร่างย้อนเวลากลับไป เริ่มเป็นหินจากศีรษะ จนกระทั่งซูหมิงเดินผ่านไป รูปปั้นสามรูปนี้ก็หลับใหลอีกครั้ง

เสียงหึเย็นชาจากในวิหารที่แปดซึ่งดังอยู่ก็แผ่วเบาลง เท้าที่ก้าวเดินออกมาถอยไปอย่างเนิบๆ เพียงแต่ว่าเท้านั้นกลับสั่นไหวเหมือนกำลังต่อสู้ดิ้นรนสุดกำลัง!

ทว่าพอซูหมิงเดินไป เท้านั้นก็หมดแรงและถอยหายไปด้านนอกวิหารทั้งหมด…

ซูหมิงเดินผ่านวิหารลำดับที่แปด ตรงหน้าเขาคือยอดเขาที่ผนึกมังกรแดงฉานไว้ ตรงปลายยอดเขามีวิหารสุดท้ายอันเป็นที่อยู่ของมังกรแดงฉาน!

ที่นี่ก็คือวิหารที่เก้า!

ซูหมิงเดินผ่านวิหารที่แปด เหยียบขึ้นภูเขาลูกนี้ วินาทีที่เขายืนอยู่นอกวิหารหลังที่เก้า ร่างกายเขากลายเป็นมายา กายของซู่มิ่งค่อยๆ เติบโตขึ้น ในพริบตาเดียวจากอายุแปดเก้าขวบก็กลับมาเป็นเขาในปัจจุบัน

สีเส้นผมคืนสภาพเดิม เพียงแค่ใบหน้ายังซีดขาว มุมปากมีโลหิตไหล เห็นได้ชัดว่าการแปลงเป็นซู่มิ่งในโลกภายนอกนี้ สำหรับซูหมิงแล้วต้องการความสอดคล้องกันอย่างยิ่ง

“คนนอกเผ่า…บุกผ่านวิหารหลังที่แปดมาได้…เจ้าเป็นคนที่สี่ในประวัติศาสตร์!”

เสียงแก่ชราดังแว่วมาจากในวิหารใหญ่ที่เก้า ประตูเปิดอย่างช้าๆ ทำให้ซูหมิงเห็นภายในวิหาร ในนั้นมีรูปปั้นแปดรูป โครงกระดูกที่ถูกตรึงไว้บนพื้นตรงกลาง และยังมีสัญลักษณ์มังกรแดงฉานใต้โครงกระดูก

คนที่กล่าวคำนี้ไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็นโครงกระดูกที่ถูกตรึงไว้บนพื้น เวลานี้โครงกระดูกเงยหน้าขึ้นอย่างเนิบช้า มองมาทางซูหมิง!

ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นและซูหมิงเห็นโครงกระดูกนี้ เขาจำได้ทันทีเลยว่าโครงกระดูกนี้เหมือนกับศีรษะยักษ์ที่มีเสาหินค้ำยันอยู่ในเมืองเชมัน!

“วิชาของเจ้าเมื่อครู่แกร่งมาก…หากเจ้ายืนหยัดไปได้อีกหนึ่งก้านธูป เจ้าจะเป็นอิสระในเผ่าวิญญาณหยิน จะไม่มีใครขวางเจ้าได้…ต่อให้เป็นข้า หากคิดจะขวางเจ้าก็ต้องจ่ายในราคาสูง… แต่ชัดเจนว่าเจ้าทำไม่ได้”

โครงกระดูกนั้นมองซูหมิง นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยสติปัญญาอันไร้ขีดจำกัด ทั้งยังมีความรู้สึกโบราณซึ่งไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว

“ผู้บุกรุกวิหารคนที่สี่ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน เจ้าได้รับความนับถือจากเผ่าข้าแล้ว…ไปเถอะ วิญญาณปราณปฐพีตัวนี้มีประโยชน์กับเผ่าข้ามาก คืนให้เจ้าไม่ได้”

ซูหมิงเงียบงัน ทว่าค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น บนนิ้วเขามีเส้นผมอยู่เส้นหนึ่ง ยามนี้เกิดเค้าลางว่าจะเผาไหม้ขึ้น

อำนาจพลังที่มากกว่าซูหมิงในตอนนี้ไม่รู้เท่าไรกำลังกระจายออกมาจากเส้นผมบนนิ้ว ความแข็งแกร่งของอำนาจพลังปกคลุมรอบทิศในพริบตาเดียว ทำให้เผ่าวิญญาณหยินทุกตนต้องหน้าเปลี่ยนสี!

อีกทั้งโครงกระดูกในวิหารนี้ นัยน์ตายังเปล่งประกายแสงเด่นชัด

“กลิ่นอายพลังนี้…กลิ่นอายพลังนี้มันของเทพหมานเลี่ยซานซิว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version