Skip to content

สู่วิถีอสุรา 734

ตอนที่ 734 ชี้แนะดวงชะตา

‘ที่แท้รูปแบบชะตาก็ใช้แบบนี้ได้’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเข้าใจ เดิมทียันต์แผ่นนั้นคือสมบัติล้ำค่าชนิดหนึ่ง มันแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของชะตา สามารถมอบดวงชะตาให้กับคนอื่น ยอดจ้าวเชมันได้ยันต์แผ่นนี้มา เมื่อผสานรวมเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะเปลี่ยนชะตาเขาให้กลายเป็นชะตาแห่งเก้ามรณะได้

พอจับยันต์แผ่นนั้นแล้วก็ออกแรงดึงจนเกิดเสียงดังแควก ซูหมิงฉีกยันต์มาเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘วิชามอบดวงชะตานี้เพิ่มขั้นพลังให้ตัวเองได้ ทว่าวิธีนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการลัดขั้นตอนเพื่อสำเร็จเร็วๆ…ซือหม่าซิ่นในตอนนั้นก็เป็นแบบนี้’ ซูหมิงเข้าใจรูปแบบชะตาลึกซึ้งขึ้นอีกเล็กน้อย

หลังจากยันต์ครึ่งหนึ่งหายไปกับอากาศ ตอนนี้เอง ระลอกคลื่นจากการระเบิดตัวเองของยอดจ้าวเชมันก่อนหน้านี้ถึงเพิ่งกระจายออกเป็นวงกว้าง เมื่อปะทะกับทวนยาวของซูหมิงก็พลันกลายเป็นเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดินกวาดไปโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดและเกิดรอยร้าวขึ้นหลายเส้น น้ำทะเลจำนวนมากโถมเข้ามาจากรอบๆ ทำให้เกาะเทพเชมันถูกจมลงไปเกือบสี่ส่วนทันใด

ระลอกคลื่นวงแหวนขยายออกไปรอบนอกอย่างต่อเนื่อง ชาวเผ่าเชมันบางส่วนหลบไม่ทัน ร่างกายจึงแหลกเป็นเถ้าธุลีหายไป ระลอกคลื่นนั้นแผ่ขยายไปจนถึงจุดที่ไกลมากจึงค่อยๆ หายไป

กลางอากาศตรงจุดที่ระลอกคลื่นแผ่ขยาย ซูหมิงเดินออกมาจากความว่างเปล่า เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ช่วงที่เกิดการระเบิดตัวเอง เขาก็เตรียมเข้าไปในมิติเศษหินพิลึกแล้ว

ยามนี้พอเดินออกมา เขามองทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมัน เพราะว่าตอนนี้มีระลอกคลื่นที่เหนือกว่าพลังเขาระเบิดออกมาจากในภูเขาศักดิ์สิทธิ์

สิ่งที่มาพร้อมระลอกคลื่นคือร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาเห็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปี ทว่าในตัวกลับมีความรู้สึกที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตา….ถูกจันทร์เสี้ยวเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์ ทำให้คนที่สบตาด้วยมีความรู้สึกคล้ายถูกดูดจิตใจ

ตรงหน้าผากแปะกระดาษสีเหลืองครึ่งหนึ่งไว้ ด้านบนมีอักขระขยับแสงวูบวาบ อักขระทั้งหมดขาดๆ หายๆ แต่ก็มองออกได้ว่ารูปเต็มมันคือจันทร์เสี้ยว

“ข้านึกออกแล้วว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือคนที่ร่วมมือกับเทียนเสียจื่อและปรมาจารย์หลีหลงสู้กับข้าในตอนนั้น ซูหมิง!” เด็กหนุ่มมองซูหมิงแล้วกล่าวเนิบช้า

“ดวงจันทร์มีมืดมีสว่าง มีกลมและมีเสี้ยว…เหมือนกับเก้ามรณะเก้าชีวิตของคน….สิ่งที่ปรารถนาคือความสมบูรณ์ นั่นคือ…ดวงชะตาแห่งเก้ามรณะที่อาจารย์มอบให้ข้า” เด็กหนุ่มมองซูหมิงที่อยู่ห่างไปหลายร้อยจั้ง แล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ ประสานมือคารวะซูหมิง

“ยังมิได้สั่งสอน…” ตอนที่เด็กหนุ่มประสานมือคารวะ ก็เงยหน้ามองซูหมิง

ยอดจ้าวเชมันในตอนนี้มีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปมากนัก เทียบกับเมื่อครู่แล้วราวกับคนละคน

“เหมันต์ในวันที่หนาวเยือก เหมือนกับบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต หนาว ใบไม้ร่วง ร้อน ใบไม้ผลิ…คือดวงชะตาแห่งการตระหนักรู้ด้วยตัวเองของข้าแซ่ซู” ซูหมิงมองเด็กหนุ่มยอดจ้าวเชมัน แล้วสะบัดแขนเสื้อประสานมือคารวะ

ร่างเด็กหนุ่มยอดจ้าวเชมันในตอนนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นในความทรงจำวัฏจักรของซูหมิง เขาจำได้ว่าครั้งก่อนตอนที่ยอดจ้าวเชมันคืนชีพครั้งที่เก้า ก็เป็นร่างชายวัยหนุ่มแน่นอายุสามสิบกว่าปี

ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กหนุ่ม

เห็นได้ชัดว่าดวงตาชะเก้ามรณะของยอดจ้าวเชมัน สุดท้ายยิ่งอายุน้อยเท่าไร ขั้นพลังจะยิ่งแกร่งมากเท่านั้น ภาพในตอนนี้จะเห็นได้ว่ายอดจ้าวเชมันพัฒนาจากตอนนั้นมาก และก็เข้าใจดวงชะตาแห่งเก้ามรณะที่ได้รับมาอย่างลึกซึ้งขึ้นแล้ว

“อาจารย์ข้าเคยบอกว่า ดวงชะตาที่ได้รับมายากจะกุมเอาไว้ด้วยตัวเอง ยากจะสอดคล้องกับตัวเองอย่างสมบูรณ์….เว้นแต่ข้าจะฝึกฝนถึงเก้ามรณะกลายเป็นทารก ถึงจะมีโอกาสหลอมรวมดวงชะตาสำเร็จ…

ตอนนี้ได้ประมือกับเจ้าเลยได้อะไรดีๆ มาเยอะ หนำซ้ำยังมีวี่แววจะทะลวงขั้นพลังแล้ว ขอให้เจ้าช่วยชี้แนะด้วย หากช่วยข้าทะลวงผ่านไปได้ บุญคุณนี้….ข้าจะไม่มีวันลืม” เด็กหนุ่มได้ยินคำว่าดวงชะตาแห่งการตระหนักรู้ด้วยตัวเองจากซูหมิง ก็พลันมีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงอีกครั้ง แล้วค่อยๆ บินขึ้นไป หลังจากบินขึ้นมาร้อยจั้งก็ตบฝ่ามือขวาไปทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้านหลัง

ทันใดนั้น ภูเขาลูกนี้เกิดเสียงดังสนั่น เริ่มไม่ใช่การขยับวูบวาบแบบภาพมายาอีก แต่สมจริงขึ้นอย่างสมบูรณ์และมีรอยแยกยักษ์ปรากฏขึ้นจากตัวภูเขา ภายใต้เสียงระเบิด ภูเขาค่อยๆ แบ่งออกเป็นสองส่วน ก่อนมีแสงหม่นเส้นหนึ่งบินออกมาจากข้างในแล้วมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง

สิ่งนั้นเป็นโลงศพโลงหนึ่ง…เป็นโลงศพที่ซูหมิงเคยเห็นในอดีต

“ตอนนั้นที่ข้าเจอเจ้าครั้งที่สอง ก็เห็นเจ้าเคยร้องไห้เมื่อสัมผัสสิ่งนี้ สิ่งนี้มาจากเผ่าเซียน ต้องใช้กลิ่นอายมรณะหยินกัดกร่อนเข้าไป เจ้ามาเพื่อสิ่งนี้ ข้าจะมอบให้ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ชี้แนะ” เด็กหนุ่มน้ำตาไหลด้วยความยึดมั่นและฮึกเหิม เขาในตอนนี้กับยอดจ้าวเชมันก่อนหน้านี้ไม่เหมือนคนเดียวกันแม้แต่นิด

อีกฝ่ายในตอนนี้ราวกับผู้แสวงหาชีวิตที่ยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อทะลวงขั้นพลังและหลอมรวมดวงชะตาเก้ามรณะ

แสวงหารูปแบบชะตา ทำให้ตัวเองสมบูรณ์ สิ่งนี้คือการแสวงหาชีวิต

ซูหมิงมองดวงตาเด็กหนุ่มอย่างถี่ถ้วน ภายในดวงตานั้นไม่มีความเจ้าเล่ห์ ไม่มีแผนการร้าย แต่มีเพียงความตั้งมั่นจะหลอมรวมดวงชะตาเก้ามรณะกับการทะลวงพลัง

ความยึดมั่นแบบนี้คล้ายกับเขาในบางด้านมากทีเดียว

“ข้ามาที่นี่ นอกจากเพื่อโลงศพแล้ว ยังต้องการโลหิตแห่งเก้าอรุณจากตัวเจ้าด้วย”

ซูหมิงมองโลงศพตรงหน้า สีหน้าเขาค่อยๆ อ่อนโยนลง เกิดความรู้สึกหม่นหมองและคะนึงคิด หลังจากเก็บโลงศพไปแล้วก็กล่าวช้าๆ

เด็กหนุ่มเงียบงัน ผ่านไปพักหนึ่งก็หัวเราะอย่างสบายๆ เขายกสองมือขึ้นตบลง ระหว่างนั้นก็มีแสงสว่างวูบวาบอยู่ตรงเส้นลายมือเขา จากนั้นจึงปรากฏโลงศพโปร่งใสตรงหน้า

โลงศพนี้ไม่ใหญ่ เพราะโปร่งใส จึงเห็นว่าข้างในมีโครงกระดูกแห้งเหี่ยวนอนอยู่

เด็กหนุ่มมองโครงกระดูกพลางยกมือขวากดไปตรงระหว่างคิ้วของโครงกระดูก เมื่อโลหิตสีม่วงซึ่งมีกลิ่นอายพลังเผ่าเชมันเข้มข้นลอยออกมา เด็กหนุ่มก็สะบัดแขนเสื้อ โลหิตนั้นจึงตรงไปหาซูหมิง

ซูหมิงใช้มือซ้ายคว้าอากาศ ก่อนปรากฏขวดหยกขวดหนึ่งในมือทันที เมื่อบรรจุโลหิตนั้นลงในขวดแล้ว สีของขวดก็กลายเป็นสีม่วงโดยพลัน

“ข้าดื่มกินโลหิตของประมุขเชมันเก้าอรุณทุกยุคสมัยไปหมดแล้ว และหลอมกลายเป็นโลหิตต้นกำเนิดเชมันเก้าหยดอยู่ในร่างกาย เดิมทีข้าตั้งใจจะใช้โลหิตนี้ในการทะลวงพลัง ทว่าหลายปีมานี้ก็ยังไร้ผล…ข้ามอบให้เจ้าสี่หยด หวังว่าเจ้าจะช่วยชี้แนะ!”

เด็กหนุ่มตบโลงศพทีหนึ่ง โลงศพก็ตกลงสู่พื้นทันที

เกิดเสียงดังปังขึ้น ขณะเดียวกับที่โลงศพตกลงสู่พื้น นัยน์ตาเด็กหนุ่มเป็นประกายเด่นชัด ยกมือขวาชี้ไปยังยันต์ครึ่งหนึ่งตรงระหว่างคิ้ว ฉับพลันนั้นอักขระบนยันต์เปล่งแสงอบอุ่น ครั้นห่อหุ้มทั่วร่างเขาเอาไว้แล้ว เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไปด้วยความเร็วระดับสายตา เหมือนกับว่ากาลเวลาไหลเวียนในตัวเขามากขึ้น เส้นผมยาวขึ้นเรื่อยๆ ผิวหนังเริ่มให้ความรู้สึกถึงกาลเวลา ร่างกายค่อยๆ ขยายใหญ่ จากเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบห้ายี่สิบหกปี

ในเวลาเดียวกัน ร่างกายเขาพลันเกิดเงาซ้อนทับ ก่อนมีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากข้างใน นั่นก็คือเด็กหนุ่มคนนั้น เขาชี้ไปยังตัวเองในวัยยี่สิบห้าปีพลางมองซูหมิง

“นี่คือดวงชะตาที่แปดของข้า ดวงชะตาแห่งวัยหนุ่ม”

ช่วงที่เขาเอ่ย นัยน์ตาชายหนุ่มขยับวูบไหว ร่างกายเปลี่ยนตามเวลาอีกครั้ง เสี้ยววินาทีเดียวก็เป็นวัยสามสิบกว่าปี จากนั้นร่างกายเขาก็เกิดเงาซ้อนทับขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มีชายหนุ่มเดินออกจากตัวชายวัยสามสิบกว่าปีมายืนอยู่ข้างเด็กหนุ่ม แล้วชี้ร่างวัยสามสิบกว่าปีพลางมองซูหมิง

“นี่คือดวงชะตาที่เจ็ดของข้า ดวงชะตาแห่งวัยฉกรรจ์!”

ภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้นัยน์ตาซูหมิงเพ่งมอง

เขาเห็นร่างหนุ่มแน่นวัยสามสิบกว่าปีเติบใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ตอนที่อายุราวสี่สิบปีก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้น

“นี่คือดวงชะตาที่หกของข้า ดวงชะตาแห่งวัยกลางคน!”

“นี่คือดวงชะตาที่ห้าของข้า ดวงชะตาแห่งวัยครึ่งร้อย!”

“นี่คือดวงชะตาที่สี่ของข้า ดวงชะตาแห่งวัยสูงอายุ!”

ยามนี้ข้างๆ เด็กหนุ่ม เริ่มจากชายหนุ่มไปจนถึงชายชราจอนผมขาว มียอดจ้าวเชมันอายุต่างกันรวมห้าคน

ขณะเดียวกัน กาลเวลาก็ยังคงดำเนินต่อไปจากตัวชายชราจอนผมขาว……

“นี่คือดวงชะตาที่สามของข้า ดวงชะตาแห่งวัยชรา!”

“นี่คือดวงชะตาที่สองของข้า ดวงชะตาแห่งวัยใกล้ดับสูญ!”

“นี่คือดวงชะตาที่หนึ่งของข้า ดวงชะตาแห่งวัยไฟมอดดับ!” ข้างเด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่ซูหมิงกำลังมองอยู่คือยอดจ้าวเชมันที่ปรากฏขึ้นครั้งแรก รอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า มีกลิ่นอายมรณะอบอวลอยู่รอบตัว ฟันเป็นสีเหลืองใกล้จะหมดปาก และยังมีดวงตาสองข้างที่มีจันทร์เสี้ยวอยู่ภายใน

“และข้าคือดวงชะตาที่เก้า” เด็กหนุ่มมองตัวเองแปดคนในวัยต่างกันที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนที่เอ่ยเสียงเบาก็มองซูหมิงด้วยแววตาแน่วแน่

“นี่คือดวงชะตาที่เก้าของข้า สหายซู ช่วยชี้แนะด้วย”

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง สายตามองเด็กหนุ่ม มองยอดจ้าวเชมันในวัยต่างกันแปดคน ผ่านไปพักใหญ่จึงชี้ไปยังโลงศพบนพื้น

“เขา คือดวงชะตาที่เท่าไร?”

เด็กหนุ่มตะลึงงัน ตอนที่ก้มหน้ามองโลงศพก็พลันตัวสั่น นัยน์ตาค่อยๆ เผยความเข้าใจแต่ก็ยังไม่ชัดเจน

“จากร่างเปลวไฟมอดดับไปจนถึงเด็กทารกร้องไห้ นี่คือจากความตายเดินไปสู่ชีวิตใหม่ เส้นทางของชะตานี้คล้ายกับที่แซ่ซูเข้าใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ต่างกัน”

ซูหมิงเงียบไปชั่วครู่ถึงเอ่ยพลางยกมือซ้าย เกล็ดหิมะปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ไอหนาวจากเกล็ดหิมะนั้นกระจายออกโดยรอบ

“นี่คือดวงชะตาของข้า…” ซูหมิงมองเกล็ดหิมะลอยอยู่กลางฝ่ามือ เมื่อกล่าวจบ เกล็ดหิมะนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนสี ไม่ใช่สีขาวอีก แต่กลายเป็นสีแดง ไม่ใช่สีแดงฉาน แต่เป็น…..สีของฤดูใบไม้ร่วง

พลังชีวิตอ่อนแอปะปนอยู่ในความหนาวเหน็บ กลายเป็นความหมายของฤดูใบไม้ร่วง

“เจ้า เข้าใจหรือไม่?” ซูหมิงสะบัดมือซ้าย เกล็ดหิมะในมือก็หายไป

เด็กหนุ่มตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววสับสนและไม่แน่ใจ มีความเข้าใจและมึนงงอยู่ เขารู้สึกรางๆ เหมือนตนเข้าใจอะไรบางอย่าง ทว่ากลับมองเห็นจุดสำคัญไม่ชัดเจน

“จากความตายสู่ความเป็น สิ่งที่ต้องการคือความตายอย่างแท้จริง…และเจ้ารู้ว่าเจ้าตายไม่ได้ ดวงชะตาเก้ามรณะ ดูคลับคล้ายว่ายังไม่ตาย แต่ความจริงแล้ว…จิตสำนึกที่ยังไม่ตายนี้ส่งผลให้เจ้าไร้ซึ่งความปรารถนาต่อชีวิต เจ้าที่เป็นแบบนี้ จะยังพูดถึงเรื่องชีวิตได้อย่างไร?”

ซูหมิงกล่าวเสียงเบา

เด็กหนุ่มพลันตัวสั่นสะท้าน ช่วงที่เงยหน้าขึ้น เขาเหม่อมองซูหมิงอยู่นานถึงค่อยมีสีหน้าเด็ดขาด ก่อนยกมือขวาโจมตีไปทางโลงศพที่มีกายเนื้อของเขาอยู่ทันที

เสียงโครมดังขึ้น โลงแตกเป็นเสี่ยงๆ กายเนื้อภายในกระจายเป็นชิ้นๆ โลหิตต้นกำเนิดเชมันห้าหยดที่เหลืออยู่ก็ลอยขึ้นมา จากนั้นเด็กหนุ่มสะบัดแขนเสื้อผลักมันไปหาซูหมิง

“บุญคุณครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม!” เด็กหนุ่มค้อมตัวต่ำประสานมือคารวะซูหมิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version