Skip to content

สู่วิถีอสุรา 974

ตอนที่ 974 ข้าอยากไปโลกแท้จริงที่ห้า

ส่วนลึกของหมอก บนแผ่นดินที่ตั้งเผ่าธุลีแผดเผา บนหอคอยสูงเพียงหลายร้อยจั้ง มีดวงตาเพลิงตั้งอยู่ ซูหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิแน่นิ่งอยู่ภายในดวงตานั้น

รอบตัวเขามีทะเลเพลิงอยู่จำนวนมากเหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่ง

นอกดวงตาเพลิงที่เขาอยู่ บรรพบุรุษธุลีแผดเผาในร่างเด็กกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น

เวลา คือวันที่เก้าหลังจากซูหมิงถูกพาตัวกลับมายังแผ่นดินเผ่าธุลีแผดเผา

“ไม่เฉลียวฉลาดเลย เหมือนกับบิดาเจ้าตอนนั้นไม่มีผิด ข้าพูดกับเจ้ากี่ครั้งแล้ว ตอนนั้นบิดาเจ้าทะเลาะกับอาเจ้าเลยจากไป ตอนนั้นข้าอยู่ข้างนอกเลยกลับมาไม่ได้ ส่วนเจ้า…ตอนนั้นข้าเคยเสี่ยงทายให้กับบิดาเจ้า ในภาพยันต์แปดทิศบอกว่าชีวิตนี้เขาจะไม่มีทายาท

ดังนั้นข้าเลยไม่ให้ใครออกไปตามหาเจ้า

แต่ข้ายอมรับ ภาพยันต์แปดทิศมักจะเกิดการเปลี่ยนแปลง สาเหตุคือบิดาเจ้าไปเจอกับคนที่เปลี่ยนดวงชะตาเขาข้างนอก ดังนั้นการปรากฏตัวของเจ้าจึงเป็นการเสี่ยงทายกลับด้าน ขั้นพลังเจ้าถึงได้บรรลุขนาดนี้และยังปลุกเพลิงครามให้ตื่นขึ้น” เด็กชายมองซูหมิงในเปลวเพลิงพลางขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น

เขาขังซูหมิงมาเก้าวัน ตั้งแต่วันแรกอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับเผ่าธุลีแผดเผา และยังไม่ยอมเป็นชาวเผ่า ตอนนี้เก้าวันแล้วก็ยังเป็นเช่นเดิม กระทั่งไม่พูดอีก แต่ใช้การเงียบมาต่อต้าน

เรื่องนี้ทำให้บรรพบุรุษธุลีแผดเผาโกรธมาก หากไม่ใช่ชาวเผ่าเขาคงใช้ฝ่ามือตบตายไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดให้มากความเช่นนี้

ต่อให้เป็นชาวเผ่า แต่หากคุณสมบัติธรรมดา เขาก็จะไม่สนใจเหมือนกัน ในเมื่อไม่ยอมเป็นชาวเผ่าธุลีแผดเผา เช่นนั้นก็ไสหัวออกไปใช้ชีวิตเอง

ทว่าซูหมิงตรงหน้าทำให้เขาพอใจอย่างยิ่ง อายุยังน้อยกลับมีขั้นพลังเช่นนี้ การตื่นขึ้นของเพลิงคราม ในอายุแบบนี้ ต่อให้เป็นสองพี่น้องเจ๋อหรงก็ยังทำไม่ได้ กระทั่งในมุมมองของบรรพบุรุษธุลีแผดเผา หากบ่มเพาะให้ดี จะมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นผู้กุมชะตาเกิดดับคนที่สองในเผ่า

หากถึงตอนนั้น หากตนยังไม่เข้าสู่ช่วงโรยรา เช่นนั้นเผ่าธุลีแผดเผาจะรุ่งเรืองและต่อสู้กับเผ่าเหลิงอูได้

“เจ้าเด็กคนนี้ บรรพบุรุษเข้าใจความโกรธของเจ้า และก็จะเติมเต็มปมด้อยที่ไม่มีชาวเผ่าคอยเอาใจใส่มาตลอดหลายปีให้ เจ้ากลับถึงเผ่าแล้ว ข้าก็ประกาศออกไปแล้วว่าเจ้าคือจ้าวเผ่าน้อย!

ที่นี่ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ ต่อให้เป็นอาของเจ้า จ้าวเผ่าในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์! ขอเพียงเจ้ารวมภัยพิบัติตะวันของตัวเองออกมา ไม่ใช่แค่กำลังรบถึงอย่างเดียว ข้าจะปลดจ้าวเผ่าปัจจุบันออกทันที แล้วให้เจ้าเป็นจ้าวเผ่า แบบนี้…เจ้าจะทำให้บิดาเจ้า อมยิ้มอยู่ในยมโลกได้…

อีกอย่างมีบรรพบุรุษอยู่ ข้าจะชี้นำการฝึกฝนให้เจ้า ข้าเฝ้ารอวันหนึ่งที่เจ้าบรรลุถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับ ทำให้เผ่าธุลีแผดเผาของเรารุ่งเรืองอีกครั้ง” บรรพบุรุษธุลีแผดเผาในร่างเด็กชายกล่าวโน้มน้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในเปลวเพลิง เขามีสีหน้าดื้อรั้น ทว่าพวกเสวียนซางสี่คนกลับตื่นเต้นในใจ เขาอยากให้ซูหมิงพยักหน้าตกลงใจจะขาด แต่ซูหมิงเป็นคนควบคุมอยู่ อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในขณะที่แผนการพวกเขาทำไม่ได้ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเอ่ยโน้มนำ ทำได้เพียงมองซูหมิงเงียบไม่กล่าวใดๆ

“เหตุใดเจ้าถึงอยากให้ข้าเป็นผู้กุมชะตาเกิดดับ” ซูหมิงเงียบมาหลายวัน ตอนนี้ลืมตาขึ้นและพูดไป

บรรพบุรุษธุลีแผดเผายิ้มทันที ขอเพียงอีกฝ่ายพูดก็ดีแล้ว ที่เขากังวลที่สุดคือกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีความตั้งใจแน่วแน่ ตอนนี้ในเมื่อยอมพูดแล้ว ทุกอย่างก็คงคุยกันง่าย

“แน่นอน ต่อให้เจ้าไม่บรรลุถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับ รอจนข้าถึงวัยร่วงโรยก่อน ข้าก็จะเปลี่ยนการตระหนักรู้ทั่วร่างให้กลายเป็นรอยเพลิงที่สิบแล้วหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายเจ้า ให้เจ้ากลายเป็นยอดฝีมือขั้นกุม เพียงแต่ว่ามันจะทำให้ขั้นพลังเจ้าหยุดนิ่ง ชีวิตนี้จะตระหนักรู้ขั้นชะตาไม่ได้อีก” บรรพบุรุษธุลีแผดเผามองซูหมิงพลางยิ้มด้วยความเมตตา

เห็นรอยยิ้มนี้ซูหมิงกลับเงียบ ในใจเขาซับซ้อนเล็กน้อย รอยยิ้มนี้เป็นของจริง ทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำตลอดเก้าวันนี้ก็เป็นของจริง

เขามองตนเป็นบุตรของเจ๋อหรงจริงๆ มองเป็นชาวเผ่าธุลีแผดเผาจริงๆ

รอยยิ้มนี้ ซูหมิงเคยเห็นจากไม่กี่คนเท่านั้น หนึ่งคือท่านปู่ สองคืออาจารย์ และคนที่สามคือบรรพบุรุษธุลีแผดเผาตรงหน้า

“โม่ เจ้าวางใจเถอะ ข้าขอรับปากเจ้า ความคับอกคับใจของเจ้าตลอดหลายปี มานี้ ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างเต็มที่เอง” บรรพบุรุษธุลีแผดเผามองซูหมิง รอยยิ้มมีเมตตามากขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปที เมื่อได้คุยกับซูหมิง ความชื่นชมทางสีหน้าเขาก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เขาชอบเด็กคนนี้จริงๆ

ฉลาด มีวิสัยทัศน์ แต่กลับมีจิตใจเข้มแข็ง มีความยึดมั่น แต่กลับไม่ขาดความฮึกเหิม อยู่อย่างโดดเดี่ยวหลายพันปี ถึงจะทำให้เขาดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็มอบประสบการณ์ที่ชาวเผ่าคนอื่นๆ ไม่ได้รับ

ทุกอย่าง บรรพบุรุษธุลีแผดเผามองออก

เดินมาถึงวันนี้ได้ มีขั้นพลังเช่นนี้ได้ หาเผ่าธุลีแผดเผาพบ แน่นอนว่าต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย ผ่านภยันตรายเป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน

บรรพบุรุษธุลีแผดเผาเคยเห็นรอยแผลเป็นทั้งหมดบนตัวร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่แล้ว รอยแผลเหล่านั้นมีไม่น้อยที่สมานแผลแล้ว แต่ก็มีอีกมากที่กำลังฟื้นฟู รอยแผลด้านบนนั้น เขามองออกว่าเกิดจากสัตว์ร้ายบางชนิด

“หลังจากขั้นกุมคือขั้นชะตา เช่นนั้นหลังจากขั้นชะตาก็คือ…ขั้นเกิดหรือ?” ซูหมิงเงยหน้ามองบรรพบุรุษธุลีแผดเผา เขาเข้าใจขั้นกุมชะตาเกิดดับไม่มากนัก ต่อให้เป็น เอ้อชาง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ขั้นพลัง เป็นเพียงความรู้สึกรางๆ เท่านั้น ไม่มีรายละเอียดแน่ชัด

“กุมชะตาเกิดดับ ชะตาขึ้นชะตาลง วัฏจักรจิตใจแห่งการเกิด จักรวาลความคิดตายแห่งการดับสูญ นี่คือสี่ขั้นพลังใหญ่….” บรรพบุรุษธุลีแผดเผายิ้มพร้อมกล่าวขึ้น เขาอธิบายให้ซูหมิงฟังอย่างละเอียด เขามีความสุขมากที่ได้ปลุกใจซูหมิง ทำให้อีกฝ่ายยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้แล้วเลือกอยู่กับเผ่าธุลีแผดเผา

“สี่ขั้นพลังใหญ่นี้ล้วนเรียกว่ากุมชะตาเกิดดับ ทว่าความจริงแล้ว สี่คำนี้หมายถึง สี่ขั้นพลัง หนึ่งคือขั้นกุม เป็นขีดจำกัดของพละกำลัง!

สองคือขั้นชะตา ใช้ขีดจำกัดของพละกำลังควบคุมชะตาของวัตถุภายนอก ครั้นแล้วก็ตระหนักรู้ดวงชะตาของตัวเอง หลังจากหลอมรวมในและนอกเข้าด้วยกันแล้วจะบรรลุถึงจุดสมบูรณ์ หรือก็คือควบคุมการขึ้นลงของชะตา

สาม วัฏจักรจิตใจแห่งการเกิด นี่คือขั้นพลังที่ขนานนามว่ามีอายุขัยเป็นนิรันดร์ แต่ผู้ที่ถึงระดับนี้มีน้อยมากจริงๆ รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดนัก

และสี่คือจักรวาลความคิดแห่งการดับสูญ นี่คือขั้นพลังสุดท้ายของขั้นกุมชะตาเกิดดับ” บรรพบุรุษธุลีแผดเผากล่าวเสียงผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แฝงไว้ด้วยความรู้สึกของเวลา เสียงดังก้องไปรอบๆ ในสีหน้ามีการเฝ้าใฝ่หาน้อยๆ

“ทว่าระหว่างทุกขั้นพลังจะมีช่วงโรยราอยู่ นี่คือเคราะห์ภัย หากข้ามผ่านก็จะมีโอกาสก้าวสู่ขั้นพลังใหม่ ทว่าก็แค่โอกาสเท่านั้น แต่หากข้ามไม่ผ่าน…ก็จะดับสูญไป” เอ่ยถึงตรงนี้ บรรพบุรุษธุลีแผดเผาก็ถอนหายใจ

“หลังจากกุมชะตาเกิดดับล่ะ? ยังมีหรือไม่” ซูหมิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนมองบรรพบุรุษธุลีแผดเผาด้วยสีหน้ามีความยึดมั่น

“มี!” บรรพบุรุษธุลีแผดเผาพยักหน้า

“หลังจากกุมชะตาเกิดดับคือยิ่งใหญ่! นี่คือขั้นพลังที่ข้าเองก็ยังไม่รู้รายละเอียด เล่าลือว่าผู้บรรลุถึงขั้นยิ่งใหญ่แล้วจะเรียกว่าผู้ยิ่งใหญ่ สามารถแทนที่จักรวาลหนึ่งดินแดน…แต่นี่คือผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ตอนนี้พวกเขาล้วนดับสูญโดยภัยพิบัติยิ่งใหญ่ไปแล้ว

นอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิตตอนนี้มีสี่มหาโลกแท้จริง ในนั้นก็มีผู้ยิ่งใหญ่ด้วย แต่ว่า…น่าจะไม่มีใครบรรลุถึงระดับผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เป็นเพียงแค่รองผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น” บรรพบุรุษธุลีแผดเผากล่าวเรียบนิ่ง ทว่าแรงจู่โจมจากคำพูดต่อซูหมิงกลับรุนแรง ยิ่งนัก และยังทำให้พวกเสวียนซางสี่คนกับสวี่ฮุ่ยในใจซูหมิงใจสั่นสะท้าน

พวกเขากับซูหมิงเหมือนจะได้รู้เรื่องราวที่ชีวิตนี้ไม่มีทางรู้ได้ อย่างเช่นสามแคว้นโบราณใหญ่ อย่างเช่นย่วนเว่ย อย่างเช่นมหาโลกสามร้อยหกสิบเอ็ดโลก

และอย่างเช่น การแบ่งขั้นพลังกุมชะตาเกิดดับในตอนนี้ รวมถึงตำนานของผู้ยิ่งใหญ่

“หลังจากนั้นล่ะ!” ความยึดมั่นในสีหน้าซูหมิงเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

“จากนั้นก็…ไม่อาจกล่าว!” บรรพบุรุษธุลีแผดเผามองซูหมิงพลางส่ายศีรษะ

“ไม่อาจกล่าว นี่คือหนึ่งขั้นพลัง และก็เป็นสามคำ ไม่อาจกล่าว ไม่ถึงขั้นพลังนี้จะกล่าวมิได้ มิเช่นนั้นจะเจอกับมหันตภัยครั้งใหญ่ นี่คือ…ขั้นพลังที่เหนือจินตนาการของทุกสรรพสิ่ง!”

ซูหมิงเงียบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังขั้นพลังอย่างละเอียด ตอนนี้สีหน้าเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ ขั้นพลังเหล่านี้เหมือนกับร่องหุบเขาจำนวนมากขวางอยู่ตรงหน้า แต่ในเวลาเดียวกันมันก็กระตุ้นความยึดมั่นของเขา เขาปรารถนาว่าสักวันหนึ่งจะข้ามร่องหุบเขาเหล่านี้ไป บรรลุถึงขั้นพลังที่ทุกสรรพสิ่งไม่อาจกล่าว หรือ…ไม่กล้าเอ่ยถึง!

‘บางทีนี่อาจเป็นความหมายจริงๆ ของขั้นพลังไม่อาจกล่าว!’ ดวงตาซูหมิงวาววับ

“ทุกสรรพสิ่งมากมาย ตั้งแต่โบราณกาลมามีเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนกำเนิดขึ้น บ้างจนถึงตอนนี้หลงเหลือเพียงน้อยนิด บ้างสายเลือดหายไปแล้ว บ้างก็รุ่งเรื่องขึ้นเรื่อยๆ…

รากฐานที่ทำให้เผ่าพันธุ์หนึ่งแข็งแกร่งอยู่ที่ผู้แข็งแกร่ง อยู่ที่ว่าในเผ่าพันธุ์มีคนมาแทนที่ได้หรือไม่ มีคนที่ฝึกฝนจนถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับหรือไม่! โม่ เจ้าคือชาวเผ่าธุลีแผดเผา!” บรรพบุรุษธุลีแผดเผากล่าวจากใจจริง

“…ข้าไม่ใช่” ในใจซูหมิงซับซ้อนเล็กน้อย สายตามองบรรพบุรุษธุลีแผดเผาตรงหน้า

“เจ้า…” บรรพบุรุษธุลีแผดเผาในร่างเด็กชายมองซูหมิง ผ่านไปพักใหญ่ก็ถอนหายใจ

“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับชาวเผ่าธุลีแผดเผา เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรอีก? ข้าไม่เชื่อเรื่องที่จะมาเอามรดกอย่างที่เจ้าว่าหรอก พูดมาเถอะ เจ้ามีเป้าหมายอะไร” บรรพบุรุษธุลีแผดเผามองซูหมิง ก่อนส่ายศีรษะพร้อมกล่าวขึ้น

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วมองบรรพบุรุษธุลีแผดเผา

“ข้าอยากไปโลกแท้จริงที่ห้า” สิ้นเสียงซูหมิง บรรพบุรุษธุลีแผดเผาเพ่งสายตามอง

“มีเหตุผลอะไร” บรรพบุรุษธุลีแผดเผาพิจารณามองซูหมิงหลายที แล้วถามขึ้นเรียบๆ

“ทดแทนบุญคุณ” ซูหมิงสบตากับบรรพบุรุษธุลีแผดเผาก่อนตอบเบาๆ

บรรพบุรุษธุลีแผดเผาเงียบ เขาไม่ถามต่ออีกแต่ยืนขึ้น หลังจากมองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งก็เงียบไป ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินหายไปในอากาศ

เหลือเพียงซูหมิงกลางเปลวเพลิงในหอคอยสูงร้อยจั้งที่หลับตาลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version