ตอนที่ 504 วิญญาณโลกตื่นขึ้น
วันแรก
ฝนตกหนักยิ่งขึ้น เมฆลมม้วนตัว มีสายฟ้าผ่าลงมาเสียงดังสนั่น ชั้นเมฆยังหนาขึ้นเรื่อยๆ มองไกลๆ เหมือนจะลดระดับลงมายังผืนดิน
ในวันนี้ซูหมิงทะลวงวงแหวนอาคมอย่างต่อเนื่องไปเจ็ดครั้ง ทว่าทุกครั้งไม่อาจข้ามผ่านการแปรเปลี่ยนของวงแหวนอาคมได้ เหมือนกับวางกระจกสองบานเข้าด้วยกัน สิ่งที่เห็นคือความมืดไร้ที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่ายืดยาวไปที่ใด หากอยากเห็นโลกในกระจก เช่นนั้นก็ต้องพุ่งออกจาฤกความมืดมิดนี้!
วันที่สาม
สายฝนปานแอ่งน้ำเทเอียงลงมา แผ่นดินสั่นสะเทือน เกิดรอยร้าวลุกลามไปทั้งโลกเก้าหยิน กระทั่งมียอดเขาอีกไม่น้อยเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ชั้นเมฆบนท้องฟ้าหมุนวนอย่างเนิบๆ มองแวบแรกเหมือนทั้งผืนฟ้ากลายเป็นน้ำวนยักษ์ บนแผ่นดินโลกเก้าหยิน มีเสาแสงเก้าสิบเก้าต้นเชื่อมระหว่างฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง หากมองโลกเก้าหยินเป็นภาพผืนใหญ่ เช่นนั้นในภาพนี้จะเห็นชัดเลยว่า เสาแสงเก้าสิบเก้าต้นนี้เหมือนกับแสงตั้งขึ้นค้ำยันน้ำวนบนท้องฟ้า!
ในสามวันนี้ ซูหมิงลองข้ามผ่านวงแหวนอาคมสิบกว่าครั้ง ทว่าก็ยังคงล้มเหลวทั้งหมด แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ค่อยๆ พบกฎเกณฑ์ของมัน เขาใช้ความเร็วที่ตนถนัดที่สุดในการข้ามวงแหวนอาคมนี้ ด้วยความเร็วสูง เขาเริ่มสังเกตเห็นว่ามีร่างเงาหลายตนบิดเบี้ยวและหายไป
“ต้องใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่อง!” ซูหมิงยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงที่หนึ่งหลังจากล้มเหลวมาในสามวันนี้ นัยน์ตาขยับประกาย
วันที่ห้า
รอยร้าวบนผืนดินลุกลามเยอะขึ้นเรื่อยๆ รอยแยกลึกส่งเสียงดังสนั่นและแยกตัวออกมากขึ้น ประดุจผืนดินจะถล่มทลาย ใต้รอยแยกนั้น ยอดเขาถล่มลงจำนวนมาก หินภูเขาร่วงหล่น มีภูเขาหลายลูกตกลงไปในรอยแยกอันไร้ที่สิ้นสุด
หากมองผืนดินจากท้องฟ้า จะเห็นว่าพื้นดินพังทลายและกระจายออกโดยรอบอย่างช้าๆ เหมือนกับว่าในผืนดินมีบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมา
สายฝนบนท้องฟ้าไหลลงไปในรอยแยกจำนวนมาก ทว่าก็ไม่อาจเติมจนเต็ม น้ำวนบนชั้นเมฆหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นเสียงนิจนิรันดร์ในโลกเก้าหยิน
โดยเฉพาะส่วนลึกของน้ำวนบนชั้นเมฆ มีสายฟ้าผ่าลงมาไม่หยุดหย่อน ประหนึ่งว่าจะเปิดตรงกลางน้ำวนออก
ซูหมิงล้มเหลวติดต่อกัน หลังจากจบวันที่ห้า เขาล้มเหลวไปไม่รู้กี่ครั้ง แม้จะไม่สำเร็จสักครั้ง ทว่าเขาก็ทำให้ร่างเงามากกว่าหนึ่งร้อยหายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่การใช้ความเร็วแบบนี้ยากจะยืนหยัดได้นาน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีทางข้ามผ่านการแปรเปลี่ยนได้ทั้งหมด
วันที่เจ็ด
น้ำวนบนท้องฟ้าไม่หมุนวนอีก นั่นเป็นเพราะมันหมุนวนเร็วเกินไปจนเกิดเป็นภาพลวง อีกทั้งด้วยการหมุนเร็วขนาดนั้นทำให้เกิดเสียงโครมครามดังกึกก้อง ในน้ำวนนั้นค่อยๆ ปรากฏใบหน้าคนยักษ์ขึ้น
ใบหน้านี้มีสี่ดวงตา สองดวงตาที่เพิ่มเข้ามาอยู่ตรงระหว่างคิ้ว ตอนนี้หลับตาอยู่ทั้งหมด ใบหน้านูนออกมาจากในน้ำวน ตำแหน่งที่มีสายฟ้าอัดแน่นอยู่ตรงกลางน้ำวนก็คือ ดวงตาที่สี่ของใบหน้า
นี่คือวิญญาณโลก และก็เป็นของวิเศษของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างโลกเก้าหยิน หรือเรียกอีกอย่างว่าวิญญาณของวิเศษที่หลับใหลอยู่!
หลังจากใบหน้าปรากฏขึ้น ผืนดินก็ถล่มทลายถึงจุดขีดสุด
แม้แต่หุบเขาของเผ่าชะตาชีวิตยังถล่มลง ดีที่พวกเขาเตรียมพร้อมก่อนแล้ว ยามนี้จึงรวมตัวกัน ภายใต้การนำของหนานกงเหิน พวกเขามารอซูหมิงอยู่นอกแท่นบวงสรวง
ขณะซูหมิงกำลังเตรียมบุกวงแหวนอาคมของแท่นบวงสรวง ก็ส่งจิตสัมผัสบอกเวลาโดยละเอียดเกี่ยวกับปรากฏการณ์บนผืนฟ้ากับหนานกงเหิน และยังบอกตำแหน่งของตนเองแล้ว
จากวันที่ห้าเป็นต้นมา ซูหมิงนั่งฌานอยู่บนแท่นบวงสรวงที่หนึ่ง เขาไม่ได้ลองอีก แต่นั่งอย่างเงียบๆ จนกระทั่งวันที่เจ็ดผ่านไป เขาก็ยังอยู่อย่างนั้น
วันที่เก้า!
เมื่อวันนี้มาถึง ผืนดินส่วนใหญ่เว้าลึกลงไป หนานกงเหินพาชาวเผ่าชะตาชีวิตหลายร้อยคนถอยหลังไปยังขอบนอกแท่นบวงสรวง พวกเขายังเห็นซูหมิงนั่งฌานอยู่บนแท่นไม่ไกล และก็ยังเห็นว่าหุบเขาที่พวกเขาอาศัยมาสิบห้าปีถล่มทลายหายไป
นอกจากนี้ยังเห็นว่าจุดที่ใกล้กับหุบเขาถล่มห่างจากพวกเขาไปสิบจั้ง ตอนนี้เกิดเป็นรอยแยกใหญ่ จุดที่พวกเขาอยู่นี้ก็เป็นขอบหน้าผาฝั่งเดียว
ใบหน้าคนยักษ์ที่ลอยอยู่ในน้ำวนบนท้องฟ้า ยามนี้ดวงตาสั่นไหวคล้ายค่อยๆ ตื่นจากการหลับใหล โดยเฉพาะดวงตาสองดวงตรงระหว่างคิ้ว มันสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับว่าจะลืมตาได้ตลอดเวลา!
ส่วนเสาหินเก้าสิบเก้าต้น ขณะนี้เหมือนใกล้จะถึงช่วงสำคัญ ในนั้นมีเจ็ดต้นกำลังมัวหมองอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็หายไป หลังจากนั้นก็มีเสาแสงอีกสิบกว่าต้นมัวหมองตามกันไป ประหนึ่งว่าไม่อาจค้ำยันไหวและค่อยๆ สลายไป
ซูหมิงยังคงนั่งฌานนิ่งอยู่บนแท่นบวงสรวง หลายวันมานี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น แม้จะบอกว่าแน่นิ่ง ทว่าชาวเผ่าชะตาชีวิตที่เฝ้ามองซูหมิงอยู่ตลอดกลับเริ่มสังเกตเห็นว่า กลิ่นอายพลังจากในตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อหลายวันก่อน!
ซูหมิงแทบจะแกร่งขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะวันที่เก้า มวลอากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว เสมือนไม่อาจทนรับการสั่งสมพลังในร่างกาย!
หลายวันก่อนตัวเขายังขยับแสงสีทองวูบวาบ ทว่ายามนี้แสงทองกลับค่อยๆ สลาย ไม่ใช่ว่ามันหายไป แต่ถูกร่างกายซูหมิงสูบเข้าไปต่างหาก จึงไม่มีแสงเปล่งออกมาข้างนอก!
ขณะชาวเผ่าชะตาชีวิตหลายร้อยคน รวมถึงหนานกงเหินมองตาไม่กะพริบ เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป จนผ่านวันที่เก้าเข้าสู่วันที่สิบ!
วันที่สิบมาถึงได้ไม่นาน ดวงตาของใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้าก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เมฆหมอกหมุนโคจร แม้แต่ตรงแท่นบวงสรวงยังสั่นสะเทือนปานไม่อาจค้ำยันไหวอีก และเกิดรอยร้าวขึ้น
บนท้องฟ้าในจุดที่ทุกคนมองไม่เห็น ปรากฏร่างสวมเสื้อคลุมเหลืองผู้หนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ทำสัญลักษณ์สองมือแล้วชี้ขึ้นฟ้า
“วิญญาณของวิเศษ ด้วยร่างของผู้อาวุโสเผ่าวิญญาณหยิน จงตื่น!”
ใบหน้าคนบนท้องฟ้าสั่นไหวรุนแรงยิ่งขึ้น ทว่าก็ยังไม่ลืมตา ราวกับว่ามีพลังบางอย่างอยู่ในจิตของมัน ไม่ให้มันตื่นขึ้น!
ยามนี้เอง เสาแสงในโลกเก้าหยินกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบเจ็ดต้น อีกทั้งกำลังมัวหมองลงอย่างรวดเร็ว หากเสาแสงหายไปจนหมด หากวิญญาณโลกยังไม่ตื่นขึ้น เช่นนั้นทุกอย่างก็จะล้มเหลว!
หลังจากเสาแสงหายไปและแท่นบวงสรวงถล่มลง
วงแหวนอาคมจากแท่นบวงสรวงถึงจะคลายออก ขณะเดียวกัน แสงสีทองเส้นสุดท้ายนอกตัวซูหมิงก็ถูกสูบไปจนหมด ทันใดนั้นเขาพลันลืมตา
แววตาลุ่มลึก ไม่มีแสงสีทองแม้แต่น้อย เขาสั่งสมมาหลายวัน ในหลายวันนี้เขาไม่สนโลกภายนอก สมาธิทั้งหมดรวมอยู่ที่ขั้นพลัง ยามนี้ลืมตาขึ้นแล้วก็ห้อเหยียดไปข้างหน้าด้วยความเร็วยากจะบรรยาย
นี่คือความเร็วสูงสุดที่เขาเคยใช้มาในสิบวันนี้!
แทบจะเป็นวินาทีที่ซูหมิงพุ่งออกจากแท่นบวงสรวง ตรงหน้าเขาปรากฏแท่นบวงสรวงนับไม่ถ้วนและตัวเขาที่กำลังห้อเหยียดอยู่จำนวนมาก ทว่าเมื่อร่างเงามายาปรากฏขึ้น ก็มีหลายสิบคนบิดเบี้ยวหายไปแทบจะทันที เห็นได้ชัดว่าไม่อาจตามความเร็วของซูหมิงทันแล้วถูกข้ามผ่านไป!
ทุกอย่างในสายตาซูหมิงหายไป มีเพียงอย่างเดียวคือเส้นทางของแท่นบวงสรวงอันไร้ที่สิ้นสุดประหนึ่งหลุมดำตรงหน้า เขาลืมทุกอย่าง ใช้ความเร็วสูงสุดทะยานเข้าไป ร่างเงามายารอบตัวหายไปเรื่อยๆ ครู่ต่อมา ร่างเงามายาก็หายไปหนึ่งร้อยคน แต่ตรงหน้าซูหมิงก็ยังมีอีกมหาศาล!
ทำให้ร่างเงามายาหายไปเกือบร้อยได้ นี่คือขีดจำกัดของเขาเมื่อหลายวันก่อน ทว่ากลับไม่ใช่ของวันนี้ กระดูกเซ่นไหว้ปลดปล่อยพลังทั้งหมด ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ขณะพุ่งไปก็ทิ้งไว้เป็นเศษเสี้ยวเงา เมื่อปรากฏเศษเสี้ยวเงาก็มีร่างมายาอีกไม่น้อยที่หายไป
ซูหมิงไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เขารู้เพียงว่าตนกำลังห้อเหยียดไปไม่หยุด เวลาเหมือนจะช้าลง ร่างเงามายาหายไปจำนวนมาก ทว่าตรงหน้าก็ยังมีอีกไม่น้อย
จนกระทั่งเขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวจากการโคจรขั้นพลัง นี่คือสัญญาณบอกว่าเกินกว่าจะรับไหว แต่ตรงหน้าซูหมิงห่างไปไกลยิ่งนัก ยังมีร่างเงามายาตัวเขาอีกสิบกว่าคน เขาข้ามผ่านมาส่วนใหญ่แล้ว ทว่าตอนนี้กลับยากจะผ่านไปทั้งหมด
“หรือว่าจะต้องจบเช่นนี้หรือ…” ซูหมิงขมขื่น เขารู้ว่าต่อให้กลายเป็นซู่มิ่ง เวลาสิบห้าลมหายใจก็ยากจะข้ามผ่าน!
ทว่าวินาทีที่กำลังขมขื่นอยู่ในใจนั้น มีเสียงระเบิดดังบนท้องฟ้า แผ่นดินสั่นสะเทือน แท่นบวงสรวงที่หนึ่งพลันเกิดรอยร้าวขึ้น
นี่เป็นเพราะปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและสิ่งที่เกิดขึ้นจากการตื่นของวิญญาณโลก แทบจะทันทีที่แท่นบวงสรวงที่หนึ่งเกิดรอยร้าว ซูหมิงพลันสังเกตเห็นว่าร่างเงามายาของตนสิบกว่าคนหยุดชะงักพร้อมกัน
นัยน์ตาซูหมิงพลันเปล่งประกายเด่นชัดที่สุด เขาห้อเหยียดไปอย่างไม่ลังเล ร่างกายกลายเป็นน้ำวน จากนั้นถึงมีร่างเด็กหนุ่มของซู่มิ่งพุ่งตัวมาจากในน้ำวนนั้น!
หนึ่งก้าว ทำให้ร่างมายาสิบกว่าคนที่กำลังหยุดอยู่ชั่วนิรันดร์ถอยไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งผ่านไปสิบห้าลมหายใจ หลังจากเด็กหนุ่มซู่มิ่งกลับคืนสู่ร่างซูหมิงแล้ว ตัวเขาก็มาปรากฏอยู่ห่างจากร่างเงามายาสิบกว่าคนนั้นไม่ถึงครึ่งจั้ง
แม้จะเป็นครึ่งจั้ง เขาก็ข้ามผ่านวงแหวนอาคมทั้งหมด
รู้สึกเหมือนทั้งตัวชนกับเนื้อเยื่อหนึ่งชั้น เนื้อเยื่อนี้ขวางไม่ให้เขาข้ามผ่าน แต่กลับไม่อาจขวางสายตาของซูหมิง!
เขาเห็นแล้ว…
วินาทีที่ซูหมิงเห็นโลกกระจก ชายชราเสื้อคลุมเหลืองบนท้องฟ้าโลกเก้าหยินกางแขนสองข้าง ทันทีที่เสาแสงเหลือสามต้นสุดท้าย ก็มีเสียงคำรามดังแว่วขึ้นมาจากผืนดินที่เว้าลึกลงไป
“วิญญาณโลก จงตื่น!” เสียงคำรามดังขึ้น
ขณะเดียวกัน ในเหวลึกบนผืนดินมีแขนต้นไม้ยื่นออกมา ด้านหลังแขนนั้นเป็นศีรษะไม้ขนาดใหญ่ และยังมีร่างยักษ์สูงพันจั้ง!
มันเป็นมนุษย์ต้นไม้สูงพันจั้ง!
ศีรษะของมันเคยวางอยู่กลางเมืองเชมันในอดีต ร่างกายนี้คือชายชราเสื้อคลุมเหลืองแห่งเผ่าวิญญาณหยิน นี่คือร่างจริงของเขา!
ช่วงที่เสียงคำรามดังก้องฟ้า เสาแสงสามต้นที่เหลืออยู่มอดดับตามกันไป แต่ในขณะนั้น ดวงตาที่สามและสี่ตรงระหว่างคิ้วของใบหน้าคนยักษ์บนท้องฟ้าลืมตาขึ้นพร้อมกัน!
วิญญาณโลกตื่นขึ้น!