Skip to content

สู่วิถีอสุรา 508

ตอนที่ 508 หวนคืน

ณ แดนอรุณใต้ นอกเมืองหมอกนภา ชั้นเมฆม้วนตลบ มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ฝนตกหนักยิ่ง สายฝนนี้พิลึก มันตกมาติดต่อกันหลายเดือนแล้ว

กลางสายฝน ทุกสรรพสิ่งเลือนรางจนมองเห็นได้ไม่ไกลนัก หลังจากฝนตกก็มีกลิ่นทะเลชื้นๆ อบอวลอยู่โดยรอบ

เมืองหมอกนภาโออ่าในตอนนั้น ยามนี้เงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ ทว่าหากมองดีๆ จะเห็นว่ามันต่างจากตอนนั้นอยู่บ้าง กำแพงเทือกเขาถูกเติมจนสูงขึ้นมาก หากเงยหน้ามองจากในเมืองจะเกิดความรู้สึกนี้อย่างชัดเจน

ทอดสายตามองไปบนแผ่นดินเชมันนอกเมืองหมอกนภา ขณะนี้ไม่มีร่างเงาผู้ใด หากยืนบนจุดสูงสุดของท้องฟ้าแล้วมองทั้งแดนอรุณใต้ จะพบว่าตรงชายแดนเผ่าเชมันมีคลื่นถาโถมเข้ามา น้ำทะเลมหาศาลกำลังจมผืนดินไม่หยุด พื้นที่ของมันไร้ขอบเขต ดูจากท่าทางแล้ว อีกไม่นานก็จะลุกลามมาถึงเมืองหมอกนภา!

ด้านนอกน้ำทะเล ตรงจุดที่ไกลออกไปอีก ในทะเลมรณะท่ามกลางสายฝนมีแผ่นดินใหญ่กำลังเข้ามาใกล้ตามน้ำทะเล ความเร็วดูเหมือนช้า แต่ความจริงแล้วหากเข้าไปใกล้จะรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันมีความเร็วสูง

แผ่นดินใหญ่เงามืดนั้นก็คือแดนรกร้างบูรพา เมื่อเคลื่อนตัวเข้ามาจึงทำให้เกิดเป็นพายุคลั่ง ม้วนน้ำทะเลให้ไหลเชี่ยว ทั้งยังขยายปกคลุมแผ่นดินเผ่าเชมันมากขึ้น จมยอดเขาตรงชายแดนแต่ละลูก และยังจมพื้นที่ราบผืนใหญ่ให้เป็นทะเลไร้พรมแดน

ภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพาครั้งนี้กำลังรุนแรงขึ้น อีกไม่นานเมื่อแดนรกร้างบูรพาชนกับแดนอรุณใต้ สำหรับผู้คนในแดนอรุณใต้แล้ว ภัยพิบัติครั้งนี้จะทำลายทุกอย่าง ภูเขาถล่มทลาย ผืนดินเคลื่อนทะเลพลิก ภายใต้ภัยพิบัติครั้งนี้ ต่อให้เป็นผู้มีขั้นพลังสูงส่งก็ยังยากจะรับมือไหว

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ผ่านไปแล้ว แผ่นดินอรุณใต้จะเหลือผู้รอดชีวิตเท่าไร…

ทุกกลุ่มอำนาจจะโกลาหล เผ่าหมานก็ดี เผ่าเชมันก็ดี ขณะกำลังจะถูกทำลายนี้ จะไม่มีลำดับขั้น ไม่มีสำนัก ไม่มีเผ่าใหญ่ ทุกอย่างจะวุ่นวายไปหมด!

จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายจะเป็นยุคสมัยที่ผู้แข็งแกร่งผงาดขึ้นหลังจากมหาภัยพิบัติ…

แผ่นดินเชมันในตอนนี้ ตรงจุดที่ใกล้กับทะเลมรณะลุกลามเข้าใกล้ มีร่างคนราวเจ็ดแปดคนกำลังห้อวิ่งอยู่ ในแปดคนนั้นมีสตรีสามคน ที่เหลือเป็นบุรุษ คนอาวุโสสุดมีเส้นผมขาว คนอ่อนวัยสุดก็ราวสิบแปดสิบเก้าปี แม้ทั้งแปดคนนี้มาจากคนละเผ่า ทว่ายามนี้กลับรวมตัวกันเพื่อทำเรื่องเดียวกัน…

หนี!

พวกเขากำลังหนี หนีอย่างไม่คิดชีวิต ด้านหลังพวกเขาไม่มีผู้แข็งแกร่งไล่ตามมา แต่สีหน้าพวกเขากลับเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและหวาดกลัว

แม้ไม่มีผู้แข็งแกร่งไล่ตาม ทว่ามีคลื่นทะเลมหาศาลถาโถมเข้ามา สิ่งมีชีวิตแกร่งกล้านับไม่ถ้วนกำลังร้องคำรามอื้ออึงอยู่ในทะเลมรณะสีดำ

ห่างไปหนึ่งพันลี้ด้านหลังมียอดเขาลูกหนึ่ง ตอนนี้ยอดเขาถล่มลง สาเหตุก็มาจากลูกคลื่นยักษ์ เศษหินจากยอดเขารวมถึงตัวภูเขาถูกน้ำทะเลจมมิด กลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลไร้พรมแดน

บนท้องฟ้ากลางชั้นเมฆหมุนตลบและสายฝน มีสัตว์ปีกอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ สัตว์ปีกเหล่านี้มาจากทะเลมรณะ พวกมันเติบโตกลางทะเล ใช้ชีวิตอยู่บนท้องฟ้า ตอนตาย หากมีกำลังก็จะกลับมาในทะเลมรณะ

พวกมันรวมกันเป็นกลุ่ม บินอยู่บนท้องฟ้า จำนวนมากมายจนยากจะนับคำนวณ คล้ายปกคลุมท้องฟ้า จุดที่พวกมันผ่าน ผืนดินตรงนั้นจะไม่มีฝน!

สัตว์ปีกชนิดนี้ดุร้ายอย่างยิ่ง ไม่สนใจสรรพสิ่งในทะเลหรือบนผืนดิน จะจู่โจมสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พวกเดียวกับมันบนท้องฟ้า หากเจอเข้ามันจะรวมกลุ่มและเข้าโจมตีโดยไม่ยอมเลิกรา!

ทว่าจำนวนของพวกมันประดุจไร้ขีดจำกัด ต่อให้ตายไปเยอะก็ยังมีสัตว์ปีกพุ่งขึ้นมาจากทะเลมรณะอีกจำนวนมาก!

ที่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทะเลมรณะอันกว้างใหญ่ ตอนนี้ตรงชายแดนเผ่าเชมันอรุณใต้มีอันตรายเช่นนี้อยู่ทุกที่

“บินไม่ได้ ได้แต่เดินพื้น…ทว่า…พวกเราจะเร็วกว่าทะเลมรณะข้างหลังได้อย่างไร!” ในแปดคนที่กำลังห้อเหยียดนั้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างขมขื่น

“ไม่ไหวก็ต้องสู้สุดชีวิต ต้องไปถึงภูเขาวงแหวนนิรันดร์จึงจะมีชีวิตรอด!”

“ภูเขาวงแหวนนิรันดร์เป็นจุดช่วยเหลือที่ใกล้กับพวกเรามากที่สุด ที่นั่นมีอาคมเคลื่อนย้ายระยะทางสั้นๆ ของเผ่าเชมัน มีเพียงไปให้ทันก่อนน้ำทะเลจม ถึงจะมีเวลาออกจากเผ่าเชมัน!” คนที่กล่าวอย่างร้อนรนคือสตรีใบหน้าซีดขาวคนหนึ่ง

“ออกจากเผ่าเชมันแล้วจะมีประโยชน์อะไร เผ่าของข้าสูญสิ้นไปแล้ว ชาวเผ่าที่เหลือก็แยกจากกันคนละทาง ต่อให้ไปเผ่าหมาน ชีวิตนี้ก็คงไม่ได้เห็นตะวันอีก….” เด็กหนุ่มอายุราวสิบแปดสิบเก้าปีที่เงียบมาตลอดกล่าวพลางฝืนยิ้ม

ช่วงที่พวกเขากำลังสนทนา พลันมีเสียงโครมครามดังมาจากด้านหลัง ทั้งแปดคนหน้าเปลี่ยนสีในทันใดและไม่พูดอะไรอีก แต่กัดฟันเร่งความเร็วขึ้น

ด้านหลังห่างจากพวกเขาไปหลายร้อยลี้ เวลานี้น้ำทะเลหลั่งทะลักเข้ามา ลูกคลื่นม้วนตัวขึ้นสูงปานมีแรงผลักมหาศาลจากข้างหลัง ปกคลุมทุกจุดที่เคลื่อนผ่านให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเล

บนผิวทะเลมีศีรษะยักษ์โผล่ดวงตาขึ้นมา มันกำลังมองแปดคนตรงหน้าที่อยู่ห่างไปหลายร้อยลี้ ดวงตาคู่นั้นไร้เมตตาและเย็นชา แม้ทั้งแปดคนไม่หันกลับมามองก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ

“ยักษ์ทะเลมรณะ!” ทั้งแปดคนที่กำลังหนีใจสั่นไหว ขณะห้อวิ่งไป ทะเลมรณะด้านหลังก็ลุกลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ศีรษะบนผิวทะเลค่อยๆ จมลงไปในน้ำจนเหมือนมองไม่เห็น ทว่าไม่นาน ห่างไปร้อยลี้บนผิวทะเลใกล้กับทั้งแปดคนก็มีศีรษะโผล่ขึ้นมา

น้ำทะเลลุกลามเข้ามาใกล้แปดคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายร้อยลี้เมื่อครู่ก็เหลือแค่หนึ่งร้อยลี้ เสียงโครมครามจากผิวทะเลและกลิ่นเค็มประหนึ่งอยู่ข้างๆ ทั้งแปดคน

วินาทีที่คลื่นลูกใหญ่ยกสูงขึ้นและกดทับลงจนน้ำทะเลลุกลามเร็วขึ้น สตรีที่เอ่ยถึงภูเขาวงแหวนนิรันดร์ก่อนหน้านี้กัดฟันกระโดดขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พ่นโลหิต ร่างพลันกลายเป็นหมอกโลหิตสายหนึ่งบินไกลออกไป

อีกเจ็ดคนก็เช่นกัน ขณะลังเลใจก็เริ่มทำตามๆ กัน กลายร่างเป็นสายรุ้งเจ็ดเส้นบินขึ้นฟ้า ห่างจากพวกเขาไปราวหลายร้อยลี้มีภูเขาสูงตระหง่านอยู่ลูกหนึ่ง

ภูเขานี้เป็นเทือกเขา วางติดกันเป็นวงแหวน อีกทั้งตรงปลายยอดเขายังไม่ใช่ปลายแหลม แต่คล้ายกับแท่น มองดูเป็นลักษณะวงแหวนเช่นกัน

ที่นี่ก็คือภูเขาวงแหวนนิรันดร์ที่พวกเขาเอ่ยถึง!

แปดคนบนท้องฟ้า เวลานี้ไม่สนใจกันอีก ต่างคนต่างใช้ความเร็วทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังภูเขา แต่แทบจะทันทีที่พวกเขาบินขึ้นก็มีสัตว์ปีกบินเข้ามาจากรอบตัว

สัตว์ปีกพวกนี้มีความเร็วเหนือกว่าพวกเขามาก มองไปแล้วคล้ายกับมือใหญ่กวาดมายังคนทั้งแปด ทันทีที่สัตว์ปีกบินเข้ามาใกล้ ทั้งหมดต่างใช้วิชาของตัวเอง ลำแสงหลากสีขยับวูบวาบ เสียงระเบิดดังก้องกังวาน

ในแปดคนมีสี่คนพุ่งออกจากวงล้อมสัตว์ปีกได้ ทว่าสี่คนที่เหลือกลับติดอยู่ในกลุ่มสัตว์ปีกตลอดไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้องดังระงม ร่างพวกเขาขาดกระจายเป็นชิ้นๆ และเข้าสู่ปากสัตว์ปีกจำนวนมาก

ทั้งสี่คนที่หลุดออกมาจากวงล้อมอย่างยากเย็น ครั้นได้ยินเสียงกรีดร้องของสหายร่วมเดินทางก็หน้าซีดขาว ทว่ายังคงมุ่งหน้าไปที่ยอดเขาด้วยความหวาดกลัว เดิมทีพวกเขาก็ใกล้จะถึงแล้ว ไม่นานจึงห่างจากยอดเขาไม่ถึงหลายร้อยจั้ง หากแต่เวลานี้ น้ำทะเลด้านล่างลุกลามมาจนห่างจากภูเขาไม่ถึงพันจั้งแล้ว!

ขณะเดียวกัน สัตว์ปีกจำนวนมากบินเข้ามาอีกครั้ง ครู่ต่อมาในสี่คนก็มีคนหนึ่งตกอยู่ในวงล้อมฝูงสัตว์ปีกและทิ้งชีวิตเอาไว้ ในที่สุดสามคนที่เหลือก็มายืนอยู่บนยอดเขา

สามคนนี้มีบุรุษสองสตรีหนึ่ง สตรีคนนี้ก็คือคนที่เอ่ยถึงภูเขาวงแหวนนิรันดร์ ส่วนบุรุษอีกสองคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน อีกหนึ่งเป็นชายชรา

“ข้ารู้ว่าจะเปิดวงแหวนอาคมนี้อย่างไร พวกเจ้าสองคนคุ้มกันให้ข้า!” สตรีคนนั้นรีบเดินเข้ามาไวๆ แล้วเหยียบเข้าไปในวงแหวนอาคมที่สลักเอาไว้บนพื้นยอดเขา

ขณะที่นางกำลังกางอาคมนี้เพื่อให้มันหมุนโคจร น้ำทะเลใต้ยอดเขาก็เข้ามาใกล้และชนเข้ากับยอดเขาดังโครม กระทั่งยืนอยู่บนยอดเขายังเห็นได้ชัดว่าบนพื้นห่างไปไม่ถึงสิบจั้งกลายเป็นผิวทะเลไร้พรมแดนหมดแล้ว

ยอดเขาสั่นสะเทือน เกิดรอยร้าวขึ้นมากมาย ประดุจว่ารับแรงกระแทกจากน้ำทะเลไม่ไหวและใกล้จะพังลง อีกทั้งบนผิวทะเลนอกยอดเขา ยามนี้มีศีรษะยักษ์ผุดขึ้นมา ก่อนมีฝ่ามือยักษ์สีดำพุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลลึก คว้าไปยังสามคนบนยอดเขา

หากมองไกลๆ จะเหมือนว่าในทะเลมียักษ์อยู่ มันกำลังยกมือขึ้นหมายมั่นจะบดขยี้ทุกสิ่ง

นอกจากสตรีผู้นั้นแล้ว ชายชรากับชายวัยกลางคนมีสีหน้าตื่นกลัว สภาพจิตใจสั่นไหว ชายชราพลันเดินไปหาชายวัยกลางคนทันที ก่อนยกมือขวาผลักอีกฝ่ายไปทางฝ่ามืออย่างแรงเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต แต่ขณะกำลังจะลงมือ ชายวัยกลางคนพลันขยับไปข้างๆ แล้วคว้ามือขวาไปทางชายชรา ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาก็มีความคิดแบบเดียวกัน

วินาทีที่ทั้งสองคนคิดร้ายต่อกัน สตรีในวงแหวนอาคมยิ้มชั่วร้าย

ยามนี้วงแหวนอาคมใต้ตัวนางเปล่งแสงสว่างจ้า ทั้งยังปลดปล่อยแรงปะทะ ผลักให้ชายชราและชายวัยกลางคนออกจากยอดเขา ตรงเข้าสู่ฝ่ามือยักษ์ที่กำลังคว้ามา

“สารเลว! เจ้า….” ชายชรากับชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสี ทว่ายังไม่ทันกล่าวอะไรก็ส่งเสียงร้องโหยหวน พวกเขาถูกฝ่ามือจับเอาไว้แล้วบดขยี้จนกลายเป็นเศษเนื้อ

หลังจากฝ่ามือคนยักษ์บดขยี้ชายชรากับชายวัยกลางคนก็กำหมัดชกเข้าใส่ยอดเขา

“ต้องขอบคุณทั้งสองท่าน” หญิงผู้นั้นยิ้มเยาะ วงแหวนอาคมหมุนโคจร ร่างนางหายไปในพริบตา ทว่าวินาทีที่ร่างนางเหมือนจะหายไปนั้นกลับพลันปรากฏอีกครั้ง รอยยิ้มหยันตรงมุมปากเปลี่ยนเป็นอึ้งงันในทันใด นางหมุนตัวไปมอง สิ่งแรกที่เห็นคือข้างกายนางมีร่างคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง!

ร่างนั้นสวมชุดขาว เส้นผมสีดำ ใบหน้าซีดขาว สีหน้าอิดโรย เขาก็คือซูหมิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version