ตอนที่ 509 ทะเลมรณะลุกลาม
ยามนี้บนตัวซูหมิงมีพลังความตายเข้มข้น พลังความตายนี้มาจากโลกเก้าหยิน มาจากการเห็นโลกกระจกขณะกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์บินจากไป เขาเห็นโลกกลมกลางผืนฟ้ากระจ่างดาว และยังเห็นแผ่นดินใหญ่นับไม่ถ้วน ร่างกายเขาไม่อาจปรับสภาพกับโลกภายนอก จึงค่อยๆ เน่าเปื่อยและมีพลังความตายหนาแน่นกระจายออกมา
พลังความตายนี้เดิมทีอาจมีอยู่ในตัวเขา เพียงแต่ว่ามันจะเผยออกมาตอนอยู่นอกโลกเท่านั้น
ตอนซูหมิงเพิ่งถูกส่งกลับมาก็ยังเหลือเศษเสี้ยวอยู่!
ทว่าในสายตาหญิงผู้นั้น ซูหมิงที่มีพลังความตายโอบล้อมนี้เท่ากับคนกึ่งตายแล้ว มีคลื่นพลังที่ไม่แกร่งมากนัก เมื่อเป็นเช่นนั้น นัยน์ตานางจึงฉายแววชั่วร้าย เวลานี้นางต้องใช้อาคมเคลื่อนย้ายออกไปจากที่นี่ตามแผนของตนแล้ว
เดิมทีควรจะไปปรากฏอยู่ที่ไกลๆ ทว่าขณะวงแหวนอาคมกำลังโคจร ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงปรากฏคนกึ่งตายขึ้น นัยน์ตาชั่วร้ายจึงมีความแค้นเพิ่มเข้ามา
แต่นางเป็นคนเจ้าแผนการ วินาทีที่เห็นซูหมิง กลับไม่สนใจกำปั้นของยักษ์ทะเลมรณะที่กำลังตรงเข้ามา สีหน้าดูหวาดกลัวและน่าสงสาร แววตายังอ้อนวอน นางอ้าปากเหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับสีหน้าคือนางยกมืองามขึ้นอย่างเร็วรี่ คว้าแขนซูหมิงที่มีสีหน้าอิดโรยเอาไว้ก่อนกระชาก คิดจะเหวี่ยงเขาไปทางกำปั้น และใช้โอกาสนี้ให้ตนเปิดอาคมเคลื่อนย้ายอีกครั้ง
ในความคิดนาง ร่างที่มีพลังความตายโอบล้อมนี้เป็นคนกึ่งตายอย่างแน่นอน ส่วนตนเป็นเชมันระดับกลาง จึงไม่น่าจะเกิดข้อผิดพลาด อีกทั้งการปกปิดทางสีหน้านางก็เพียงพอจะให้คนอื่นสับสน
แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ทันทีที่นางคว้ามือแขนซูหมิงและกระชากด้วยพละกำลังทั้งหมด ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะไม่ขยับแม้แต่น้อย
นางอึ้งงันไป ทันใดนั้นซูหมิงเงยหน้าขึ้น ไม่มองอีกฝ่ายแม้แต่หางตา แต่เดินหน้าหนึ่งก้าว สตรีนางนั้นปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว มองซูหมิงเดินออกจากวงแหวนอาคม มองเขาเงยหน้าจ้องกำปั้นคนยักษ์ทะเลมรณะที่กำลังตรงเข้ามาพร้อมกับคลื่นทะเลถาโถม
“ไสหัวไป!” ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน ภาพบนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ทำให้จิตใจเขาสับสนยิ่งนัก สิ่งต่างๆ ที่พบเหล่านั้นยากจะให้ใจเขาสงบนิ่ง ยามนี้กลับมายังแดนอรุณใต้ เพิ่งเดินออกจากวงแหวนอาคม ก็มีสตรีผู้ไม่รู้เรื่องราวคนนี้กับกำปั้นคนยักษ์ในทะเลมรณะตรงเข้ามา
แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงกล่าวประโยคนี้ หมัดคนยักษ์ทะเลมรณะบนท้องฟ้าต่อยเข้ามาแล้ว นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายจิตสังหาร ขณะนี้จิตใจเขาย่ำแย่นัก เขายกมือขวาขึ้น ไม่ได้กำหมัด แต่ใช้ฝ่ามือรับกำปั้นยักษ์เอาไว้ทันใด
เสียงโครมดังสนั่น ซูหมิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่ากำปั้นคนยักษ์กลับสั่นสะเทือน เลือดเนื้อฉีกออก ยักษ์ที่โผล่มาครึ่งศีรษะในทะเลร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
เหตุการณ์นี้ทำให้สตรีด้านหลังซูหมิงเบิกตากว้างดูเหลือเชื่อ ลมหายใจพลันแข็งค้าง ความคิดขาวโพลน
บนทะเล ยักษ์ทะเลมรณะโผล่ศีรษะขึ้นมาทั้งหมด ขณะกำลังจะชักมือขวาออก ซูหมิงกลับยิ้มเยาะแล้วใช้ห้านิ้วมือทะลวงเข้าไปในกำปั้นยักษ์ ทำให้มันดึงมือออกไปไม่ได้และถูกกระชากอย่างแรง!
การกระชากครั้งนี้ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นในทะเล จากนั้นมีคนยักษ์สูงร้อยจั้งถูกกระชากขึ้นมาจากผืนน้ำ เมื่อถูกตวัดขึ้นมาอยู่กลางอากาศจนเป็นลักษณะเส้นโค้งแล้ว ซูหมิงก็คลายมือขวา คนยักษ์จึงกระเด็นออกไปเหมือนว่าวสายป่านขาด
ทว่าวินาทีที่มันถูกเหวี่ยงไป ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว กระโดดขึ้นกลางอากาศ ก่อนเข้าประชิดตัวคนยักษ์แล้วใช้นิ้วชี้มือขวากดตรงระหว่างคิ้วมันอย่างแรง
เสียงระเบิดดังก้อง ศีรษะคนยักษ์ระเบิดกระจุย ร่างตกบนทะเลไกลออกไปดังโครม หลังจากชักกระตุกหลายทีแล้วถึงค่อยๆ จมลงไปก้นทะเล
สตรีในวงแหวนอาคมบนยอดเขา ยามนี้ตัวสั่นเทา มองซูหมิงด้วยแววตาตื่นตะลึงและหวาดกลัว นางรู้ว่าคนยักษ์ทะเลมรณะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทุกตนเทียบเท่าเชมันระดับปลาย อีกทั้งในทะเลมรณะมันยังมีความได้เปรียบทางธรรมชาติ การจะสังหารคนยักษ์จำต้องมีพลังของเชมันระดับปลาย
นอกจากนี้นางยังเคยเห็นจ้าวเชมันระดับปลายตอนกลางในเผ่าของตนลงมือ แม้บอกว่าสังหารคนยักษ์ได้ตนหนึ่ง ทว่าก็ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม แต่ตอนนี้…ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้า เพียงแค่เพิ่งพบหน้ากันก็สังหารคนยักษ์แล้ว การเคลื่อนไหวลื่นไหลปานสายน้ำ คล่องแคล่วหมดจด แข็งแกร่งกว่าจ้าวเชมันในเผ่านางมาก!
“ผู้อาวุโส…..” นางกำลังจะกล่าวก็หยุดลงทันที เพราะเห็นซูหมิงกลางอากาศมองนางด้วยความเย็นชา ด้วยสายตานี้จึงมีเสียงระเบิดดังในความคิดนาง สติพร่ามัวในพริบตา
ตอนที่นางได้สติอีกครั้งก็ไม่เห็นซูหมิงแล้ว เห็นเพียงคลื่นลูกใหญ่กำลังลุกลามเข้ามา วงแหวนอาคมข้างล่างยังหมุนโคจรไม่ทันก็ถูกคลื่นยักษ์ตรงเข้ามาทำลาย รวมถึงนางที่อยู่ด้านในด้วย ถูกทะเลมรณะจมหายไปพร้อมกัน…
ซูหมิงเดินอยู่บนอากาศ มองทะเลด้านล่าง มองคลื่นใหญ่มหาศาล และยังมีศีรษะคนยักษ์กับสัตว์พิลึกอีกจำนวนมากบนผิวทะเล
ทุกอย่างต่างจากในความทรงจำเขา
ภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพากำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเร็ว แม้ยังไม่ถึงช่วงสุดท้าย ทว่าก็อีกไม่นานแล้ว
“วานรเพลิง…” ซูหมิงพลันลืมตา เขานึกถึงวานรเพลิง นึกถึงถ้ำของตน และยังมีหม้อยาในถ้ำ!
ซูหมิงที่อยู่กลางอากาศได้ยินเสียงร้องแว่วเข้ามา ก่อนมีสัตว์ปีกจำนวนมากบินมาจากรอบทิศ สัตว์ปีกเหล่านี้มีนัยน์ตาดุร้ายและกระหายเลือด มันใกล้ซูหมิงเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
‘ภัยพิบัติรกร้างบูรพา ต่อให้เป็นแดนหมานก็ยังต้องรับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทุกคนล้วนอยู่ในอันตราย นี่มันเหมือนกับฟ้าดินถล่มทลาย…ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลากลับเผ่าหมาน ต้องรอภัยพิบัติจบก่อนค่อยกลับไป…
อีกอย่างข้ามีที่หลบภัยพิบัติครั้งนี้อยู่’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เวลานี้สัตว์ปีกเข้ามารอบตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ ทว่าวินาทีที่พวกมันเข้ามา ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ศพพิษพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
ศพพิษมีแววตาเหี้ยมโหด มันอ้าปากพ่นหมอกพิษสีดำเขียว หมอกพิษนี้แผ่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว และเข้าสัมผัสกับสัตว์ปีกที่เพิ่งบินเข้ามา พวกมันล้วนร้องเสียงแหลม พากันหลอมละลายอย่างเร็ว กลายเป็นหยดพิษตกลงสู่ท้องทะเล
ซูหมิงขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ผิวทะเลช่างเชี่ยวกราก เขาจึงคาดเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้อยู่ที่ใด เลยยากจะตามหาถ้ำของเขาไปด้วย
เขาไม่สนใจสัตว์ปีกที่ตายไป ไม่สนใจศพพิษที่กำลังเข่นฆ่า ขณะเงียบก็ใช้จิตสัมผัสแผ่คลุมรอบทิศ เพียงแต่ในจิตสัมผัสส่วนใหญ่เป็นทะเล ต่อให้เป็นแผ่นดินที่กำลังถูกน้ำทะเลกลืนกินก็ยังหาเทือกเขาไม่พบ
ซูหมิงลืมตาขึ้น ขณะขบคิดในหัวก็พลันปรากฏภูเขาลูกที่สตรีผู้นั้นอยู่เมื่อครู่นี้
นัยน์ตาเขาวาววับ ใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุ พลันปรากฏแผ่นไม้บันทึกขึ้นในมือ ในนั้นเป็นแผนที่แผ่นดินเชมัน หลังจากเพ่งสมาธิอ่านแล้ว เขาก็หาเทือกเขาที่มีลักษณะวงแหวนพบ วิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งถึงเก็บแผ่นไม้บันทึก ก่อนวูบไหวตัวบินไกลออกไป
ศพพิษตามอยู่ด้านหลัง พ่นหมอกอย่างมีความสุข ร่างเงาซูหมิงที่เป็นสายรุ้งยาวไกลๆ จึงถูกหมอกดำอมเขียวปกคลุม จุดที่เคลื่อนผ่าน สัตว์ปีกบนท้องฟ้าจะละลายกลายเป็นหยดพิษ
หลังจากบินอยู่บนทะเลไร้พรมแดนมาราวหนึ่งก้านธูป ซูหมิงก็แผ่ขยายจิตสัมผัสอีกครา ในระยะหลายพันลี้ล้วนเป็นทะเล ทั้งยังมีสัตว์ทะเลจำนวนมาก พวกมันเหมือนสังเกตเห็นจิตสัมผัสของซูหมิงจึงมองมาทางเขา โดยเฉพาะคนยักษ์ในทะเล พวกมันยังส่งเสียงร้องคำรามแว่วเข้ามา
กระทั่งบนท้องฟ้า ซูหมิงเริ่มพบว่าในกลุ่มสัตว์ปีกมีส่วนหนึ่งที่โดนหมอกพิษแล้วไม่ละลายหายไปทันที แต่ยืนหยัดพุ่งเข้ามาอีกช่วงหนึ่งก่อนค่อยๆ เริ่มละลาย
การค้นพบครั้งนี้ทำให้นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย จากการสังเกต เขาเริ่มมองออกว่าสัตว์ปีกเหล่านี้เดิมทีไม่มีจำกัด แม้ตายไปมากมายก็จะมีสัตว์ปีกบินขึ้นมาจากทะเลอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพวกมันยังเหมือนมีคุณสมบัติต้านทานพิษ!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเกรงว่าพิษของศพพิษคงจะส่งผลกับพวกมันน้อยมาก!
“มิน่า…” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อเก็บศพพิษไป ก่อนยกมือขวาสะบัด พลันมีแสงดำขยับวิบวับ กระบี่เล็กสีดำพองบวมขึ้นและบินวนรอบซูหมิง
หลังจากเรียกกระบี่เล็กออกมา ขณะเดินทางก็มีสัตว์ปีกตรงเข้ามากลุ่มใหญ่อีกครั้ง แสงดำขยับวูบวาบพร้อมกับบินวนรอบๆ เพียงแต่ว่าสัตว์ปีกเหล่านี้มีเยอะเกินไป ซูหมิงสังหารไม่หมดสิ้น จึงต้องใช้การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอย่างเดียวเท่านั้น หลังจากดึงความสนใจของสัตว์ปีกจำนวนมากแล้วก็หายวับไป
ราวหลายชั่วยามต่อมา ซูหมิงมาหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ เขาเริ่มมีสีหน้าจริงจังกว่าเดิม ในจิตสัมผัสมีน้ำวนอยู่บนผิวทะเลห่างไปหลายพันจั้ง ที่นั่นมีกลิ่นอายพลังที่ซูหมิงรู้สึกถึงอันตรายแผ่มาจากข้างใน
กลิ่นอายพลังนี้ ในความรู้สึกเขามันอยู่เหนือกว่าเชมันระดับสูงสุด!
นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ร่างพลันหายวับไป เขาอ้อมน้ำวนนั้นไปไกล จากนั้นรีบมุ่งหน้าไปยังถ้ำของเขาผ่านผิวทะเลผืนนี้
หลายวันต่อมา บนผิวทะเลที่เดิมทีเป็นแผ่นดินเชมันมีสายรุ้งเส้นหนึ่งลากยาวเข้ามา ด้านหลังสายรุ้งมีสัตว์ปีกกลุ่มใหญ่ไล่ตาม ผู้นำหน้ากลุ่มสัตว์ปีกนี้เป็นสัตว์คล้ายกับนกยูงเปล่งสีสันแพรวพราวทั้งตัว!
ยามนี้มันมีนัยน์ตาเย็นชา ร่างสูงหลายร้อยจั้ง กำลังไล่ตามซูหมิงที่อยู่ข้างหน้ามาติดๆ!
ผ่านไปอีกหลายวัน บนผิวทะเลเช่นเดียวกัน มีเสียงคำรามดังก้อง มือยักษ์หลายมือพุ่งขึ้นมาจากผิวทะเล ตรงขึ้นมายังซูหมิงบนท้องฟ้า จุดที่ผ่านไปมวลอากาศจะเกิดรอยร้าว…
‘แผ่นดินรกร้างบูรพายังไม่ปะทะเข้ามา เพียงแค่สิ่งมีชีวิตในทะเลมรณะก็ยากจะรับมือแล้ว…’ ซูหมิงขยับวูบไหว หายวับไปในอากาศ