ตอนที่ 507 เด็กทารกกับดวงตาข้างนั้น
ที่แห่งนี้เป็นที่กว้างโล่ง ไกลออกไปมีปากทางเส้นหนึ่ง ยืดยาวไปยังที่ที่ไกลยิ่งกว่า
ภายในพื้นที่กว้างโล่ง ยามนี้มีฟองอากาศเกือบหนึ่งร้อยลูกลอยอยู่กลางอากาศ ฟองอากาศเหล่านี้ส่วนใหญ่แตกแล้ว ทว่ากลับยังไม่สลายหายไป แม้แตกก็ยังคงรูปเหมือนกับเปลือกไข่
ซูหมิงมองฟองอากาศเหล่านี้แล้วค่อยๆ เดินไปอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งตรงหน้าปรากฏฟองอากาศสมบูรณ์ลูกหนึ่ง มันสูงสามจั้งกว่า ลอยแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ
ข้างใน…มีชายวัยกลางคนที่มีเกล็ดขึ้นตรงหน้าอกหลับตาอยู่ ตรงระหว่างคิ้วมีโพรงโลหิต นั่นคือรอยที่พรากชีวิตเขาไป
นี่เป็นศพคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้ว่าตายมาแล้วกี่ปี และไม่รู้ว่ามีชีวิตมากี่ปีด้วย…
ซูหมิงมองฟองอากาศตรงหน้า จนกระทั่งเดินผ่านไปก็เห็นอีกหนึ่งฟองอากาศที่สมบูรณ์ ข้างในยังคงเป็นศพคน นางเป็นสตรี ด้านหลังมีปีกสีดำ มีใบหน้างดงาม ยามนี้อยู่ในท่าทางสงบนิ่ง บนตัวนาง ซูหมิงเห็นว่ามีใบหน้าภูตผีดุร้ายรวมขึ้นจากเส้นเลือดดำ บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุการตายของนาง
ในฟองอากาศเกือบร้อย มีฟองอากาศอยู่แปดฟองที่สมบูรณ์ ภายในนั้นล้วนเป็นศพ…
‘เผ่าวิญญาณหยินบูชาจิตของวิญญาณแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ จึงออกจากโลกแท้จริงแห่งนั้นไปอีกสามโลกแท้จริงเพื่อตามหาศพของผู้แข็งแกร่ง…’
คำพูดของชายชราวิญญาณหยินในตอนนั้นก้องกังวานอยู่ในความคิดซูหมิง
เขาเดินผ่านพื้นที่กว้างโล่ง ทะยานเข้าไปตามปากทาง ครู่ต่อมา ขณะที่ทางเดินกำลังสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ตรงหน้าเขาก็ปรากฏเป็นอีกหนึ่งพื้นที่กว้าง
ฟองอากาศในนี้มีไม่ถึงห้าสิบ ในนั้นมีสี่ฟองสมบูรณ์ ที่เหลือล้วนแตกหมด
ซูหมิงเดินไปตลอดทาง ผ่านแดนกว้างแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาเข้าใจโครงสร้างของที่นี่แล้ว เส้นทางจะเป็นเหมือนท่อ ในนั้นจะมีฟองอากาศไม่น้อย ทุกจุดที่มีฟองอากาศก็จะเป็นที่กว้างโล่งแบบนี้
ภายในที่กว้างแห่งที่เจ็ด ซูหมิงเห็นฟองอากาศยักษ์ฟองหนึ่งลอยอยู่ตรงกลาง แม้บอกว่ามันแตกแล้ว ทว่าตอนที่เขามองไปกลับมีความรู้สึกว่าข้างในนั้นไร้พรมแดน นี่อาจเป็นความรู้สึกคิดไปเอง แต่บางทีฟองอากาศนั้นอาจสร้างมิติขึ้นได้เอง
ซูหมิงตัวสั่นเล็กน้อยอยู่ตรงขอบฟองอากาศ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของจู๋จิ่วอิน
‘ภารกิจของเผ่าข้าคือตามหาศพผู้แข็งแกร่งในจักรวาลกว้างใหญ่…’ เสียงชายชราดังขึ้นในความคิดซูหมิงอีกครั้ง เขามองฟองอากาศยักษ์ตรงหน้า เข้าใจกระจ่างแล้ว
“ที่นี่เดิมทีวางศพของจู๋จิ่วอินเอาไว้….เพราะของวิเศษเสียหาย ฟองอากาศจึงแตกจำนวนมาก…” ซูหมิงพึมพำ เขามองไปรอบๆ ก่อนเกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นอีกครั้ง
ซูหมิงห้อเหยียดไปตามทางอย่างเงียบๆ อีก จนมาถึงพื้นที่กว้างโล่งที่แปด ที่นี่เขาเห็นฟองอากาศสามฟอง!
ฟองอากาศสามฟองนี้ใหญ่ยักษ์ ยามนี้มันแตกทั้งหมด ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีอะไรอยู่ข้างใน
จนกระทั่งซูหมิงมาถึงพื้นที่กว้างโล่งที่เก้า ที่นี่…เป็นที่สุดท้าย เพราะไม่มีปากทางเข้าอีก ที่นี่คือสุดทางแล้ว
ที่แห่งนี้มีเพียงฟองอากาศเดียว…
มันเป็นฟองอากาศที่เล็กที่สุดในฟองอากาศทั้งหมดที่ซูหมิงเดินผ่านมา
มีขนาดเล็กเท่าคนโอบ หากข้างในมีศพก็คงต้องเป็น…เด็กทารก!
น่าเสียดาย ฟองอากาศนี้แตกแล้ว ภายในว่างเปล่า มันลอยอยู่ในพื้นที่กว้างโล่งอย่างสงบนิ่ง
ซูหมิงเหม่อมองฟองอากาศลูกนี้ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง แม้ที่นี่สั่นสะเทือนใกล้จะถล่มลงก็ตาม เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว ชีวิตเขา สายตาเขาอยู่กับฟองอากาศเล็กนี้เท่านั้น
เขาน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ค่อยๆ เดินมาอยู่ข้างฟองอากาศ ยื่นมือขวาลูบด้านบนเบาๆ ผ่านไปพักใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองฟองอากาศอย่างลึกซึ้ง แล้วหมุนตัวห้อเหยียดกลับไปทางเดิม
ไม่มีการอาลัยอาวรณ์ ไม่มีการหยุดนิ่งแม้แต่น้อย เงาแผ่นหลังเขาเด็ดเดี่ยว แฝงไว้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าสร้อย พริบตาเดียวก็หายไปในเส้นทาง เหลือไว้เพียงฟองอากาศลูกนั้นที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกกี่ปี…
ซูหมิงเคยลองเปิดฟองอากาศที่สมบูรณ์เหล่านั้นแล้ว ทว่าด้วยขั้นพลังตอนนี้จึงเปิดไม่ออก ขณะจากไปเลยไม่มองฟองอากาศเหล่านั้นอีก เขาพุ่งทะยานไปตามเส้นทางที่เริ่มถล่มลงมาในที่สุด
เส้นทางด้านหลังทยอยกันถล่มลง ฝังพื้นที่เหล่านี้ ฝังทุกอย่างเอาไว้ เส้นทางตรงหน้าเขาก็เริ่มถล่มลงแล้ว ซูหมิงจึงต้องเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ตรงทางแยก ระหว่างที่เส้นทางตรงกลางถล่มลง มีเสียงคำรามดังแว่วเข้ามา เสียงกังวานนั้นแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง ส่วนเส้นทางขวาก็ถล่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้พังทลายลงมาทั้งหมด หมอกไร้จำกัดจากโลกภายนอกลอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ชวนให้เกิดความรู้สึกหลอนไป ไม่แน่ใจว่ามันกำลังขยับหรือว่าท้องฟ้าทองสัมฤทธิ์ขยับกันแน่
ทว่าวินาทีที่ถล่มลง มีร่างเงาหนึ่งพุ่งออกไปทันควัน แม้ซูหมิงจะได้ยินเสียงคำรามจากเส้นทางตรงกลาง เขากลับไม่สนใจมอง เอาแต่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่มีอาคมเคลื่อนย้าย
พื้นที่ถล่มเป็นวงกว้าง หลังจากซูหมิงผ่านไปแล้ว เส้นทางตรงกลางก็หายไปทั้งหมด เกิดเป็นหมอกหนาหมุนตลบ พื้นที่ถล่มยืดยาวออกไป เส้นทางซ้ายจึงสลายตามเป็นวงใหญ่ไปด้วย
การสลายไปแบบนี้เหมือนกับตอนที่แผ่นดินโลกเก้าหยินหายไป ราวกับว่ามีปากสยดสยองอันไร้รูปกำลังเขมือบไม่หยุด ซูหมิงห้อเหยียดมาได้พักหนึ่งก็หยุดชะงัก เส้นทางตรงหน้าเขากำลังพังลง ขวางเส้นทางไปสู่อาคมเคลื่อนย้ายไว้
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย หลังจากชะงักเท้าแล้วก็พลันก้าวเดิน ทั้งตัวเหมือนเหยียบอยู่ในหมอก แรงดูดมหาศาลม้วนตัวเขา ทั้งยังมีไอหนาวเยือกลอยเข้ามาปานจะดึงเขาเข้าใปในหมอกมืดมิด
ซูหมิงเปล่งแสงสีทองทั้งตัว มีเสียงปุดๆ ดังมาจากในร่างกายอย่างต่อเนื่อง วินาทีที่แรงดูดม้วนเข้ามาหา ร่างซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวข้ามผ่านเส้นทางที่กำลังถล่มลง
หลังจากทะลวงผ่านมาแล้ว ซูหมิงหายใจกระชั้น ใบหน้าซีดขาว แต่กลับไม่หยุดชะงักและห้อเหยียดต่อไป จนในที่สุดก็มาถึงอาคมเคลื่อนย้าย!
ที่นี่มีรอยร้าวมากขึ้น อาคมเคลื่อนย้ายก็เหมือนจะถูกฉีกออก
แสงจากตัวมันมัวหมองไปมาก หากมอดดับโดยสมบูรณ์ อาคมเคลื่อนย้ายจะหยุดหมุนโคจร และซูหมิงจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้!
ตอนนี้หากเขาเข้าไปในวงแหวนอาคมก็ยังเคลื่อนย้ายได้อยู่ ทว่าเขายืนอยู่ตรงขอบอาคมเคลื่อนย้าย นัยน์ตาฉายแววเด็ดขาด กลับไม่เดินเข้าไป!
เขาหมุนตัวกลับไปมองเส้นทางด้านหลังทั้งหมดถล่มลง มองหมอกม้วนตลบ ก่อนแผ่ขยายจิตสัมผัสออกไปทันใด ครั้งนี้เขาใช้พลังทั้งหมดของจิตแรก เขาอยากเห็นทุกอย่างในชั่วพริบตานี้
เมื่อขยายจิตสัมผัสไป สิ่งที่เขาเห็นคือหมอกอันไร้พรมแดน ในหมอกนั้นมีคลื่นเสียงคำรามแหลม นอกจากนี้แล้วเขาก็ไม่เห็นอะไรอีก
ทว่าเขารู้สึกได้ว่าจุดที่ตนอยู่กำลังขยับอย่างรวดเร็ว ข้ามผ่านอยู่ภายในหมอกนี้
ครู่ต่อมา ช่วงที่ทุกสิ่งรอบตัวซูหมิงถล่มทลายลงนอกจากวงแหวนอาคมแล้ว เขาพลันสังเกตเห็นจากในจิตสัมผัสว่าในหมอกกลุ่มใหญ่เกิดการหมุนตลบอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ยังเห็นว่าหมอกนั้นกลายเป็นน้ำวนยักษ์ ตรงใจกลางน้ำวนมีลำแสงข้ามผ่านออกมา มันก็คือแสงกระบี่โบราณที่ใหญ่ยักษ์และมองไม่เห็นสุดปลาย ลักษณะเหมือนกระสวย ทุกส่วนเป็นแสงสีทองสัมฤทธิ์!
กระบี่เล่มนี้เคลื่อนตัวด้วยความเร็วจนไม่อาจบรรยาย พยายามจะพุ่งตัวออกจากน้ำวนหมอก ตัวมันขยับแสงวูบวาบอย่างรุนแรง จากนั้นค่อยๆ บินออกจากหมอกไป!
ในเวลาเดียวกัน มีกรงเล็บหมอกสีดำคว้ามาจากในหมอกนั้น ทว่ากลับคว้าไม่ถึง กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ยักษ์ปานกระสวยนี้จึงพุ่งตัวออกจากหมอกน้ำวนได้สำเร็จ!
ทันใดนั้น ซูหมิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขาอยู่ในกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ซึ่งพุ่งออกจากหมอก เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้คือของวิเศษจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ข้ามผ่านโลกแท้จริงได้!
อาคมเคลื่อนย้ายด้านหลังซูหมิง เวลานี้มัวหมองลงเรื่อยๆ ประหนึ่งว่าพลังงานที่ใช้โคจรทั้งหมดกำลังถูกกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์สูบไป
“รออีกหน่อย…รออีกหน่อย!” ซูหมิงพึมพำ ดวงตาแดงก่ำ แผ่ขยายจิตสัมผัสเป็นวงกว้าง เขาเห็นกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ยักษ์ออกจากหมอก และก็เห็นหมอกทั้งหมดหลังจากที่กระบี่บินออกมาไกลเรื่อยๆ!
มันเป็นผืนท้องฟ้าดวงดาวอันกว้างใหญ่ น้ำวนหมอกตรงกลางผืนฟ้าหมุนโคจรอย่างต่อเนื่อง พอกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์บินออกไปไกล หมอกที่หมุนวนอยู่ก็ค่อยๆ หายไป คล้ายกับมิติที่ถูกเปิดและกำลังค่อยๆ ปิดลง
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าซูหมิงเริ่มเปลี่ยน มีกลิ่นอายความตายเข้มข้น ในและนอกร่างกายเขาเหมือนมีกลิ่นอายความตายอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าซูหมิงในอดีตไม่เห็นและรู้สึกไม่ได้
ซูหมิงตัวสั่นเทา ไม่สนใจกลิ่นอายความตายเหล่านั้น เพราะเขาเห็นมันแล้ว เห็นดาวระยิบระยับตรงกลางผืนฟ้ากว้างใหญ่ และยังมีสายรุ้งยาวลากผ่านในดวงดาวเหล่านั้นรางๆ รู้เลยว่าสายรุ้งเหล่านั้นก็คือคน พวกเขาสวมเสื้อผ้างดงาม ยามนี้หยุดอยู่ที่เดิม มองไม่เห็นลักษณะหน้าตา แต่คงจะต้องตกใจและตื่นกลัวกับกระบี่ยักษ์โบราณทองสัมฤทธิ์อย่างแน่นอน
ซูหมิงมองผืนฟ้ากระจ่างดาว มองดาวลักษณะกลมแต่ละดวง และยังเห็นแผ่นดินใหญ่ลอยอยู่ในดาวพวกนั้น….
“ที่แท้…..ก็เป็นเช่นนี้…” ซูหมิงพึมพำ ร่างกายเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ เหมือนกับที่นี่เป็นแดนต้องห้ามที่เขาไม่ควรจะมาในตอนนี้ ฝีเท้าเขาซวนเซถอยหลัง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในวงแหวนอาคมในวินาทีที่แสงจากอาคมหายวับไปพอดี
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า…ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังที่ของเจ้า…ทว่าข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะใช้พลังของตัวเองเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งของกระจก…” เสียงชายชราเผ่าวิญญาณหยินดังก้อง มาพร้อมกับความอาลัยอาวรณ์
ร่างซูหมิงค่อยๆ หายไป วินาทีที่จะจางหายโดยสมบูรณ์ ทันใดนั้นเขากลับกล่าวขึ้น
“ศพที่เผ่าเจ้าตามหาในตอนนั้น มี…ศพเด็กทารกหรือไม่?”
“หืม? เจ้า…” น้ำเสียงสงบนิ่งของอีกฝ่ายแฝงไว้ด้วยความตื่นตะลึง เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เสียงพูดกลายเป็นลมหายใจกระชั้น
ก่อนซูหมิงหายไป ดวงตาเขาเปล่งประกายเด่นชัด
“โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์…..เผ่าวิญญาณหยิน ข้าจะไปหาเจ้า….”