ตอนที่ 514 เกราะฝังอสูร
ซูหมิงไม่เห็นภาพนี้ ทว่างูน้อยกลับเห็นอย่างชัดเจน มันจ้องเต่าตัวนั้นด้วยท่าทีเฝ้ารอคอย
ยามนี้เห็นเต่ามีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ทั้งยังเลียริมฝีปากไม่หยุดราวกับอยากกินอีก พองูน้อยเห็นสีหน้าแบบนี้แล้วก็มองมันอย่างไม่เป็นมิตร
เวลาผ่านไปอีกสองเดือน การหลอมรวมในครั้งนี้ยังไม่จบลง จนกระทั่งวันที่สามหลังจากสองเดือนให้หลัง ทั้งตัวเขาพลันเปล่งแสงสีม่วง ท่ามกลางแสงนั้น ตรงสองมือปรากฏถุงมือ จากนั้นก็เป็นเกราะแขน แล้วลุกลามมาถึงไหล่ กลายเป็นศีรษะสัตว์ดุร้ายสีม่วงสองหัว สุดท้ายก็ปกคลุมครึ่งตัวบนทั้งหมด
โดยเฉพาะตรงหน้าอกที่มีดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง มันเป็นศีรษะหมาป่า จนกระทั่งเกราะนี้ขยายไปจนถึงศีรษะซูหมิง เมื่อปกคลุมไว้ภายในแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้นในทันใด
นัยน์ตาสงบนิ่ง ทว่าเกราะสีม่วงบนตัวกลับเปลี่ยนกลิ่นอายพลังทั้งตัวเขา ทำให้ดูเต็มไปด้วยความรู้สึกชั่วร้าย
หลังจากเกราะนี้คลุมครึ่งตัวบนแล้วก็ขยายไปยังขาทั้งสองข้าง จนกระทั่งปกคลุมทั้งตัว ซูหมิงจึงยืนขึ้น
เมื่อเขายืนขึ้น จิตสังหารบ้าคลั่งปะทุมาจากร่างกาย จิตสังหารนี้มิได้แผ่มาจากกายเขาจริงๆ แต่มาจากเกราะนี้!
จิตสังหารกลายเป็นพลังชั่วร้าย ก่อรูปเป็นหมอกม่วงอบอวลอยู่รอบตัว งูน้อยพลันเงยหน้าขึ้นแล้วถอยหลังไปไกล เต่าบนชั้นน้ำแข็งเบิกตากว้าง ร้องคำรามใส่ซูหมิงอีกครั้ง มีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ประหนึ่งเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น เส้นผมสยายอยู่นอกเกราะ เดิมทีมันเป็นสีดำ แต่ยามนี้ภายใต้เกราะสีม่วง เส้นผมจึงกลายเป็นสีม่วงไปบางส่วน!
เขาค่อยๆ หลับตาลง ร่างแน่นิ่ง ทว่าในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ มีเสียงโครมดังในความคิดปานสายฟ้าผ่าลงมา
‘เกราะนี้ไม่ใช่เกราะแม่ทัพเทพ…เทพหมานรุ่นหนึ่งสังหารอสูรนภาศักดิ์สิทธิ์จากต่างแดน จากนั้นก็ลอกหนังมันออกมา ใช้แสงดาราเป็นต้นแบบ แล้วสร้างเกราะนี้ขึ้นมา…
เกราะนี้เทพหมานรุ่นหนึ่งสร้างขึ้นเพียงตัวเดียว กินเวลาไปห้าร้อยปี…ฝังอยู่ใต้เหวลึกราชวงศ์ต้าอวี๋เพื่อบ่มเพาะหมื่นปี ใช้เพื่อกำราบชนรุ่นหลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์! ผู้สวมเกราะนี้ทุกยุคสมัยจะไม่เป็นแม่ทัพเทพ แต่จะเรียกว่าฝังอสูร! หน้าที่คือปกปักเหวลึก
เกราะนี้ไม่ได้ใช้ป้องกัน แต่ใช้สังหารเท่านั้น สังหารเพื่อให้แกร่งขึ้น สังหารจนเป็นผู้สูงส่ง! ข้าคือเจ้านายรุ่นสามของเกราะนี้ ฉะนั้นก่อนตาย หากมีชาวเผ่าหมานได้รับมัน หากสวมเกราะนี้และผสานรวมกับจิตของเกราะนี้ได้ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นเจ้านายรุ่นสี่!
หากไม่รับเป็นเจ้านาย ขอให้กราบไหว้และปฏิบัติตามมัน หลังจากละทิ้งการสังหาร ให้ส่งมันกลับไปยังเหวลึกราชวงศ์ต้าอวี๋ เพื่อไม่ให้…ชนรุ่นหลังของวิญญาณชั่วร้ายมาก่อกวนแดนหมาน!
เมื่อครองเกราะนี้ก็สมควรครองทวนฝังอสูร ทวนนี้เทพหมานรุ่นหนึ่งได้มาจากโลกเก้าหยิน ประวัติไม่แน่ชัด แต่พลังของเทพหมานยังใช้มันไม่ได้ จึงเก็บไว้ในเหวลึกใต้ราชวงศ์ต้าอวี๋ มีผลในการกำราบ…ด้วยสติปัญญาของเทพหมาน จึงใช้หินของต่างแดนจำลอง สร้างเลียนแบบเป็นสมบัติมรดกของเราสายเลือดฝังอสูร!’
ซูหมิงลืมตาขึ้น นัยน์ตาเริ่มไม่สงบนิ่ง มีแสงม่วงเข้ามาแทนที่ ทั้งตัวพลันหนาวเยือก เขายกมือขึ้นคว้าอากาศ ปรากฏแผ่นหยกโปร่งใสที่ได้มาพร้อมกับเกราะม่วงนี้ในร่างของจู๋จิ่วอินขึ้นในมือ
ซูหมิงกำเอาไว้แน่น แผ่นหยกนี้โปร่งใส ฉะนั้นช่วงที่แสงม่วงไหลเวียนมันจึงเปล่งแสงเช่นเดียวกัน แสงม่วงนั้นวูบวาบในมือเขา จากนั้นกลายเป็นทวนยาวสีม่วง!
ทวนนี้มีความยาวสามจั้งกว่า สูงกว่าตัวเขามาก ทว่าซูหมิงที่สวมเกราะม่วงกลับถือมันเอาไว้โดยที่ไม่รู้สึกว่าขัดกันเลย ในทางตรงกันข้ามกลับมีพลังชั่วร้ายบ้าคลั่งโชยเข้าสู่ใบหน้า ทำให้งูน้อยถอยไปอย่างต่อเนื่องและมีสีหน้าหวาดกลัว
แม้แต่เต่าอสูรด้านนอกยังร้องคำรามพร้อมกับค่อยๆ ถอยไป
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ก้มหน้ามองทวนยาวในมือ พลังชั่วร้ายทั้งตัวเข้มข้นขึ้น แล้วจึงค่อยๆ เงยหน้าจ้องเต่านอกชั้นน้ำแข็ง ความรู้สึกคลุ้มคลั่งคล้ายจะปะทุออกมา
ด้านหลังเขาเริ่มมีร่างมายาวิญญาณชั่วร้ายปรากฏ มองเห็นไม่ชัด ทว่าความรู้สึกชั่วร้ายกลับเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง มันยกมือขวาขึ้นชี้เต่านอกชั้นน้ำแข็ง ประหนึ่งจะควบคุมให้ซูหมิงไปสังหาร
แต่หลังจากมันยกมือขึ้นแล้ว ซูหมิงกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่นเสียงหึเท่านั้น วิญญาณชั่วร้ายด้านหลังเขามีสีหน้าเหลือเชื่อ ร่างมายาพลันกระจายออกแล้วค่อยๆ เลือนหายไป
“เป็นแค่จิตเล็กจ้อยยังกล้ามาสั่งข้า!” แสงม่วงในแววตาซูหมิงค่อยๆ หายไป แล้วกลับมาสงบนิ่งดังเดิม ทวนยาวในมือหายไปด้วยเช่นกัน หลังจากกลับมาเป็นแผ่นหยกโปร่งใสอีกครั้ง มันก็ลอยขึ้นจากมือซูหมิงมาอยู่ตรงหน้า แล้วผสานรวมเข้าไปในเกราะตรงส่วนศีรษะ ต่อจากนั้น แสงเกราะบนตัวค่อยๆ หายไป สุดท้ายก็มุดหายเข้าไปในตัวซูหมิงดุจหลอมละลาย
“ทว่าจิตนี้ก็ยังพอใช้ได้ ไม่อยากเชื่อว่าจะให้ข้าตกอยู่ในห้วงมายาแห่งการสังหาร…น่าเสียดาย เทียบกับโลกอมตะของจู๋จิ่วอินแล้ว ห้วงมายาระดับนี้ยังไม่มีค่าพอ”
ซูหมิงกล่าวเบาๆ วินาทีที่เขาผสานรวมกับเกราะนี้ เขาก็รู้สึกถึงจิตในเกราะ หากเป็นเขาก่อนเข้าไปในโลกอมตะของจู๋จิ่วอินจะต้องถูกจิตนี้จู่โจมอย่างรุนแรงเป็นแน่
หากแต่ตอนนี้เป็นอย่างที่เขาว่า จิตนี้ไม่มีค่าพอให้สนใจจริงๆ หลังจากสวมเกราะและสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่เขาจะรักษาสติปัญญาเอาไว้ได้ แต่ยังกำราบจิตในเกราะนี้ได้อย่างสมบูรณ์ หรือกระทั่งขับไล่มันออกไป
ของที่ซูหมิงสนใจ จะให้มีจิตอื่นๆ ครอบครองด้วยได้อย่างไร!
แม้ว่าตอนนี้ขั้นพลังของซูหมิงไม่ได้แกร่งที่สุดในแผ่นดินอรุณใต้ แต่ความแน่วแน่ของจิตใจ ทั้งผืนดินเผ่าหมานหรือกระทั่งในหมู่เซียนก็ยังเรียกได้ว่าไม่อาจทำลาย ทุกอย่างนอกจากตัวเขาเองแล้ว
จุดสำคัญคือสิ่งที่วัฏจักรไร้ที่สิ้นสุดในโลกอมตะหล่อหลอมออกมา
ยามนี้เขาเก็บเกราะกลับไป งูน้อยจึงเริ่มมีสีหน้าอ่อนโยน
มันบินมาอยู่ข้างซูหมิงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งเสียงร้อง เต่าบนชั้นน้ำแข็งก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง ทว่าสายตาที่มองซูหมิงยังคงตื่นตัว
ซูหมิงลูบศีรษะงูน้อย ด้วยสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับมัน แม้ไม่เข้าใจความหมายของเสียงร้องก็ยังพอรู้สึกได้ ยามนี้เขาเงยหน้ามองเต่าบนชั้นน้ำแข็งแวบหนึ่ง พอเห็นว่าของเหลวสีดำหายไป เขาตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ครั้นเห็นงูน้อยมองตนอย่างเฝ้ารอคอยจึงหัวเราะ แล้วหยิบขวดบรรจุของเหลวสีดำมาเทหนึ่งหยด
เพิ่งเทของเหลวออกมา ความตื่นตัวในแววตาเต่าอสูรพลันหายไปจนหมด แล้วแทนที่ด้วยความปรารถนา มันก้มหน้าลงจ้องของเหลวสีดำเขม็ง
พอเห็นงูน้อยที่มองมันด้วยความไม่เป็นมิตรในช่วงที่ผ่านมาได้กินของเหลวสีดำ มันก็ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ใช้กรงเล็บใหญ่ตะกุยบนชั้นน้ำแข็งเหมือนลูกสุนัขหลายครั้ง
มันหอบหายใจแรงด้วยความโกรธ สีหน้าเริ่มกระหายอย่างแรงกล้า เพียงแต่ว่า….หลังจากกินไปหนึ่งหยด งูน้อยก็มีสีหน้าต้องการอีกครั้ง อีกทั้งมันยังเห็นว่าซูหมิงที่มันรู้สึกเกลียดชังในตอนแรกเทออกมาอีกหยดจริงๆ ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
ร่างใหญ่ยักษ์ตบบนพื้น ร้องคำรามด้วยโทสะ หางสะบัดไปมา
เห็นดังนั้น ในใจซูหมิงสั่นไหว เขาส่งกระแสจิตไปยังงูน้อย งูน้อยที่กินของเหลวสีดำไปสองหยดขยับวูบไหวอย่างมีชีวิตชีวา ก่อนบินเข้าไปในถุงเก็บวัตถุของซูหมิง ตอนที่มันบินออกมาอีกครั้งก็ไปตรงขอบถ้ำน้ำแข็งแล้วทำท่าทางประหลาด ทำให้เป็นที่สนใจของเต่าตัวนั้นทันที
ในสายตาเต่าอสูร มันเห็นงูน้อยวนอยู่ในถ้ำน้ำแข็งหลายรอบ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ในปากมีกระบี่เล็กเพิ่มเข้ามาหนึ่งเล่ม แล้วส่งให้ซูหมิง
มันยังเห็นว่าคนที่มันเคียดแค้นชิงชังก่อนหน้านี้ตบศีรษะงูน้อยเบาๆ แล้วเทของเหลวสีดำมาอีกหนึ่งหยด จึงร้องคำรามอย่างกราดเกรี้ยว จ้องงูน้อยกับของเหลวสีดำนั้นเขม็ง จากนั้นหมุนตัวเดินหนีไกลออกไป พริบตาเดียวก็หายไปจากบนชั้นน้ำแข็ง
ซูหมิงกะพริบตาปริบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่เห็นมันกลับมาอีก จึงแอบคิดว่าหรือเต่าตัวนี้มีความอยากรู้อยากเห็นมาก อีกทั้งไม่มีสติปัญญาสูงส่งอะไร มันจึงไม่เข้าใจความหมายของเขา…
ผ่านไปอีกหนึ่งวันก็ยังไม่เห็นเต่ากลับมา ซูหมิงจึงไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก แต่นั่งขัดสมาธิลง หยิบของวิเศษลักษณะกลมขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ของวิเศษนี้ใหญ่มาก กินพื้นที่ถ้ำน้ำแข็งไปเกือบครึ่ง สิ่งนี้ก็คือของที่เอาไว้ใช้ตัดหินสีแดง!
“น้ำผึ้งดอกผนึกจิต…มันเป็นของล้ำค่าแบบใดกันแน่…” ซูหมิงพึมพำพลางยกมือขวา หินสีแดงฉานก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา!
หินสีแดงฉานก้อนนี้คือหินที่มีผึ้งพิษสีม่วงอยู่ข้างในตัวหนึ่ง
ในถุงเก็บวัตถุของซูหมิงมีหินสีแดงจำนวนมาก ช่วงที่ผ่านมาเขาไม่มีเวลาเปิดมันเลย ตอนนี้เลี่ยงมหันตภัยแดนอรุณใต้มาอยู่ในโลกน้ำแข็ง จึงมีเวลาเต็มที่ในการเปิดหินทีละก้อน
อีกทั้งไม่ว่าจะเปิดได้สมุนไพรหรือของล้ำค่าใดๆ ก็ตาม จะไม่มีปัญหาเรื่องถูกติดตามหรือแย่งชิงอย่างแน่นอน
หินตรงหน้านี้เป็นก้อนที่เขาอยากเปิดมากที่สุด เขาอยากรู้ว่าในตัวผึ้งพิษนั้นจะมีน้ำผึ้งดอกผนึกจิตหรือไม่!
‘ผึ้งตัวนี้ยังมีพลังชีวิตอยู่ มันยังไม่ตาย…’ ซูหมิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยืนขึ้นสะบัดแขนเสื้อ หินสีแดงฉานพลันบินเข้าไปในของวิเศษทรงวงแหวน เขายืนอยู่ข้างๆ ใช้มือขวากดด้านบน หลังจากปรับให้เหมาะสมแล้วก็ค้นหาความรู้สึกที่เคยตัดหินในตอนนั้น แล้วจึงค่อยๆ ตัดมัน
เสียงครืนๆ ดังก้อง ตอนนั้นหินก้อนนี้ยังตัดไม่เสร็จ จึงไม่ได้เผยต่อหน้าทุกคนอย่างแท้จริง ยามนี้มันกำลังเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มีขนาดเท่าศีรษะคน หลังจากนั้นซูหมิงตัดต่อไปอย่างเนิบๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จนกระทั่งเห็นผึ้งพิษสีม่วงตัวหนึ่งใต้ชิ้นหินบางๆ ในหินแดง
นัยน์ตาซูหมิงวาววับ ผึ้งตัวนี้มีลักษณะน่ากลัว แม้จะถูกผนึกในหิน แต่กลับให้ความรู้สึกสมจริงราวกับมีชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ยังมีชีวิตอยู่
ซูหมิงจ้องผึ้งพิษในหินแดงกึ่งโปร่งใสพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนยกมือขวาสะบัดไป ศพพิษพลันปรากฏอยู่ข้างๆ ทั้งยังมีงูน้อยที่กำลังตื่นตัว หลังจากเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาคคิดทุกอย่างแล้ว ขณะซูหมิงกำลังจะเปิดหิน ชั้นน้ำแข็งพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขาขมวดคิ้วมองขึ้นไปข้างบน ก่อนอ้าปากค้าง มีสีหน้าอึ้งงันไปครู่หนึ่ง
เขาเห็นเต่ากำลังวิ่งมา และยังมี….