Skip to content

สู่วิถีอสุรา 515

ตอนที่ 515 คนเล็กสีดำ

รอบๆ เต่าตัวนั้นมีกระบี่เหล็กชำรุดเหมือนถูกดูดให้ตามมาอยู่หลายเล่ม โล่ชำรุดอีกหลายอัน และยังมีเศษสิ่งของอีกจำนวนมาก กระทั่งยังมองรูปเดิมไม่ออก

ของเหล่านี้ให้ความรู้สึกตาลายในแวบแรก มากจนนับไม่ไหว…

ทว่าช่วงที่มองไปอีกครั้งก็ต้องยิ้มเฝื่อน เพราะของเหล่านี้ล้วนชำรุด บ้างก็ยังมีก้อนน้ำแข็งติดมา เห็นได้ชัดว่าเต่าตัวนี้ขุดขึ้นมาจากชั้นน้ำแข็ง

เต่าตัวนี้วิ่งมาอย่างเร็วปานสุนัขน้อย หลังจากมาถึงบนชั้นน้ำแข็งเหนือถ้ำซูหมิงแล้วก็หยุดชะงัก แต่เศษสิ่งของรอบตัวมันกลับไม่หยุด พวกมันตกลงสู่พื้นน้ำแข็งข้างหน้า ส่งเสียงดังโครมก้องกังวาน หลังจากของเหล่านั้นกองขึ้นพอจะเป็นภูเขาเล็กแล้ว เต่าตัวนั้นก็มองงูน้อยด้วยสีหน้าลำพองใจแวบหนึ่ง แล้วมองซูหมิงด้วยความหวัง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก

ซูหมิงมองเศษของเหล่านั้น ทั้งยังเห็นสีหน้าลำพองใจของเต่า กระทั่งท่าทางซื่อๆ เขาจึงฝืนยิ้มพลางยกมือขวาสะบัดอากาศ ในมือปรากฏขวดยาบรรจุของเหลวสีดำ

เพิ่งหยิบขวดยานี้ออกมา งูน้อยพลันเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ากระหาย ส่วนเต่านอกชั้นน้ำแข็งเบิกตากว้าง ลมหายใจหนักหน่วง สองกรงเล็บหน้าตะกุยบนชั้นน้ำแข็ง

ซูหมิงขบคิดชั่วครู่หนึ่ง เขาไม่อยากให้ความกระตือรือร้นของเต่าสูญเปล่า จึงเทของเหลวสีดำมาหนึ่งหยด เมื่อมองเต่าแวบหนึ่งแล้วก็แบ่งหยดสีดำมามากกว่าครึ่ง เหลือเอาไว้เพียงส่วนเล็กๆ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับเผยสีหน้าไม่พอใจ แล้วหยิบส่วนนั้นเดินมายังภูเขาน้ำแข็ง ส่งผ่านโพรงเล็กไปอีกครั้ง

เต่าอ้าปากกระโจนเข้ามากินของเหลวสีดำส่วนเล็กนั้นไปทันที มันมีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ทว่าไม่นาน เมื่อเห็นซูหมิงไม่ให้ของเหลวสีดำอีกและยังกลับไปในถ้ำน้ำแข็งด้านล่างอีกครั้ง มันจึงร้องคำรามด้วยความไม่พอใจ ทั้งยังเดินเข้ามาเขย่าภูเขาขยะที่มันนำมากองรวม

เห็นซูหมิงไม่สนใจ มันก็ยิ่งโมโห ร้องคำรามอยู่บนชั้นน้ำแข็ง เดินไปมาอยู่หลายรอบ ไม่รู้ว่านึกอะไรออก มันขยับตัวบินขึ้นแล้วหายไปในความมืด

หลังจากเต่าไปแล้ว ซูหมิงก็สงบจิตใจลง เขายืนอยู่ข้างของวิเศษวงแหวน มองผึ้งพิษในหินภูเขากึ่งโปร่งใสในของวิเศษ

เขามองผึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนกดมือขวาบนของวิเศษอย่างแน่วแน่ วงแสงของวิเศษพลันตรงเข้าไปและค่อยๆ เจียระไน เศษฝุ่นกกระจายออก หินภูเขากึ่งโปร่งใสเล็กลงและบางลงเรื่อยๆ!

สุดท้ายผ่านไปครู่หนึ่ง หินกึ่งโปร่งใสเกิดเสียงดังกึก

วินาทีที่มันกลายเป็นเศษฝุ่นกระจายอยู่ตรงหน้าซูหมิงทั้งหมดนั้น เขายื่นมือขวาปานสายฟ้า ปลายนิ้วเปล่งแสงสีทอง เมื่อก่อรูปเป็นลมหมุนกับแสงทองผสานรวมกันแล้ว ก็ตรงเข้าปกคลุมผึ้งพิษหลายชั้นและคีบมันด้วยสองนิ้ว

ซูหมิงหัวใจเต้นตึกๆ ในผึ้งตัวนี้จะมีน้ำผึ้งดอกไม้หรือไม่ หากไม่มี การเฝ้ารอคอยจะสูญเปล่า หากมีน้ำผึ้งดอกไม้ เช่นนั้นน้ำผึ้งจะเป็นของดอกผนึกจิตหรือไม่ หากไม่ใช่ มันก็ยังคงสูญเปล่า!

นึกย้อนไปถึงความฮึกเหิมและคำพูดต่อน้ำผึ้งดอกผนึกจิตของกลุ่มคนในเมืองเชมัน นึกถึงว่าดอกนี้มีอานุภาพทำลายล้าง กระทั่งเบื้องหลังยังมีความเป็นได้สูงมากที่จะไม่ใช่ของที่นี่ ไม่ใช่ของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม แต่มาจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาจเป็นจักรวาลอื่น พอนึกถึงผลอันน่าทึ่งของมันแล้ว จะไม่ให้ซูหมิงตื่นเต้นได้อย่างไร!

ขณะกำลังคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับหรือสูญเสีย ซูหมิงก็มองผึ้งพิษที่ถูกน้ำวนสีทองรอบสองนิ้วมือเขาผนึกเอาไว้ ดวงตาปานสายฟ้า!

ดอกผนึกจิตเป็นสมบัติในตำนาน ระดับความหายากไม่อาจบรรยาย กระทั่งยังพูดได้ว่าตอนนั้นทั้งแผ่นดินเผ่าหมานไม่มีแม้แต่เศษครึ่ง!

ส่วนน้ำผึ้งของมันหายากยิ่งกว่า เป็นที่รู้ดีว่าต้องมีดอกก่อน เมื่อมันเบ่งบานถึงจะมีเกสรดอกไม้ ตอนนี้ดอกผนึกจิตใกล้เคียงกับตำนานอยู่ตรงนี้แล้ว จะมีเกสรของมันหรือไม่!

ซูหมิงจ้องผึ้งพิษตรงระหว่างนิ้ว ก่อนใช้จิตสัมผัสละลายเข้าไปในตัวผึ้ง ทว่าเพิ่งสัมผัส เขาพลันรู้สึกชัดว่าผึ้งพิษตัวนี้หลับใหลมานานเท่าไร ยามนี้แม้ยังมีเศษเสี้ยวชีวิต ทว่าหากตนฝืนใช้จิตสัมผัสเพื่อตรวจสอบ มันอาจจะตายได้!

เมื่อมันตาย หากในตัวมันมีน้ำผึงดอกผนึกจิตจริงๆ จะได้รับผลไปด้วยหรือไม่ บางทีอาจหายตามไป ซูหมิงจึงไม่กล้าเสี่ยงแบบนั้น

‘วิธีที่ง่ายที่สุดคือกินผึ้งพิษตัวนี้เข้าไปเลย แล้วละลายมันทั้งหมด…..ทว่า ผึ้งตัวนี้เป็นแมลงที่ดูดเกสรดอกผนึกจิตได้ พิษของมันจะต้องไม่ธรรมดา หากกินเข้าไป….’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ จ้องเหล็กในตรงหางผึ้งพิษ

ตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ก็ยังไม่ผลีผลาม แต่ทำตามแผนแรกสุดคือประทับตราจิตสัมผัส และค่อยๆ ซึมเข้าไปในตัวผึ้งพิษ

‘ต้องให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น มันถึงจะยอมคายน้ำผึ้งออกมา น้ำผึ้งที่ได้มาด้วยวิธีแบบนี้จะมั่นคงและสมบูรณ์ที่สุด!’ น้ำผึ้งดอกผนึกจิตล้ำค่ายิ่งนัก ซูหมิงทำพลาดไม่ได้เลย เขาจ้องผึ้งพิษที่กำลังหลับใหลตรงหน้าแล้วค่อยๆ ประทับตราลงไป

ทว่าเรื่องนี้ใช่ว่าจะเสร็จในเวลาอันสั้น ครู่ต่อมาซูหมิงก็วางผึ้งพิษไว้ในกล่องหยก แล้วนำใส่ไว้ในถุงเก็บวัตถุ เขายังคงปล่อยจิตสัมผัสตลอด โอบล้อมอยู่ทั้งในและนอกกล่องหยก ประทับตราอย่างต่อเนื่อง

‘หากมีน้ำผึ้งดอกผนึกจิตจริงๆ เมื่อข้าประทับตราผึ้งพิษอย่างสมบูรณ์และให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ทุกอย่างก็จะมีคำตอบ’

ซูหมิงระงับความปรารถนาในใจ หยิบหินสีแดงฉานขึ้นมาอีกก้อน ก่อนเริ่มตัดหินต่อบนแดนธารน้ำแข็งใต้ทะเล การตัดแบบนี้น่าเบื่อยิ่งนัก แต่ซูหมิงชินกับความเงียบเหงาแล้ว

ยังจะเหงาอะไรอีก มันเทียบกับวัฏจักรไม่มีสิ้นสุดในโลกอมตะได้หรือ ซูหมิงก็อยู่ในโลกน้ำแข็งไปเช่นนี้

เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็หนึ่งปี!

ในหนึ่งปีนี้เต่าตัวนั้นกลับมาหลายครั้ง ทุกครั้งจะนำของกลับมาไม่น้อย น่าเสียดายมันไม่สมบูรณ์ล้วนเป็นของชำรุด บนชั้นน้ำแข็งจึงกองขึ้นมาเป็นภูเขาเล็กหลายลูก

ถ้ำใต้ชั้นน้ำแข็งของซูหมิงขยายใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนไม่น้อย นี่คือคุณูปการของศพพิษกับงูน้อย พวกมันขุดอย่างต่อเนื่อง ถ้ำในชั้นน้ำแข็งนี้จึงไม่ธรรมดาอีก แต่ใหญ่ขึ้นมาก ทั้งยังแบ่งเป็นหลายห้องน้ำแข็ง

ภายในถ้ำน้ำแข็งนี้ นอกจากงูน้อยกับศพพิษแล้ว ยังมีวิญญาณลอยอยู่สองตน ในนั้นเป็นสตรี นางก็คือหญิงแห่งโชคชะตา ซูหมิงเรียกนางออกมาเมื่อครึ่งปีก่อน นางคลอเคลียอยู่ข้างซูหมิงตลอด ทั้งยังมองเขาตลอดเวลา

วิญญาณล่องลอยอีกตนคืออาหู่ เขาลอยไปมารอบๆ อย่างสับสน…

ในหนึ่งปีนี้ซูหมิงเปิดหินสีแดงฉานทั้งหมด ทุกก้อนซูหมิงเป็นคนเลือกเองกับมือในตอนนั้น ข้างในล้วนมีสมุนไพรหรือไม่ก็สิ่งของ กองเอาไว้ในถุงเก็บวัตถุนับไม่ถ้วน

ไม่ว่าจะหยิบสิ่งใดออกมาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างเสียงฮือฮาและเกิดการแย่งชิง กระทั่งในนั้นยังมีบางชิ้นที่ซูหมิงไม่รู้ชื่อ เขาตั้งใจว่าหลังจากออกไปจากที่นี่แล้ว จะไปตามหาสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ข้างนอก

เวลาหนึ่งปีผ่านไปเช่นนี้ ซูหมิงลืมตาจากฌานสมาธิเป็นบางครั้ง มองนอกชั้นน้ำแข็ง เขาไม่รู้ว่าภัยพิบัติรกร้างบูรพาในแดนอรุณใต้ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ผ่านไปนานก็ละสายตากลับอย่างเงียบๆ เขาในยามนี้หลังจากนั่งณานมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ขั้นพลังก็บรรลุถึงจุดสูงสุด เขาอยากทำอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอมานาน ในที่สุดเขาก็รวบรวมวัตถุดิบสมุนไพรหลักสำหรับการหลอมเม็ดโอสถมาครบแล้ว!

“โอสถมอบจิต…” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย มองหม้อยาสามขาที่อยู่ไม่ไกลจากตรงหน้าแวบหนึ่ง หม้อนี้ปล่อยไอหนาว มีน้ำแข็งปกคลุมรอบๆ หลายชั้นเหมือนผนึก

เขายกมือขวาเปิดฝาหม้อยา ก่อนสะบัดมือไป มีเงาดำบินมาจากถุงเก็บวัตถุ เงาดำนี้เพิ่งบินออกมา นัยน์ตาซูหมิงก็พลันขยับประกาย ใช้มือขวากดนิ้วลงบนเงาดำ

ยามนี้เงาดำนั้นเผยตัวออกมา มันคือขาของแมงมุมตัวหนึ่ง! เมื่อซูหมิงกดนิ้ว มันก็พลันระเบิดกระจุยกลายเป็นเศษผง จากนั้นซูหมิงอ้าปากกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตหมาน

โลหิตม้วนเศษผงขาแมงมุมก่อนพาเข้าไปในหม้อยา ซูหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ตบถุงเก็บวัตถุอีกครั้ง มีของอีกสิ่งหนึ่งบินมาจากในถุงเก็บวัตถุ เมื่อสิ่งนี้ปรากฏ งูน้อยข้างๆ พลันเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน

สิ่งนี้ก็คือเกล็ดของจู๋จิ่วอิน!

ซูหมิงมองเกล็ดตรงหน้า แล้วสะบัดมือให้มันลอยเข้าไปในหม้อยา

“วัตถุดิบหลักสุดท้าย…..” ซูหมิงก้มหน้าลง มีแสงอ่อนจากในถุงเก็บวัตถุ ก่อนค่อยๆ ปรากฏหินภูเขากึ่งโปร่งใสตรงหน้า

ภายในหินภูเขานี้เป็นคนตัวเล็กสีดำกำลังนั่งฌาน หลับตาแน่นิ่ง

ซูหมิงมองคนเล็กสีดำในหินภูเขา แล้วมองนิ้วที่สามของมือขวาคนเล็ก เขาเงียบไปพักหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีสติปัญญา ฟังข้ารู้เรื่อง…”

คนเล็กสีดำในหินภูเขาไม่ขยับ เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของซูหมิง ดุจกำลังหลับใหล

“ในตัวเจ้าอาจมีความลับอีกไม่น้อย และยังมีเรื่องที่เจ้ามาอีก ต่อให้ไม่เกี่ยวกับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับภารกิจของเผ่าวิญญาณหยินอยู่บ้างแน่นอน

ข้าไม่สนใจอยากจะรู้เรื่องพวกนี้หรอก แต่เห็นแก่ที่เจ้าช่วยให้ข้าได้สมบัติมากมายจากหินแดง ข้าขอนิ้วที่สามมือขวาของเจ้า แล้วจะไม่สร้างความลำบากใจให้เจ้าอีก” ซูหมิงกล่าวเนิบๆ

เพียงแต่ว่าคนเล็กสีดำในหินกลับหลับใหลคล้ายไม่ได้ยิน

“ให้เวลาเจ้าคิดสิบลมหายใจ หากไม่ได้คำตอบ ข้าจะใช้กำลังเอานิ้วของเจ้ามา!”

ซูหมิงกล่าวจบก็เงียบงัน เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ จนเมื่อลมหายใจที่เก้ามาถึง แพขนตาของคนเล็กสีดำในหินสั่นไหว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองซูหมิงด้วยความซับซ้อน

“ให้นิ้วที่สามของข้าแล้ว เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่?”

คนเล็กสีดำมองซูหมิงอยู่นานถึงกล่าวเสียงแหบแห้ง เสียงของมันแหลมนิดๆ ทะลุผ่านหินภูเขา กึกก้องอยู่ข้างหูซูหมิง

“ไม่” ซูหมิงมองมันด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนกล่าวเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version