ตอนที่ 516 วังสวรรค์ต้าอวี๋
“ในเมื่อไม่ เจ้ามีสิทธิอะไรมาให้ข้ายอมมอบนิ้วขวาที่สามให้เจ้า!” คนเล็กตัวดำจ้องซูหมิง น้ำเสียงแหลมขึ้น
“สิทธิในวันที่เจ้าตื่นขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อนหลังจากติดตามข้า!” ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง มองคนเล็กพลางกล่าวเนิบๆ
สิบห้าปีก่อน คนเล็กสีดำช่วยให้เขาสัมผัสถึงหินแดงฉาน ตอนนั้นเขายังสงสัยเรื่องนี้อยู่บ้าง ทว่าด้วยอุปสรรคด้านขั้นพลังจึงมองไม่ออก
จนกระทั่งสิบห้าปีต่อมา เขาออกจากโลกอมตะและได้รับคำอวยพรของจู๋จิ่วอิน หลังจากขั้นพลังสูงขึ้นมากก็ลองตรวจสอบคนเล็กสีดำอีกครั้ง เพียงแวบเดียวก็มองออกถึงเงื่อนงำ
แม้ว่าในร่างคนเล็กนี้ยังมีพลังความตาย ทว่ากลับมีไว้เพื่อปกปิดพลังชีวิตที่มีอยู่เพียงน้อยนิด!
รู้จักการอำพราง ทั้งยังมีพลังชีวิต เมื่อนึกย้อนไปเมื่อสิบห้าปีก่อน
ซูหมิงจึงมีความมั่นใจแปดส่วน คนเล็กสีดำนี้ ตอนที่ตนได้รับมาครั้งแรกมันยังหลับใหล จนกระทั่งสิบห้าปีก่อน บางทีอาจถูกหินแดงกระตุ้นมันจึงตื่นขึ้น!
มิเช่นนั้น หากมันตื่นขึ้นแต่แรกคงไม่ถูกคนนำไปประมูล!
เพียงวิเคราะห์ครู่เดียวเขาก็เดาออก แม้คนเล็กจะตื่นขึ้นแล้ว แต่ตอนอยู่ในร่างของจู๋จิ่วอิน ด้วยความที่ซูหมิงเป็นหินมันจึงหนีไปไม่ได้ จนเมื่อกลับคืนสภาพเดิมแล้วเห็นขั้นพลังซูหมิงสูงขึ้นมาก มันจึงต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด สุดท้ายเลยไม่กล้าหนี
บางทีมันอาจกำลังหาโอกาสอยู่ ทว่าโอกาสนั้นกลับไม่เคยปรากฏขึ้นเลย
เมื่อได้ยินซูหมิงกล่าว คนเล็กสีดำเงียบงัน ซูหมิงก็มีความอดทนมากพอ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นโดยไม่กล่าวใดๆ
ครู่ต่อมา นัยน์ตาคนเล็กสีดำเป็นประกาย มองไปยังซูหมิง
“บางทีพวกเราอาจแลกเปลี่ยนกันได้…เจ้าอยากออกไปจากที่นี่หรือไม่ ที่ข้าหมายถึงคือ…แดนมรณะหยิน!”
“นิ้วที่สาม” ซูหมิงหน้าไม่เปลี่ยนสีใดๆ เพียงกล่าวเนิบช้า
คนเล็กสีดำลังเลครู่หนึ่ง ยกมือขวาอยู่ในหินภูเขา สีหน้าซับซ้อนเปลี่ยนไปมา จนสุดท้ายก็ฉายความแน่วแน่ ปากกัดนิ้วที่สามแล้วพ่นออกมาถือเอาไว้ ไม่รู้ว่าใช้อภินิหารอะไร เพียงสะบัดมือนิ้วที่สามก็พลันทะลุออกจากหินภูเขา แล้วลอยมาตรงหน้าซูหมิง
วินาทีที่ซูหมิงใช้มือขวาคว้าไป นิ้วมันพลันกลายเป็นหมอกดำ ในนั้นมีปากใหญ่น่าสยดสยองอ้ากว้างไปทางมือขวาซูหมิง
ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่หลบ แต่ปล่อยให้ปากใหญ่จากหมอกดำงับฝ่ามือเขาเอาไว้ ทันทีที่ปากใหญ่สัมผัสกับฝ่ามือ มือขวาซูหมิงพลันแห้งเหี่ยว ดูคล้ายกับแขนคนชรา ราวกับเลือดเนื้อถูกสูบไปในพริบตา
หมอกดำถูกแรงสั่นสะเทือนรุนแรงสะท้อนกลับ พลันระเบิดกระจุย ซูหมิงใช้มือขวาคว้าเอาไว้ หมอกดำจากการระเบิดรวมกลุ่มอยู่ในมือเขาแล้วกลายเป็นนิ้วสีดำ
ขณะเดียวกัน แขนซูหมิงก็กลับคืนสภาพเดิม เลือดเนื้อเหี่ยวแห้งหวนคืนกลับมาเหมือนเก่าอีกครั้ง
ซูหมิงถือนิ้วสีดำนั้น มองมันตรงหน้าแวบหนึ่ง
คนเล็กสีดำในหินมีสีหน้าตื่นตะลึง มันอึ้งมองมือขวาซูหมิง นัยน์ตาเริ่มฉายแววหวาดกลัว
“เจ้า…นี่มันวิชาคำสาป! เจ้าเข้าใจวิชาคำสาปของจู๋จิ่วอิน นี่…”
“หลังจากข้าได้รับคำอวยพรของจู๋จิ่วอินก็สังเกตเห็นพลังชีวิตที่เจ้าซ่อนเอาไว้ แม้เจ้าจะเห็นคำพูดและการกระทำของข้าตอนออกจากร่างจู๋จิ่วอิน แต่สิ่งเหล่านั้นข้าจงใจให้เจ้าเห็นเอง” ซูหมิงถือนิ้วที่สามพลางกล่าวเสียงเบา
ไม่รอให้คนเล็กสีดำกล่าวต่อ ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อข้างซ้าย หินภูเขากึ่งโปร่งใสพลันถูกแสงทองโอบล้อมแล้วถูกเก็บเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ
ซูหมิงถือนิ้วที่สามของคนเล็กสีดำ เดินมายังหม้อยาโดยไม่สนใจมันอีก ตามวิธีการหลอมโอสถมอบจิตในความทรงจำเขา เมื่อใส่นิ้วคนเล็กสีดำลงไปในหม้อยาแล้ว ให้นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ใช้มือข้างหนึ่งกดบนหม้อยาและเริ่มหลอม
‘ตามวิธีการ เมื่อหลอมโอสถมอบจิตจนถึงเก้าร้อยเก้าสิบเจ็ดวัน จะมีสองวันเกิดภัยพิบัติสวรรค์ หากผ่านไปได้จนครบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าวันจะสำเร็จออกมาเป็นโอสถมอบจิต!’ ซูหมิงมองหม้อยาตรงหน้า ค่อยๆ หลับตาลง
เวลาผ่านไปทีละวันโดยไม่รู้ตัว โลกใต้ทะเลน้ำแข็งโดยรอบเงียบสงัดเสมอ ไม่มีสิ่งรบกวน ไม่มีการสับเปลี่ยนของตะวันจันทราและดารา มีเพียงความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดรอบด้าน
ซูหมิงตื่นขึ้นเป็นบางครั้ง มอบของเหลวสีดำให้งูน้อยบ้าง รวมทั้งเต่าที่มาเฝ้ารออยู่บ่อยๆ เช่นกัน หลังจากมันเอาสิ่งของกลับมาให้แล้วก็จะมอบของเหลวสีดำให้
บางทีอาจเป็นเพราะซูหมิงอยู่ที่นี่นาน หรือไม่ก็เป็นเพราะของเหลวสีดำ เต่าตัวนี้จึงไม่มีความแค้นต่อเขาเหมือนกับในตอนแรก แต่กลับมีสีหน้าเอาใจเหมือนอยากได้ของเหลวสีดำเป็นบางครั้ง
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเงียบสงบ จนกระทั่งผ่านไปสองปี หากรวมกับหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ซูหมิงก็อยู่ในโลกน้ำแข็งมาสามปีแล้ว
โอสถมอบจิตยังหลอมไม่เสร็จ
วันเวลาผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อโอสถมอบจิตหลอมจนถึงวันที่เก้าร้อยเก้าสิบแปด อาจเป็นเพราะที่นี่ตัดขาดจากโลกภายนอกจึงไม่เกิดภัยพิบัติสวรรค์ จนกระทั่งถึงวันที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า หม้อยาตรงหน้าซูหมิงเกิดเสียงครืนดังสนั่น ทั้งยังมีเสียงพึมพำเบาๆ นับไม่ถ้วนดังแว่วมาจากในหม้อยา
วินาทีที่ซูหมิงลืมตา ฝาหม้อยาเปิดออก มีแสงพิลึกลอยออกมาในทันใด นัยน์ตาซูหมิงวาววับ รีบเคลื่อนย้ายกายเข้าไปใกล้ ภายใต้ชั้นน้ำแข็งของส่วนยอดถ้ำนี้ ร่างเขาเดินออกมาทีละก้าวแล้วยกมือขวาขึ้นคว้าไปทางแสงพิลึก
แสงพิลึกนี้กำลังจะหลบ ทว่าเมื่อซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชา ในถ้ำพลันเกิดระลอกคลื่นกระจายออก ประหนึ่งแช่แข็งมวลอากาศไว้ ทำให้แสงพิลึกนั้นหยุดชะงัก
ทันทีที่มันหยุดนิ่ง ซูหมิงใช้มือขวาคว้าแสงพิลึกเอาไว้ ประกายแสงสว่างพลันหายไปเมื่อสัมผัสกับมัน เม็ดโอสถสีม่วงอมแดงเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ!
บนเม็ดโอสถนี้มีใบหน้าคนเหมือนกับซูหมิง กำลังจ้องเขาและร้องคำราม
‘โอสถมอบจิตมีพลังทำลายฟ้าดิน สร้างรูปมายานับพันนับหมื่น ภายในสามารถบรรจุจิต ภายนอกสามารถสูบเศษเสี้ยววิญญาณฟ้าดิน และอัญเชิญร่างของมันเพื่อใช้สร้างสรรพสิ่ง!
กลืนกินสูบร่างวิญญาณ เมฆลมหมุนทวนเข็ม เขย่าขวัญท้องนภา’ นี่คือคำแนะนำสรรพคุณของโอสถชนิดนี้หลังจากที่ซูหมิงรับรู้วิธีการหลอมในครั้งนั้น
ซูหมิงในตอนนั้นยังไม่ค่อยแน่ใจ ทว่าตอนนี้เขามองออกถึงสรรพคุณที่แท้จริงของมันแล้ว! เป็นอย่างที่ว่าไว้ โอสถมอบจิตแบ่งเป็นในและนอก! ภายในบรรจุจิตแรก เปลี่ยนรูปได้นับพันนับหมื่น เหมือนกับร่างแยก!
ส่วนภายนอกสามารถสัมผัสถึงวิญญาณในโลกและสูบกินมา จากนั้นเมื่อกินเม็ดโอสถนี้ไปก็จะกลายเป็นวิญญาณตนนั้นได้ ด้วยความที่มีจิตของเราอยู่จึงสามารถใช้พลังของวิญญาณตนนั้น จุดอ่อนจุดแข็งก็ต้องดูว่าสูบกินเสี้ยววิญญาณตนใดมา!
หากสูบเสี้ยววิญญาณของจู๋จิ่วอินละก็…ซูหมิงกำเม็ดโอสถมอบจิตที่มีเพียงเม็ดเดียวในมือ มองมันด้วยนัยน์ตาวาววับ
‘สูบวิญญาณและอัญเชิญ…’ ขณะขบคิด นัยน์ตาเขาเป็นประกาย ซูหมิงเรียกจิตแรกของเผ่าเซียนในกายเขาออกมาแล้วตรงเข้าไปยังโอสถมอบจิต พริบตาเดียวก็ผสานรวมเข้าไป โอสถมอบจิตบินขึ้นจากมือซูหมิง ตัวมันขยับแสงอ่อนวูบวาบอยู่กลางอากาศ แล้วจึงค่อยๆ กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
ลักษณะของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือซูหมิงในตอนนั้น
“ต้องหาเสี้ยววิญญาณแก่กล้า น่าเสียดายที่จู๋จิ่วอินยังไม่สลายไป มิเช่นนั้น…หลังจากข้าสูบวิญญาณของจู๋จิ่วอินมาแล้วกินเม็ดโอสถนี้ ตามสรรพคุณของมัน ข้าก็จะกลายร่างเป็นจู๋จิ่วอินได้….” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย หัวใจเต้นแรงขึ้น
‘ไม่รู้ว่าโอสถนี้จะกล่าวเกินจริงหรือไม่…’ ซูหมิงมองร่างตัวเองในตอนนั้น จิตใจสั่นไหว ทั้งตัวเด็กหนุ่มตรงหน้าเปล่งแสงอ่อน จิตแรกของเขากลับคืนสู่ร่าง ภายใต้การรวมตัวของแสงอ่อนจาง มันกลับมาเป็นเม็ดโอสถอีกครั้ง ซูหมิงเก็บมันเข้าถุงเก็บวัตถุ เงยหน้ามองความมืดมิดนอกชั้นน้ำแข็งแวบหนึ่ง
‘ใกล้จะสี่ปีแล้ว จากการฝึกฝนสี่ปีนี้ กระดูกหมานในกายข้าก้าวหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ตอนนี้เลือดเนื้อกระดูกเกือบเจ็ดส่วนเป็นกระดูกหมานแล้ว!
ถึงเวลาต้องออกไปแล้ว การบรรจบกันระหว่างแดนอรุณใต้กับรกร้างบูรพาน่าจะจบลงเรียบร้อย…’ ตรงหน้าซูหมิงผุดภาพยอดเขาลำดับเก้า ผ่านไปพักใหญ่จึงหลับตาลง ช่วงที่ลืมตาอีกครั้งเขาก็จัดระเบียบถ้ำน้ำแข็งที่อยู่มาจะครบสี่ปี เก็บหม้อยาและศพพิษ รวมถึงหญิงแห่งโชคชะตากับอาหู่ งูน้อยนอนพาดอยู่บนบ่า เขาเดินขึ้นมาอยู่ในภูเขาน้ำแข็งตรงปากทางออกถ้ำ มองประตูเคลื่อนย้ายกลางภูเขาน้ำแข็ง กำลังจะตรงไป
ฉับพลันนั้น มีเสียงคำรามดังแว่วมาจากนอกชั้นน้ำแข็ง ช่วงที่ซูหมิงเงยหน้าขึ้น เขายิ้มมุมปาก เห็นแค่ว่าในน้ำทะเลสีดำมีเต่าว่ายตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในปากมันคาบของชิ้นใหญ่เอาไว้ ของสิ่งนี้มีขนาดหลายสิบจั้ง เห็นลักษณะไม่ชัด เต่าอสูรขึ้นมาบนชั้นน้ำแข็ง พอเห็นซูหมิงแล้วก็คลายของในปากทันที แล้วมองเขาอย่างเฝ้ารอคอย ทั้งยังใช้กรงเล็บดันของที่คาบมาให้
ซูหมิงมองเต่าตัวนี้ ยิ้มน้อยๆ พลางหมุนตัวกลับไป ใช้มือขวากดบนชั้นน้ำแข็ง เสียงกึกๆ ดังก้อง ขณะเต่าตัวนี้กะพริบตาปริบๆ ชั้นน้ำแข็งที่กั้นระหว่างมันกับซูหมิงมาตลอดสี่ปีพังทลายลง จากนั้นซูหมิงก็เดินออกมา
เต่าตัวนั้นไม่มีสีหน้าดุร้ายเหมือนตอนแรก แต่สีหน้ามันดูเฝ้าปรารถนายิ่งกว่าเดิม กระทั่งยังเดินเข้าใกล้ซูหมิงอีกหลายก้าว
ซูหมิงไม่หลบ แต่ปล่อยให้เต่าอสูรเข้ามาใกล้ เขามองสัตว์ตัวนี้ด้วยแววตายิ้มๆ ไม่มองของที่มันคาบมาให้ แต่หยิบขวดเล็กบรรจุของเหลวสีดำขึ้นมา แล้วจึงเทออกมาแปดหยด
“แปดหยดนี้ให้เจ้า ข้าเองก็เหลือไม่มากแล้ว ยังต้องแบ่งให้งูน้อยอีก…วันนี้ข้าจะไปแล้ว ไม่รู้ว่าประตูเคลื่อนย้ายนี้จะยังอยู่จนถึงวันที่ข้ามาครั้งหน้าหรือไม่…”
ซูหมิงตบศีรษะเต่าอสูรเบาๆ มันถอยหลังไปเล็กน้อย ทว่าพอเห็นของเหลวสีดำแล้ว กลับปล่อยให้ซูหมิงตบศีรษะแต่โดยดี
“ข้าต้องไปแล้ว” ซูหมิงมองเต่าตัวนี้ ละสายตากลับมา ขณะกำลังจะจากไปนั้น เต่าอสูรแลบลิ้นออกมา ภายใต้สายตาริษยาของงูน้อย มันกินของเหลวสีดำแปดหยดไปทั้งหมด ก่อนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม พอเห็นซูหมิงจะไป มันก็รีบใช้กรงเล็บดันของหลายชิ้นที่คาบมาสองสามครา
ซูหมิงมองไปโดยไม่รู้ตัว มันยังคงเป็นของชำรุดชิ้นหนึ่ง ดูเหมือนมุมหนึ่งของป้ายเหนือประตูที่หลงเหลือหลังจากพระราชวังถล่ม ด้านบนเต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง กระทั่งยังมีตัวอักษรรางๆ บางส่วน
ซูหมิงย่อตัวลง ปัดเศษน้ำแข็งบนป้ายชำรุดออก มองตัวอักษรรางๆ ด้านบน ทว่าตอนที่มองไป เขาพลันตัวสั่นสะท้าน มีเสียงโครมในความคิด สีหน้าเหม่อลอย
“วังสวรรค์ต้าอวี๋…” บนป้ายชำรุดนั้นสลักสี่คำใหญ่นี้เอาไว้!