Skip to content

สู่วิถีอสุรา 520

ตอนที่ 520 ความรุ่งโรจน์ของเผ่าชะตาชีวิต

ซูหมิงมองเผ่าชะตาชีวิตเหล่านั้นอยู่ไกลๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้ม หลังจากผ่านการขัดเกลาความเป็นความตายมาสิบห้าปีในโลกเก้าหยิน คนที่มีชีวิตรอดจะต้องเป็นผู้โดดเด่นในหมื่นคนแน่

แม้คนเหล่านี้ยังไม่ถึงเชมันระดับปลาย ทว่าด้วยประสบการณ์เฉพาะกลับทำให้พวกเขามีพลังชั่วร้ายและจิตใจเด็ดเดี่ยวเหนือกว่าคนอื่น สามารถขึ้นมาสูงเทียมฟ้า สามารถเผชิญหน้ากับทุกอย่างและต่อสู้เพื่อชะตาชีวิตของตัวเอง!

เพราะว่าพวกเขาคือเผ่าชะตาชีวิต!

เพราะว่าชะตาชีวิตอยู่ในกำมือพวกเขา ไม่ต้องขอให้คนนอกช่วย เพราะพวกเขาช่วยเหลือตัวเองได้!

เพราะว่าพวกเขาต้องการให้ทุกคนในใต้หล้านี้ได้เห็นกับตาว่าหลังจากถูกทิ้งและสูญเสียอนาคต เผ่าชะตาชีวิตที่ถือกำเนิดในโลกเก้าหยินจะกุมอนาคตอย่างไร!

พวกเขาเย็นชาเพราะโลกนี้ทอดทิ้งพวกเขา ความอ่อนโยนของพวกเขาจะมอบให้กับชาวเผ่าของตนเท่านั้น และมีเพียงความเลือดร้อนที่จะสาดในสงครามปกป้องชะตาชีวิตตัวเอง!

เมื่อเวลาผ่านไป ตอนที่ชาวเผ่าชะตาชีวิตเหล่านี้เดินหนึ่งก้าวเข้าสู่เชมันระดับปลาย พวกเขาจะสร้างพายุโหมกระหน่ำที่ไม่อาจบรรยายให้กับแผ่นดินและโลกใบนี้!

พายุกระหน่ำนี้มาจากความแน่วแน่ของพวกเขา มาจากความกระหายในการกุมชะตาชีวิตตัวเองหลังจากถูกทอดทิ้ง!

ซูหมิงมองพวกเขาเหมือนเห็นตัวเอง เขาล้มเลิกความคิดที่จะช่วยเหลือ เขาอยากดูว่าเผ่าชะตาชีวิตพัฒนามาจนถึงระดับใดแล้ว การต่อสู้ของเผ่าชะตาชีวิตในครั้งนี้ยังไม่ต้องให้เขาออกมือ

อีกทั้งมีเขาอยู่ เขาจะไม่ให้ชาวเผ่าชะตาชีวิตได้รับอันตรายถึงชีวิต!

สี่จิตพยากรณ์ สี่ผู้ดูดวิญญาณ สี่ผู้สื่อวิญญาณ สองเชมันนักสู้ ในสิบสี่คนที่ยืนอยู่นี้ล้วนแผ่พลังชั่วร้าย ทำให้ชายชราที่เดินมาอยู่นอกม่านแสงหยุดชะงัก

ยามนี้เขามีสีหน้าจริงจัง จ้องหมู่เกาะเล็กห่างไปหลายร้อยจั้ง จ้องสิบกว่าคนที่กำลังมองเขาจากบนหุบเขาในเกาะ

“ไม่คิดเลยว่าหลังจากภัยพิบัติ แดนอรุณใต้จะมีจิตวิญญาณร้ายกาจเช่นนี้อยู่ด้วย…จิตวิญญาณของพวกเขามากกว่าจิตวิญญาณตนอื่นหลายสิบตน!” ชายชราพึมพำเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนก้าวเดินไปทางหมู่เกาะ

ทันทีที่ก้าวเดินไป ชายชราสะบัดแขนเสื้อขวา น้ำทะเลด้านล่างตัวเขาถาโถมเข้าไปโอบล้อมทั้งหมู่เกาะ กลายเป็นคลื่นจำนวนมากปานจะจมหมู่เกาะนี้

เวลาเดียวกัน ชั่วขณะที่ชายชราสะบัดเสื้อ กลางทะเลมรณะปรากฏคนยักษ์ทะเลมรณะสูงร้อยจั้งตนหนึ่ง คนยักษ์ดุจเป็นทาสของชายชรา ยามนี้ร้องคำราม ดวงตาไม่มีประกาย มันกระโดดขึ้นตรงไปยังหมู่เกาะ

หยามู่ตะลึงในใจ เขาเคยเห็นคนยักษ์ทะเลมรณะมาก่อน เป็นสัตว์ทะเลดุร้ายตัวนี้เองที่สังหารกลุ่มคนที่เขานำอยู่ไปมากกว่าครึ่ง

ทันทีที่เขากำลังจะเตือนเผ่าชะตาชีวิต กลับเห็นว่าจิตพยากรณ์ของเผ่าชะตาชีวิตหลับตา พลังจิตพยากรณ์โอบล้อมอยู่รอบๆ กลายเป็นกลิ่นอายพลังซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าตรงไปยังเชมันนักสู้สองคน

ทันใดนั้นเอง เชมันนักสู้สองคนนี้พากันยกคันศรใหญ่ในมือ วินาทีที่ง้างสาย นัยน์ตาผู้ดูดวิญญาณสี่คนเปล่งแสงหม่น ชั้นเมฆบนท้องฟ้าหมุนตลบ สายฝนเหมือนรวมกันอยู่บนท้องฟ้า

จากนั้นผู้สื่อวิญญาณสี่คนกางมือสองข้าง เสียงพึมพำเบาๆ กึกก้อง

มีวิญญาณลอยขึ้นมาจากทะเลมรณะรอบๆ และกลางหมู่เกาะ ก่อนตรงไปยังคันศรใหญ่ของเชมันนักสู้สองคน

เสียงหวืดดังขึ้น ชายวัยกลางคนเชมันนักสู้ปล่อยคันศรเป็นคนแรก แสงหม่นปานลูกธนูพุ่งออกจากม่านแสงของหมู่เกาะตรงเข้าใส่คนยักษ์ทะเลมรณะ

ความเร็วของมันฉีกมวลอากาศในชั่วพริบตา สร้างเป็นรอยฉีกแยกทั้งยังแฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้ายและบ้าคลั่งจนไม่อาจบรรยาย ชั้นเมฆบนท้องฟ้าม้วนตัวเล็กน้อย ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าถึงตัวคนยักษ์ทะเลมรณะ

“มีพลังฉีกแยกมวลอากาศ!” หยามู่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่ข้างๆ สตรีเผ่าหมานด้านข้างก็หายใจกระชั้น มีสีหน้าเหลือเชื่อ

เสียงโครมครามพลันดังกระจายสู่แปดทิศ คนยักษ์ทะเลมรณะร้องโหยหวน ร่างมันระเบิดกระจุย ถูกลูกศรทำลายไปมากกว่าครึ่งร่าง ก่อนล้มลงสู่ผิวทะเล

“นี่มันธนูอะไร!” คำพูดแบบเดียวกันดังมาจากปากหยามู่ สตรีเผ่าหมาน และชายชราแดนรกร้างบูรพาพร้อมกัน

หยามู่ตื่นตะลึงอย่างสุดขีด เขาไม่อยากเชื่อว่าชาวเผ่าชะตาชีวิตบนเกาะร้างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาตนจะมีพลังแก่กล้าถึงเพียงนี้!

ชายชราจากแดนรกร้างบูรพาก็ตื่นตกใจเช่นกัน เป็นที่รู้ดีว่าคนยักษ์ทะเลมรณะมีพลังเทียบเท่าขั้นวิญญาณหมานตอนต้น ทว่าด้วยลูกธนูดอกเดียวมันกลับระเบิดกระจุย แม้บอกว่ายังไม่ตาย แต่พลังแบบนี้ก็เพียงพอจะสร้างความตะลึงให้กับเขาแล้ว

“นี่คือลูกธนูที่เผ่าชะตาชีวิตสร้างขึ้นหลังชาวเผ่าตายไปนับไม่ถ้วนจากสงครามสิบห้าปีกับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์และเผ่าล่องลอย!” ซูหมิงกล่าวเบาๆ

“เผ่าชะตาชีวิตไม่ต่อสู้ร่วมกับโลกภายนอก แดนอรุณใต้ก็ดี แดนรกร้างบูรพาก็ดี ที่นี่คือถิ่นของเผ่าชะตาชีวิต ห้ามบุกรุกเข้ามา!” คนที่กล่าวเป็นชายชราที่ยังคงง้างคันศรใหญ่ เขามองชายชราแดนรกร้างบูรพาพลางกล่าวเสียงหนักแน่น

“เผ่าชะตาชีวิต…” ชายชราแดนรกร้างบูรพาหรี่ตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้ เด็กหนุ่มด้านหลังยามนี้หน้าซีดขาว ลูกธนูเมื่อครู่สร้างความหวาดกลัวในใจเขา

‘ดีที่เผ่าชะตาชีวิตมีแค่สิบกว่าคน หากมีหลายร้อย…เช่นนั้นคงมีพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!’ ชายชราแดนรกร้างบูรพาสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจินตนาการได้ว่าหากมีลูกธนูแบบเมื่อครู่นี้ราวหนึ่งร้อยดอก แรงโจมตีคงเท่ากับขั้นวิญญาณหมานตอนปลายโจมตีอย่างสุดกำลังหนึ่งครั้ง

ชายชราจ้องคนที่ง้างคันศรอยู่ในหมู่เกาะ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ ยิ้มเยาะก่อนเดินเข้ามาหนึ่งก้าว พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้หมู่เกาะ

“แม้ลูกธนูจะแกร่ง แต่ข้าอยากดูหน่อยว่านอกจากนี้แล้วเผ่าชะตาชีวิตของเจ้าจะมีอะไรดีอีก!” ขณะกล่าวก็เดินเข้ามาใกล้แล้วพลันยกมือขวาขึ้น บนท้องฟ้าตรงหน้าเขาเกิดเสียงอึกทึกก้องกังวาน ก่อนปรากฏแม่น้ำภูเขามายาขึ้น มันดูสมจริงอย่างยิ่งและยังกดทับลงไปบนหมู่เกาะ

ชายชราผู้ง้างคันศรหรี่ม่านตา เขาปล่อยมืออย่างไม่ลังเล เสียงหวืดดังก้องขึ้นอีกครั้ง ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น แสงหม่นพลันเคลื่อนออกไป มันไม่สนใจแม่น้ำและภูเขามายา แต่พุ่งไปยังชายชราจากแดนรกร้างบูรพา

ชั่วพริบตาก็เข้ามาใกล้ ชายชรารกร้างบูรพาหรี่ตาพร้อมยกมือขวา แหวนวงหนึ่งบนนิ้วมือเขาพลันเปล่งแสงสว่างจ้า แสงนี้ส่องสะท้อนทุกสารทิศในพริบตาเดียว ชายชราถอยหลังไปสามก้าว ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย

“เป็นลูกธนูที่แกร่งมาก…หากเจ้าฝึกฝนถึงเชมันระดับปลาย ลูกธนูนี้คงทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัส ทว่าตอนนี้…” นัยน์ตาชายชรามีจิตสังหารวาบผ่าน เขายกมือขวากดลง แม่น้ำและภูเขามายากระแทกใส่ม่านแสงบนหมู่เกาะ

ม่านแสงพลันแตกกระจายกลายเป็นเศษนับไม่ถ้วน หมู่เกาะจึงไม่มีเกราะป้องกันในทันใด หยามู่หน้าขาวซีด สตรีข้างกายก็เช่นกัน นัยน์ตาทั้งสองคนฉายแววสิ้นหวัง

ในความคิดพวกเขา แม้เผ่าชะตาชีวิตจะแข็งแกร่งแต่ก็มีขีดจำกัด เมื่อเผชิญหน้ากับชายชรารกร้างบูรพาขั้นวิญญาณหมานตอนกลางก็ยังรับมือไม่ไหว

ทว่าไม่นานพวกเขาสองคนกลับพบว่าชาวเผ่าชะตาชีวิตเหล่านี้ยังคงมีสีหน้าเย็นชาดังเดิม ชายชราที่ปล่อยคันศรยกเท้าขึ้นกระทืบลงพื้น

การกระทืบครั้งนี้ส่งผลให้ทั้งเกาะสั่นสะเทือน ทันทีที่ภูเขาและแม่น้ำทำลายม่านแสงแล้วกดทับลงมา ผู้สื่อวิญญาณและผู้ดูดวิญญาณต่างพากันคุกเข่าคารวะรูปปั้นของซูหมิง ทันใดนั้น มีพลังความตายเข้มข้นรวมออกมาจากในหุบเขา แล้วลอยขึ้นมาพร้อมกับระเบิดออก

“พลังความตายจู่โจม!” ชายชราเผ่าชะตาชีวิตกล่าวเนิบๆ จุดที่เผ่าชะตาชีวิตอยู่จะต้องมีพลังความตายเข้มข้นอย่างแน่นอน นี่คือการสืบทอดไม่มีสิ้นสุดจากสงครามและการต่อสู้ดิ้นรนในโลกเก้าหยินมาสิบห้าปี

ฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกเกาะนี้ เพราะพวกเขาสังเกตเห็นว่าใต้เกาะนี้มีพลังความตายอยู่ แม้จะเทียบไม่เท่ากับหุบเขาในโลกเก้าหยิน ทว่าก็ยังพอโจมตีได้สองครั้ง!

การปรับแก้นี้เป็นวิธีเฉพาะของเผ่าชะตาชีวิต เป็นสิ่งที่พวกเขาสืบค้นมาจากความเป็นตาย

พลังความตายพุ่งออกไป ช่วงที่ปะทะกับแม่น้ำและภูเขามายาก็เกิดเสียงโครมกึกก้องอย่างรุนแรง แม่น้ำภูเขาระเบิดกระจาย พลังความตายหายไป หลงเหลือเพียงชายชราแดนรกร้างบูรพาที่มีสีหน้าไม่คาดคิด

และยังมีเด็กหนุ่มที่เบิกตากว้างด้วยความตะลึง

“ระลอกคลื่นความตาย….จะ…..เจ้า เผ่าชะตาชีวิตมาจากที่ใดกันแน่ เกาะนี้เกิดขึ้นอย่างมากก็สี่ปี ด้วยเวลาสี่ปี การจะปรับแก้แรงระเบิดคลื่นความตายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นเผ่าใหญ่ยมโลกก็ต้องใช้เวลาสิบปี!” ชายชรากระเด็นถอยไปหลายก้าว ก่อนตะโกนเสียงก้อง

ซูหมิงมองหุบเขาระเบิดพลังความตาย พอได้ยินคำพูดของชายชราแดนรกร้างบูรพาก็เข้าใจเผ่าชะตาชีวิตในทันใด เผ่าชะตาชีวิตอยู่ในหุบเขาโลกเก้าหยินมาสิบห้าปี พวกเขาใช้ทุกอย่างของหุบเขาในการต่อสู้ดิ้นรน ประสบการณ์แบบนี้ทำให้เชี่ยวชาญการใช้ภูมิประเทศ

จะให้กล่าวจริงๆ คือ เชี่ยวชาญการใช้พลังความตาย!

หลังจากหยามู่มาถึงเกาะเล็กนี้ก็ต้องตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า ยามนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ เขาเหม่อมองหุบเขานี้ มีความรู้สึกขนลุก

ความแกร่งของเผ่าชะตาชีวิตมากเกินกว่าจินตนาการของเขาอีกครั้ง สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือเผ่าชะตาชีวิตผงาดขึ้นอย่างแท้จริง กลายเป็นกลุ่มคนที่ทั้งเผ่าหมานและทั้งแดนมรณะไม่อาจเทียบเคียง หนำซ้ำพวกเขามีเอกลักษณ์เฉพาะที่เด่นชัดอย่างยิ่ง!

ชนเผ่าของพวกเขาจะเลือกอยู่ในหุบเขาตลอด

อาวุธของพวกเขาจะเป็นคันศรใหญ่น่าสะพรึง

ใต้ชนเผ่าของพวกเขาจะมีพลังความตายเข้มข้นเสมอ!

ขณะเดียวกัน ชาวเผ่าที่ตายไปจะฝังอยู่หลังหุบเขา อยู่นอกแท่นบวงสรวงที่สร้างขึ้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังความตาย เป็นบรรพชนผู้ปกปักอย่างแท้จริง!

“ยังคิดสู้อีกหรือไม่? หากเจ้าจะสู้ เผ่าชะตาชีวิตจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่! ทว่าต่อให้สุดท้ายพวกข้าต้องตาย เจ้าก็ต้องระวังชาวเผ่าชะตาชีวิตคนอื่นๆ ในภายภาคหน้าตลอดเวลา พวกข้าจะล่าสังหารเจ้า!

เพราะพวกข้าคือเผ่าชะตาชีวิต จิตวิญญาณของพวกข้ารวมเป็นหนึ่ง เจ้าสังหารคนหนึ่ง ทั้งเผ่าชะตาชีวิตจะสัมผัสได้ และโม่จวินของเผ่าชะตาชีวิตจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือนรก อะไรคือยมโลก!” ชายชราเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวอย่างเฉยชา

รวมถึงเด็กๆ ก็มองอย่างเย็นชาเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version