Skip to content

สู่วิถีอสุรา 519

ตอนที่ 519 เผ่าชะตาชีวิต

ร่างซูหมิงปรากฏอยู่เหนือหมู่เกาะ เขามองคนเหล่านี้บนเกาะ รู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย คนเหล่านี้ก็คือเผ่าชะตาชีวิตในโลกเก้าหยิน

ขณะซูหมิงมองพวกเขาใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม ก่อนขยับวูบไหว มองม่านแสงนั้นคล้ายมันไม่มีอยู่จริง แล้วทะลวงผ่านม่านแสงเข้าไปในเกาะเล็ก

การมาของเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนบนหุบเขาที่กำลังกราบไหว้รูปปั้น ซูหมิงยืนอยู่บนหินภูเขาของหมู่เกาะ มองรูปปั้นที่ทุกคนกำลังคารวะอยู่ไม่ไกล

แม้รูปปั้นนั้นจะไม่ชัด ทว่าก็มองออกในแวบแรกว่านั่นคือตน

‘เผ่าชะตาชีวิต…’ ส่วนลึกในใจซูหมิงเกิดความประทับใจลึกซึ้งต่อกลุ่มคนที่เกิดในโลกเก้าหยินนี้อีกครั้ง ในโลกเก้าหยินยังพอว่า ถึงอย่างไรตอนนั้นซูหมิงก็สำคัญกับพวกเขาอย่างยิ่ง

ทว่าหลังจากออกมาแล้วพวกเขาจะยังปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ แท้จริงแล้วซูหมิงไม่ได้ใส่ใจ ยามนี้เห็นชาวเผ่าชะตาชีวิตสิบกว่าคนยังคงบูชาตามสัญญา เขาจึงเกิดภาพจำอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกต่างไปเล็กน้อย

คำพูดบูชาเหล่านั้น คำว่าโม่จวิน ทั้งยังไม่ลืมการรวมกลุ่มกันที่ขุนเขาแม่น้ำสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ซูหมิงรู้สึกปลงอนิจจัง สายตาเพ่งมองรูปปั้นของตน ขณะกำลังจะจากไปนั้น

เขาพลันขมวดคิ้ว กระโดดข้ามเผ่าชะตาชีวิตที่ยังคงกราบไหว้ มองไปยังท้องฟ้าไกล

ยามนี้บนท้องฟ้าห่างจากหมู่เกาะไปหลายร้อยลี้ บุรุษหนึ่งสตรีหนึ่งที่ถูกชายชราจากแดนรกร้างบูรพาไล่ตามมามีสีหน้าเศร้าโศก ทั้งสองฝ่ายไม่มีความแค้นที่เคยมีระหว่างเผ่าหมานกับเชมัน

“หยามู่ ทำอย่างไรดี…ตรงหน้าเป็นหมู่เกาะรกร้างแล้ว…..” สตรีเผ่าหมานกัดฟัน ใบหน้าซีดขาว มุมปากยังมีโลหิตไหล

“ท่านจงเจ๋อกับท่านอวิ๋นไหลยังนั่งฌานอยู่ มิเช่นนั้นนักรบขั้นวิญญาณหมานจากแดนรกร้างบูรพาจะกำแหงเช่นนี้ได้รึ! หากเป็นก่อนภัยพิบัติ ถ้าบุคคลนี้กล้ามาต้องตายอย่างแน่นอน!” บุรุษนามหยามู่มีสีหน้าเศร้าโศก บุคคลนี้คือชายหนุ่มเผ่าทะเลใบไม้ร่วงที่เคยรู้จักกับซูหมิง หยามู่!

เพียงแต่ว่ายามนี้เขาเข้าสู่วัยกลางคน จอนผมสองข้างมีสีขาวเล็กน้อย

“คนแผ่นดินรกร้างบูรพาอวดดีเช่นนี้มาตลอด บุคคลนี้ไล่ตามมาตลอดทางกลับไม่รีบสังหารเสียที ดูแล้วคงอยากจะล่อให้คนสองเผ่าของเราออกมา…พวกเรากลับหมู่เกาะของเราไม่ได้ จะให้คนแดนรกร้างบูรพารู้ที่อยู่เราไม่ได้…ตรงหน้าเป็นหมู่เกาะรกร้าง พวกเราไปที่นั่นกัน!” หยามู่มีสีหน้าเด็ดขาด

“แต่บนหมู่เกาะรกร้างมีเผ่าชะตาชีวิตอาศัยอยู่เล็กน้อย….พวกเรา….”

“ไม่ต้องสนใจขนาดนั้นหรอก!” หยามู่วูบไหวตัว เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังเกาะรกร้าง

ในระยะหลายร้อยลี้ ด้วยความที่ชายชราพาเด็กหนุ่มไล่ตามมาอย่างเดียว ครึ่งก้านธูปต่อมาหยามู่และสตรีคนนั้นจึงเข้าไปใกล้หมู่เกาะรกร้างอย่างรวดเร็ว ไม่นานในสายตาพวกเขาก็ปรากฏเป็นหมู่เกาะโล้นบนผิวทะเล

เมื่อทั้งสองคนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งบินมาอยู่กลางอากาศของหมู่เกาะ พวกเขาเห็นชาวเผ่าชะตาชีวิเกือบยี่สิบคนในม่านแสง เห็นพวกเขากำลังกราบไหว้รูปปั้น

พวกเขารู้จักรูปปั้นนั้น ความจริงแล้วเมื่อสองปีก่อนพวกเขาเคยมาที่นี่และโน้มน้าวให้ชาวเผ่าเชมันที่นี่ไปยังเกาะบึงใต้ด้วยกันกับพวกเขา ที่นั่นคือหนึ่งในหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเกิดภัยพิบัติ

ทว่าคนเหล่านี้กับเย็นชา การโน้มน้าวในครั้งนั้นจึงล้มเหลว ในความคิดหยามู่ ชาวเผ่าเชมันที่นี่ดูแปลกยิ่งนัก พวกเขาเรียกตัวเองว่าเผ่าชะตาชีวิตและบูชาโม่จวินอะไรสักอย่าง โม่จวินก็คือบุคคลรูปปั้นนั้น

และที่หยามู่ประหลาดใจยิ่งกว่าคือรูปปั้นคนนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย ทว่าเพราะมันหยาบกร้าน เขาจึงไม่รู้ว่าความคุ้นมาจากที่ใด

แทบจะเป็นช่วงที่หยามู่กับสตรีคนนั้นมาถึงเกาะร้าง พวกเขาสองคนไม่เห็นเลยว่าบนหินภูเขาของหมู่เกาะมีซูหมิงยืนอยู่และกำลังมองพวกเขา

“หยามู่…” ซูหมิงรู้สึกคุ้นตากับบุรุษคนนี้ พอมองดีๆ แล้วก็รู้จัก ขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นชายชรากำลังไล่ตามหลังหยามู่ที่มีสีหน้าปกปิดความตื่นกลัวเอาไว้

‘วิญญาณหมานตอนกลาง’ ซูหมิงไม่เดินออกไปอีก แต่นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินภูเขาแล้วมองอย่างสงบนิ่ง

“สหายเผ่าชะตาชีวิตแดนอรุณใต้ทุกท่าน ข้าหยามู่ เดิมทีเป็นชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วง ตอนนี้เป็นผู้พิทักษ์ขั้นสามของหมู่เกาะพันธมิตรบึงใต้ สองปีก่อนข้าเคยมาที่นี่แล้ว”

หยามู่นอกม่านแสงระงับความตื่นตระหนกในใจ แล้วประสานมือคารวะสิบกว่าคนบนหุบเขาในม่านแสง

สตรีเผ่าหมานข้างกายก็ประสานมือคารวะเช่นกัน

“ตอนนี้ด้านหลังข้ามีศัตรูแข็งแกร่งไล่ตามมา หวังว่าสหายเผ่าชะตาชีวิตจะเปิดม่านแสงให้พวกเราสองคนหลบภัยอีกครั้งด้วย…..” หยามู่กล่าวถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าตนทำเกินไปเล็กน้อย นี่เท่ากับว่าชักจูงศัตรูเข้ามา ทว่าเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ จะยอมตัวตายหรือว่าจะให้เผ่าชะตาชีวิตช่วย ถ้าอย่างหลังบางทีอาจมีชีวิตรอด

ส่วนเรื่องกลับเกาะบึงใต้ เขาไม่คิดถึงมันเลย รู้ดีว่าชาวแดนรกร้างบูรพาตามหาหมู่เกาะที่มีคนเหลือรอดจากภัยพิบัติมาตลอดสองปี ทุกครั้งที่เจอจะเกิดการเข่นฆ่ากลิ่นคาวเลือด

เกาะบึงใต้เป็นหนึ่งในเกาะใหญ่ในพื้นที่นี่ มีผู้แข็งแกร่งเผ่าหมานเชมันสองเผ่าใช้อาคมปกปิดเอาไว้ ฉะนั้นจึงอยู่รอดมาได้ คนนอกไม่อาจล่วงรู้ที่อยู่ของเกาะ กระทั่งในกายทุกคนที่ออกจากหมู่เกาะจะมีผนึกเอาไว้ หากมีคนค้นความทรงจำ ความทรงจำนั้นจะหายไปทันที

“คนที่ไล่ตามมาเป็นคนแดนรกร้างบูรพา เป็นศัตรูของเราแดนอรุณใต้ เพียงพบคนแดนอรุณใต้ก็จะสังหารทันที…..ข้าสองคนก็ถูกบีบจนไม่มีทางเลือก หวังว่าสหายเผ่าชะตาชีวิตจะช่วย ต่อให้พวกข้าออกไปตอนนี้ หมู่เกาะนี้ก็เผยที่อยู่แล้ว…..”

หยามู่กล่าวอย่างขมขื่น ทุกคนบนหุบเขาในม่านแสงพากันเงยหน้าขึ้น มองสองคนอย่างเย็นชา

ในสีหน้าชาวเผ่าชะตาชีวิตไม่มีความกลัว เรื่องที่พวกเขาประสบมาในชีวิต เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วก็เล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้สนใจจริงๆ

ถึงอย่างไรศัตรูตอนนี้ก็ยังเป็นคน มิใช่เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ เผ่าล่องลอย หรือเผ่าวิญญาณหยิน…..

ในกลุ่มชาวเผ่าชะตาชีวิตสิบกว่าคน มีชายชราคนหนึ่งเดินออกมา ชายชราคนนี้มีดวงตาปานสายฟ้า ขั้นพลังเท่ากับหยามู่คือจุดสูงสุดของเชมันระดับกลาง อีกทั้งยังเหยียบเข้าไปในเชมันระดับปลายก้าวหนึ่ง

เขามองหยามู่และสตรีด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อ เปิดช่องว่างให้ตรงม่านแสงใต้หยามู่กับสตรี

หยามู่กับสตรีมุดเข้ามาในรอยแยกอย่างไม่ลังเล แล้วขึ้นมาอยู่บนเกาะ ช่วงที่ม่านแสงผสานรวมอีกครั้ง บนท้องฟ้าไกลออกไป ชายชราคนหนึ่งกำลังเดินอากาศมาอย่างเนิบๆ ด้านหลังเป็นเด็กหนุ่ม

หยามู่ที่ขึ้นมาบนหุบเขา ยามนี้กวาดสายตามองชาวเผ่าชะตาชีวิตโดยรอบ ชาวเผ่าทุกคนล้วนมีสีหน้าเย็นชา มองทั้งสองคนดุจอากาศธาตุ

สายตาแบบนี้ทำให้สตรีข้างกายหยามู่ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

หยามู่เข้าใจเผ่าชะตาชีวิตมากนัก แต่ก็มากกว่าสตรีนางนั้นเล็กน้อย เขารู้ว่ากลุ่มคนพิลึกเหล่านี้ล้วนเป็นเผ่าเชมัน พวกเขาบูชาโม่จวิน ไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกและปิดกั้นตัวเองอย่างดี

นอกจากนี้แล้วเขาก็ไม่เข้าใจอะไรอีก

เผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของชาวเผ่าชะตาชีวิตเหล่านี้ หยามู่เดินหน้าไปหนึ่งก้าวทันที แล้วประสานมือคารวะรูปปั้นยักษ์ตรงหน้า

“ผู้เยาว์หยามู่จากเกาะบึงใต้ คารวะรูปปั้นโม่จวิน ขอให้โม่จวินอายุยืนยาวหมื่นปี จิตวิญญาณไม่ดับสูญ!”

สตรีข้างหยามู่ก็เดินเข้ามาหลายก้าว ก่อนประสานมือคารวะเช่นกัน

เห็นทั้งสองคนทำเช่นนี้ ชาวเผ่าชะตาชีวิตจึงมีสีหน้าผ่อนคลายลง ทว่าก็ยังคงเย็นชา

“โม่จวินไม่ใช่จิตวิญญาณ แต่เป็นเทพของเผ่าเราที่แกร่งกว่าจิตวิญญาณ พวกเจ้าสองคนคารวะก็มีแต่จะดี ไม่มีอะไรเสียหาย” ผู้นำในเผ่าชะตาชีวิต ชายชราที่กล่าวเมื่อครู่เอ่ยคำเนิบๆ

ในใจหยามู่ไม่ยอมรับคำพูดนี้ สีหน้ากลับจริงจัง ขณะกำลังจะกล่าวก็เห็นชายชราเผ่าชะตาชีวิตยกมือขวาขึ้น กลางมือขวาเขาขยับแสงวูบวาบ ปรากฏคันศรใหญ่สีดำทึบขึ้น

ในกลุ่มชาวเผ่าชะตาชีวิตข้างๆ ยามนี้มีชายวัยกลางคนเดินออกมาคนหนึ่ง บุคคลนี้มีเสียงตึกๆ ดังแว่วมาทั้งตัว เขายกมือขวาเรียกคันศรใหญ่เช่นเดียวกัน

จากนั้นพวกหยามู่ที่ไม่เคยเห็นเผ่าชะตาชีวิตลงมือก็เห็นว่ามีสี่คนเดินออกมาจากสิบกว่าคนนั้น ทั้งสี่คนนี้แผ่กลิ่นอายพลังเป็นผู้ดูดวิญญาณทั้งหมด!

อีกทั้งยังเป็นผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางตอนปลาย แม้บอกว่ายังไม่สมบูรณ์ แต่เดิมทีผู้ดูดวิญญาณแข็งแกร่งอยู่แล้วและยังหายากด้วย!

ขณะหยามู่กำลังอึ้งงัน ในสิบกว่าคนนั้นมีคนเดินออกมาอีกสี่คน แยกกันยืนอยู่ข้างชายวัยกลางคนกับชายชราถือคันศร กลิ่นอายพลังทั้งสี่คนนี้คือผู้สื่อวิญญาณ!

‘ในเผ่าสิบเก้าคน มีเด็กหนุ่มสามคน ในสิบหกคนที่เหลือ สี่คนเป็นผู้ดูดวิญญาณ อีกสี่คนเป็นผู้สื่อวิญญาณ และมีเชมันนักสู้สองคน…’ หยามู่สูดลมหายใจเข้า การรวมกลุ่มเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นเชมันระดับกลางทั้งหมด ต่อให้เป็นก่อนภัยพิบัติก็มีแต่ชนเผ่าขนาดกลางเท่านั้นถึงจะมี

ทว่ายังไม่ทันสูดลมหายใจเข้าจนหมดก็พลันเบิกตากว้าง เพราะในคนที่เหลือ ตอนนี้มีคนเดินมาอีกสี่คน!

สี่คนนี้หลับตาอยู่หน้าทุกคน ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับแผ่กระจายพลังของจิตพยากรณ์

‘จิตพยากรณ์!’ หยามู่ถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว สายตามองอย่างเหลือเชื่อ

‘สี่จิตพยากรณ์ สี่ผู้ดูดวิญญาณ สี่ผู้สื่อวิญญาณ สองเชมันนักสู้…ในสิบเก้าคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้แข็งแกร่งอยู่!’ หยามู่รู้ถึงความแกร่งของจิตพยากรณ์ดี ยามนี้เห็นจิตพยากรณ์สี่คนยังคงเป็นเชมันระดับกลางตอนปลายทั้งหมด จึงอดตื่นตะลึงมิได้

และที่เขาเหลือเชื่อคือในตัวคนเหล่านี้ยังคงเย็นชา อีกทั้งในความเย็นชายังมีพลังชั่วร้ายเข้มข้น พลังชั่วร้ายนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ แต่ต้องอยู่ในสงครามและความบ้าคลั่งอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สภาพแวดล้อมพิเศษ ต้องใช้เวลานานมากถึงจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นมา

โดยเฉพาะเมื่อหยามู่เห็นพลังชั่วร้ายเข้มข้นจากในตัวเด็กสามคน เขาพลันเกิดความยำเกรงต่อเผ่าชะตาชีวิตอันลึกลับนี้อย่างลึกซึ้ง

‘พวกเขา…มาจากที่ใดกันแน่?’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version