ตอนที่ 521 ศิษย์หลาน
หยามู่เหม่อมองชาวเผ่าชะตาชีวิต ในหัวขาวโพลน เขาพลันรู้สึกว่าการที่ตนหนีมายังเกาะของเผ่าชะตาชีวิตนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ชายชราบนท้องฟ้ามีสีหน้าทะมึน เขาเป็นนักรบวิญญาณหมานตอนกลาง ในแผ่นดินรกร้างบูรพายังพอเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในหนึ่งทิศ ทว่ายามนี้เผชิญหน้ากับสิบกว่าคนบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ในความรู้สึกเขา คนเล็กจ้อยพวกนี้กลับมีความน่ากลัวอยู่!
ความน่ากลัวนี้มันตรงไปตรงมายิ่งนักและชัดเจนมาก!
ความน่ากลัวนี้มาจากความเย็นชาและกลิ่นอายชั่วร้ายของคนสิบกว่าคนบนเกาะ แม้แต่เด็กน้อยยังเย็นชา คนแบบนี้ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอมาก่อน ทว่าเขาไม่เคยเจอชนเผ่าแบบนี้!
“เผ่าชะตาชีวิต ข้าจำเอาไว้แล้ว” ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราก็กล่าวเนิบๆ
“หลังจากข้าสังหารพวกเจ้าแล้ว ก็จะบอกกับทุกเผ่าในแดนรกร้างบูรพาว่าในแดนอรุณใต้มีเผ่าชะตาชีวิตอยู่ ถ้าเจอเผ่านี้ต้องสังหารให้สิ้น!” คำพูดชายชราแฝงไว้ด้วยจิตสังหารและความเย็นเยียบ แต่ชาวเผ่าชะตาชีวิตสิบกว่าคนยังคงมีสีหน้าดังเดิม
แม้แต่เด็กน้อยยังไม่หวาดกลัว มีสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม
ความเย็นชานี้ เมื่อหยามู่ได้เห็นก็รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว ส่วนชายชราแดนรกร้างบูรพา นัยน์ตาเขาฉายแววเคียดแค้น แค่นเสียงหึแล้วยกมือขวาขึ้นสะบัดไปข้างหน้า ฟ้าดินพลันส่งเสียงดังสนั่น ชั้นเมฆกลุ่มใหญ่ตรงหน้าเขาม้วนตลบ ก่อนค่อยๆ ปรากฏรูปปั้นใหญ่ยักษ์สูงสามจิบกว่าจั้งรูปหนึ่ง
เมื่อรูปปั้นปรากฎ ทั้งฟ้าดินอัดแน่นอยู่ใต้แรงกดดันแกร่งกล้า นี่มันไม่ใช่รูปปั้น แต่มันคือเทวรูปหมานของชายชรา!
เทวรูปนี้บ่งบอกว่าชายชราเผยพลังทั้งหมดแล้ว เขาคิดจะสังหารทุกคนที่นี่ให้หมดสิ้น!
ชาวเผ่าชะตาชีวิตสิบกว่าคน ยามนี้พากันนั่งขัดสมาธิลงอย่างเย็นชา ต่างฝ่ายต่างรวมเข้าด้วยกัน โอบล้อมรูปปั้นหินของซูหมิง
พวกเขาหลับตาไม่สนใจเทวรูปหมานกับชายชราบนท้องฟ้าอีก เพียงพึมพำเสียงก้องโดยรอบ
“เผ่าชะตาชีวิตถือกำเนิดในถิ่นรกร้าง ถวายบูชาโม่จวินไปทุกยุคสมัย…”
“โม่จวินคือเทพเจ้า พวกเราต่อสู้เพื่อชะตาชีวิต ปรารถนาจะควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง…..”
“สวรรค์ไร้ดวงตา ผืนปฐพีไร้น้ำตา ท้องฟ้าไร้ความคิด ให้เผ่าชะตาชีวิตถูกทอดทิ้ง หมดสิ้นอนาคต ขอให้เผ่าชะตาชีวิตรวมตัวกัน จากนี้ไป…เผ่าชะตาชีวิตจงผงาดขึ้นเพื่อโชคชะตา!”
หยามู่และสตรีเผ่าหมานเหม่อมองชาวเผ่าชะตาชีวิตอยู่ข้างๆ ในความรู้สึกพวกเขาคนเหล่านี้บ้าไปแล้ว ความพิลึกของเผ่านี้ทำให้พวกเขาสองคนหน้าซีด
ชายชรารกร้างบูรพาบนท้องฟ้ายิ้มเยาะพลางชี้นิ้วมือขวาไปยังเกาะ เทวรูปหมานเปล่งแสงหม่นสว่างจ้าลานตา ภายใต้แสงหม่นเทวรูปหมานหลอมละลาย ก่อรูปเป็นแสงหม่นนับร้อยเส้นพุ่งตรงสู่ผืนดิน
แสงหม่นเหล่านั้นลากยาวเข้ามา ขณะเดียวกันก็กลายเป็นใบหน้าผีดุร้ายนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนเกาะ
‘นี่คือการโจมตีครั้งสุดท้ายของเผ่าชะตาชีวิต…เซ่นไหว้ชีวิต ผสานรวมกับพลังความตาย ปลดปล่อยเสียงโห่ร้องสุดท้ายของชีวิต รวมถึงการต่อสู้ดิ้นรนของโชคชะตา’ ซูหมิงยืนขึ้นแล้วเดินไปยังคนสิบกว่าคนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
จังหวะก้าวเขาเหมือนไม่เร็ว ทว่าเพียงก้าวเดียวก็มายืนอยู่บนศีรษะรูปปั้นหินที่มีชาวเผ่าชะตาชีวิตโอบล้อมอยู่ วินาที่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็แผ่ระลอกคลื่นอ่อนโยนขวางการเซ่นไหว้ของชาวเผ่า ทันทีที่พวกเขาลืมตาขึ้น ในแววตามีเพียงร่างเงาเดียว
ร่างเงาซูหมิงที่ยืนอยู่บนรูปปั้นหิน!
เส้นผมยาวปลิวไสวกลางสายลมทะเล อาภรณ์ขาวทั้งตัวโบกสะบัด และยังมีดวงตาลุ่มลึก รวมถึงกลิ่นอายพลังที่เข้ามาแทนผืนฟ้า
“โม่จวิน!” ชาวเผ่าชะตาชีวิตทุกคนพากันตื่นตะลึง ประหนึ่งว่าความเย็นชาทางสีหน้าที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์พลันหลอมละลาย แล้วแทนที่ด้วยความฮึกเหิมกับความตื่นเต้นที่มองในแวบแรกต้องใจสั่นไหว!
ความฮึกเหิมกับความเย็นชาก่อนหน้านี้กลายเป็นสิ่งที่ขัดกันอย่างชัดเจน!
ซูหมิงกวาดสายตามองชาวเผ่าชะตาชีวิตแล้วพยักหน้าให้ ยามนี้ด้านหลังเขา ใบหน้าผีร้ายจากแสงหม่นหลายร้อยกำลังอ้าปากกว้างเข้ามาใกล้
“จบแล้ว” ช่วงที่ซูหมิงหมุนตัวมองท้องฟ้า นัยน์ตาเปล่งประกายสีทอง ยกมือขวาชกหมัดขึ้นฟ้า
หนึ่งหมัดนี้สร้างพายุหมุนขึ้นจากผืนดินโดยมีซูหมิงเป็นใจกลาง เมื่อหมัดชูขึ้นฟ้า พายุหมุนพลันส่งเสียงหวีดร้อง แล้วพุ่งขึ้นไป เมื่อสัมผัสกับแสงหม่นที่ผ่านจะเกิดเสียงโครมครามดังกึกก้อง แสงหม่นเหล่านั้นไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย สลายหายไปในทันใด
ชั่วพริบตาเดียว ครั้นพายุหมุนจากการชกหมัดของซูหมิงทำลายแสงหม่นทั้งหมดแล้ว มันก็พุ่งทะลวงชั้นเมฆบนท้องฟ้า เมื่อสัมผัสกับชั้นเมฆก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชั้นเมฆสั่นสะเทือนก่อนม้วนออกไปรอบๆ
ชายชราแดนรกร้างบูรพาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขาจ้องซูหมิงที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันเขม็ง ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่และความกลัว ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เลยว่าบนเกาะยังมีคนอื่นอยู่อีก
การปรากฏตัวของซูหมิงปานบีบเข้ามาอยูในสายตาเขา อีกทั้งพลังอำนาจตอนลงมือยังทำให้เขาเกิดความรู้สึกตื่นกลัว
ทุกอย่างอธิบายได้เรื่องเดียว ชายหนุ่มตรงหน้ามีพลังเหนือกว่าเขา!
เดิมทีเขาก็ตะลึงกับเผ่าชะตาชีวิตอยู่แล้ว ตอนนี้ปรากฏบุคคลน่าสะพรึงขึ้นมาอีก ชายชราคว้าตัวเด็กหนุ่มอย่างไม่ลังเลแล้วถอยไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล่าวใดๆ คิดเพียงจะหนีอย่างเดียว
ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวบนรูปปั้นหิน เมื่อเหยียบเท้าลงร่างเงาเขาหายวับไป ก่อนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชายชราที่กำลังหลบหนี
ซูหมิงไม่กล่าวอะไร เมื่อปรากฏตัวแล้วก็ยกมือขวาขึ้นจะกดตรงระหว่างคิ้วชายชรา ในสายตาชายชราเขาราวกับกลายเป็นกฎฟ้าดิน เขารู้สึกวิญญาณว่าออกจากร่าง ไม่อาจต่อต้านใดๆ เบิกตากว้างร้องคำรามเสียงต่ำ เวลานี้ไม่สนใจแล้วว่าจะจนตรอกหรือไม่ ลายหมานปรากฏขึ้นทั้งตัว และมีร่างเงาภูเขาใหญ่ยักษ์ปรากฏตรงหน้า
ร่างมายานี้เหมือนจะหุ้มซูหมิงเอาไว้ภายใน คิดจะผนึกเขาเอาไว้
“ถล่ม!” ขณะชายชราถอยก็ร้องตะโกน ตรงระหว่างคิ้วขยับแสงวูบวาบ ก่อนปรากฏเทวรูปหมานตรงหน้าอีกครั้ง เทวรูปหมานในครั้งนี้ดูสมจริงกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน!
จากนั้นชายชราก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เขายกมือซ้ายขึ้นอีกครั้ง ในมือปรากฏหม้อสามขาใบใหญ่ สี่ด้านของหม้อใบนี้แกะสลักสัตว์ประหลาดเอาไว้สี่ตน ยามนี้พวกมันร้องคำรามตื่นขึ้นพร้อมกับขยับตัวอยู่ในหม้อ
เพียงแต่ว่าหนึ่งลมหายใจก่อนที่เขาจะกล่าวคำว่าถล่ม ภูเขามายาที่หุ้มตัวซูหมิงพลันระเบิดกระจาย วินาทีนั้น ซูหมิงกดนิ้วมือลงบนเทวรูปหมานของชายชรา
เสียงโครมดังสนั่น เทวรูปหมานสั่นสะเทือนก่อนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษหินพร้อมกับเส้นเลือดฝอยที่กระจายไปรอบๆ ชายชราด้านหลังกระอักเลือดในเวลาเดียวกัน มีสีหน้าหวาดกลัว เขาเห็นว่าหม้อสามขาตรงหน้าตนถูกชายหนุ่มผมดำกดนิ้วใส่
หม้อสามขาส่งเสียงอึกทึก ด้านบนเกิดรอยร้าวใหญ่หลายเส้น ก่อนแยกเป็นสองส่วนซ้ายขวากระเด็นออก ทำให้ตรงหน้าชายชราไม่มีอะไรมาขวางซูหมิงอีก
ดัชนีอันเย็นชาของซูหมิงกดตรงระหว่างคิ้วชายชราด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ชายชราตัวสั่นอย่างรุนแรง ทว่าวินาทีที่ถูกกดนิ้ว เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตไปยังเด็กหนุ่มที่ตนคว้าข้อมือเอาไว้ เด็กหนุ่มยังไม่ทันส่งเสียงร้อง ร่างก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายระเบิดกระจุยเป็นเศษเนื้อ
ในเวลาเดียวกันชายชราก็ถอยไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีชีวิตรอดจากนิ้วของซูหมิง! แต่ก็เป็นเพราะช่วงเวลาสำคัญที่สุด เขาใช้วิชาลับทำให้ศิษย์ของตนต้องตายแทน!
“ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์! เจ้าคือขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์!”
ชายชราแดนรกร้างบูรพาจนตรอกอย่างยิ่ง ทว่าเขายังอยู่ในภยันตรายเป็นตาย ตอนนี้จึงไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ แต่เบิกตากว้างดูเหลือเชื่อ
วินาทีเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกถึงความน่าสะพรึงที่ไม่อาจต่อต้านและความตายอันแรงกล้าจากนิ้วของซูหมิง คนที่ทำให้ตนรู้สึกเช่นนี้จากนิ้วเดียวได้ ในความคิดเขาย่อมไม่ใช่ขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย มีเพียง….ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์!
ความหวาดกลัวในใจปานคลื่นยักษ์กลบเขาจนมิด แม้บอกว่าตนเป็นวิญญาณหมานตอนกลาง ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นคน ไม่ใช่ว่าไม่มีจิตใจความรู้สึก เขาก็กลัวและลืมตัวเช่นกัน เพียงแค่พบเห็นได้ยากก็เท่านั้น พอเจอบุคคลที่ตนคาดเดาว่าเป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์เลยตกตะลึงเช่นนี้
เป็นที่รู้กันดีว่า…นักรบขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ ทั้งแดนรกร้างบูรพามีเพียงหกคน! ทุกคนล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่มีใครมาเทียบเคียง!
ยามนี้ขณะถอยจิตใจเขาก็ว้าวุ่น ยามในใจขมขื่นพลางนึกถึงคำว่าตกปลาที่เขาเคยพูดกับศิษย์เมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้ได้ตกปลาจริงๆ แล้ว ทว่าปลาตัวนี้เขากลับรับมือไม่ไหว
เขารู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ ตนไม่มีทางหนีรอดแน่ ยามนี้จึงไม่หนีอีก แต่คลุ้มคลั่ง ยกมือขวากดตรงระหว่างคิ้วอย่างแรง
ลายหมานปรากฏขึ้นทั้งตัว อีกทั้งยังเหมือนจะลุกไหม้ นี่คือวิชาเฉพาะของขั้นวิญญาณหมาน เผาลายหมานตัวเอง! กลิ่นอายพลังเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาแดงก่ำ คิดจะใช้วิชาโดยไม่สนสิ่งใดอีก
ข้างหูเขามีเสียงเย็นชาดังแว่วเข้ามา เสียงนี้กลายเป็นคำพูดชั่วนิรันดร์ในชีวิตเขา
“มือซ้ายข้าหมายถึงอดีต การหมุนทวนของเวลา ถึงเวลาของซู่มิ่ง…”
วินาทีที่เขาได้ยินคำพูดประโยคนี้ เขารู้สึกว่าฟ้าดินรอบๆ พลันต่างออกไป ลายหมานลุกไหม้บนตัวมอดดับ จากนั้นก็ก้าวย้อนถอยหลังไป ขณะชายชรากำลังสับสนก็เห็นร่างซูหมิงและยังมีนิ้วมือตรงเข้ามากดตรงระหว่างคิ้วตน
จากนั้นทุกอย่างมืดสนิท…เหลือไว้เพียงเสียงกรุบกรอบของจิตวิญญาณดับสูญอยู่ข้างหู
ท่ามกลางชาวเผ่าชะตาชีวิตและหยามู่กับสตรีเผ่าหมาน พวกเขาเห็นชายชราแดนรกร้างบูรพาถอยออกไป ทว่าก็เดินหน้ามาอีกหลายก้าว เหมือนจงใจส่งตัวเองให้ถึงนิ้วมือของซูหมิง ศีรษะระเบิดกระจุย ร่างดิ่งลงสู่พื้น ถุงเก็บวัตถุบินขึ้นมาอยู่ในมือซูหมิงเอง
“ชาวเผ่าชะตาชีวิตคารวะโม่จวิน!” ชาวเผ่าชะตาชีวิตสิบกว่าคนข้างกายหยามู่คุกเข่าคารวะกับพื้น มองซูหมิงด้วยความฮึกเหิม
หยามู่เหม่อมองซูหมิง เขารู้สึกว่าโม่จวินคนนี้ดูคุ้นตายิ่งนัก…
สตรีเผ่าหมานข้างกายเขา ยามนี้นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ
“ซะ….ซูหมิง!”
“ศิษย์หลานจื่อเยียน ไม่เจอกันตั้งนาน…ศิษย์พี่รองของข้าสบายดีหรือไม่?”
ซูหมิงมองสตรีเผ่าหมานอยู่กลางอากาศ เกิดความรู้สึกถึงกาลเวลาอันแสนนาน
ยี่สิบปี…